30 ตอน บทที่ 16(1)_คนที่แอบคบ
โดย เซิ่งไคฉาฮวา《盛开茶花》
บทที่ 16(1)
คนที่แอบคบ
Trigger Warnings/Content Warnings
พฤติกรรมการแอบถ่าย(ไม่ใช่ภาพลามกอนาจาร)/การถูกแอบถ่าย
ท่าทิ้งตัวลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ ทันทีที่เข้ามาในบ้านฟางเซียงเซียง เกือบจะกลายเป็นท่าประจำของเซียวเยี่ยนจื่อไปแล้ว และตอนนี้หญิงสาวก็กำลังทำแบบนั้นอยู่ ปล่อยให้เพื่อนอุ้มเทียนเป่าที่กำลังหลับปุ๋ยเข้าไปนอนในห้อง
เซียวเยี่ยนจื่อรู้สึกเพลียจนอยากหลับสักงีบ แต่ตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาเย็น ถ้าทำแบบนั้นคืนนี้ก็จะหลับได้ยาก หญิงสาวจึงกดรีโมตเปิดโทรทัศน์เพื่อหาอะไรดูให้ตาสว่าง
ฟางเซียงเซียงเดินออกมาจากห้องนอน เห็นเซียวเยี่ยนจื่อจ้องจอโทรทัศน์ด้วยดวงตาที่เปิดอยู่เพียงครึ่งก็หัวเราะ “ง่วงก็ไปนอน”
คนง่วงสะบัดหัวไล่ความง่วงงุน ถือเป็นการปฏิเสธคำของฟางเซียงเซียงไปในตัว “เดี๋ยวคืนนี้นอนไม่หลับ”
ฟางเซียงเซียงไม่ว่าอะไรอีก ทิ้งตัวลงบนโซฟารูปตัวแอลอีกฝั่งหนึ่ง หันข้างให้โทรทัศน์ หยิบมือถือขึ้นมานอนเล่น
เสียงจากโทรทัศน์ที่เซียวเยี่ยนจื่อกำลังพยายามขึงตาดูลอยเข้าหูมาเป็นระยะ แต่เธอมัวใจจดใจจ่อกับฮอตเสิร์ชในเว่ยปั๋ว พร้อมๆ กับที่ยิ่งไล่อ่านก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทั้งไม่ได้ฟังว่าเวลานี้นักข่าวในจอโทรทัศน์กำลังรายงานข่าวเดียวกันกับที่เธอกำลังอ่าน และไม่ได้สนใจเพื่อนรักอย่างเซียวเยี่ยนจื่อที่จากตาปรือๆ ตอนนี้กลับตาสว่างเต็มที่
“เยี่ยนจื่อ!” ฟางเซียงเซียงที่ดูเหมือนจะเสพเรื่องราวจนอิ่มได้ที่แล้ว ดีดตัวขึ้นมาเรียกเพื่อน “พ่อดาราของเธอคนนั้นน่ะ คราวนี้กะให้โลกไม่ลืมเลยทีเดียว” ท้ายประโยคเสียงของเธอแผ่วลงเมื่อเห็นสีหน้าของเซียวเยี่ยนจื่อ
ฟางเซียงเซียงหันไปมองตามสายตาเพื่อนที่กำลังจ้องอยู่ที่จอโทรทัศน์
ภาพที่ปรากฏในจอโทรทัศน์ตอนนี้ สำนักข่าวสำนักหนึ่งกำลังแสดงคลิปวิดีโอที่จุดเล็กๆ จุดหนึ่งของคลิปเป็นหนึ่งชายหนุ่มหนึ่งหญิงสาวที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยกำลังโอบอุ้มกันขึ้นรถยนต์คันหนึ่ง
จากนั้นภาพในจอโทรทัศน์ก็ตัดไปที่หน้าโปรไฟล์เว่ยปั๋วของนักแสดงหนุ่มที่ฟางเซียงเซียงเพิ่งจะเรียกเขาว่า ‘ดาราของเซียวเยี่ยนจื่อ’
โพสต์ล่าสุดในเว่ยปั๋วของนักแสดงหนุ่มเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน คนอื่นไม่รู้ แต่เซียวเยี่ยนจื่อรู้ว่าเป็นเวลาหลังจากเธอกลับออกมาจากห้องของหงเทียนสิงไม่นาน
‘โปรดอย่าขุดคุ้ยว่าผู้หญิงในคลิปเป็นใคร เราต่างก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ผมแค่พยายามจะช่วยเธอที่ถูกวางยาเท่านั้น’
เซี่ยวเยี่ยนจื่อคิดว่าเขาบ้าไปแล้วที่ทำแบบนี้ คลิปที่ถูกเผยแพร่ออกไปมองเห็นหน้าเธอไม่ชัดด้วยซ้ำ เขาออกมาเคลื่อนไหวแบบนี้ยิ่งเป็นการชี้โพรงให้คนขุดคุ้ยว่าผู้หญิงในคลิปเป็นใคร แล้วที่บอกว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันก็ยิ่งดูเหมือนเป็นคำโกหก
เขาต้องโง่ถึงขั้นไหนถึงตัดสินใจทำอะไรแบบนี้ออกมา แทนที่จะนิ่งเฉย เพราะไม่นานคนก็คงลืมหมดแล้ว
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเรื่องนี้จะเป็นกระแสไปอีกนาน แทนที่จะค่อยๆ ละลายหายไปกับข่าวมากมายที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน
“ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด คุณไม่ต้องกลัวว่าจะเสียหาย”
หญิงสาวพลันนึกถึงคำพูดประโยคนั้นของเขาขึ้นมา ทั้งๆ ที่เธอก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้กลัวตัวเองจะเสียหาย ที่เธอพูดไปทั้งหมดเขาฟังไม่เข้าหูเลยหรือไง
“เยี่ยนจื่อ” ฟางเซียงเซียงลองเรียกเซียวเยี่ยนจื่ออีกครั้ง กระทั่งเห็นอีกฝ่ายหันมาสนใจตนเองแล้วถึงเอ่ยต่อ “แกทำหน้าอะไรของแกน่ะ อย่าบอกนะว่าผันตัวไปเป็นแฟนคลับนายคนนี้แล้วจริงๆ น่ะ ถึงทำหน้าเหมือนรับไม่ได้แบบนั้น”
“บ้าน่า” เซียวเยี่ยนจื่อมุ่นหัวคิ้ว “ฉันแค่คิดว่าดาราคนนี้ทำไมถึงโง่ได้ขนาดนี้ แกไม่คิดงั้นเหรอ”
“ก็…ไม่รู้สิ” ฟางเซียงเซียงลองคิดตาม “เท่าที่ฉันไล่อ่านคอมเมนต์ในเว่ยปั๋ว ฉันคิดว่าบางทีเขากับผู้หญิงคนนั้นอาจจะแอบคบกันอยู่ ด้วยความร้อนตัวกลัวจะเดือดร้อนไปถึงผู้หญิงเขาเลยออกมาเคลื่อนไหวเชิงปกป้องกลายๆ ”
เซียวเยี่ยนจื่อทำหน้าค้านสุดขีด “ไม่มีทาง แอบคบกันอยู่เนี่ยนะ? จินตนาการสูงกันเกินไปแล้ว”
“แกพูดอย่างกับไปแอบอยู่ใต้เตียงเขามาอย่างนั้นแหละ” ฟางเซียงเซียงทำหน้างง “เขาเป็นดารานะ สมมติว่าผู้หญิงคนนั้นถูกวางยาจริงๆ ถ้าเขาไม่มีสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้หญิงคนนั้นเขาจะไปช่วยเธอด้วยตัวเองแบบนั้นเหรอ เป็นแก แกจะทำเหรอ อย่างมากก็ไปตามคนอื่นมาช่วย จะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งทำไม ถ้ารู้อยู่แล้วว่าจะกระทบชื่อเสียงน่ะ”
เซียวเยี่ยนจื่อเถียงไม่ออก เธอรู้อยู่แกใจว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็พูดออกไปไม่ได้สักคำ
“รู้จักหันมาวิพากษ์วิจารณ์ข่าวดารา กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็เป็นข่าวดาราคนนี้ทุกที” ฟางเซียงเซียงหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด “บอกมานะแกแอบติ่งหงเทียนสิงเหรอ”
“จะบ้าเหรอ! ” เซียวเยี่ยนจื่อโดนคำกล่าวหานี้เข้าไปก็อดทำหน้าเบี้ยวไม่ได้ “แกน่ะขี้ตู่แล้ว ก็แค่พักนี้มีแต่ข่าวดาราคนนี้เลยดูเหมือนฉันสนอกสนใจแต่ข่าวดาราคนนี้ ทั้งที่จริงมันไม่ใช่”
“มีเหตุผล” ฟางเซียงเซียงพยักหน้าราวกับคล้อยตาม แต่แล้วก็เอ่ยต่อว่า “แต่แกเสียงดังเกินไปนะ เหมือนกำลังพยายามจะกลบเกลื่อนอะไรอยู่”
เซียวเยี่ยนจื่ออ้าปากค้าง เลิกคิ้วขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ย้ำเตือนกับตัวเองในใจว่าต่อไปห้ามเปิดโทรทัศน์ดูข่าวให้ยายคนนี้เห็นอีก
เซียวเยี่ยนจื่อมีเวลาพักผ่อนต่ออีกวันหนึ่งหลังกลับมาถึงฮาร์บิน ก่อนที่เช้าวันนี้จะต้องเข้ามหาวิทยาลัยเพราะมีสอน
นักศึกษาในคลาสวันนี้เป็นนักศึกษาปริญญาโท หลายคนล้วนโตๆ กันแล้ว จึงไม่เคยมีเรื่องประเภทไม่ตั้งใจฟัง หลับในคลาส หรือเอาแต่ก้มหน้าอยู่กับมือถือให้เห็น
เซียวเยี่ยนจื่อยืนสอนอยู่ด้านหน้า โต๊ะนักศึกษาเป็นโต๊ะคู่เก้าอี้ไม้ธรรมดาไม่ได้สร้างเป็นสโลฟเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น แต่มุมมองจากตรงนี้ก็มองเห็นอากัปกิริยาของนักศึกษาแต่ละคนได้อย่างชัดเจน
หญิงสาวเหลือบตาไปเห็นนักศึกษาคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่อ ครั้งแรกเธอปล่อยผ่านไป เพราะไม่แปลกอะไรที่คนเราจะเผลอเหม่อลอยไปบ้าง แต่เหลือบตาไปทางนั้นทีไรก็ยังเห็นนักศึกษาคนเดิมนั่งอยู่ในอากัปกิริยาเดิม
หลายครั้งเข้าเซียวเยี่ยนจื่อจากที่สอนอยู่ก็เงียบไป สายตาเพ่งมองไปที่นักศึกษาคนนั้น
นักศึกษาคนอื่นๆ ที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ หันหน้ามองตามสายตาอาจารย์เซียวไปเป็นตาเดียว
“เฉียวเจียว! ” เซียวเยี่ยนจื่อตะโกนแหวกความเงียบขึ้นมาจนไม่มีใครทันตั้งตัว
นักศึกษาชื่อเฉียวเจียวทะลึ่งพรวดยืนขึ้น “พี่หง ฉันขอโทษ” เอ่ยรัวเร็วออกมาด้วยความตกใจ
ปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติของเฉียวเจียวทำเอาทุกคนในห้องงงเป็นไก่ตาแตก อาจารย์เซียวเป็นคนเรียกเธอ แล้วพี่หงเป็นใครกัน
เฉียวเจียวเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองหลุดปากพูดอะไรที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ จึงหลับตาปี๋ เม้มริมฝีปากด้วยสีหน้าเสียใจเมื่อสายเกิน
เธอไม่ได้นั่งกลับลงไปเพราะรู้ว่าตัวเองมีความผิด จึงยืนเป็นเป้าสายตาให้อาจารย์เซียวจ้องอยู่อย่างนั้น แม้จะรู้สึกอายมาก
“ออกไป” เซียวเยี่ยนจื่อสั่งอย่างไม่ไว้หน้า “รออยู่หน้าห้องจนกว่าฉันจะสอนเสร็จ”
คนอื่นๆ ล้วนรู้สึกเสียใจที่จะไม่ได้รู้เรื่องต่อจากนี้ด้วย แต่เพื่อไม่ให้โดนหางเลข เลยต้องรักษาท่าทีโดยการหันกลับมาทำเป็นตั้งใจฟังอาจารย์เซียวสอนต่อ
เฉียวเจียวยืนขาแข็งอยู่ราวสองชั่วโมง เซียวเยี่ยนจื่อก็เดินออกมาจากห้องสอน
“ตามฉันมา” เซียวเยี่ยนจื่อปรายตามองเฉียวเจียวแวบเดียวก็เดินนำลิ่วไป
เซียวเยี่ยนจื่อเดินนำเฉียวเจียวเข้าไปนั่งในโรงอาหารที่เวลานี้คนยังไม่พลุกพล่าน โต๊ะที่หญิงสาวเลือกนั่งลงก็อยู่ในมุมที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวระดับหนึ่ง
“หวังว่าเธอจะมีเหตุผลให้ฉันนะ” เซียวเยี่ยนจื่อสบตากับเฉียวเจียวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “กับการกระทำเมื่อกี้นี้”
ถ้าเป็นอาจารย์คนอื่นเฉียวเจียวคงกล้าสู้สายตาตรงๆ แต่กับอาจารย์เซียวคนนี้เธอเกรงใจมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อต้องโกหกสายตาจึงหลุบลงโดยอัตโนมัติ
“พักผ่อนไม่พอค่ะ เลยไม่ค่อยมีสมาธิ”
เซียวเยี่ยนจื่อเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อคำพูดอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว แต่คำพูดนั้นกลับทำให้เธอนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“เธอยังไม่เลิกทำงานแบบนั้น? ” เซียวเยี่ยนจื่อเสียงแข็งขึ้นมาอีกระดับ
“บางครั้งมันจำเป็นจริงๆ นี่คะ” จนถึงตอนนี้เฉียวเจียวก็ยังไม่กล้าสบตาเซียวเยี่ยนจื่อ “อาจารย์จะไปเข้าใจอะไร”
“ที่ฉันเคยพูดกับเธอไปหลายต่อหลายครั้ง ดูไม่เหมือนว่าฉันเข้าใจเธอจริงๆ ? ” หญิงสาวหัวเราะในลำคอ “แต่เธอสิ ดูเหมือนตั้งใจจะไม่กลับไปทำงานแบบนั้นแล้วแท้ๆ”
เฉียวเจียวรับรู้ได้ถึงความรู้สึกผิดหวังที่สะท้อนออกมาทางน้ำเสียงจึงเงยหน้าขึ้นพูดอย่างร้อนรน “ฉันจะไม่ทำอีกแล้วจริงๆ ค่ะอาจารย์ ฉันสัญญา”
“เฉียวเจียว คำสัญญา มันไม่มีค่าอะไรเลย” เซียวเยี่ยนจื่อยิ้มพลางส่ายหน้า ราวกับกำลังฟังอะไรที่ไร้สาระ “อีกอย่าง ฉันไม่เคยต้องแบกรับผลอะไรกับสิ่งที่เธอเลือกแม้แต่อย่างเดียว ไม่มีประโยชน์ที่จะมาพูดสองคำนี้กับฉัน”
เฉียวเจียวเม้มปากแน่นด้วยความรู้สึกผิดที่ระบายออกไปไม่ได้ เธอเหมือนคนที่พูดไม่คิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะประโยคที่บอกว่าเซียวเยี่ยนจื่อไม่เข้าใจเธอ ทั้งๆ ที่อาจารย์คนนี้เป็นคนที่เข้าใจเธอยิ่งกว่าตัวเธอเองเสียอีก
“ฉันขอโทษค่ะ” เฉียวเจียวปาดน้ำตาทิ้งสีหน้าไม่เอาธุระในตอนแรกเปลี่ยนเป็นจริงจัง
เธอไม่พูดอะไรอีก เพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูด ถ้าหากยังไม่ได้ทำให้เห็น
เซียวเยี่ยนจื่อเห็นลูกศิษย์สำนึกผิดเสียใจก็ไม่ได้ใจอ่อนลง “พี่หงเป็นใคร” เค้นถามต่อทั้งที่รู้ดีว่าคำถามนี้จะทำให้อีกฝ่ายอึดอัดใจยิ่งกว่าเดิม
ความตกใจวูบผ่านดวงตาของเฉียวเจียว ก่อนที่เธอจะเลื่อนหลบสายตาของอาจารย์อีกครั้ง “อาจารย์หมายถึงอะไรเหรอคะ”
Comments (0)