13 ตอน บทที่ 7(1)_เปิดหน้าคณิกาเลื่องชื่อ
โดย เซิ่งไคฉาฮวา《盛开茶花》
บทที่ 7(1)
เปิดหน้าคณิกาเลื่องชื่อ
Trigger Warnings/Content Warnings
มีการบรรยายถึงสภาพสังคมที่มีความเป็นปิตาธิปไตย
เมืองเป่ยจิง[1]ละแวกตลาดยามค่ำคืนโดยปกติก็ไม่เคยเงียบเหงา ทว่าคืนนี้จุดที่คึกคักเป็นพิเศษก็คือหอหงไถ ชายหนุ่มไปจนถึงชายแก่ต่างมารวมตัวกันอยู่ที่โถงกว้างด้านใน ซึ่งเป็นสถานที่จัดประมูลการเปิดหน้าของเซียวเหนียง หญิงคณิกาที่นอกจากจะมีเสียงเล่าลือว่างดงามกว่าหญิงคณิกานางใดที่เคยมีมาแล้ว ในอดีตก็ยังมีสถานะพิเศษที่ทุกคน ณ ที่นี้อาจไม่มีวันเอื้อมมือไปถึงตัวนาง
โอกาสดีๆ เช่นนี้ ต่อให้เป็นบุรุษที่มีภรรยาแล้วก็ยังต้องหาหนทางหลบหนีภรรยาออกมาจนได้ หรือจะเป็นบุรุษที่มีฐานะยากจน แม้จะรู้ดีว่าอย่างไรก็ไม่มีปัญญาไปประชันขันต่อกับผู้อื่นในเรื่องนี้ แต่เพียงได้มายลโฉมนางโลมเลื่องชื่อใกล้ๆ ก็ยังสามารถเก็บเอาไปฝันได้อีกหลายวัน
การที่คนสติไม่ดี สารรูปสกปรกจนดูไม่ได้อย่างหงเทียนสิงมารวมกลุ่มอยู่กับคนเหล่านี้ด้วย จึงไม่ได้มองดูแปลกแยกจนเกินไปนัก อย่างไรคนทั้งหมดนี้ก็มีผู้ชมมากกว่าผู้ที่เตรียมตัวมาเข้าร่วมการประมูลอยู่แล้ว
เสียงโห่ร้องดังขึ้นเมื่อหญิงสาวนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบริเวณชานพักบันได เรือนร่างอรชรค่อยๆ ขยับเชื่องช้าเดินนวยนาดลงมา ท่าทางเย้ายวนเผยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ผ้าคลุมสีชาดปักลายเซียงซือหงโต้วเอาไว้อย่างชดช้อย ปกปิดใบหน้านางอยู่ชั้นหนึ่งแต่กลับยิ่งขับเน้นคนให้มองดูงดงามเปล่งประกาย
“5 เฟิน[2]” เซียวเยี่ยนจื่อเพิ่งจะหยุดยืน เพราะกำลังตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น
ขณะที่ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เขา เขาคนนั้นก็กำลังจ้องมองไปที่หญิงสาวที่ยืนโดดเด่นอยู่กลางโถงด้วยดวงตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณชายที่มีความทะนงตนผู้หนึ่ง ราคาแรกที่เขาเสนอมาเทียบกับพิธีเปิดหน้าของนางโลมคนอื่นๆ ถือว่าไม่น้อยเลย คนทั่วไปสามารถนำไปซื้อข้าวกินครบสามมื้อได้ถึงเกือบสองวัน นี่เท่ากับเป็นการแสดงออกว่านอกจากเขาจะพึงใจในตัวเซียวเหนียงผู้นี้ไม่น้อยแล้วก็ไม่คิดจะให้ใครมาเสนอหน้าแย่งชิงกับเขาด้วย
สองมือภายใต้ชายเสื้อแขนกว้างของเซียวเยี่ยนจื่อกำเป็นหมัดแน่น เขาอาจมองว่าสำหรับนางโลมที่เป็นถึงอดีตบุตรสาวขุนนางคนหนึ่ง เงินหลายเฟินนั้นนับว่าให้เกียรตินางไม่น้อยแล้ว แต่นางกลับคิดว่าตนเองมีค่าเพียงข้าวไม่กี่มื้อเท่านั้นเองหรือ
“ไอ้หยา” เสียงมามาของหอหงไถร้องอุทาน ฟังดูจงใจมากกว่าจะเป็นการตกใจจริงๆ “คุณชายท่านนี้ รีบร้อนเกินไปแล้ว ข้าน้อยยังไม่ได้เปิดการประมูลเลยนะเจ้าคะ” เอ่ยจบก็บีบเสียงหัวเราะเป็นเชิงเย้าแหย่
“จะมากเรื่องมากความไปไย” แม้ปากจะเอ่ยกับมามาแต่ดวงตายังคงจับจ้องเซียวเยี่ยนจื่อไม่คลาดคลา “ราคาเท่านี้ ยังมากกว่าค่าไถ่ตัวนางออกจากหอหงไถของเจ้าอีกกระมัง”
“คุณชาย” มามาแสร้งทำตาโต “ล้อเล่นแล้ว ล้อเล่นแล้ว หากคืนนี้คุณชายประมูลนางได้ แล้วนางเกิดทำอะไรไม่ถูกใจ ภายหลังจะมาว่าข้าน้อยหลอกลวงท่านไม่ได้นะเจ้าคะ”
“คนงาม มีอะไรไม่ถูกใจกัน” กลับไม่ใช่คุณชายคนเดิมที่เอ่ยตอบโต้ สายตาของทุกคนพลันย้ายไปที่ชายวัยกลางคนร่างท้วมคนหนึ่ง จากบุคลิกภายนอกมองปราดเดียวก็บอกได้ว่าเป็นขุนน้ำขุนนาง “5 เฟิน ไม่นับว่าน้อยไปหรือ ข้าให้ 8 เฟิน”
เสียงฮือฮาดังระงม บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นทันตา ทุกคนล้วนชมความคึกคักนี้กันอย่างเบิกบาน มีเพียงหญิงสาวที่มีฐานะเป็นแค่สินค้าชิ้นหนึ่งในค่ำคืนนี้ซึ่งหลายคนกำลังรุมแย่งที่อารมณ์แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“ดูสิมีแต่คนรุมยื้อแย่งเจ้า” มามากระซิบตะคอกนางที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ “มีอะไรไม่น่ายินดี”
ถูกคนรุมยื้อแย่งในสถานการณ์เช่นนี้ มีอะไรน่ายินดีกัน?
เซียวเยี่ยนจื่อเบือนหน้าหนี เวลานี้เองสายตาของนางพลันสานสบกับดวงตาแข็งกร้าวคู่หนึ่ง ผ้าคลุมหน้าผืนนี้จากมุมมองของนางนั้นสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน แต่จากมุมมองของผู้อื่นไม่มีทางมองเห็นใบหน้าของนางได้ ไม่ว่านางจะกำลังมีสีหน้าเสียขวัญหรือยิ้มแย้มยินดีจากสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไร ล้วนไม่มีใครล่วงรู้ แต่สายตาเช่นนั้นราวกับเขาสามารถมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
แม้จะคาดหวังให้เขามา แต่นางก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะมาจริงๆ ผ้าคลุมหน้าผืนนี้นางใช้ความสามารถในการเย็บปักทั้งหมดที่มีปักมันขึ้นมาเองกับมือ ลวดลายไม่ได้เป็นที่นิยมแต่ฝีเข็มงดงามปราณีต ต่อให้เป็นคนเสียสติก็ต้องมองออก
เซียวเยี่ยนจื่อไม่เลือกลายปักที่เป็นที่นิยมเพราะไม่ได้คาดหวังให้ใครชื่นชม หรือเข้าใจรสนิยมการเลือกของนาง หญิงสาวหวังให้คนเพียงคนเดียวมองลวดลายธรรมดาสามัญเช่นนี้ออกเท่านั้น
ในเมื่อเขามาแล้วนางก็ไม่ต้องลงทุนทำร้ายตัวเองแล้วใช่หรือไม่
เซียวเยี่ยนจื่อไม่รู้ว่าหงเทียนสิงเห็นว่านางคิดจะทำอะไร เขาไม่แปลกใจนักที่เมื่อครู่นางหมายจะแสร้งพลัดตกลงมาจากบันได เพราะหากจะหลีกเลี่ยงค่ำคืนที่เป็นดั่งฝันร้ายนี้ สตรีอย่างนางก็อาจทำได้สุดความสามารถเท่านี้ แต่มีหรือที่เขาจะยอม
ฉับพลันนั้นเองผู้คนที่ล้อมวงกันอย่างหนาแน่นก็พากันแตกฮือออก จู่ๆ ชายที่มีสารรูปสกปรกมอมแมมคนหนึ่งก็แสดงท่าทางคลุ้มคลั่งขึ้นมา หลายคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขาไม่ล้มลงไปนอนกองกับพื้นร้องโอดโอย ใบหน้าก็มีร่องรอยฟกช้ำดำเขียว ส่วนคนที่ไหวตัวทันก็รีบถอยห่างไปเป็นจั้ง[3]
การประมูลถูกขัดจังหวะกะทันหันเช่นนี้จึงจำต้องยุติลงชั่วคราวอย่างเสียมิได้ ขณะที่ทุกคนกำลังแตกตื่นตกใจ พากันรวมความสนใจไปที่จุดๆ เดียว จุดรวมความสนใจผู้นั้นก็วิ่งพุ่งเข้ามายังวงใน หญิงสาวที่ยืนโดดเด่นอยู่เพียงคนเดียวจึงตกเป็นเป้าของเขาทันที
เซียวเยี่ยนจื่อถูกเรี่ยวแรงมหาศาลพุ่งเข้าใส่กะทันหันจึงล้มลงทันที จากนั้นก็พบว่าตนเองถูกทับ ใบหน้าที่ยังคงมีผ้าคลุมปิดไว้ชั้นหนึ่งถูกถูไถเสียดสีไปมาราวกับแป้งบะหมี่ที่กำลังถูกนวดด้วยใบหน้าของคนที่ล้มทับนางอยู่ !
หญิงสาวอยากจะยิ้มด้วยความสมหวังแต่กลับยิ้มไม่ออก นางคาดหวังว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองบางอย่างเมื่อเห็นผ้าคลุมหน้าผืนนี้ แต่ไม่คาดว่าจะรุนแรงถึงเพียงนี้ !
[2] 1 เฟิน = 0.1 เฉียน โดย 10 เฉียน ในสมัยราชวงศ์ชิงสามารถใช้ซื้อข้าวได้ 90 มื้อโดยประมาณ ทั้งนี้ การเปรียบเทียบกับมื้ออาหารเป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น ไม่สามารถเทียบกันได้แบบพอดี เนื่องจากคนสมัยนั้นนิยมนำข้าวไปขายมากกว่านำมากิน เนื่องจากมีราคาสูงและหายาก แต่จะนิยมกินบะหมี่หรืออาหารที่ทำจากแป้งมากกว่า (ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจ ชมรมผู้สนใจข้อมูลราชวงศ์ชิง)
Comments (0)