12 ตอน บทที่ 6(2)_ถั่วแดงคะนึงหา
โดย เซิ่งไคฉาฮวา《盛开茶花》
บทที่ 6(2)
ถั่วแดงคะนึงหา[1]
Trigger Warnings/Content Warnings
มีการบรรยายถึงพฤติกรรมที่มีลักษณะคล้ายสตอล์กเกอร์ (โรคจิตที่มีพฤติกรรมชอบสะกดรอยตาม)
มีการบรรยายถึงสภาพสังคมที่มีความเป็นปิตาธิปไตย
คนถูกถามหลุบสายตาลง มองเมล็ดถั่วแดงมากมายที่กอบกุมอยู่ในมือ ท่าทางคล้ายหวงแหนทว่าสายตากลับว่างเปล่า
เซียวเยี่ยนจื่อได้รับความเงียบเป็นคำตอบ แต่นางกลับอ่านอากัปกิริยาของคนตรงหน้าว่าเป็นการยอมรับ “ข้าจะร้อยมาให้เจ้า เยอะๆ เลย เยอะกว่านี้” เห็นเขาเงยหน้าขึ้นมอง นางจึงยิ้มกว้างขึ้นอีกราวกับจะยืนยันคำพูดของตนเอง “แต่ต้องสัญญามาก่อนว่าจะไม่มาขโมยจากร้านนี้อีก เข้าใจคำว่าสัญญาหรือไม่”
คนถูกถามมองหญิงสาวนิ่งนานคล้ายกำลังตรึกตรองสิ่งที่นางถาม สีหน้าเฉยเมยไม่แสดงออกว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจจนเซียวเยี่ยนจื่อยิ้มค้าง แต่แล้วเขาก็เปิดปากพลางพยักหน้าถี่ๆ “อื้อๆๆ”
อะไรกัน เป็นใบ้ด้วยหรือ เซียวเยี่ยนจื่อผงะไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยกมือขึ้นตบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ พลางยิ้มให้ “ดีมาก” นางแบมือไปตรงหน้าเขา “มา ถั่วแดงพวกนี้เอาให้ข้าเถอะ”
ชายเสียสติเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย ขมวดคิ้วส่งเสียงโวยวายออกมาจากลำคอ ฟังไม่เป็นคำ แต่เซียวเยี่ยนจื่อกลับอ่านท่าทางของอีกฝ่ายออก
“นี่มันขาดแล้วเห็นหรือไม่ ไม่สวยแล้ว” หญิงสาวขยับตัวเข้าไปเขย่งเท้าโอบไหล่อีกฝ่ายที่ตัวสูงกว่า “เดี๋ยวร้อยให้ใหม่ เยอะๆ เลย สัญญา”
เซียวเยี่ยนจื่อไม่ได้สังเกตว่าคนถูกโอบนิ่งขึงไปคล้ายคาดไม่ถึงกับอากัปกิริยาแสดงความสนิทสนมของนาง หญิงสาวเห็นเพียงในที่สุดเขาก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี ก่อนจะยื่นเมล็ดถั่วแดงในมือให้
หญิงสาวรับถั่วแดงทั้งหมดใส่อุ้งมือข้างหนึ่ง “รอข้าอยู่ตรงนี้นะ” มืออีกข้างยกขึ้นตบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ แล้วผละไป ไม่ทันสังเกตว่าเจ้าของแก้มมุ่นหัวคิ้วคล้ายไม่พอใจการกระทำของนางนัก
เซียวเยี่ยนจื่อใช้เวลาเกลี้ยกล่อมป้าหวังอยู่ครู่ใหญ่ กว่าอีกฝ่ายจะยอมรับปากไม่ถือสาเอาความชายสติไม่ดีคนนี้อีก
หญิงสาวเดินกลับมาหาเขาพร้อมกับถ้วยซุปถั่วแดงในมือ นางยื่นมันให้ชายหนุ่ม เดิมทียังคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมรับไปง่ายๆ แต่เขากลับรับไปกระดกเข้าปากโดยไม่อิดออด ท่าทางคล้ายกำลังหิวจัด
นางยิ้มมองเขากินพลางชวนคุยเรื่อยเปื่อย แม้จะเป็นนางที่เอ่ยอยู่ฝ่ายเดียว แต่เพราะหลายวันมานี้เซียวเยี่ยนจื่อไม่เคยได้พูดมากถึงเพียงนี้ ยามนี้ในใจจึงรู้สึกปลอดโปร่งอย่างหาได้ยาก
คนหนึ่งเปล่งวาจาไม่ขาดปาก คนหนึ่งตั้งใจฟังอย่างเงียบเชียบ กระทั่งเวลาที่เคยเชื่องช้าและเปลี่ยวดายในแต่ละวันดูจะผันผ่านไปอย่างรวดเร็วเป็นครั้งแรก รู้ตัวอีกทีเซียวเยี่ยนจื่อก็ต้องกลับเข้าหอหงไถแล้ว
หลังบิดาถูกใส่ความ โดนปลดบรรดาศักดิ์และริบทรัพย์สินในครอบครองทั้งหมด ครอบครัวถูกเนรเทศไปเป็นทาสอยู่ห่างไกลถึงชายแดน ส่วนนางก็ถูกขายเข้าหอนางโลม วันเวลาที่ผันผ่านไปแต่ละวันของนางนั้นไม่ง่าย แม้ยังไม่ถึงเวลาที่นางโลมเช่นนางจะต้องปรนนิบัติใคร แต่นางรู้ดีว่าเวลานั้นใกล้มาถึงเต็มทีแล้ว
มีเพียงช่วงเวลาเช่นนี้ที่นางได้สนทนากับใครสักคนอย่างผ่อนคลาย โดยไม่ต้องคอยดูสีหน้าหรือคอยหวาดระแวงอีกฝ่าย คาดไม่ถึงว่าคนคนนั้นจะเป็นคนเสียสติที่ผู้คนต่างพากันรังเกียจ
หงเทียนสิงมองส่งหญิงสาวที่เพิ่งเดินจากไปจนแผ่นหลังของนางลับหายไปจากสายตา เดิมทีเขาเพียงหาวิธีเข้าหานางด้วยจุดประสงค์บางอย่างเท่านั้น ตอนนี้จุดประสงค์เดิมยังไม่บรรลุแต่เขากลับเกิดความโลภขึ้นมาแล้ว
ชายหนุ่มไม่พอใจเพียงแค่บรรลุเป้าหมายเดิมแต่ยังหมายจะทำความรู้จักนางให้มากขึ้นอีกด้วย
เกือบทุกวันหลังจากนั้น ตรงข้ามร้านขนมหวานของนางหวังซู ริมผนังข้างโรงเตี๊ยม ภาพหญิงสาวสวมหมวกม่านผ้าโปร่งนางหนึ่งสนทนายิ้มหัวกับชายสติไม่ดีก็เป็นภาพที่ชาวบ้านและผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณตลาดเห็นกันจนชินตา
หงเทียนสิงส่งเสียงอือๆ อาๆ ต่อบทสนทนาของเซียวเยี่ยนจื่อ หญิงสาวฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ยังคงรู้สึกเพลิดเพลินกับการได้พูดคุยกับเขา
“คืนนี้ข้าต้องเข้าพิธีเปิดหน้าแล้ว”
แม้ดวงตายังคงก้มมองอยู่ที่ปลายเท้าเปลือยเปล่าของตนเอง แต่ม่านตาของหงเทียนสิงกลับหดแคบลงทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น
หญิงสาวบอกเขาตั้งแต่วันแรกๆ แล้วว่านางเป็นนางโลม ถึงนางไม่ได้บอกเขาก็รู้สถานะของนางดีอยู่แล้ว เพียงแต่ความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นเงียบๆ ในช่วงเวลาที่ได้พบเจอกันแทบทุกวันเช่นนี้กลับทำให้เขาหลงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
เซียวเยี่ยนจื่อเห็นคู่สนทนานิ่งเงียบไปจึงคิดว่าเขาไม่เข้าใจที่นางเอ่ย “พิธีเปิดหน้าของนางโลมก็คือการไปยืนเป็นสินค้าให้เหล่าบุรุษทั้งหลายประมูลไปร่วมหลับนอนด้วย” น้ำเสียงนางยังคงเรียบเรื่อยแต่หงเทียนสิงกลับฟังออกถึงกระแสสั่นเครืออันเกินควบคุม
นางกล้าเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ คงคิดว่าถึงอย่างไรเขาก็คงฟังไม่เข้าใจ “หญิงชายร่วมหลับนอนกัน มีความหมายลึกซึ้งเกินไป เจ้าคงไม่เข้าใจ” หญิงสาวยังเอ่ยคล้ายรำพันกับตนเองต่อ “นางโลม ที่แท้ก็เป็นสินค้าประเภทหนึ่ง”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนาง สีหน้าไม่ยินยอมของเขาทำให้เซียวเยี่ยนจื่อหลุดขำ “เห็นข้าเป็นถั่วแดงของเจ้าไปแล้วหรือ ดูสีหน้าเจ้าตอนนี้สิ”
หงเทียนสิงเม้มปากแน่นไม่ยอมส่งเสียง แกล้งเป็นใบ้มานานจนชินชาเสียแล้ว เพิ่งจะมารู้สึกอึดอัดก็ในเวลานี้เอง แม้จะอยากตะโกนโวยวายออกมาเพื่อระบายความไม่ยินยอมพร้อมใจที่พองคับอยู่เต็มอกอย่างไร สุดท้ายก็ทำได้เพียงแกล้งทำตัวเซ่อซ่าไม่รู้ความเช่นเดิม
เซียวเยี่ยนจื่อเห็นหงเทียนสิงมีท่าทางเช่นนี้ก็เกิดความหวังลมๆ แล้งๆ ในใจขึ้นมา ทั้งยังรู้สึกอยากปลอบใจเขาจึงทำอย่างที่ชอบทำ ยกมือขาวเนียนของตนตบแก้มมอมแมมของเขาเบาๆ “คืนนี้เจ้าก็ไปชมความครึกครื้นเถอะ ไม่แน่ว่าวันหน้า แค่มาพบเจ้าก็อาจกลายเป็นเรื่องยากแล้ว”
หงเทียนสิงยังคงนิ่งเงียบ แต่สายตาที่ทอดมองนางนั้นคล้ายกับว่าเขาฟังที่นางเอ่ยเข้าใจทุกคำ แม้จะทำได้แค่คาดหวังแต่เซียวเยี่ยนจื่อก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย ไม่รู้ว่าคืนนี้มีสิ่งใดรอนางอยู่แต่อย่างน้อยหญิงสาวก็รู้สึกว่าอาจไม่ยากเย็นเกินกว่านางจะก้าวผ่านมันไปได้
[1] ถั่วแดงคะนึงหา หรือ เซียงซือหงโต้ว เป็นชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของถั่วแดง ซึ่งมีการสันนิษฐานว่ามีที่มาจากบทกลอนชื่อ เซียงซือ ของหวังเหวย ที่แต่งให้สหายที่ต้องพเนจรไปต่างแดนผู้หนึ่ง
Comments (0)