26 ตอน บทที่ 14(1)_ใต้ท้องฟ้า
โดย เซิ่งไคฉาฮวา《盛开茶花》
บทที่ 14(1)
ใต้ท้องฟ้า
Trigger Warnings/Content Warnings
ความยากลำบากและเจ็บช้ำน้ำใจของหญิงตั้งครรภ์
คืนนี้หญิงสาวช่างออดอ้อนเป็นพิเศษ แม้นางจะไม่ชอบเอ่ยถ้อยคำหวานหู แต่การกระทำที่แสดงออกต่อเขากลับร้ายกาจกว่ามาก
หญิงสาวนอนกอดเขา ใช้นิ้วเรียวขาวไล้วนหน้าอกเขาอย่างขี้เล่นจนเขาต้องคว้าจับนิ้วของนางไว้ เพื่อหยุดการกระทำซุกซนนั้น ทว่านางไหนเลยจะยอมแพ้
เซียวเยี่ยนจื่อยื่นหน้ามาจุมพิตปลายคางเขา แววตาได้ใจนั้นยิ่งมองยิ่งทำให้หัวใจเขาบีบรัดแน่นขึ้น ยากจะทำใจจากนางไปมากขึ้นจนต้องปิดเปลือกตาลง บอกนางเป็นเชิงว่าดึกมากแล้ว เลิกเล่นแล้วนอนเสีย
แม้ข้อมือจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าคืนนี้กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่คืนที่เซียวเยี่ยนจื่อนอนหลับลึก ทั้งยังหลับสนิทไร้ฝันตลอดคืน กระทั่งสัญญาณของเช้าวันใหม่ปรากฏนางก็ตื่นขึ้นมาเองด้วยสีหน้าสดชื่น
ข้างกายของนางว่างเปล่าจนผ้าปูที่นอนเย็นเยียบนานแล้ว แต่หญิงสาวไม่ได้แปลกใจ นับตั้งแต่รู้ว่านางตั้งครรภ์ หงเทียนสิงก็มักจะปล่อยให้นางนอนจนอิ่มแล้วตื่นขึ้นมาเองเช่นนี้โดยไม่ปลุก
ทว่ารอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นคนเสียที โดยปกติเมื่อถึงเวลาเขาจะไปเรียกรถม้ามารอรับ แล้วเดินทางไปที่ร้านอาหารพร้อมกันกับนาง ยามนี้ดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นสามลำไผ่ เลยเวลาเปิดร้านอาหารของนางมานานแล้ว
เซียวเยี่ยนจื่อเริ่มกังวล กลัวว่าเขาจะโดนคนรังแกเพราะรังเกียจว่าเป็นใบ้และสติไม่ดี นางไม่เคยเข้าใจ จนถึงตอนนี้ ต่อหน้าผู้อื่นเขาก็ไม่ยอมเลิกแสดงละคร
หญิงสาวเดินออกจากบ้าน หยุดยืนชะเง้อคออยู่หน้าบ้านครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเดินเท้าไปตามถนนเรื่อยๆ ทุกครั้งที่พบคนก็เอ่ยถามประโยคเดิมซ้ำๆ
“ท่านอา เห็นอาโต้วบ้านข้าบ้างหรือไม่”
กระทั่งเดินมาถึงละแวกตลาด ผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่จนนางตาลายและเริ่มอ่อนล้า จำต้องหยุดยืนหลบมุมพักพลางปาดเหงื่อที่อาบชุ่มใบหน้าครู่หนึ่ง
เวลานั้นเอง เซียวเยี่ยนจื่อพลันเลื่อนสายตาไปเห็นสาวใช้ของมามาหอหงไถกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่แถวนั้นพอดี
“อาจู” นางส่งเสียงดังเล็กน้อย ฝ่าเสียงจอแจรอบด้าน “อาจู ทางนี้” หญิงสาวโบกมือให้เจ้าของนามที่กำลังหันรีหันขวางเพื่อมองหาต้นตอของเสียงเรียก
อาจูมองเห็นเซียวเยี่ยนจื่อแล้ว ตาโตเล็กน้อยที่เห็นอีกฝ่ายออกมาเดินเพ่นพ่านเช่นนี้ เนื่องจากได้ยินมาไม่น้อยว่านับตั้งแต่อีกฝ่ายตั้งครรภ์ สามีสติไม่ดีผู้นั้นก็ประคบประหงมเอาใจไม่ห่าง มักจะไม่ยอมให้นางออกมาเผชิญความวุ่นวายเช่นนี้
“เซียวเหนียง…แม่นางเซียว” อาจูเดินเข้ามาหาหญิงสาว “เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ได้เล่าเจ้าคะ”
เซียวเยี่ยนจื่อไม่ตอบ แต่ถามกลับไปว่า “เจ้าเห็นอาโต้วบ้างหรือไม่” กลัวอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจนางจึงขยายความ “อาโต้วบ้านข้า”
อาจูมีสีหน้าเข้าใจขึ้นมาทันที นางคงหมายถึงสามีสติวิปลาสของตนเอง “เขาน่ะหรือ” ทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นเลย คนหายไปหรือ”
คนบ้าคนหนึ่งจะอยู่กับร่องกับรอยได้นานเท่าใด ที่อยู่ด้วยกันจนคุณหนูตกอับผู้นี้ตั้งครรภ์ก็น่าแปลกใจมากแล้ว หากจู่ๆ จะเตลิดหายไปอาจูกลับไม่รู้สึกแปลกใจนัก
“ขอบใจ” เสียงหญิงสาวเบาหวิว
นางทอดสายตามองไปรอบๆ แววตาสั่นไหว เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เวลานั้นเองผู้คนบริเวณนั้นก็ชี้ชวนกันปากต่อปาก ก่อนจะพากันมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน
เซียวเยี่ยนจื่อเพียงขมวดคิ้วสงสัย แต่อาจูกลับคว้าแขนหญิงวัยกลางคนที่กำลังจะเดินตามคนเหล่านั้นไปเอาไว้ “ช้าก่อน! นี่ มีเรื่องอะไรกันหรือ”
หญิงวัยกลางคนรีบเล่าอย่างออกรส จะได้รีบตามคนอื่นๆ ไปดูสิ่งที่ได้ยินมาให้เห็นกับตา “ได้ยินมาว่ามีคนถูกทุบตีจนตาย ไม่รู้ว่าไปล่วงเกินผู้ใดเข้า”
อาจูยังอยากจะถามต่ออีกหน่อย แต่เซียวเยี่ยนจื่อได้ยินเพียงเท่านั้นนางก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว ใจเพียงต้องการไปดูให้เห็นกับตา พร้อมกับที่ภาวนาว่าขอให้ไม่ใช่เขา
หญิงสาวเร่งฝีเท้าตามจิตใจที่ร้อนรนจนรู้สึกปวดท้อง แต่ยังคงกัดฟันฝืนเดินตามคนอื่นๆ ไป ยิ่งมองเห็นแต่ไกลว่ามีกลุ่มคนกำลังมุงดูศพอย่างสนใจใคร่รู้นางก็ยิ่งรู้สึกแสบตา เลือดในกายคล้ายเยียบเย็นลงช้าๆ
เซียวเยี่ยนจื่อแหวกฝูงชนเข้าไปคุกเข่าอยู่ข้างศพ หญิงสาวปาดน้ำตาลวกๆ เพื่อให้มองได้ชัดขึ้น ใบหน้าของศพช้ำเลือดช้ำหนองและปูดบวมจนเกือบจะมองเค้าเดิมไม่ออก แต่นางกลับมองออกทันทีว่านี่ไม่ใช่อาโต้วของนาง
หญิงสาวกุมหน้าอกแน่น ความโล่งใจและความกังวลที่คละเคล้ากันทำให้คนอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก ตอนที่ลุกขึ้นยืนนางรู้สึกปวดท้องยิ่งขึ้น ไม่ทันได้สังเกตสายตาหลายคู่ที่มองมายังตน ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าชายกระโปรงของตนกำลังเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่ไหลมาตามหว่างขา
เซียวเยี่ยนจื่อเดินโซซัดโซเซกลับบ้านพึมพำคำสองคำซ้ำไปมาราวละเมอ
อาโต้ว…
กลับมาหาข้าเถอะ
อย่าเล่นเช่นนี้ พอแล้ว
หญิงสาวนั่งเหม่ออยู่ตรงปลายเตียง ไม่ขยับเขยื้อนราวร่างไร้วิญญาณ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดอาการเจ็บหน่วงบริเวณท้องน้อยที่แล่นริ้วขึ้นมาทรมานคนก็เรียกสตินางกลับมา เวลานี้เองที่นางสังเกตเห็นว่าเรียวขาของตนเองโชกชุ่มไปด้วยเลือด
“อะ…อาโต้ว” เซียวเยี่ยนจื่อเรียกอย่างลืมตัวอีกครั้ง อึดใจต่อมาที่ตระหนักได้ว่าเขาไม่อยู่แล้ว ก็ทำให้ไม่อาจสะกดกลั้นความรู้สึกวูบโหวงในอกได้อีกต่อไป หญิงสาวปิดปากตัวเองแน่นเพื่อระงับเสียงสะอื้นไห้
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่นางขาดเขาไม่ได้เสียแล้ว…
เซียวเยี่ยนจื่อจมดิ่งอยู่ในความรู้สึกอันแสนทรมานนั้นจนร่างกายทนไม่ไหว ผล็อยหลับไปทั้งที่น้ำตายังคงไหลริน
ทว่าในเวลากลางดึก ความเจ็บปวดตรงท้องน้อยที่ส่งสัญญาณเตือนหลายครั้งหลายคราตลอดวันทั้งวันมานี้ ยามนี้กลับราวจะพร่าผลาญชีวิตกัน เซียวเยี่ยนจื่อถูกความรู้สึกนั้นฉุดให้ตื่นขึ้น พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องปานจะขาดใจ
คนที่คอยเฝ้าระวังความปลอดภัยอยู่ห่างๆ ตามคำสั่งผู้เป็นเจ้าเหนือหัว ได้ยินเสียงร้องที่ฟังดูทรมานเช่นนี้ก็อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป หานจิงจวิ้นไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ชายหนุ่มผลักเปิดประตูบ้าน สายตาปรากฏภาพหญิงสาวนอนกุมท้องอย่างเจ็บปวดก็ตะลึงลานไป ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
ทว่าต่อให้เป็นคนที่ไม่เคยกินเนื้อหมู แต่อย่างไรก็ต้องเคยเห็นหมูเดิน
หานจิงจวิ้นหันไปสั่งลูกน้อง “เจ้าไปตามหญิงทำคลอดจากละแวกนี้มาให้เร็วที่สุด” แล้วก็ชี้นิ้วไปที่ลูกน้องอีกคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าเข้าวังไปกราบทูลฝ่าบาทว่าแม่นางเซียวจะคลอดแล้ว”
คนรับคำสั่งเอ่ยถามอย่างรอบคอบ “ตามหมอหลวงทำคลอดมาด้วยเลยดีหรือไม่ขอรับ”
ชายหนุ่มเงียบไปอึดใจก่อนเอ่ยอย่างตัดสินใจดีแล้ว “ไม่ต้อง เกรงว่าจะไม่ทันการณ์”
ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าทะมึนของผู้เป็นนายและเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของสตรีที่ดังออกมาจากด้านใน ทั้งสองคนไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ครู่หนึ่งคนที่ได้รับคำสั่งให้ไปตามหญิงทำคลอดก็กลับมาพร้อมกับสตรีสูงวัยชาวจีน[1]คนหนึ่ง
หานจิงจวิ้นมองหน้าหญิงชราพลางถามอย่างจริงจัง “เจ้าเป็นหญิงทำคลอด? ”
หญิงชราแม้จะมองเห็นหานจิงจวิ้นไม่ชัดนัก แต่แววตาแฝงความดุดันเปี่ยมอำนาจที่สะท้อนรับกับแสงจันทร์ทำให้นางรู้ว่าคนผู้นี้ไม่อาจล่วงเกิน หรือปฏิบัติด้วยเยี่ยงชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป
นางไม่กล้ามองจ้องเขานาน เพียงเหลือบตามองเห็นแววตาเช่นนั้นก็ก้มหน้ารีบตอบคำ “เจ้าค่ะ ใต้เท้า”
“มีสตรีท้องแก่อยู่ข้างใน เจ้าลองดูว่านางกำลังจะคลอดใช่หรือไม่ หากข้าคาดเดาไม่ผิดก็จงทำคลอดนางให้ดี” หานจิงจวิ้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกถึงความตึงเครียดที่แล่นริ้วขึ้นมาจนหนังตากระตุกอีกครั้ง อดสำทับเพิ่มอีกประโยคไม่ได้ “เด็กในครรภ์นางไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป หวังว่าเจ้าจะเข้าใจคำคำนี้ หากมีอะไรผิดพลาด เจ้าไม่อาจก้าวออกไปจากที่นี่ได้อีก”
หญิงชราตะลึงลาน คาดไม่ถึงว่าอยู่ดีๆ ก็จะมีฟ้าผ่าใส่หัวตนเอง หญิงทำคลอดในเมืองนี้มีตั้งมากมาย เหตุใดต้องเป็นนางที่ได้ทำคลอดให้คนในสถานที่ต้องห้าม
หานจิงจวิ้นเห็นอีกฝ่ายหน้าเผือดสีลงช้าๆ ก็ฝืนเอ่ยเรียกขวัญกำลังใจ “แต่หากเด็กคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย เจ้าย่อมได้รางวัลอย่างงาม”
เด็กที่เกิดมาจากมือนางยามนี้เกือบร้อยคนเข้าไปแล้ว แม้จะมีความมั่นใจในฝีมือตัวเอง แต่ถูกทำให้ตกใจแล้วไม่ว่าเอาสิ่งใดมาล่อย่อมไม่มีความยินดี
หญิงทำคลอดฝืนเอ่ย “วางใจเถอะเจ้าค่ะใต้เท้า”
“รีบไปเถอะ”
นางพยักหน้า ทว่าเมื่อก้าวออกไปก้าวหนึ่งแล้วก็นึกอะไรบางอย่างได้ จำต้องกัดฟันเอ่ยอย่างใจกล้าอีกครั้ง “ข้าน้อยจำเป็นต้องมีลูกมือ ตอนนี้ข้าน้อยต้องการน้ำร้อนเจ้าค่ะ”
หานจิงจวิ้นมีสีหน้าแข็งค้าง เขาพาลูกน้องมาเพียงสองคน ล้วนเป็นบุรุษ เวลานี้ย่อมมองไม่เห็นใครที่เหมาะไปกว่าเขาแล้ว
ดังนั้น แม้จะดูเป็นการล่วงเกินหญิงสาว ทั้งยังเป็นการฝืนใจตัวเองอย่างรุนแรง ทว่าสุดท้ายแล้วทุกเสี้ยวเวลาแห่งความเจ็บปวดของเซียวเยี่ยนจื่อ จวบจนกระทั่งเสียงเด็กร้องที่ดังขึ้นในเย็นวันถัดมา หานจิงจวิ้นล้วนมีส่วนร่วมในการรับรู้ช่วงเวลาเหล่านั้นทั้งหมด
เซียวเยี่ยนจื่อแม้จะเพลียมากแต่นางกลับไม่ยอมนอนหลับ นางรับบุตรชายมาจากหญิงทำคลอด ก้มมองใบหน้ายับย่นเล็กๆ นั้นด้วยความตื้นตันและหมองเศร้า
หลายชั่วยามที่ผ่านมานางอยู่กับความทรมานที่แทบจะเอาชีวิตคน ไม่มีสามีคอยอยู่ข้างกาย มีเพียงคนแปลกหน้าสองคน
ในเวลาเดียวกันนั้นนางก็คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่าง และก็คล้ายจะไม่เข้าใจอะไรเลย
ทว่าสิ่งหนึ่งที่นางแน่ใจคือ อาโต้วได้จากนางไปตลอดกาลแล้ว
เซียวเยี่ยนจื่อฝืนลุกขึ้น ไม่สนใจคำทัดทานของหญิงทำคลอดที่ยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวเปิดประตูออกไปก็มองเห็นคนที่ต้องการพบทันที
นางมองเขานิ่ง ทั้งที่พอจะเดาได้ว่าเขามีฐานะใด ไม่ได้คลุมเครือไม่แน่ใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ทว่ากลับไม่มีท่าทีนอบน้อมจากนางให้เห็น
“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนสูงศักดิ์อย่างพวกท่านมักจะชอบทำตัวขี้ขลาดไร้ยางอายเช่นนี้”
Comments (0)