32 ตอน บทที่ 31: เพียงแค่สบตา
โดย RiFourver
จบงานเทศกาลไปหนึ่งวัน ผลสรุปสินค้าในวันนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากเพราะห้องของเขาสามารถขายตุ๊กตาได้เกือบหมด ดังนั้นในวันพรุ่งนี้เกล็นจึงเสนอว่าถ้าขายได้จนหมดเมื่อไรร้านจะปิดทันที ไม่มีการเย็บเพิ่มอะไรทั้งสิ้น เพราะยอดขายทะลุเป้า ไม่ต้องมานั่งหลังแข็งเบื่อตบยุงไปวันๆ ทำให้เพื่อนร่วมห้องคนอื่นร้องเฮเรียกขวัญกำลังใจ
แต่เพราะการเปลี่ยนเวรกะทันหันก็สร้างความไม่พอใจให้คลาริส ทว่าการอธิบายอย่างเป็นหลักฐานเชิงโม้ของเกล็นสามารถทำให้อีกฝ่ายคล้อยตามไปได้ง่ายๆ โชคดีจริงที่แฝดคนน้องถ้าพูดอะไรฟังดูยากเข้าไว้ก็จะตกลงทำด้วยความไม่เข้าใจ สงสัยว่างานนี้เกล็นจำเป็นต้องอยู่คุมซะด้วยสิ ทำให้เขาต้องอยู่เวรถึงสองกะเพื่อดูแลพี่น้องฝาแฝดดีๆ
ซึ่งแผนของเกล็นก็เป็นไปด้วยดี จากที่เล็งพวกบรรดาผู้ใหญ่รวยๆ ใจบุญสุนทานเบนเป้าหมายมาทางนักเรียนสาวๆ ด้วยวัยและเงินในกระเป๋าก็มีมากพอจะซื้อตุ๊กตาสักตัวเก็บไปที่ระลึก แล้วก็ต้องขอบคุณความหัวไวของเคจที่ไม่รู้อ้างเหตุผลอะไรจนสามารถลากจูเลียสมาร่วมการขายครั้งนี้ ทำให้ตุ๊กตาทยอยลดน้อยลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
“อา... นี่สิอานุภาพคนหน้าตาดี” เกล็นน้ำตาคลออย่างปลื้มใจ
กระนั้นถึงจะหมดเวลาของพวกหนุ่มๆ ฝั่งเด็กผู้หญิงก็มีสาวป๊อปปูล่าอย่างสาวน้อยจากตระกูลจอทเวทดีลิเซียอยู่ด้วย เป็นเหตุให้ตารางเวรของวันนี้มั่วเอาการ แต่มันก็ส่งผลดีเกินที่หวัง โชคดีจริงๆ ที่เป็นห้องที่เกล็นอยู่มีเพื่อนร่วมห้องหน้าตาดีเยอะ
“โชคดีจริงๆ ที่พวกเราไม่เลือกทำอาหาร” เคจกระซิบว่ากับเกล็น
“ไว้จบงานนี้ ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอเป็นการขอบคุณ” เขาตอบกลับกับแม่สาวสมองใสที่อ่านเกมทัน
“ไม่ต้องหรอกถือว่าแลกกัน เพราะงานนี้ผลโหวตตกมาเป็นของห้องเราแน่นอน” เด็กสาวผมดำอธิบายจุดประสงค์ที่แท้จริง เพราะเธอต้องการให้ยลโฉมพวกเพื่อนหน้าตาตรงสเปคมาตรฐานอวดสายตาชาวโรงเรียนเอลเซียส์เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพื่อจะได้รับคะแนนโหวตมิสเตอร์แอนด์มิสที่จัดเฉพาะหมู่นักเรียนว่าในแต่ละชั้นปีใครจะได้ตำแหน่งนี้ไป
แล้วเท่าที่เคจสืบมาได้ตอนนี้ฝ่ายหญิงคือดีลิเซีย ส่วนหนึ่งเพราะการร่วมหัวของเพื่อนที่ตั้งใจโหวตหล่อนตั้งแต่แรก แต่ฝั่งผู้ชายยังไม่รู้เลยว่าใคร
“ถ้าเป็นไปตามเกม ปีแรกก็ต้องจูเลียสอะเนอะ” เกล็นนึกย้อนอดีตสมัยเล่นเกม
นอกจากไม่มีเวรต้องเฝ้าร้าน อีกทั้งเคจจะรับหน้าที่นี้ต่อเอง เกล็นเลยเดินเตร็ดเตร่ในงานเทศกาลตามลำพังเหงาๆ อยากได้เพื่อนสักคนมาอยู่ด้วย เพราะตอนช่วยอิกนิสหรือคลาริสไปสองคนนี้กลับปฏิเสธอยากนอนพักนิ่งๆ ส่วนชาร์ล็อตตอนนี้อยู่กับครอบครัว กระทั่งเดินมาถึงมุมตึกเด็กหนุ่มเกือบชนเข้ากับแมรีแอนน์ที่สวนทางมาพอดี แต่เนื่องจากมีผู้เข้าชมงานเยอะ เกล็นจึงจำเป็นต้องเดินไปตามทางเดียวกับแมรีแอนน์
“งานเสร็จแล้วเหรอคะ?” เธอถามพร้อมส่งรอยยิ้มบางๆ
“อืม เคจอาสาดูต่อให้น่ะ แล้วแมรีแอนน์มีเวรตอนกี่โมงเหรอ”
“ฉันไม่มีแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้เลยตั้งใจหาของขวัญให้จูเลียส”
“หืม? ตอนนี้เลยเหรอ” เกล็นเลิกคิ้วมองคิดว่าอีกตั้งนานจะวันเกิดจูเลียสที่เป็นเดือนธันวาคม
“ค่ะ ก็งานเทศกาลของมันหลากหลายกว่าปกติ เลยคิดว่าตั้งใจจะซื้อเลยน่ะค่ะ คิดว่าจะเป็นของที่เก็บได้นานๆ หน่อย”
“มันก็จริงนะ... แล้วรู้ยังว่าจะซื้ออะไรให้”
แมรีแอนน์ส่ายหัวตอบ “ถึงจะมีอันที่สนใจแต่ก็ยังลังเลอยู่เลยค่ะ”
“งั้นเหรอ” เกล็นเอ่ยรับ “จริงสินะ พอเธอพูดแล้วเราไปหาซื้อด้วยกันไหมล่ะ อุตส่าห์มีงานเทศกาลทั้งทีน่าจะมีของน่าสนใจให้จูเลียส ตอนนี้เจ้าตัวน่าจะไปพักเหมือนสองแฝดนั่นแล้วล่ะมั้ง ก็โดนเคจลากมาทำนอกเวลานี่เนอะ”
“อ้าว แบบนี้น่าเสียดายแย่เลยนะคะ แล้วชาร์ล็อตล่ะคะ เพราะเลิกงานก็ไม่ได้เจออีกเลย”
“ชาร์ล็อตอยู่กับครอบครัวน่ะ” เกล็นตอบ “จริงสิ ถ้างั้นเราไปเดินดูกันสองคนก็แล้ว...กัน.... เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจน่ะนะ”
มุมปากเด็กหนุ่มกระตุกเกร็งที่เผลอช่วยแมรีแอนน์เดินเที่ยวในงานสองต่อสอง เด็กสาวตรงหน้ากะพริบมองปริบๆ ครู่หนึ่งเหมือนกับกำลังใช้ความคิด
“ได้ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบตกลง ทว่าน้ำเสียงดูเรียบกว่าปกติก่อนกลับมาสดใสอีกหน “ที่สำคัญใครจะไปรังเกียจเกล็นกันละคะ”
“เป็นว่าเราเดินวนตามซอกตามซอยกันดีไหม ค่อยๆ เดินดูร้านที่ไม่เคยเห็นกัน”
จากนั้นสองเด็กหนุ่มสาวจึงเดินตามหาของสำหรับเป็นของขวัญให้จูเลียสตอนปลายปี แต่ด้วยเป็นงานเทศกาลทำให้ทั้งคู่แวะข้างทางดูของแปลกหรือถูกช่วยเล่นเกมซึ่งมีลักษณะที่เคยเห็นเมื่อชาติที่แล้วอย่างการใช้เข็มแซะตามลวดลายบนแผ่นน้ำตาลสีสันน่าทานชิ้นจิ๋ว เพราะมีขนาดเล็กทั้งเกล็นและแมรีแอนน์ที่มือเบาไม่พอก็ชวดรางวัลอย่างช่วยไม่ได้ หรือช้อนปลาทองแน่นอนว่าต่อให้เล่นได้ยังไงซะก็ไม่มีที่เลี้ยง อย่างน้อยเล่นเอาบรรยากาศเก็บเป็นความทรงจำก็พอ
กระทั่งพวกเขามาถึงร้านหนึ่งซึ่งเป็นร้านดั้งเดิมของเมืองที่เพิ่งให้ความสนใจ มันคือร้านเครื่องปั้นดินเผาที่หน้าร้านเต็มไปด้วยลูกค้าเด็กกำลังระบายสีภาชนะในแบบของตัวเอง
“อา... นึกถึงระบายสีตามงานวัดเลยแฮะ... โอ๊ะ มีแก้วด้วย ไว้ขากลับค่อยซื้อสักใบดีกว่าเรา”
“เกล็นสนใจเหรอคะ” แมรีแอนน์ทักถามขึ้น “เห็นมองไม่วางตาเลย”
“อ๊ะ ก็สนใจอยู่กะจะมาทำขากลับ”
“เอ๋? จริงๆ ก็ทำตอนนี้ก็ได้ไม่ใช่หรือคะ”
“ฉันกลัวเธอรอนานน่ะ เดี๋ยวไม่ได้เดินดูแถวอื่นพอดี” เกล็นว่าอย่างเกรงใจที่จะต้องให้แมรีแอนน์นั่งรอระหว่างเขาสวมวิญญาณศิลปิน
“ไหนๆ เรามาทำด้วยกันเลยไหมคะ มีไว้ใช้เฉพาะตัวก็ดีเหมือนกัน” เธอยิ้มหวานอยากได้แก้วที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหมือนกัน “ก่อนคนเยอะเราไปซื้อกันดีกว่าค่ะ”
ว่าแล้วแมรีแอนน์ก็เดินนำเข้าร้าน ดวงตาสีชมพูกวาดหาใบที่ถูกใจอย่างพิถีพิถัน ขณะที่เกล็นมีใบที่หมายตาอยู่แต่แรก ทั้งคู่ไปนั่งท่ามกลางเด็กที่สนุกกับการปลดปล่อยจินตนาการ ถึงเด็กสาวบอกว่าอยากมีลายเป็นของตัวเอง แต่เธอก็คิดไม่ออกจะเอาภาพอะไร ด้านเกล็นคว้าพู่กันสีดำมาวาดภาพในหัวซึ่งเป็นหมาที่เคยเลี้ยงไว้กับตัวเองหน้าตาปัจจุบันข้างบ้านแบบง่ายๆ
“เอ่อ เกล็นคะ...” แมรีแอนน์สะกิดหัวไหล่เบาๆ
“มีอะไรเหรอ” อีกฝ่ายตอบรับโดยไม่ปรายตามอง สมาธิจดจ้องกับการเขียนชื่อตัวเองด้วยภาษาบ้านเกิดเมื่ออดีตชาติอย่างคล่องมือด้วยสีฟ้าสีโปรด ทว่าเขาจัดหนักมากเกินไปจึงไม่เคยพื้นที่ว่างเขียนชื่อเจ้าหมาตัวน้อยได้
“ฉันอยากเขียนแบบนั้นเป็นชื่อตัวเองบ้างน่ะค่ะ” เธอชี้ไปคำว่า ‘เกล็น’ ที่เป็นภาษาประหลาด ด้วยคำพูดนี้เด็กหนุ่มเหงื่อตก แต่มีหรือที่จะปฏิเสธเกล็นหยิบสมุดจดที่พกติดตัวเสมอขึ้นมาเขียนชื่อของแมรีแอนน์ด้วยลายมือบรรจงเหมือนคัดลายมือ แล้วฉีกแผ่นกระดาษใบนั้นให้ดูแบบ
เห็นแล้วเด็กสาวต้องกดหัวคิ้วลง จริงอยู่ว่าชื่อตัวเองยาวแต่ไม่คิดว่าภาษาพิลึกนี้ก็ยาวพอกัน แล้วจะมีหน้าตาคล้ายๆ กันหลายตัว แต่สุดท้ายแมรีแอนน์ก็ยอมเขียนเพราะนี่เป็นสิ่งที่เห็นบ่งบอกว่าเป็นแก้วส่วนตัวของเธอ ริมฝีปากบางเม้มแน่นค่อยๆ เขียนทีละพยัญชนะให้ใกล้เคียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เห็นแล้วอยากจะหัวเราะแซวแต่เด็กหนุ่มก็ต้องเก็บความคิดไม่อย่างนั้นแมรีแอนน์จะเสียสมาธิเอา
ระหว่างรอดวงตาสีดำสะดุดกับถ้วยใบหนึ่งเข้าและปิ๊งไอเดียหนึ่งขึ้นมา เป็นจังหวะเดียวที่เด็กสาวเขียนชื่อตัวเองเสร็จ เธอถอนหายใจระบายความเหนื่อยหมุนแก้วโชว์ลายมือให้เกล็นดูอย่างภูมิใจ
“ไม่ผิดสักตัวเลยค่ะ แฮะๆ”
“ลายมือสวยมากเลยล่ะ” เด็กหนุ่มกล่าวชมพลางจินตนาการถ้าแมรีแอนน์สามารถเขียนได้คล่องเธอคงเป็นคนที่ลายมือน่ารักและมีระเบียบแน่ๆ ไม่เหมือนกับเขาที่เขียนเป็นไก่เขี่ยให้ตัวเองอ่านออกก็พอ... ถึงจะมีบางทีนั่งงงเพราะเดาคำไม่ออกเพราะลายมือตัวเองก็เถอะ...
“จริงสิแมรีแอนน์” เกล็นเรียกความสนใจให้เจ้าของชื่อมองตน จากนั้นเขาเอื้อมมือหยิบชามใบน้อยส่งให้ “เราซื้อเจ้านี้เป็นของขวัญจูเลียสไหม แต่อันนี้ซื้อให้บรูโน่กินน้ำ”
”น่าสนใจดีนะคะ จูเลียสต้องดีใจมากแน่ๆ เลยค่ะ” ว่าแล้วแมรีแอนน์วางแก้วของตัวเองลง ยื่มมือจะรับชามจากเพื่อนร่วมห้อง เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายจะสื่อ แต่จู่ๆ เกล็นกลับดึงกลับเรียกความงุนงงปรากฎขึ้นบนใบหน้าเด็กสาว
“คิดอีกที…” เกล็นวางชามลงข้างตัวเปลี่ยนมาเป็นแก้วที่เหมือนกับพวกเขา “แมรีแอนน์ทำให้จูเลียสดีกว่า แบบว่ามันดูแปลกๆ ถ้าฉันให้จูเลียสแล้วเธอให้บรูโน่น่ะ”
“ตกลงค่ะ” แมรีแอนน์หัวเราะขบขันในลำคอ แล้วหยิบพู่กันจุ่มสีเขียว “งั้นชื่อของจูเลียสต้องเป็นสีเขียวสินะ แล้วต้องบูรโน่ด้วย”
จากนั้นเด็กสาวก็เขียนชื่อของจูเลียสพร้อมวาดกิ้งก่าตากลมโตแลบลิ้นเกาะกิ่งไม้ ส่วนส่วนเกล็นที่รับหน้าที่ทำของบรูโน่สัตว์เลี้ยงแสนรักองค์ชาย ด้วยการวาดลายให้ดูน่ารักและหลากสีสันเหมือนสายรุ้งพลางปรายตามองแมรีแอนน์ที่กำลังมีความสุขที่ได้ละเลงสีบนแก้ว
ใช้เวลาเป็นชั่วโมงที่นั่งลงสีร้านเครื่องปั้นดินเผา กระนั้นกว่าจะได้ของก็เป็นวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย โชคดีที่ทั้งคู่เป็นนักเรียนเอลเซียส์จึงไม่จำเป็นใช้บริการส่งพัสดุจึงตกลงกันว่าวันพรุ่งนี้จะมาเอาด้วยกันเงียบๆ สองคน เสร็จธุระตรงนี้เกล็นกับแมรีแอนน์จึงเดินดูร้านรวงอื่นๆ ภายในงานต่อ ระหว่างทางก็คุยกันสัพเพเหระ
“เท่านี้เราก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของขวัญจูเลียสแล้วเนอะ”
“อืม งั้นแมรีแอนน์จะฝากไว้ที่ฉันไหม วันเกิดหมอนั่นตรงกับวันหยุดพอดี จะได้ไม่ต้องขนไปขนมาให้กลัวแตก” เด็กหนุ่มถามเผื่อไว้ก่อน หากแมรีแอนน์จะกลับบ้านช่วงหยุดยาว “เดี๋ยวจะห่อของขวัญให้ด้วย”
“ได้เหรอคะ ต้องรบกวนด้วยค่ะ” แมรีแอนน์ประกบมือดีใจที่มีคนรับฝากแถมยังช่วยห่ออีกต่างหาก “แหม รู้สึกอยากให้ถึงวันเกิดจูเลียสเร็วๆ แล้วนะคะ เขาจะทำหน้ายังไงนะ”
“ถ้าเป็นของที่แมรีแอนน์ทำด้วยใจต้องชอบแน่ๆ”
“ว่าแต่นะ งั้นช่วงปิดเทอมฤดูหนาวเกล็นก็ไม่กลับบ้านสินะคะ?”
“มันปิดแค่สองอาทิตย์เอง ก็เลยตัดสินใจกับชาร์ล็อตว่าไม่กลับ ไหนจะต้องร่วมงานวันเกิดจูเลียสอีก”
ถ้ากลับบ้านที่มอสเซียน่ามีหวังทั้งเขากับชาร์ล็อตได้เหนื่อยจากการเดินทางแทนจะได้นอนสบาย
“อีกอย่างสองแฝดนั้นเองก็บอกว่าจะอยู่ที่นี่ด้วย เพราะงั้นไม่ต้องห่วงว่าเหงาหรอก”
“เอ๋ พวกเขาก็ไม่กลับเหมือนกันเหรอคะ”
เกล็นพยักหน้าตอบก่อนจะยักไหล่เสริมคำตอบ “คลาริสบอกน่ะนะ ยังไม่รู้เหตุผลหรอก”
“คงไม่อยากวุ่นวายเรื่องประลองล่ะมั้งคะ เพราะอิกนิสเคยเล่าว่าตอนปิดเทอมที่ผ่านมา เวลามีผู้ใหญ่มาแวะที่บ้านชอบถามถึงเรื่องนั้นน่ะค่ะ”
“คงส่วนหนึ่งล่ะมั้ง ก็ตอนนี้สองคนนั้นก็ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้แล้วด้วย” เกล็นเห็นพ้องกับเหตุผลที่เด็กสาวเล่าจนอดบ่นในใจแทนฝาแฝดไม่ได้
ในระหว่างเดินไปตามทางตามที่ตกลงกันก่อนหน้านี้ จู่ๆ เกล็นก็หน้าซีดเผือดเมื่อเห็นหญิงสาวสวมแว่นเลนส์เดียวและมีผมสีน้ำเงินเข้มปักเปียกำลังเดินคู่กับชายผมสีฟางอายุประมาณสี่สิบกลางๆ สวมเสื้อโค้ตตัวยาวสีดำตัดกับถุงมือขาว แม้สูญเสียดวงตาข้างขวา ทว่าท่วงท่าการเดินกลับกระฉับกระเฉงไร้ความลังเลทุกจังหวะการก้าวเดิน
“นั่นมันฮันนา!” เกล็นกัดฟันกรอดรู้สึกพลาดท่าที่เผลอปล่อยตัวเองจนไม่ระวังทั้งที่ก่อนหน้านั้นย้ำกับตัวเองหนักหนาเรื่องการไม่ออกจากเขตโรงเรียน “มากันสองคนแบบนี้จะมากันครบทีมไหมเนี่ย”
เด็กหนุ่มเกิดอาการวิตกกังวลกลัวว่านอกจากเจอสองคนนี้กลางงานเทศกาลแล้ว ก็มีโอกาสที่ซิกมุนท์จับคู่กับอีกคนที่เป็นอัศวินเวท ก่อนจะเหลือบมองแมรีแอนน์ที่อาจจะตกเป็นเป้าหมายสำคัญในอนาคต เขาจะให้ตัวร้ายสองคนนั้นเจอเด็กสาวไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ รอบข้างเกล็นไม่มีร้านค้าประเภทที่สามารถเข้าไปแอบชั่วคราวได้เลย และระยะก็ยากจะแกล้งทำทีเดินดูสินค้าข้างทางแบบเนียนๆ
ทว่าจู่ๆ แมรีแอนน์กลับสะดุ้งตัวโยนรีบดึงแขนเกล็นไปซ่อนตัวหลังเสารร้านแห่งหนึ่ง เธอชะโงกมองไปด้านหน้าด้วยแววตาตื่นเต้น เกล็นทั้งอยากรู้ว่าอะไรทำให้แมรีแอนน์ต้องทำพฤติกรรมหลบๆ ซ่อนๆ อีกใจก็กลัวว่าจะโดนพวกฮันนาจับพิรุธแล้วคาบเรื่องนี้ไปบอกซิกมุนท์ว่ามีบุคคลทำตัวน่าสงสัย
“แหม ตายจริง อาจารย์ชวนคุณลิซ่าเดตด้วย คิกๆ” แมรีแอนน์ที่ไม่รู้ว่าตกอยู่ที่นั่งลำบากหัวเราะคิกคัก ทำให้ความใคร่รู้ของเกล็นเป็นฝ่ายชนะค่อยๆ โผล่ศีรษะออกจากที่ซ่อน
เมื่อมองตรงไปเขาก็เห็นอาจารย์แมทธิวกำลังเดินกระหนุงกระหนิงกับผู้หญิงที่อายุไล่เลี่ยกัน คาดว่าเธอน่าจะชื่อลิซ่าตามที่แมรีแอนน์พูดออกมา
“เอ่อ... ขอโทษนะ เธอรู้จักผู้หญิงข้างอาจารย์ด้วยเหรอ...”
“คุณลิซ่า ลูกเจ้าของร้านขนมปังแถวโรงเรียนค่ะ อ้อ ใช่ ขนมปังที่ชาร์ล็อตชอบซื้อให้เกล็นบ่อยๆ ไงคะ”
“อ่อ... เหรอ” เกล็นขานรับอย่างงุนงงนึกถึงขนมปังที่เพื่อนสนิทมักซื้อมาให้ตอนที่วานซื้อของกินเข้าหอ “แต่ที่ว่าเดตหมายความว่าไงน่ะ”
“อ๊ะ เกล็นไม่เคยได้ยินข่าวลือเหรอคะ ที่ว่าอาจารย์กับคุณลิซ่ามีใจให้กันน่ะค่ะ แต่สองคนนั้นกลับไม่รู้ตัวสักนิด”
แมรีแอนน์ทำเสียงกระซิบบอกเกล็นที่ขมวดคิ้วส่ายหัว เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน ก่อนจะฉุกใจคิดอะไรบ้างอย่างได้ขึ้นมาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องรูทของแมทธิวในเกม ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ก่อนเข้ารูทแมทธิว โดยจะเป็นฉากอาจารย์หนุ่มนั่งเศร้าสร้อยอยู่ที่สวนสาธารณะข้างสระน้ำ ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเหม่อลอยไร้จุดหมาย กระทั่งนางเอกผ่านมาพบเขา แมทธิวพูดอะไรไม่รู้ที่เกล็นจำไม่ได้เพราะทำอะไรบางอย่างชักช้าเกินไปจนพลาดโอกาส แมรีแอนน์ในเกมจึงปลอบแล้วเกิดโมเมนต์ดีๆ ต่อกัน
“ไอ้หนุ่มนั่นมันเข้าใจอะไรผิดเลยหักอกตัวเองน่ะสิ!” เกล็นกำหมัดแน่นไม่คิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนั้นจะคิดเองเออเอง แต่พอเห็นสองหนุ่มสาวคู่นั้นดูมีความสุขก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจแปลกๆ “แต่หวานซะขนาดนั้นไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง...”
เพราะมัวแต่สนใจคู่เดตของอาจารย์ประจำชั้น เกล็นก็เพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังประสบปัญหาเจอตัวร้ายของเกมที่จะเดินสวนมา ดวงตาสีดำกวาดมองหาตำแหน่งของฮันนากับชายวัยกลางคนคนนั้น แล้วดันเป็นจังหวะเดียวที่เขาสบดวงตาสีแดงของฮันนาที่ปรายตามาทางนี้พอดี ทำให้เกล็นตกใจรีบเบือนหน้าหนีและหวั่นวิตกถึงขีดสุด
“แย่แล้วๆๆ ดันสบตากัน!”
แต่สักพักแมรีแอนน์ก็สามารถดึงความสนใจเกล็นให้ทำตัวแสดงละครทำเป็นบังเอิญสบตากับคนแปลกตา
“แต่พอพูดถึงคู่นี้แล้ว… เกล็นกับชาร์ล็อตได้เที่ยวด้วยกันหรือยังคะ”
“อ้อ ยังเลย… ไม่สิ ต้องถามนอกจากตอนเช้าเจอหน้ากันยังเหอะ” เกล็นพยายามข่มเสียงไม่ให้ตะกุกตะกักและพูดให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
“แบบนี้ก็แย่สินะคะ ที่ฉันเดินกับคุณตั้งนานแทนจะไปเที่ยวกับชาร์ล็อต”
ได้ยินแบบนั้น เกล็นถึงกับหัวเราะโบกมือไม่ยี่หระกับเรื่องนี้ โดยที่ยังไม่ลืมว่าพวกฮันนายังอยู่ใกล้ๆ โดยที่ในใจก็นึกโชคช่วยที่แมรีแอนน์พูดเรื่องของชาร์ล็อต ทำให้เขาสามารถพูดต่อบทสนทนาได้ไหลลื่น
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า เห็นหน้ากันเกือบทั้งชีวิตแยกๆ บ้างก็ดี”
“พูดแบบนั้นไม่ฟังดูใจร้ายหน่อยเหรอคะ” เสียงกังวลตอบกลับ “อีกอย่างงานเทศกาลทั้งทีนะคะ”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วงหรอกแมรีแอนน์ ชาร์ล็อตก็คิดคงเหมือนฉันนั่นแหละ แล้วเรื่องงานเทศกาลฉันก็เดินด้วยกันจนบ่อยแล้วล่ะ ถึงไม่ใช่งานนี้ก็เถอะนะ”
เพราะไร้เสียงตอบต่อจากเด็กสาว เกล็นจึงเร่งฝีเท้าเดินไปคนละทางกับฮันนาพร้อมส่งยิ้มแหยๆ
“บางทีคนเราไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันเสมอไปหรอกนะแมรีแอนน์ ดูอย่างพวกเราที่อยู่กับพ่อแม่มาตลอดยังต้องออกมาใช้ชีวิตที่อื่นเลย เพราะถึงเราสองคนคบกันมานานแต่บางทีก็อยากได้เวลาส่วนตัวบ้าง ตอนนี้ให้เขาอยู่กับครอบครัวดีกว่า ยิ่งมีน้องอายุน้อยๆ ปล่อยให้พี่น้องได้เล่นกันให้หนำใจดีกว่ามาเล่นกับคนที่เห็นหน้าทุกวันอย่างเรานะ”
“นะ นั่นสินะคะ…” แมรีแอนน์หลุบสายตาหนีด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจที่เกล็นก็ไม่อาจคาดเดาได้
“เอาอย่างงี้ไหม ถ้าเจอชาร์ล็อตโดยบังเอิญก็ค่อยลองชวนเขาดูไหมล่ะ เพราะยังไงครอบครัวเขาคงต้องรีบกลับไปนอนเตรียมเดินทางกลับมอสเซียน่าพรุ่งนี้”
“ถ้าเกล็นว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ…”
แมรีแอนน์ผงกหัวตอบท่าทางเซื่องซึมผิดปกติจนแม้แต่ตัวเกล็นยังรู้สึกตัว ต่อมาเด็กสาวก็สะบัดหัวไปมาอย่างแรงดึงสติกลับมาส่งยิ้มละมุนเหมือนทุกที
“งั้นเราเดินต่อเรื่อยๆ จนเจอชาร์ล็อตเลยดีไหมคะ”
“แบบนั้นก็ได้นะ”
แล้วเกล็นหันกลับมาเดินท่าทางปกติ แต่สักพักมีเสียงโหวกเหวกเรียกชื่อของทั้งคู่ให้หันมอง ร่างเคจกระโดดไปมาท่ามกลางกลุ่มคนพร้อมเพื่อนซี้อีกสองคนที่ไล่หลังมา
“อ้าวแล้วร้านล่ะ?” เกล็นถามขึ้นทันทีที่เห็นเด็กสาวผมดำ
“เรื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว ขายหมดเกลี้ยงจ้า” เคจฉีกยิ้มกว้างชูสองนิ้วดีใจที่ตุ๊กตาขายหมด “ว่าแต่พวกนายเถอะ เดินเล่นจนไม่ดูเวลาเลยนะ รู้หรือเปล่าตอนนี้เขาประกาศผลคนที่ได้ตำแหน่งแล้วนะ โชคดีที่ฝากบัตรโหวตไว้ที่เรา”
“ก็แหม เล่นจะโหวตให้ดีลิเซียยกห้องแบบนั้นนี่นา ฝากไปกับเธอน่ะดีแล้ว” เกล็นว่าเสียงเรียบ “แล้วผลเป็นไงบ้างล่ะ”
“ฝ่ายหญิงห้องเราแพ้แหละ” ลิเลียนเป็นคนตอบเรียกเสียงเสียดายจากแมรีแอนน์
“แล้วใครได้เหรอคะ”
“เป็นคนห้องสี่ แต่ต้องยอมรับนะคะว่าเขาสวยมากจริงๆ” ฟิเลน่าตอบเสียงเรียบและไม่มองหน้าพวกเกล็น อดไม่ได้ที่เด็กหนุ่มจะหัวเราะแห้ง
“ก็ยังวางมาดอยู่นั่นแหละนะ...”
“ใช่คนนั้นหรือเปล่าคะที่ผมยาวๆ สีชมพู” แมรีแอนน์ทำตาโตตื่นเต้นกับเด็กห้องสี่ที่ได้รับตำแหน่งมิสไปอย่างสมศักดิ์ศรี เพราะหล่อนเป็นคนหอเดียวกับเธอซึ่งมองใกล้ๆ แล้วเป็นคนที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่งเลย
“ถึงห้องเราจะพลาดฝ่ายหญิง แต่ฝั่งผู้ชายห้องเราได้นะ” แล้วเคจกับลิเลียนก็หัวเราะชอบใจที่อย่างน้อยเพื่อนร่วมห้องก็ได้ตำแหน่งมาคน
“จูเลียสคงได้ล่ะสิ เวลายิ้มดูดีจะตาย” เกล็นว่าทั้งที่รู้อยู่แล้วยังไงก็คงไม่พ้นองค์ชาย
“ผิดจ้า” ลิเลียนปัดมือตอบ “อิกนิสเป็นคนได้แหละ ตอนนี้เจ้าตัวนั่งเครียดอยู่”
“แหม… สมเป็นอิกนิสดีนะคะ” แมรีแอนน์ยิ้มฝืดกับปฏิกิริยาที่สวนทางกันของผู้ชนะ
“ใช่! สมเป็นอิกนิสเลย วูฮู้!” ผู้ชนะตัวจริงนั่งเครียด แต่คนที่รู้เรื่องกลับกู่ร้องดีใจแทนคิดไว้ไม่มีที่จะมีคนติดกับรอยยิ้มสุดสุขุมของอิกนิส
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ ที่พวกเราตามหาพวกเธอก็เพราะคลาริสโวยวายใหญ่เลยน่ะสิที่แพ้ไปแค่คะแนนเดียว” ลิเลียนถอนหายใจเฮือกใหญ่รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับเด็กตัวโตที่งอแง “ตอนนี้ดีลิเซียกำลังช่วยปลอบอยู่ แต่ถ้าไม่ใช่พวกเธอสองคนรับมือไม่ไหวหรอก”
“ให้ตายสิ ทำเหมือนกับว่าพวกเราเป็นพ่อแม่เจ้านั่นเลยนะ” เกล็นเกาหัวที่กลายเป็นความหวังเหล่าเพื่อนไปช่วยปรามคลาริส ส่วนแมรีแอนน์ก็อมยิ้มขบขัน
“สงสัยว่าเราต้องกลับแล้วล่ะค่ะ”
เธอว่าเสียงอ่อน โดยที่เกล็นพยักหน้าเงียบๆ แล้วพากันกลับโรงเรียนเพื่อโอ๋คลาริสที่เจ็บใจอยู่ในห้องเรียนซึ่งใช้พักผ่อนระหว่างทำงานพร้อมกับแก๊งสามสาวที่ลงทุนตามหาพวกเขาท่ามกลางคนหมู่มากซึ่งสนุกไปกับงานเทศกาล ก่อนจะเชยชมงานแสดงจุดพลุยามราตรีส่งท้าย
แล้วในวันรุ่งขึ้นเกล็นก็ส่งจดหมายไปหาเกรกอรี่เรื่องที่เจอกับฮันนาและชายอีกคนในงานเทศกาล
Comments (0)