บทที่ 5(2)

ฆาตกรรมดารา

Trigger Warnings/Content Warnings

มีการบรรยายถึงพฤติกรรมที่มีลักษณะคล้ายสตอล์กเกอร์ (โรคจิตที่มีพฤติกรรมชอบสะกดรอยตาม)

การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

ตอนนี้เองที่หงเทียนสิงพบว่าปัญหาที่เขาต้องเผชิญไม่ได้มีแค่ปัญหาเดียว เพราะแม้แต่โทรศัพท์มือถือ เครื่องส่งสัญญาณช่วยชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็หายไปด้วย จากนั้นเขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าของมีค่าที่เหลือติดตัวทั้งหมดหายไป

เขาโดนรูดทรัพย์ !

ความจริงดูเหมือนเสื้อผ้าของเขาก็เกือบจะถูกขโมยไปด้วย แต่หัวขโมยคงจะนึกสงสารขึ้นมาเลยเหลือเสื้อกับกางเกงไว้ให้ ส่วนนาฬิกา หมวกไหมพรม หมวกแก๊ป รองเท้าผ้าใบที่ล้วนเป็นของแบรนด์เนมทั้งหมดไม่เหลือแม้แต่อย่างเดียว แน่ละ ทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีของมีค่าเหลือแค่ไม่กี่อย่างนั้น เพราะแม้แต่เงินหยวนเดียวเขาก็ไม่มีเหลือแล้ว

หงเทียนสิงไม่คิดเลยว่า นอกจากเรียนไม่จบแล้ว ชีวิตเขายังมีวันที่ตกต่ำยิ่งกว่านั้นได้อีก ชายหนุ่มใช้สองมือขยี้หัวตัวเองแรงๆ เพื่อระบายความหงุดหงิด จังหวะนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขัดเสียงคำรามด้วยความคับข้องอยู่ในลำคอของหงเทียนสิง ไม่รอให้เขาเอ่ยปากอนุญาต คนด้านนอกก็เปิดประตูเข้ามา

อีกฝ่ายเป็นพนักงานของโมเต็ล เดินเข้ามาหาหงเทียนสิงด้วยสีหน้าปกติแต่แววตาไม่ปกปิดความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกเชียวนะที่เขาได้เจอดาราตัวเป็นๆ ในระยะใกล้ชิดขนาดนี้ ทั้งยังได้คุยกับอีกฝ่ายตรงๆ แบบนี้ด้วย

ห้องนี้คุณลูกค้าจองไว้คืนเดียวน้ำเสียงนั้นฟังดูมืออาชีพทีเดียว ไม่มีความรู้สึกเกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อย ถ้าจะพักต่อต้องชำระเงินก่อนนะครับพออีกฝ่ายพูดจบ คนฟังจึงกลายเป็นมีสีหน้ากระดากเสียเอง

โมเต็ลแบบนี้ น้อยคนที่จะพักนานกว่าหนึ่งคืน แต่ก็คงมีไม่น้อยที่อยู่เพลินไปหน่อยหรือเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นแบบเขา พนักงานคนนี้คงพูดประโยคพวกนี้มาเป็นร้อยๆ ครั้งจนไม่รู้สึกลำบากใจอีกแล้ว

สองฝ่ามือของหงเทียนสิงยังคงกุมอยู่ที่หัวตัวเอง แต่แวบเดียวก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สองมือลดลงข้างลำตัว ขณะเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าหนี้’ “คุณมีโทรศัพท์ไหม

คนถูกถามทำหน้างง ชายหนุ่มจึงขยายความ ผมต้องใช้โทรศัพท์ถึงจะเคลียร์ค่าห้องให้คุณได้

ฟังคำอ้างนี้แล้วคนถูกยืมโทรศัพท์มีท่าทีไม่ค่อยเชื่อถือคนพูดนัก เพราะไม่รู้เรื่องที่เขาโดนรูดทรัพย์ แล้วคนโดนรูดทรัพย์ก็ไม่คิดจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังด้วยถ้าไม่จำเป็น แต่ที่รู้แน่ๆ เรื่องหนึ่งคืออีกฝ่ายเป็นคนมีชื่อเสียงไม่น่าจะเล่นตุกติกอะไร

หลังจากครุ่นคิดอยู่เพียงอึดใจเดียว สุดท้ายเขาจึงยอมล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมายื่นให้

หงเทียนสิงก้มลงมองหน้าจอเครื่องสื่อสารในมือครู่หนึ่งพลางนึกเบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการส่วนตัว แล้วก็สังเกตเห็นว่าเจ้าของมือถือยังคงยืนปักหลักอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นขมวดคิ้ว ผมขอเวลาส่วนตัวด้วย

พนักงานคนนั้นลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมถอยออกจากห้องไป

หลังมองจนแน่ใจว่าตนเองอยู่ตามลำพังแล้ว หงเทียนสิงก็ต่อสายหาผู้จัดการส่วนตัว

หลายอาทิตย์ก่อนหน้านี้เขาปิดมือถือของตัวเองแทบจะตลอดเวลา กระทั่งแบตเตอรี่โทรศัพท์หมดไปเอง เพราะมาฮาร์บินอย่างกะทันหันโดยไม่ได้บอกให้ใครรู้ แล้วก็ไม่ต้องการให้ใครตามตัวเขากลับไปด้วย แต่ตอนนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ปัญหาที่เขาหลีกเลี่ยงมาตลอดถึงเวลาต้องเผชิญมันแล้ว

เมื่อปลายสายกดรับ ชายหนุ่มก็กรอกเสียงลงไป ผมเอง

เทียนสิง? ” เสียงของคนที่อยู่อีกฝั่งเพิ่มระดับขึ้นทันที นี่เธอไปเหลวไหลอยู่ที่ไหนในน้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์โล่งอกระคนเคร่งเครียด

อย่าเพิ่งถามเรื่องนั้นเลย ตอนนี้ผมมีเรื่องด่วนหงเทียนสิงรีบเอ่ยเข้าประเด็น ผมโดนรูดทรัพย์ แล้วตอนนี้ก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นถ้าไม่เคลียร์ค่าห้องให้โมเต็ลก่อน

คนฟังเงียบไปนาน ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ทั้งยังมีหลายเรื่องที่อยากถามจนไม่รู้จะเอ่ยอะไรต่อ

หงเทียนสิงไม่รอให้กัวเหมยหลันหายตกใจก็รีบเอ่ยต่อ อีกอย่างมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย นักข่าวเลยได้ภาพไป ตอนนั้นผมยังไม่ได้สติ ตอนนี้ก็เลยต้องให้พี่รีบเคลียร์เรื่องนี้ให้ด้วย

ชายหนุ่มจงใจไม่เอ่ยรายละเอียดเกี่ยวกับภาพที่นักข่าวได้ไป แต่คนฟังเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งราวกับอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นด้วย เทียนสิง! ทำไมเธอถึงได้...

หงเทียนสิงรีบเบรก ถ้าช้ากว่านี้จะไม่ทันแล้วนะครับ

ถือสายรอก่อนเสียงทั้งตึงทั้งห้วนนั้นบอกกับหงเทียนสิงว่าเธอโกรธแล้ว แต่ทั้งๆ ที่รู้ชายหนุ่มกลับไม่สะทกสะท้าน สีหน้าเขาผ่อนคลายขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

หลังจากถือสายรออยู่ราวห้านาที เสียงหมดเรี่ยวแรงของกัวเหมยหลันก็ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันจะบ้าตายหงเทียนสิงเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ได้ยินที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของเขาในตอนนี้เอ่ยว่า เธอมัวทำอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่โทรมาให้เร็วกว่านี้

สีหน้าของชายหนุ่มแข็งค้างไปทันที ข่าวออกเร็วขนาดนั้น? ” เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ นักข่าวเพิ่งกลับไปได้ไม่เกินสิบนาทีแน่ๆ ผมมั่นใจ

เสียงถอนหายใจหนักหน่วงของกัวเหมยหลันดังมาตามสาย คราวนี้เธอว่าฉันควรทำยังไงต่อล่ะน้ำเสียงแฝงความประชดประชัน

หงเทียนสิงขมวดคิ้วครุ่นคิด เรื่องนี้จะนับว่าน่าอายก็น่าอาย ภาพเขาที่นักข่าวได้ไปถ้าไม่ถึงกับทุเรศก็คงใกล้เคียง แต่อย่างมากก็ทำให้งานในวงการบันเทิงของเขาหดหาย แต่ผลกระทบแบบนี้เขาสนที่ไหนล่ะ

ถ้างั้นก็ช่างเถอะ

คราวนี้สมใจเธอแล้วสินะกัวเหมยหลันกัดฟันเอ่ยประชด

เธอรู้มาโดยตลอดว่าเด็กในความดูแลของเธอคนนี้ไม่ได้รักที่จะอยู่ในวงการนี้ เลยไม่เคยทะนุถนอมภาพลักษณ์ดีๆ ของตัวเอง หรือทำตัวให้สมกับการเป็นคนในวงการบันเทิงมาแต่ไหนแต่ไร พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยกลายเป็นเข้าทางอีกฝ่ายไป

พี่ก็จะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยกับผมแล้วไงหงเทียนสิงทอดเสียงอ่อน หมายจะให้อีกฝ่ายใจเย็นลง

คิดว่าพี่สาวเธอจะยอมเหรอคนฟังไม่ได้ใจอ่อน ไม่ต้องให้ถึงพี่สาวเธอหรอก ยังไงเรื่องนี้ฉันก็ไม่ยอมแน่

ชายหนุ่มยกมือเกาหัวคิ้ว สีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะ ตอนนี้พี่จัดการเคลียร์กับทางโมเต็ลให้ผมก่อน

ให้ฉันคุยกับคนของโมเต็ล

หงเทียนสิงเดินออกไปเปิดประตู ยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของพลางพยักเพยิดให้อีกฝ่ายคุยกับคนที่อยู่ในสายต่อ ส่วนเขาก็ยืนรออยู่แถวนั้น สมองย้อนทบทวนความทรงจำก่อนจะกลายเป็นภาพตัด

ใบหน้าเลือนรางของผู้หญิงในไนท์คลับคนนั้นโผล่ขึ้นมาเป็นภาพแรก ก่อนจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปะติดปะต่อนัก แต่ความหงุดหงิดในใจยังคงแจ่มชัด หลังจากนั้นหงเทียนสิงก็แทบจะจินตนาการต่อได้เองแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ได้ทำแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่เขาอาจจะเป็นมะพลับนิ่มลูกแรกของเธอ เขาจำได้ดีถึงความรู้สึกถูกลอบมอง เธอคงจะประเมินมูลค่าของทุกชิ้นบนตัวเขาเอาไว้เสร็จสรรพแล้วตั้งแต่ตอนหัวค่ำ พอตกกลางคืนซึ่งเป็นเวลาที่เขาเริ่มคุมสติตัวเองไม่อยู่แล้ว เธอก็อาศัยช่วงเวลานั้นลงมือ

ที่ผ่านมาเขาไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมาหัวราน้ำจนควบคุมชีวิตตัวเองไม่ได้มาก่อน เมื่อคืนนี้เป็นครั้งแรกและเขาก็ตั้งใจว่าจะให้มันเป็นครั้งสุดท้าย

ตลอดชีวิตนี้เขาไม่เคยควบคุมอะไรได้เลย ตั้งแต่เรื่องการเรียน การทำงาน หรือกระทั่งความรัก อาจเป็นเพราะชีวิตที่ผ่านมาเขาสามารถควบคุมทุกอย่างเอาไว้ในกำมือได้อย่างง่ายดาย ง่ายเสียจนไม่รู้จักที่จะถนอมรักษาสิ่งใด ถึงตอนนี้เขาไม่โทษที่สวรรค์ไร้เมตตาเพราะสวรรค์คงเมตตาเขามามากพอแล้ว และยังไม่กล้ากล่าวหาว่าสวรรค์กำลังลงทัณฑ์เขาอีกด้วย เพราะการลงทัณฑ์ใดก็ไม่หนักหนาเท่าประโยคสุดท้ายของเธอคนนั้นที่เอ่ยกับเขาก่อนเธอจะหมดลมหายใจ