บทที่ 13(2)

แรกพบ

Trigger Warnings/Content Warnings

การวางยาซึ่งเป็นวัตถุเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท

ผมเป็นนักแสดงค่ายชูเซ่อซิงเขาบอกด้วยสีหน้าจริงจัง คุณไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำอะไรคุณแน่

หือ?

เซียวเยี่ยนจื่อคาดไม่ถึงว่าประโยคแรกที่เอ่ยกับคนแปลกหน้าอย่างเธอ เขาก็อวดอ้างตัวเองแล้ว

หงเทียนสิงเห็นสีหน้าเธอก็หน้าแดงวาบ เขาโพล่งออกไปเหมือนจงใจโอ้อวดแบบไม่รู้จักอาย แต่จริงๆ แล้วเขาอายมาก จนแทบอยากจะหายตัว

แต่ว่าการพบกันใหม่ในครั้งนี้ เขาอยากให้เธอรู้เอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าเขาเป็นใคร เพราะเขาให้สัญญากับเธอไว้ในใจแล้วว่า ไม่ว่าเรื่องไหนเขาก็จะไม่มีวันปิดบังเธออีกแล้ว ต่อให้ดูน่าอายแต่เขาไม่เสียใจที่ได้บอกออกไป

 

ปี ค.ศ. 1735

สองร้อยแปดสิบเจ็ดปีก่อน

นี่มันรสชาติอะไรกันลูกค้าคนหนึ่งในร้านโวยวายเสียงดังเข้ามาถึงในครัว ให้ข้ากินดินยังจะอร่อยกว่านี้

หงเทียนสิงเพิ่งจะออกไปข้างนอกเมื่อครู่ ปกติหน้าที่ของเซียวเยี่ยนจื่อถูกเขาจำกัดให้อยู่แค่ในครัวเพราะไม่อยากให้นางออกมาเผชิญความวุ่นวายข้างนอก

แต่เพราะเห็นว่าอีกเดี๋ยวก็จะปิดร้านแล้ว คงไม่มีลูกค้าเพิ่ม บวกกับมีของที่ต้องทำเตรียมไว้สำหรับเปิดร้านพรุ่งนี้ต่อ หญิงสาวเลยให้เขาออกไปซื้อมา ตอนนี้เกิดเรื่องกะทันหันขึ้น ยังไงก็ต้องมีคนออกไปรับหน้าก่อน

เซียวเยี่ยนจื่อตัดสินใจเดินอุ้มท้องกลมใหญ่ที่จวนเจียนจะคลอดอยู่รอมร่อออกจากในครัวมารับหน้าลูกค้า

จานไหนไม่ถูกปากท่านหรือ ทุกจานข้าตั้งใจทำสุดฝีมือ ไม่ได้ลดหรือเพิ่มอะไรไปแม้แต่อย่างเดียวหญิงสาวขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อคำติติงนัก

แม้จะเคยมีช่วงหนึ่งที่นางปรุงอาหารรสชาติแย่ออกมา เพราะกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ การรับรู้รสชาติผิดเพี้ยนไป จนทำให้ลูกค้าบ่นกันระงม 

แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงนั้นมา ตลอดระยะเวลาเกือบเก้าเดือนมานี้ ไม่มีวันไหนที่ร้านโล่งว่าง ไม่มีวันไหนที่ขาดคำชม ดังนั้น นางจะมั่นใจในรสมือตัวเองก็ไม่นับเป็นเรื่องไม่เจียมตัว หรือเย่อหยิ่งจนเท้าไม่ติดพื้นแต่อย่างใด

ฝ่ายตรงข้ามกวาดตามองนางตั้งแต่ศีรษะลงมา หยุดสายตาไว้ที่หน้าท้องนูนครู่หนึ่ง ก่อนจะไล่ไปยังส่วนอื่นๆ อย่างไร้มารยาท เห็นชัดว่าจงใจใช้สายตาโลมเลียจาบจ้วงนาง

เซียวเยี่ยนจื่อก่อนตั้งครรภ์ก็นับเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ยามนี้นางเป็นสตรีที่มีสามีแล้ว ทั้งยังกำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอด ทว่าคนกลับยิ่งมองดูผุดผาดไปทั่วร่าง ผิวที่ขาวจัดอยู่แต่เดิม ยามนี้ยิ่งมองดูนวลเนียน ละเอียดดุจน้ำนม ดวงหน้าเอิบอิ่มหวานหยด มองอย่างไรก็ไม่รู้เบื่อ ไม่ว่าใครได้เห็นย่อมต้องเหลียวมองซ้ำ

หญิงสาวชักสีหน้าไม่พอใจ อีกฝ่ายไม่รักษามารยาทกับนาง นางก็ไร้ความเกรงใจให้เช่นกัน หากรสชาติอาหารร้านข้าไม่ถูกปาก มื้อนี้ข้าไม่คิดเงินแล้วกัน

ความหมายของนางคือ ในเมื่ออาหารไม่ถูกปาก นางเองก็ไม่คิดเงินแล้ว ก็ให้เขาออกไปจากร้านนางเสีย

ฝ่ายตรงข้าม แน่นอนว่าฟังเข้าใจ แต่ไม่สนใจ ยืนขึ้นคว้าแขนเซียวเยี่ยนจื่ออย่างถือวิสาสะ

หญิงสาวส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคนผู้นี้จะอุกอาจถึงขั้นกล้าแตะเนื้อต้องตัวนางต่อสายตานับสิบคู่

คนในร้านหลายคนกล้ามองแต่ไม่กล้าเข้ามายุ่ง เซียวเยี่ยนจื่อตระหนักได้ทันทีว่าคนผู้นี้หากไม่ใช่ขุนนางก็คงเป็นอันธพาล

หญิงสาวไม่อาจแสดงความอ่อนแอให้ใครมารังแกง่ายๆ นางพลันสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม

ชายผู้นั้นไม่คิดว่านางจะกล้าขัดขืนจึงเพียงกำแขนนางเอาไว้หลวมๆ เซียวเยี่ยนจื่อออกแรงมากเกินพอดีข้อมือข้างหนึ่งจึงกระแทกกับโต๊ะไม้จนเกิดเสียงดังลั่น

นางเม้มปากเพื่อข่มกลั้นความเจ็บ แต่ไม่ยอมส่งเสียง บ้านเมืองมีกฎหมาย เจ้าอยากรังแกคนก็คิดว่าจะทำได้ง่ายๆ หรือ

กฎหมายหรือเขายื่นมือออกมาหมายจะแตะพวงแก้มที่มองดูเนียนละเอียดของนาง ทว่ากลับต้องชะงักค้างกลางอากาศเมื่อเจ้าตัวเบี่ยงหลบ

สุดท้ายจึงจำใจชักมือกลับแล้วเอ่ยเสียงกร้าว วางท่าเย่อหยิ่งเป็นนางหงส์เช่นนี้แล้วบิดาเจ้าจะได้บรรดาศักดิ์คืนมางั้นหรือ

เซียวเยี่ยนจื่อกำมือแน่น จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาวาวโรจน์ ฉับพลันนั้นมืออ่อนบางที่มีเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิดก็สะบัดไปที่แก้มสากกระด้างของฝ่ายนั้น

ถูกตบจนหน้าสะบัด มีหรือที่คนถูกตบจะอยู่เฉย เขาไม่ได้สนใจแต่แรกว่านางเป็นสตรีที่ไม่ควรถูกรังแก ยิ่งไม่สนใจว่านางกำลังตั้งครรภ์ สมควรละเว้นเป็นที่สุด

ขณะขยับตัวเตรียมออกแรงตอบโต้ มีดสั้นเล่มหนึ่งกลับยื่นมาขวางอยู่ที่คอหอย สุดท้ายเขาไม่เพียงแต่ต้องชะงักฝีเท้า ทว่าทั่วร่างก็พลอยแข็งเกร็งไปด้วย

เชื่อหรือไม่เจ้าของมีดสั้นกัดฟันกระซิบกับชายผู้นั้น ว่าข้าสามารถทำให้อันธพาลอย่างเจ้ากลายเป็นขอทานได้ในพริบตานี้เลย

คนถูกข่มขู่เหล่มองเจ้าของมีดหวาดๆ ก่อนจะรีบหลบตา ตะตะใต้เท้า บรรเทาโทสะลงก่อนเถิด

มีโทสะอะไรให้บรรเทากันคนถูกเรียกใต้เท้า ขยับมีดใกล้เข้าไปอีก ตอนนี้ข้าออกจะรู้สึกสนุกด้วยซ้ำ

ฟังแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขยับ ก่อนจะถอยหลังช้าๆ ใต้เท้า ปล่อยข้าไปเถอะ

อยากให้ข้าปล่อยเจ้าหรือเขาเอ่ยพลางปรายตามองไปทางเซียวเยี่ยนจื่อ ที่ต้องใช้มือค้ำโต๊ะเพื่อฝืนพยุงกาย

จังหวะนั้นเขาพลันชะงักไปชั่วอึดใจ รีบเลื่อนสายตากลับมาแล้วเอ่ยต่อว่า หากแม่นางคนนี้บอกให้ข้าปล่อยเจ้า ข้าก็จะปล่อย

สีหน้าของอันธพาลพลันไร้สีเลือด ทะทำเช่นนี้ ไม่เหมาะกระมังเอ่ยอย่างตื่นกลัว

แม่นาง เจ้าคิดเห็นอย่างไรเขาเอ่ยโดยไม่มองหญิงสาว

ท่านปล่อยเขาไปเถอะเซียวเยี่ยนจื่อตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน อย่าให้เขามายุ่งกับข้าหรือมายุ่มย่ามที่ร้านข้าอีกก็พอ

เขาไม่ได้ลดมีดลงในทันที แต่ใช้สายตาข่มขู่อันธพาลตรงหน้าตน จนมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะทำตามที่หญิงสาวร้องขอ เขาถึงค่อยลดมีดลง

ทันทีที่เป็นอิสระคนก็โกยอ้าวออกจากร้านของเซียวเยี่ยนจื่อแบบไม่เหลียวหลัง

หานจิงจวิ้นหันมาหาเซียวเยี่ยนจื่อ แต่ยังคงไม่มองนางตรงๆ แม่นางนั่งลงก่อนเถอะ กำลังท้องกำลังไส้ ยืนนานๆ ไม่ดีนักหรอก

พอเห็นเซียวเยี่ยนจื่อทำตามที่เขาแนะแล้ว เขาก็กวาดตามองไปยังคนที่เหลือในร้าน ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ทว่าคนทั้งหมดกลับรีบกุลีกุจอออกจากร้านไป  อย่างไรก็หมดเรื่องน่าสนุกให้ดูแล้ว อีกทั้งหากมัวอืดอาดยืดยาด เกรงว่าจะโดนลูกหลงเสียเปล่าๆ

ขอบใจท่านมากเซียวเยี่ยนจื่อเอ่ย

นางไม่เรียกเขาว่าใต้เท้าเหมือนอันธพาลคนนั้น เพราะแท้จริงแล้วก็ไม่ได้รู้ฐานะของเขาชัดเจน ขืนเรียกสุ่มสี่สุ่มห้าคนเขาจะหาว่านางประจบประแจง เซียวเยี่ยนจื่อจึงคิดว่าไม่เหมาะที่นางจะเรียกเขาเช่นนั้น

ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนแม่นางหานจิงจวิ้นเพียงค้อมกายให้หญิงสาว จนบัดนี้เขายังคงไม่กล้าสบตานางตรงๆ  จนกว่าสามีเจ้าจะกลับมาแล้วกัน

ความแปลกใจพาดผ่านดวงตาคู่งาม เรื่องที่ปกติแล้วนางไม่น่าจะอยู่เฝ้าร้านคนเดียวไม่ว่าผู้ใดก็คงเดาได้ แต่คนผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่านางรอสามีอยู่

คล้ายกับคนพูดเองก็เพิ่งจะตระหนักได้ถึงวาจาชวนสงสัยของตน เขาพลันหันขวับมามองนางแล้วรีบเอ่ยอธิบาย แม่นางอย่าเพิ่งแปลกใจไป ข้าเพียงแต่เข้าใจความคิดบุรุษด้วยกันอยู่บ้าง สามีแม่นางย่อมไม่ทิ้งให้แม่นางอยู่เฝ้าร้านกับผู้อื่นตอนกำลังท้องแก่เช่นนี้แน่

เซียวเยี่ยนจื่อคลายสีหน้า ในที่สุดนางก็ยิ้มออก นับว่าตอนนี้นางโล่งใจได้สนิทแล้ว สามีข้าออกไปได้ครู่ใหญ่แล้ว คิดว่าน่าจะใกล้กลับมาแล้วหญิงสาวพลันนึกอะไรบางอย่างได้ ดวงตาจึงเบิกโตขึ้นเล็กน้อย ท่านรอเดี๋ยว ข้าจะไปยกน้ำชามาให้

หานจิงจวิ้นกำลังคิดจะปฏิเสธ ทว่าหางตาพลันจับความเคลื่อนไหวของเงาคนได้ กอปรกับได้ยินเสียงคล้ายนกชนิดหนึ่งร้องดังแว่วมาตามลม สุดท้ายจึงนิ่งเงียบ

ในตอนที่เซียวเยี่ยนจื่อหันหลังเดินห่างออกไปแล้ว ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินจากไปด้วยความรวดเร็วจนไม่เห็นแม้เงา

 

ท้ายตรอกที่ร้างไร้ผู้คน หานจิงจวิ้นในอาภรณ์ชุดใหม่เอี่ยมที่ขับให้ทั่วร่างของเขาเปล่งรัศมีความสูงศักดิ์ออกมากลับคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าบุรุษที่อยู่ในอาภรณ์สามัญเก่าคร่ำของชาวบ้านผู้หนึ่ง

ซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นผู้ที่ชาวบ้านต่างมองว่าเสียสติและเข้าใจว่าเป็นใบ้ เขาคนนั้นก็คือ หงเทียนสิง

เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้า? ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ แต่กลับทำให้หานจิงจวิ้นก้มหน้าต่ำลงไปอีก คิดจะทำอะไร หรือแม้แต่เจ้าข้าก็เชื่อใจไม่ได้แล้ว? ”

เขาเคยสั่งอีกฝ่ายเอาไว้ว่าห้ามปรากฏตัวให้เซียวเยี่ยนจื่อเห็น แต่ไม่เพียงปรากฏตัว อีกฝ่ายถึงกับพูดคุยกับนางด้วย

หามิได้พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทหานจิงจวิ้นลนลานเอ่ย เพียงแต่พวกเราไม่อาจปล่อยให้เวลายืดเยื้อออกไป

นอกจากนี้แล้ว การปรากฏตัวของเขาก็เป็นสถานการณ์จวนตัว แต่ชายหนุ่มมองไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องอธิบาย เพราะความจริงแล้วมีวิธีการมากมายที่เขาไม่จำเป็นต้องแสดงตัวก็สามารถช่วยหญิงสาวได้ ดังนั้น สิ่งที่เขาทำลงไปย่อมเป็นเรื่องโง่เขลาและไม่น่าไว้วางใจสำหรับคนตรงหน้า

หงเทียนสิงสีหน้าเคร่งเครียด หลักฐานการก่อกบฏของอาเขา ที่บิดาของเซียวเยี่ยนจื่อเก็บไว้ เขาค้นเจอจากสัมภาระส่วนตัวของหญิงสาวนานแล้ว แต่ที่เวลายืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้ ทั้งที่ควรจะเด็ดขาดเสร็จสิ้นได้ตั้งนานแล้ว ล้วนเป็นเพราะความรู้สึกส่วนตัวของเขา

ความรู้สึกนี้วางอำนาจบาตรใหญ่กับมนุษย์เสมอ ไม่คำนึงว่าผู้ใดสูงศักดิ์ ผู้ใดต่ำต้อย ครอบงำจิตใจจนไม่ว่าเรื่องคอขาดบาดตายใด ก็ไม่ใส่ใจแล้ว

หงเทียนสิงถูกมันครอบงำแล้วก็จริง ทว่าส่วนหนึ่งก็เป็นความเต็มใจของเขาเอง ดังนั้น หากเขาตัดสินใจจะปล่อยให้มันยืดเยื้อมันก็จะยืดเยื้อ แต่หากถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจใหม่ คนที่มีฐานะอย่างเขาใช่ว่าจะดึงดันต่อไปได้

หานกงกงเมื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเลิกกระดากที่จะขอร้องขันทีผู้หนึ่งนานแล้ว ขอเวลาเราอีกสักหน่อยเถิด…” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงอาลัยนั้น หานจิงจวิ้นฟังแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดีได้อย่างไร

หงเทียนสิงเอ่ยต่อ นางกำลังตั้งครรภ์ ข้ายังจากไปไม่ได้

กระหม่อมเองก็ไม่ต้องการให้พระองค์ทอดทิ้งนาง

หานจิงจวิ้นรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ยิ่งได้พบกันวันนี้ เขายิ่งนึกสงสารนางผู้นั้น

นึกมาถึงตรงนี้เขาก็รีบสะบัดศีรษะ เอ่ยต่ออย่างจริงจัง เพียงแต่ พระปิตุลาผู้สำเร็จราชการแทน ลุแก่อำนาจ ทั้งยังฝักใฝ่ในความสำราญ เวลานี้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แต่ผู้ปกครองกลับคิดแต่จะหาความสุขใส่ตัว หากฝ่าบาทยังไม่กลับไป พระปิตุลาจะปักใจเชื่อในที่สุดว่าฝ่าบาทสวรรคตแล้วจริงๆ กระหม่อมเกรงว่าแผ่นดินของพระองค์จะรักษาไว้ไม่ได้อีกต่อไป หากว่าแผ่นดินนี้ตกอยู่ในกำมือพระปิตุลาพ่ะย่ะค่ะ

 

เขาเงยหน้ามองนางอีกแล้ว เซียวเยี่ยนจื่อเริ่มหน้าแดง เป็นสามีภรรยากันมาเกือบปี เวลานี้กลับเป็นช่วงเวลาที่เขามองนางมากที่สุด มองจนคนเขาขวยอาย วางสีหน้าไม่ถูกก็ยังไม่หยุดมอง

อาโต้วนางเรียกเขาเสียงดุ ด้วยชื่อที่ตนเป็นคนตั้งให้เขา มัวแต่มองข้าเช่นนี้ ที่เจ้าทายาอยู่ แน่ใจหรือว่าใช่ที่ข้าช้ำ

แสร้งดุเขาไปอย่างนั้น ทว่าแท้จริงก็เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย

หงเทียนสิงยิ้มเขิน หลุบสายตาลงมองรอยช้ำที่ข้อมือบอบบาง บรรจงไล้วนเนื้อยาลงไปอย่างตั้งใจ

เวลานี้เองที่แววตาภายใต้เปลือกตาที่หลุบต่ำแปรเปลี่ยนเป็นหมองเศร้า

อาจื่อ หากข้าไม่อยู่เจ้าอย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัวได้หรือไม่

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตานางอีกครา หากข้าไม่อยู่เจ้าจะทำอย่างไร จะอยู่อย่างไร

พลันนั้นเขาก็กลัวว่านางจะอ่านสายตาที่สะท้อนความรู้สึกยากอดกลั้นของเขาออก จึงหลุบตาลงอีกครั้ง

อาจื่อ เจ้ารู้หรือไม่

หงเทียนสิงได้แต่พร่ำถามพร่ำบอกนางเพียงในใจนับหมื่นนับพันคำ

ถึงข้าไม่อยู่ แต่เจ้าคือภรรยาข้า เรื่องนี้แม้แต่สวรรค์ก็แปรเปลี่ยนไม่ได้

ทั้งหมดในใจข้าคือเจ้าแต่เพียงผู้เดียว

เป็นเจ้าที่ข้ารักมากที่สุด