8 ตอน บทที่ 5(1)_ฆาตกรรมดารา
โดย เซิ่งไคฉาฮวา《盛开茶花》
บทที่ 5(1)
ฆาตกรรมดารา
Trigger Warnings/Content Warnings
มีการบรรยายถึงพฤติกรรมที่มีลักษณะคล้ายสตอล์กเกอร์ (โรคจิตที่มีพฤติกรรมชอบสะกดรอยตาม)
การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
เรื่องที่เธอจะชอบเขา... ก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลา ฮ่าวป๋อชุนเชื่อมั่นแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่เพราะต้องการพูดยั่วโมโหเธอที่ทำให้เขาเสียหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงแต่การแสดงออกของเธอในตอนนั้นแม้จะไม่ทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจแต่ยังคงทำให้รู้สึกหงุดหงิดไม่หาย
หลังผละจากเซียวเยี่ยนจื่อมาฮ่าวป๋อชุนจึงแวะหาสถานที่ผ่อนคลายอารมณ์คุกรุ่นในอก เมื่อสงบใจลงได้สมองก็จะแจ่มใส คิดอะไรดีๆ ออก
เวลานั้นเองเหมือนโชคจะเข้าข้าง จู่ๆ เขาก็มองเห็นไอ้หมอนั่น... ผู้ชายที่อยู่กับเซียวเยี่ยนจื่อเมื่อคืน
หมอนั่นยังคงสวมหมวกแก๊ปสีดำสนิทปิดบังใบหน้ากว่าครึ่ง และยังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิม เพียงแต่แจ็กเก็ตตัวนอกถูกถอดออกไปแล้ว ฮ่าวป๋อชุนนึกถึงแจ็กเก็ตที่เขาโยนส่งๆ ไว้ในรถทันที
มุมปากชายหนุ่มกระตุก เขาไม่ได้รีบร้อนเข้าไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเพื่อคลี่คลายความรู้สึกบางอย่างที่รบกวนจิตใจมาตลอด ตั้งแต่ที่ได้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างของฝ่ายนั้น ทั้งยังเป็นเสี้ยวหน้าภายใต้หมวกแก๊ปสีดำที่เผยให้เห็นเพียงครึ่งหน้าด้านล่างเท่านั้นอีกด้วย
ตรงมุมหนึ่งของไนท์คลับที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว จนสีสันหลากหลายของแสงไฟเกือบจะสาดส่องไปไม่ถึง ฮ่าวป๋อชุนนั่งสงบนิ่งอยู่ที่เดิมมือข้างหนึ่งหมุนแก้วเหล้าในมือเล่นช้าๆ ขณะที่สายตาคมกริบเฝ้าสังเกตหงเทียนสิงที่กำลังคลอเคลียกับผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนจะพากันออกจากร้านไปในเวลาไม่กี่นาที
ชายหนุ่มยกมือขึ้น นิ้วชี้กระดิกไปด้านหลัง จากนั้นชายคนหนึ่งก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ฟังคำกระซิบสั่งอย่างตั้งใจ
หงเทียนสิงไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองน็อกหลับไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนนี้เอง เขารู้ตัว... ทว่ายังไม่อาจตื่นลืมตา
เขามองเห็นเธออีกแล้ว ทุกครั้งที่เห็นเธออยู่ในสภาพแบบนั้น เว้นแต่เพียงครั้งแรก เขาก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในความฝันดำมืดที่เป็นเหมือนคำสาปให้ชีวิตนี้เขาต้องอยู่กับความทุกข์ทรมานแบบนี้ตลอดไป
เสียงกระซิบแผ่วเบาระคนแหบพร่าของเธอที่ข้างหูกลับให้ความรู้สึกว่าเสียงนั้นกำลังดังสนั่น สั่นสะเทือนแก้วหูจนรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะปริแตก แหลกเหลวอยู่ในกำมือเธอ
ในหัวของหงเทียนสิงอึงอลไปด้วยเสียงกระซิบประโยคนั้น สร้างความทุกข์ทรมานจนเขารู้สึกเหมือนกำลังก้าวเท้าเข้าใกล้ความตายทุกขณะ แต่สุดท้ายเขากลับต้องมีชีวิตอยู่เพื่อแบกรับความรู้สึกทรมานแบบนี้ไปชั่วชีวิต นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะชดใช้ให้เธอได้
ฉับพลันนั้นเองความฝันอันดำมืดนั้นก็มีแสงสว่างวาบขึ้นเป็นระยะ ลำแสงสีขาวตัดผ่านไปมาคล้ายฟ้าแลบในคืนฝนตก
เสียงอึงอลในหัวของหงเทียนสิงเงียบหายไปแล้ว เสียง ‘แชะ’ ดังขึ้นแทนที่ ก่อนจะดังรัวไม่หยุดจนสมองที่มึนงงสับสน แยกแยะไม่ได้ว่าเป็นเสียงในความฝันหรือเสียงในโลกความเป็นจริงแจ่มกระจ่างขึ้นมา
หงเทียนสิงทะลึ่งพรวดขึ้นมานั่ง ผ้าห่มที่เกาะอย่างหมิ่นเหม่อยู่ที่สะโพกเลื่อนตกลงไป จนมองเห็นว่าแม้ท่อนบนของเขาจะเปลือยเปล่าแต่ท่อนล่างยังมีกางเกงบ็อกเซอร์สวมติดกายอยู่ชิ้นหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา เพราะสภาพของเขาในตอนนี้ยังไงก็ยังไม่พ้นจากคำว่าโป๊เปลือยอยู่ดี
สายตาแตกตื่นสับสนของชายหนุ่มกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะก้มหน้าลงไปขยี้ผมตัดสั้นของตัวเองอย่างพยายามข่มกลั้นอารมณ์สุดขีด
นอกจากที่ไม่รู้ว่านักข่าวพวกนี้ตามกลิ่นเขาเจอได้ยังไงแล้ว หงเทียนสิงก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไงด้วย
“ออกไปให้พ้น! ” หงเทียนสิงตวาดออกมาด้วยความเดือดดาล
ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งพยายามกันนักข่าวให้ถอยออกไป มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นตำรวจ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ชวนให้คิดว่านี่ก็คือที่เกิดเหตุ ส่วนผู้เคราะห์ร้ายหรือเหยื่อก็คือเขาเอง แต่เหตุที่ว่ามันเป็นเหตุอะไรกันล่ะ เขายังไม่ตายซะหน่อย
หงเทียนสิงเพ่งสายตาหาเรื่องไปยังเป้าหมายใหม่ นั่นก็คือพวกตำรวจ ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ทั้งยังแฝงความก้าวร้าวมองยังไงก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกคุกคาม แต่กลับทำให้คนมองยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นวัยรุ่นที่หัวรั้นและพูดยากคนหนึ่ง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” หงเทียนสิงลุกขึ้นจากเตียงพลางกวาดตามองหาเสื้อผ้าที่ไม่รู้ว่าถูกถอดออกไปตอนไหน ระหว่างที่หยิบขึ้นมาสวมก็หันกลับไปจ้องกลุ่มตำรวจไม่วางตา “หวังว่าพวกคุณจะให้คำตอบผมได้นะ”
ตำรวจหญิงคนหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มของตัวเอง สายตาเคร่งขรึมเย็นชาจ้องตอบหงเทียนสิง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้นึกกลัวน้ำเสียงข่มขู่ของเขา “พวกเราก็หวังว่าคุณจะยังไม่ตายเหมือนกัน”
หงเทียนสิงมีสีหน้างุนงง ก่อนจะได้รับการเฉลยเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยต่อ “พวกเราได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมว่ามีลูกค้าคนหนึ่งนอนไม่ได้สติอยู่ในห้อง เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น พอลองเอามืออังจมูกดูก็พบว่าไม่หายใจแล้ว”
“คุณจะบอกว่าลูกค้าคนนั้นคือผมงั้นเหรอ” หงเทียนสิงทำสีหน้าเหลือเชื่อ สายตาที่มองตำรวจราวกับกำลังมองพวกต้มตุ๋น “ถ้าผมไม่หายใจแล้ว จะมายืนให้พวกคุณปั่นหัวเล่นแบบนี้ได้ยังไง”
“ปั่นหัว? ” ตำรวจหญิงคนนั้นยกมุมปากขึ้นยิ้มเย้ยหยัน “คุณรู้ไหมว่าเราเสียเวลากันแค่ไหนที่แห่กันมาแบบนี้เพราะคิดว่ามีคดีดาราถูกฆาตกรรม แต่สุดท้ายเด็กน่าตายอย่างคุณกลับยังมีชีวิตอยู่น่ะ”
“จื่อซิน! ” ตำรวจชายคนหนึ่งคว้าแขวนเธอไว้ ปรามไม่ให้เธอพูดต่อ
ยังดีที่เวลานี้นักข่าวถูกกันออกไปจนหมดแล้ว ไม่งั้นตำรวจเล็กๆ อย่างพวกเขาอาจถูกโยงเข้าไปในข่าวที่กำลังจะถูกเขียนขึ้นเร็วๆ นี้เพราะคำพูดยั่วโมโหเกินขอบเขตของเธอ
หงเทียนสิงที่ถูกยั่วโมโหกลับไม่มีท่าทีหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างที่คนยั่วคาดหวัง ชายหนุ่มมีสีหน้าอึ้งงันไป ก่อนจะทรุดนั่งลงกับขอบเตียงคล้ายจู่ๆ ก็หมดแรงเสียดื้อๆ
“เพราะงั้นนักข่าวพวกนั้น” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเหม่อลอย “ก็เลยตามพวกคุณมางั้นเหรอ”
ไม่มีใครตอบเขา แต่ความเงียบแบบนี้เท่ากับเป็นการยอมรับ
หงเทียนสิงเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าระหว่างที่เขาฝัน ความรู้สึกอยากตายไปพร้อมเธอคนนั้น เพื่อจะได้ยุติความทรมานลงเสียที ถึงกับทำให้เขาหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง
“พวกคุณก็เห็นแล้วว่าผมปกติดี บางทีพนักงานโรงแรมคนนั้นอาจจะเข้าใจอะไรผิด” หงเทียนสิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สงบลงราวกับเด็กหนุ่มท่าทางก้าวร้าวคนนั้นกลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาในชั่วพริบตา “นักข่าวพวกนั้นฝากพวกคุณจัดการด้วยแล้วกัน”
“ไม่มีปัญหา” เจียงจื่อซิน ตำรวจหญิงเพียงหนึ่งเดียวเอ่ยขึ้นอย่างคนที่ไม่คิดเล็กคิดน้อย “แต่พวกเราไม่มีอำนาจสั่งห้ามไม่ให้พวกเขาเขียนข่าวหรือเผยแพร่ภาพ เรื่องนี้คุณต้องจัดการเอง”
คำพูดตรงไปตรงมานั้นกลับไม่ได้ทำให้หงเทียนสิงขุ่นเคือง “ผมเข้าใจ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถ้างั้นพวกเราขอตัวก่อน” เจียงจื่อซินเอ่ยพลางพยักหน้าให้พรรคพวกเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามพวกเขาออกไป
เจียงจื่อซินทำตามที่รับปากหงเทียนสิง คล้อยหลังพวกเธอไม่นาน เสียงความวุ่นวายของกองทัพนักข่าวที่รอรุมทึ้งชายหนุ่มก็เงียบลง ตอนนี้สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือติดต่อผู้จัดการส่วนตัว หลังจากหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายมาโดยตลอดตั้งแต่เดินทางมาถึงฮาร์บิน
Comments (0)