บทที่ 13(1)

แรกพบ

Trigger Warnings/Content Warnings

การวางยาซึ่งเป็นวัตถุเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท

ในห้องน้ำ หญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในสภาพที่เหลือเพียงชุดชั้นใน เธอกำลังจุ่มหัวตัวเองลงไปในอ่างล้างมือที่รองน้ำไว้จนเต็ม กระทั่งในตอนที่ใกล้จะขาดอากาศหายใจเธอก็เงยหน้าขึ้นมา อ้าปากหอบเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่

ตอนนี้เองที่หงเทียนสิงพบว่าผู้หญิงที่มีท่าทางเหมือนคนเสียสติคนนี้คือเซียวเยี่ยนจื่อ

อารามตระหนกลนและขาดสติ ชายหนุ่มจึงตะโกนเรียกหญิงสาวแบบที่เคยเรียกมาตลอดออกไปตามสัญชาตญาณ

ก่อนเธอจะหมดแรงทรุดลงกับพื้น ชายหนุ่มก็วิ่งเข้าไปรับร่างเธอไว้

หญิงสาวกอดเขาแน่นพลางร้องครางไม่หยุดคล้ายกำลังได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัส หงเทียนสิงค่อนข้างตระหนกกับอากัปกิริยาของเธอในตอนนี้ ชายหนุ่มประคองท้ายทอยเธอเขย่าเบาๆ อาจื่อๆ

ฮื่อ ร้อนสายตาเธอเหม่อลอย เรียวคิ้วขมวดเป็นปม ขณะที่ปากก็ส่งเสียงร้องงอแงฟังไม่ได้ศัพท์ พร้อมกับที่ขยับตัวซุกไซ้หาเขาไม่หยุด

หงเทียนสิงกวาดตามองไปรอบๆ เสื้อผ้าเธอกองอยู่บนพื้นข้างอ้างล่างหน้า รอบๆ บริเวณนั้นเลอะเทอะไปด้วยคราบอาเจียน

ชายหนุ่มถอดแจ็กเก็ตออกมาห่มร่างเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้เองที่เขาพบว่าตัวเองกำลังตัวสั่น

ฮื่อเซียวเยี่ยนจื่อส่งเสียงประท้วง

ทนร้อนหน่อยนะอาจื่อหงเทียนสิงบอกเธอ แม้จะรู้ว่าพูดยังไงเธอก็ฟังไม่เข้าหู จากนั้นก็ถอดหมวกที่สวมอยู่ใส่ให้เธอแทน

ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาเรียกรถ ก่อนจะสลับหน้าต่างไปที่ประวัติการโทร กดไปที่เบอร์ของหงเทียนเหยาแล้วโทรออก

พี่ขับรถกลับเองนะ กุญแจรถอยู่บนโต๊ะหงเทียนสิงกำลังจะกดตัดสาย จังหวะนั้นเขาก็นึกว่าควรต้องบอกอีกอย่าง ผมไม่เข้าบ้านแล้วแล้วก็วางสาย

เขารู้ว่าหงเทียนเหยาไม่มีทางอยู่กับพฤติกรรมน่าสงสัยของเขาอย่างเป็นมิตร อีกฝ่ายจะต้องโทรจิกจนกว่าจะหายคาใจกับพฤติกรรมแปลกๆ ของเขา แต่ยังไงตอนนี้เขาก็ต้องแก้ปัญหาตรงหน้าก่อน ส่วนปัญหาที่ตามมาค่อยว่ากัน

หงเทียนสิงหันไปเห็นพนักงานของภัตตาคารที่เป็นคนมาเปิดประตูห้องน้ำ ตระหนักได้ตอนนี้เองว่ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วย

คุณ…” สีหน้าชายหนุ่มทั้งกังวลและเครียดจัด ออกไปเถอะ ตรงนี้ผมจัดการเอง

หงเทียนสิงไม่ได้กำชับอีกฝ่ายเรื่องการรักษาความลับ เพราะถ้าเรื่องผู้หญิงถูกวางยาในภัตตาคารชื่อดังแพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของภัตตาคารย่อมได้รับผลกระทบ ไม่เว้นแม้กระทั่งหน้าที่การงานของอีกฝ่าย

ชายหนุ่มควานหาผ้าปิดปากในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตที่เซียวเยี่ยนจื่อเพิ่งจะสลัดหลุดจากตัวออกมาใส่ ก่อนจะหยิบแจ็กเก็ตคลุมร่างกึ่งเปลือยของเธอกลับไปตามเดิม

อาจื่อ ไม่ดื้อนะ

ฮื่อเธอร้องพลางขยับกอดชายหนุ่มทั้งแขนขา

หงเทียนสิงเริ่มกระวนกระวาย จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงรถยนต์ ชายหนุ่มอุ้มเธอออกไปขึ้นรถทั้งอย่างนั้น คล้ายกำลังอุ้มเด็กตัวเล็กๆ ถ้าไม่ติดตรงที่รูปร่างของหญิงสาวสูงเพรียว มองยังไงก็ดูออกว่าไม่ใช่

ชายหนุ่มรับรู้ถึงสายตาคนขับที่มองมาที่เขาและเธอผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะ เขาอึดอัดและหนักใจที่ใครๆ มองเห็นหญิงสาวอยู่ในสภาพนี้ เพราะแบบนี้เขาถึงตัดสินใจไม่พาเธอไปโรงพยาบาล ไม่ต้องการให้เธอตื่นมาแล้วอับอาย ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะช่วยเธอยังไง

อาการที่เธอเป็นเขาพอจะรู้มาบ้างว่าเป็นอาการของคนถูกวางยาประเภทที่ทำให้สูญเสียการควบคุมตัวเองหรือถึงขั้นทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศร่วมด้วย แต่ไม่เคยรู้กระทั่งวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยซ้ำ

เซียวเยี่ยนจื่อยังคงร้องครางไปตลอดทาง หงเทียนสิงไม่รู้จะห้ามเธอยังไง ได้แต่จำใจใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเธอและกระซิบปลอบเป็นระยะ อีกมือหนึ่งก็พยายามสืบค้นข้อมูลการช่วยเหลือผู้ที่ถูกวางยาในอินเทอร์เน็ตไปด้วย ขณะที่ต้องคอยกดตัดสายโทรเข้าของหงเทียนเหยาทิ้งเป็นระยะ

หลายนาทีหลังจากนั้นคนขับรถก็พาพวกเขามาถึงบ้านของหงเทียนสิงที่ซื้อเอาไว้สำหรับแยกตัวมาอยู่คนเดียว

คุณจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับผมนะคนขับรถพูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง คุณเรียกผมมารับ ผมก็ทำตามหน้าที่

หงเทียนสิงปรายตามองคนพูดแวบหนึ่ง คนที่ทำน้ำเสียงไร้มารยาทก่อนหน้านี้รีบหลบสายตา ชายหนุ่มไม่ได้ว่าอะไร ในใจนึกขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่กล้าขับมาส่งคนท่าทางแปลกๆ สองคนจนถึงที่หมาย

ชายหนุ่มอุ้มคนที่สองแขนกอดคอสองขารัดเอวเขาลงจากรถเดินไปที่ลิฟต์ด้วยฝีเท้าเร่งรีบ มือข้างหนึ่งกดหัวเธอแนบกับซอกคอตัวเองอย่างระแวงว่าใครจะเห็นหน้าเธอ เมื่อเข้ามาในลิฟต์ถึงได้มีจังหวะดึงแจ็กเก็ตบนตัวหญิงสาวที่ร่นต่ำลงขึ้นมาปิดลาดไหล่เปลือย

ทันทีที่เข้ามาถึงในบ้าน หงเทียนสิงก็พาเซียวเยี่ยนจื่อเข้าไปในห้องน้ำ วางเธอลงในอ่างอาบน้ำ พูดปลอบเธออีกหลายคำก่อนจะล้วงมือถือขึ้นมากดสั่งน้ำแข็งผ่านแอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์

ตอนที่พนักงานส่งอาหารมาถึง เขาไม่กล้าทิ้งเซียวเยี่ยนจื่อเอาไว้ลำพัง สุดท้ายเลยต้องหาเสื้อผ้ามาใส่ให้เธอแล้วประคองเธอไปรับของที่สั่งไว้ด้วยกัน หญิงสาวกอดเขาแน่นพลางร้องงอแง พนักงานส่งอาหารเห็นท่าทางแปลกๆ ของเธอก็จ้องตาไม่กะพริบ จนหงเทียนสิงต้องรีบรับของแล้วรีบกลับเข้าห้อง

ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวกลับไปวางลงในอ่างอาบน้ำอีกครั้ง ก่อนจะเปิดน้ำรองทิ้งไว้ จากนั้นก็เทน้ำแข็งส่วนหนึ่งใส่เหยือกน้ำให้เธอดื่ม แล้วเทน้ำแข็งที่เหลือใส่กะละมังที่รองน้ำเอาไว้จนน้ำในกะละมังเย็นจัด ใช้น้ำในนั้นคอยลูบหน้าให้เธอเป็นระยะ ระหว่างนั้นก็ต้องอยู่ใกล้ๆ ให้เธอกอด กระดิกตัวไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น

หงเทียนสิงวนเวียนทำอย่างนั้นซ้ำๆ จนเซียวเยี่ยนจื่อค่อยๆ สงบลงแล้วหลับไป ชายหนุ่มเช็ดคราบน้ำบนใบหน้าและบนตัวเธอจนแห้ง ก่อนจะอุ้มเธอไปวางลงบนเตียง

เงาของเขาและเธอที่สะท้อนอย่างเด่นชัดอยู่บนผนังกระจกที่มีม่านรัตติกาลเป็นฉากหลังทำให้ชายหนุ่มตระหนักได้ว่าออกมาจากห้องน้ำอีกทีถึงกับมืดค่ำป่านนี้แล้ว

 

เซียวเยี่ยนจื่อรู้สึกว่าลำคอแห้งผาก หัวหนักเหมือนถูกถ่วงด้วยหิน  แต่สติของเธอค่อนข้างแจ่มชัด เพราะทันทีที่ลืมตาขึ้นมามองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ไม่คุ้นตาเธอก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้

ตกลงว่าไม่รอดเหรอ

หญิงสาวตะโกนถามตัวเองในใจ สะกดความตื่นตระหนกเพื่อให้ตัวเองยังคงรักษาสติเอาไว้ ก่อนจะเฉลียวใจก้มลงมองสภาพตัวเอง

ผ้านวมผืนใหญ่ห่มอยู่บนร่างเธออย่างเรียบร้อย เซียวเยี่ยนจื่อเลิกมันออกเพราะรู้สึกว่าเนื้อตัวโล่งแปลกๆ แต่กลับพบว่าเธอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยทั้งท่อนบนและล่าง เพียงแต่เห็นชัดๆ ว่าเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย และเธอไม่ได้สวมชุดชั้นในทั้งสองชิ้น สวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงผ้ายืดขายาวทับลงไปบนร่างเปลือยเปล่าเท่านั้น

เซียวเยี่ยนจื่อขมวดคิ้วเคร่งเครียด หลังจากที่พยายามทำให้ตัวเองมีสติด้วยการจุ่มหัวลงไปในอ่างล้างหน้าเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

แต่ตอนนี้สิ่งที่พอจะโล่งใจได้อย่างหนึ่งคือ เธอไม่รู้สึกถึงการถูกล่วงละเมิดทางเพศ นอกจากอาการที่เป็นผลข้างเคียงจากการถูกวางยาแล้ว ก็นับว่าเธอสบายดีทุกอย่าง

หญิงสาวหยิบหมอนใบหนึ่งมากอดปิดหน้าอก แล้วลุกขึ้นมายืนข้างเตียงนอนหลังใหญ่เพื่อให้สติแจ่มชัด และมองอะไรได้ชัดเจนขึ้น วินาทีนั้นเธอก็มองเห็นใครคนหนึ่งนอนคุดคู้อยู่บนโซฟาตัวเล็กปลายเตียง

มองจากมุมนี้จะว่าคุ้นก็คุ้นจะว่าไม่คุ้นก็ไม่คุ้น แต่ที่รับรู้ได้อย่างหนึ่งคือเหมือนเขากำลังนอนไม่ค่อยสบายนัก ด้วยทั้งพื้นที่ที่คับแคบและอากาศที่ค่อนข้างเย็น

เซียวเยี่ยนจื่อเดินเท้าเปล่าด้วยฝีเท้าเบากริบ อ้อมจากข้างเตียงฝั่งหนึ่งไปปลายเตียง ห่างจากโซฟาที่คนคนนั้นนอนอยู่ประมาณสามก้าว แล้วเธอก็พบว่า เธอไม่รู้จักเขา แต่ว่าทำไมถึงได้คุ้นหน้านัก

ขณะขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างสับสน คนบนโซฟาก็ปรือตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือคล้ายรู้สึกถึงสายตาที่กำลังมองมา ฉับพลันนั้นเขาก็ดีดตัวลุกขึ้นมานั่ง สีหน้าเพลียจัดหายไปเป็นปลิดทิ้ง

เซียวเยี่ยนจื่อผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ลังเลว่าจะวิ่งหนีออกไปเลยดี หรือคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอในช่วงเวลาที่ความทรงจำเธอหายไปทั้งหมดกันแน่

สุดท้ายหญิงสาวก็หยุดยืนนิ่ง กอดกระชับหมอนตรงหน้าอกแน่น เชิดหน้าขึ้นราวกับไม่มีความรู้สึกหวาดหวั่นสักนิดเดียว

ตอนนี้เธอยังจะต้องกลัวอะไรอีก ในเมื่อก่อนหน้านี้เธอทั้งไม่มีสติและไม่มีเรี่ยวแรงจะช่วยเหลือตัวเอง อะไรที่ต้องเกิดก็คงเกิดไปแล้ว

ขณะที่เธอแอบกำมือแน่นเพื่อเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ตอนนี้เธอจินตนาการออกมาได้เป็นสิบๆ อย่าง และกำลังจะเปิดปากซักฟอกคนตรงหน้า อีกฝ่ายที่สบตาเธอนิ่งก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน