“อีกไม่กี่วันจะปิดเทอมแล้ว! เกล็นบอกกับตัวเอง ในที่ขณะกำลังนั่งสอบวิชาเศรษฐศาสตร์ด้วยสีหน้าเจ็บปวด ไม่คิดว่าชีวิตที่สองยังต้องวนเวียนกับวิชาที่ไม่ถนัด พอหันดูปฏิกิริยาเพื่อนคนอื่นๆ ก็อุ่นใจที่เห็นชาร์ล็อตกับคลาริสต่างทำหน้าดำคล่ำเครียด แต่มองอีกฝั่งก็นึกหมั่นไส้พวกสมองดีที่สามารถทำข้อสอบอย่างไม่มีปัญหา

จนแล้วจนรอดเกล็นก็สามารถผ่านพ้นแรงกดดันที่ต่างกับตอนสอบกลางเทอมไปได้ด้วยดี การเดินออกจากห้องสี่เหลี่ยมแสนเงียบงันเหมือนดั่งได้รับอิสรภาพ แต่หลังผ่านไปสองวันเพื่อให้นักเรียนเก็บเรี่ยวแรงรอสอบภาคปฏิบัติ เกล็นกลับมาอยู่ภาวะตึงเครียดตอนที่มายืนรวมกลุ่มรวมตัวกันแถวสะพานทางเชื่อมไปยังป่าหลังโรงเรียน เสียงตื่นเต้นของพวกนักเรียนปีหนึ่งคนอื่นไม่สามารถชวนดึงอารมณ์ของเกล็นร่วมได้ กระทั่งได้มีคำพูดหนึ่งเข้าหู ช่วยให้เกล็นลืมเรื่องนั้นไปชั่วครู่

“ดูกลุ่มนั้นของห้องสองสิ...” มันเป็นเสียงกระซิบจากเด็กห้องอื่น ทำให้สายตาหลายคู่จับจ้องมายังกลุ่มของเกล็น เขาเลยฉุกใจคิดถึงภูมิหลังของตัวละครแต่ละคนขึ้นมาได้

“จะว่าไปนี่มันแก๊งเด็กเส้นใหญ่ชัดๆ นี่หว่า”

เกล็นสรุปสั้นๆ พลางปรายตามองแต่ละคน เริ่มจากจูเลียสที่เป็นเจ้าชาย พี่น้องฝาแฝดกับฟิเลน่าก็ลูกขุนนางที่มีชื่อเสียง แมรีแอนน์เป็นทายาทคนปราบมังกรร้ายตัวฉกาจ ชาร์ล็อตเป็นลูกของหนึ่งในผู้บริหารกิลด์ และเขาตระกูลจอมเวทที่ใครๆ ต่างรู้จัก โดยเฉพาะคนในโรงเรียนในฐานะหลานชายอดีตอาจารย์ใหญ่

หลังจากนั้นอาจารย์ได้ส่งสัญญาณให้นักเรียนมาสนใจการสอบ โดยหัวข้อครั้งนี้ต่างจากตอนกลางเทอม ซึ่งเป็นภารกิจตามหากล่องสมบัติที่ซ่อนตามจุดต่างๆ ในสถานที่ที่อาจารย์ได้เขียนคำใบ้เอาไว้

นั่นก็เลยทำให้เกล็นทำหน้าเครียดอีกหน จริงอยู่ว่าเขาจะพอจำที่ซ่อนของได้ แต่มันก็มีความเสี่ยงสูงเหมือนกันที่จะเจอสัตว์ประหลาด เพราะนี่เป็นอีเวนต์เนื้อเรื่องหลักของเกม ที่เหล่าตัวเอกจะต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่เรียกว่า อสูรทมิฬ ซึ่งเกิดจากซากศพของสัตว์ชนิดต่างๆ ด้วยตัวเกมจัดอยู่เรตทั่วไป มอนสเตอร์พวกนี้เลยไม่ได้มีหน้าตาที่น่าขยะแขยงชวนอาเจียน มันยังคงรูปลักษณ์ดั้งเดิมที่อาจจะเห็นกระดูกสีหม่นโผล่ออกมาแต่ก็ไม่น่ากลัวจนลมจบ หรือไม่ก็ออร่าสีดำที่บอกให้รู้ว่าเป็นศัตรู เนื้อตัวเต็มไปด้วยเมือกเหนียวบ่งบอกว่ามันได้ตายไปแล้ว กับดวงตาที่ส่องแสงสีเหลือง ขาว หรือแดง แสดงข้อแตกต่างระหว่างอสูรทมิฬกับสัตว์ทั่วไป

“แต่ตอนนี้มันเป็นของจริงนี่สิ จะเหมือนอย่างในเกมหรือเปล่า”

เด็กหนุ่มขนลุกซู่ไม่อยากนึกสภาพเจ้าอสูรทมิฬที่จะเจอในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แล้วปล่อยให้เพื่อนๆ ยืนล้อมวงแบ่งหน้าที่ อย่างชาร์ล็อตกับอิกนิสที่เคยมาป่าแห่งนี้บ่อยจากที่เรียนวิชาการผจญภัยคอยดูแผนที่ แม้ว่าพวกเขายังจำพื้นที่แบบทุกซอกทุกมุมไม่ได้ และจุดที่ทุกคนยืนทั้งสองคนก็ยังไม่เคยสำรวจมาก่อนว่ามีสัตว์อะไรรออยู่ รู้แค่คราวๆ ว่าแถวนี้มีลักษณะอย่างไร ส่วนจูเลียสแก้โจทย์ร่วมกันกับแมรีแอนน์ โดยมีฟิเลน่าที่ยังวางมาดคอยพูดเปรยๆ เวลาที่เธอคิดคำตอบออก และคลาริสมีหน้าที่ไว้เป็นตัวชนเวลาเจอศัตรู

“ผมคิดว่าน่าจะเป็นถ้ำนะครับ” จูเลียสบอสด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยกล้าฟันธงว่าจะใช่อยากที่คิดหรือไม่ “จากคำใบ้ก็มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นอย่างนั้น”

ถ้าถ้ำแถวนี้ ฉันจำได้อยู่ที่หนึ่ง” ว่าแล้วชาร์ล็อตก็ชี้ลงบนแผนที่ซึ่งจากจุดที่พวกเขาอยู่ไม่ห่างกันเท่าไร “เดินเลาะไปทางนั้นก็ได้ล่ะ”

“แต่เส้นนั้นมันค่อนข้างมืดนะ” อิกนิสส่ายหัวค้านไม่อยากไปพื้นที่ที่มีต้นไม้หนาทึบที่อาจจะสร้างอุปสรรคต่อการมองเห็น

“เราไม่ได้ไปลึกขนาดนั้นหรอก” จากนั้นเด็กสาวผมแดงก็ลากนิ้วอ้อมจุดที่ว่าเล็กน้อย “ต้องอ้อมนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรเนอะ”

“ถ้าเน้นความปลอดภัยฉันเห็นด้วย” ฟิเลน่าว่าขึ้น ดูแล้วเธอคงไม่อยากจะปะทะกับพวกสัตว์ในป่านัก แม้ว่าความอันตรายจัดอยู่ในระดับต่ำและมีอุปกรณ์ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉินที่หน้าตาคล้ายกับพลุแฟร์สีแดงที่เกล็นเคยเห็นในหนังไดโนเสาร์ชื่อดัง

เมื่อตกลงกันแล้วว่าจะใช้แผนเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรเสร็จ ชาร์ล็อตก็เป็นฝ่ายนำทางพาสมาชิกไปยังจุดหมาย โดยอ้อมเขตป่าหนาทึบที่พอมองลึกเข้าไปด้านในมันก็มืดอย่างที่อิกนิสบอก ยากที่จะมองเห็นอะไรได้อย่างชัดเจนและอาจพลาดจนได้รับบาดเจ็บง่ายๆ ระหว่างทางพวกเกล็นก็โบกมือทักกับนักเรียนกลุ่มอื่นที่บังเอิญเจอเข้า บางครั้งก็มีขอความช่วยเหลือใบ้คำตอบเท่าที่สามารถทำได้

เมื่อกลุ่มอื่นหันหลังจากไป กลุ่มเกล็นกลับมาสนใจเส้นทางของตัวเองต่อ กระทั่งชาร์ล็อตได้ยินเสียงพุ่มไม้ขยับเหมือนมีตัวอะไรกำลังเข้าใกล้มา เธอหมุนตัวหรี่ตาเพ่งพิจารณาสิ่งมีชีวิตปริศนาด้านในป่าลึก และเมื่อมีคนหนึ่งแสดงท่าทีผิดปกติคนที่เหลือในกลุ่มจึงหันตามด้วยความอยากรู้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ชาร์ล็อตเบิกตากว้างตกใจที่รู้แล้วว่าตัวประหลาดเจ้าของเสียงคืออะไร เธอรีบตะโกนร้องห้ามทันที

“เกล็นอย่ามอง!

น่าเสียดายที่คำเตือนนั้นส่งไปหาเกล็นช้า เด็กหนุ่มจ้องดวงตาจำนวนมากของสัตว์อสูรที่ปรากฏกายในเงามืด มันส่งเสียงร้องแหลมสูงชวนน่าปวดหูข่มขู่และหมายจู่โจมด้วยขาทั้งแปดใส่ผู้บุกรุกที่บังอาจเข้ามาในอาณาเขตของมัน โชคดีที่ระยะอยู่ห่างพอสมควรทำให้สายต่อสู้อย่างสองพี่น้องสามารถเรียกอาวุธมาตั้งรับการโจมตีได้ทัน ขาของแมงมุมยักษ์จึงเปลี่ยนทิศทองพุ่งใส่กับต้นไม้เกือบหักครึ่ง แล้วในความโชคดีพวกเขาก็ต้องประสบโชคร้ายที่จอมเวทประจำกลุ่มได้เป็นลมล้มพับหมดสติไปเสียแล้ว

 

เกล็นลืมตาตื่นอีกครั้งก็พบว่า ตัวเองอยู่ในสถานที่ที่มีเพดานสีน้ำตาลขรุขระและแสงสีขาวใกล้ดวงตาเหมือนกับตอนที่ลินดาเคยทำให้เขาครั้งแรก เกล็นตั้งสติทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นไล่ตั้งแต่เดินข้ามสะพานเพื่อสอบภาคปฏิบัติเทอมหนึ่ง คุยกันเรื่องจุดซ่อนสมบัติที่ใบ้ว่าน่าจะอยู่ในถ้ำ แล้วจู่ๆ ชาร์ล็อตตะโกนห้ามไม่ให้มอง

“ว้าก!” เกล็นลุกพรวดตื่นตระหนกกับภาพสุดท้ายมันคือสิ่งที่กลัวพอๆ กับสิ่งลี้ลับ ด้วยขนาดของมันทำให้เขาช็อกจยเป็นลมกลางทาง

“คุณฟื้นแล้ว ค่อยยังชั่วหรือยัง?” ถึงจะตกใจที่อีกฝ่ายโวยวายลั่นทำเอาสะดุ้ง แต่ฟิเลน่าก็ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่ได้ตำหนิหรือโกรธพร้อมส่งยาดมคืนก่อนจะลุกไปบอกเพื่อนที่เหลือ

เกล็นรับมาด้วยท่าทีงงงวยพลางยัดตัวขึ้นนั่งพิงกำแพงดินสูดกลิ่นสมุนไพรเข้าเต็มปอดสดชื่นเสียจนทำหน้าเคลิ้มโล่งใจที่ไม่เห็นเจ้าแมงมุมยักษ์นั่นแล้ว สักพักเขาก็สังเกตเพื่อนแต่ละคนที่อยู่ในสภาพเพิ่งคลุกฝุ่นกำลังนั่งพักหายใจ เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มก็หน้าเสียที่กลายเป็นภาระโดยใช่เหตุ แต่ไม่ทันจะลุกไปขอโทษ ชาร์ล็อตที่เห็นเกล็นได้สติก็รีบคลานมาหา

“เกล็น! ฉันขอโทษ” เสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ดังบอกทั้งน้ำตาที่คลอเป้า “ฉันเพิ่งนึกได้ว่าแถวนั้นมันใกล้รังของมัน”

คลาริสที่มาประกบอีกข้างเตรียมอ้าปากเหน็บแนม ทว่าเกล็นยกมือปรามส่ายหัวเชิงบอกช่างมันเถอะ

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ค่อยมาแถวนี้ใช่ไหมล่ะ จะลืมไม่เห็นแปลก อีกอย่างใครจะคิดว่ามันจะโผล่ใกล้แดดขนาดนั้น ถ้าจำไม่ผิดมันชอบที่มืดๆ ตรงไหนมีแสงไม่โผล่ให้เห็น”

ถึงเกล็นจะปลอบไม่ให้คิดมาก แต่ชาร์ล็อตยังนั่งซึมสำนึกผิด

“ว่าแต่มีใครเจ็บหรือเปล่า?” เขาหันไปทางหน่วยพยาบาลของกลุ่มที่ส่ายหน้าตอบ

“ดีที่กลุ่มเราใช้ไฟได้สามคนเลยขู่มันหนีไปได้” แล้วฟิเลน่าก็เล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น หลังจากที่เกล็นสลบ แมรีแอนน์ อิกนิส และจูเลียสช่วยใช้เวทไฟไล่แมงมุม ขณะที่คลาริสเป็นคนแบกเกล็นหนี ส่วนชาร์ล็อตเป็นคนนำทางมาถึงถ้ำที่เป็นเป้าหมาย แล้วที่สภาพดูไม่จืดกันก็เพราะในตอนหนีกันอยู่นั้นดันลื่นตกเนินกันทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครเจ็บตัวนักมีเพียงบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ใช้เวทไม่กี่วินาทีก็หายเป็นปลิดทิ้ง

“แล้วเธอไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม” ชาร์ล็อตถามพลางบีบมือเพื่อนเบาๆ

“อืม... ก็นิดหน่อย แต่ค่อยยังชั่วขึ้นเยอะ...” เกล็นปั้นหน้ายิ้มไม่ชัวร์ว่าตัวเองดีพร้อมหรือไม่ หลังประสบพบเจอของน่ากลัว

“แต่ยาหอมของเกล็นวิเศษมากเลยนะคะ เพิ่งฟื้นแท้ๆ แต่ร่างกายดีขึ้นเป็นกอง” แมรีแอนน์กล่าวชมด้วยแววตาเปล่งประกายจ้องกระบอกยาดมไม่วางตา หลังที่เธอมักเห็นเกล็นพกติดตัวไว้ พอมีอะไรขึ้นมาก็มักหยิบขึ้นมาสูดดมแล้วทำหน้าชื่นใจเสมอ

“เดี๋ยวๆ ไอ้นี่มันไม่ยาครอบจักรวาลนะ” เกล็นยกมือส่ายหัวปฏิเสธทันควันก่อนจะมีคนเข้าใจผิดว่ามันคือยามากสรรพคุณ “มันแค่ให้สดชื่นขึ้นมานิดหน่อยเอง”

“ไหนๆ เกล็นดีขึ้นแล้ว เราจะเอาไงต่อ” อิกนิสขยับสายตามองเพื่อนทุกคน “หรือจะพักอีกสักหน่อย เพราะยังไงเราก็ถึงสถานที่เป้าหมายแล้ว”

“ผมให้เกล็นตัดสินใจเลยครับ” จูเลียสผายมือให้เกล็นเป็นคนตอบ เพราะเป็นคนที่สภาพจิตใจแย่สุดในกลุ่ม คนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วยมองเกล็นเป็นตาเดียวกัน

“อา... ขอโทษที่ทำเสียเวลานะ”

“ช่างมันเถอะ มันเหตุสุดวิสัยนี่นา ฉันเองก็กลัวเหมือนกัน” ฟิเลน่ากอดตัวเองยังรู้สึกขนลุกกับสัตว์อสูรหลายขา

“ระหว่างที่นายนอนพัก เราเข้าไปสำรวจหน่อย ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” คลาริสชูนิ้วโป้งมั่นใจถึงความปลอดภัยเบื้องต้นพร้อมฉีกยิ้มกว้างฟันเรียงสวย

“อืม ตัวจริงก็ฟันฉลาม” เกล็นกะพริบตาปริบๆ นึกถึงภาพล้อเลียนคนดังฟันสวยเทียบกับฉลาม

“ขอบใจนะ” เกล็นยิ้มบางๆ ตอบแล้วยืนขึ้นปัดฝุ่นตามเนื้อตัวเตรียมทำภารกิจสอบต่อ “ฉันดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวเราจะเข้าด้านในสินะ?

“ครับ แต่ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว เราจะทานอาหารก่อนไหม ถือว่าซื้อเวลาให้เกล็นได้พักต่อสักนิดก็ยังดี เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาแล้ว”

“... เดี๋ยวนะ คือฉันขอคิดอะไรแป๊บหนึ่ง”

เกล็นเท้าเอวลูบคางครุ่นคิด ตอนนี้พวกเขาทั้งเจ็ดอยู่ในสถานที่ของอีเวนต์หลักของเกม ซึ่งหากมุ่งหน้าต่อต้องเผชิญหน้ากับอสูรทมิฬอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากทานมื้อกลางวันก่อนต่อสู้ละก็คงจะจบไม่สวยเท่าไรนัก อีกทั้ง…

“ที่นี่จะใช่ที่ที่ถูกต้องเรอะ” เกล็นสงสัยว่าจะใช้สถานที่ที่ถูกต้องจริงไหม แล้วแอบเหลือบทางแมรีแอนน์กำลังพูดคุยกับชาร์ล็อต “หรือว่ายังอยู่ไกลเกินจี้เลยไม่ส่องแสง?”

“อย่าฝืนตัวเองเลยเกล็น ไม่ไหวก็พักก่อนดีกว่า” มือหนาของอิกนิสจับไหล่ปลุกเกล็นจากภวังค์ นัยน์ตาสีดำมองคนตัวสูงที่มีสีหน้าเป็นห่วง

“เปล่าๆ แค่คิดอะไรได้น่ะ” เกล็นรีบทำหน้าทำตาเบิกตากว้างสดใส “ฉันกำลังคิดว่าเราอย่าเพิ่งกินข้าวดีไหม ถ้าเจอตัวอะไรในนั้นคิดว่า... อืม ฉันว่าพวกนายจินตนาการออกนะ”

เพื่อนหกคนเงียบครู่หนึ่ง กระทั่งฟิเลน่าขมวดคิ้วทำหน้าบิดเบี้ยวกับภาพในหัวยกมือเห็นพ้องทันที “ฉันทนหิวได้”

มีคนหนึ่งรู้สึกตัวคนอื่นเลยประกาศทนความหิวตามกันเป็นลำดับ ถือเป็นอันตกลงที่ปาร์ตี้เด็กเส้นเลือกสอบปฏิบัติต่อ พวกเขาจึงเดินเข้าด้านในถ้ำที่บริเวณอุโมงค์หยากไย่ถูกทำลายไว้ล่วงหน้ากันคนกลัวอุ่นใจเวลาเดินผ่าน กระนั้นเขายังเห็นแมงมุมไซซ์ปกติเดินอยู่ดี แต่ยังดีกว่าเจอตัวใหญ่ยักษ์เป็นไหนๆ เลยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ ใช้เวลาไม่นานแสงธรรมชาติก็ไม่สามารถส่องถึง ชาร์ล็อตสังเกตเจอของแปลกตาบนผนังถ้ำในความมืดจึงส่งเสียงทักทุกคนให้หยุดก่อน

“ใครก็ได้ใช้เวทแสงที”

แมรีแอนน์ทำตามที่ชาร์ล็อตบอกใช้เวทแสงสร้างความสว่างภายในถ้ำ ทั้งหมดตกตะลึงกับร่องหินเต็มด้วยน้ำมันที่ทอดยาวลึกลงไปมองออกเลยว่าสถานที่แห่งนี้จงใจสร้างขึ้นเพื่อซ่อนของแน่ๆ เท่ากับว่าอีกไม่นานพวกเขาจะสอบผ่าน

“พวกเราจะใกล้ถึงจุดหมายแล้วสินะ!” คลาริสชกอากาศร้องดีใจคิดว่าได้สมบัติเสร็จจะได้มีเวลาเหลือๆ นอนสบายรอวันปิดเทอม

“จะใช่จริงๆ ไหมนะ ไอ้เราก็ลืมซะด้วยถ้ำไหน” เกล็นแย้งในใจปรายตามองบริเวณระหว่างคอไร้ปฏิกิริยาจากสร้อยคอ ทำให้เขาไม่แน่ใจแล้วว่าใช่ที่เดียวกับคำใบ้ของอาจารย์หรือไม่ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้โอกาสไม่ตรงกับเกมสูงมาก เพราะหากตรงตามเกมจริงๆ ปานนี้จี้เข็มทิศน่าจะต้องทำงานแล้ว “หรือระยะทางจริงยังลึกไม่พอ? พลังเวทของสร้อยกับผลึกเลยไม่ถึงกัน”

เกล็นวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ถ้าคิดตามจริงระยะทางเกมต้องสั้นกว่าของจริง “แต่อย่าประมาทเป็นดีที่สุด”

“ฉันว่าระวังตัวหน่อยดีกว่านะ อาจารย์คงไม่ให้สอบผ่านง่ายๆ หรอก ในนี้อาจจะมีตัวอะไรเฝ้าอยู่ก็ได้” เกล็นเตือนเพื่อนร่วมกลุ่มเตรียมรับมือกับภัยอันตรายกันไว้

“ถ้าเป็นสัตว์ที่อยู่ในถ้ำ แล้วไม่เป็นอันตรายก็มีอยู่ไม่กี่ตัว” ชาร์ล็อตพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจช่วยให้เกล็นคลายกังวล “ไม่สิ ต้องถามว่าใครกลัวอะไรไหม”

“ฉันไม่ชอบพวกแมลง แต่ไม่ได้กลัวถึงขนาดเห็นไม่ได้หรอกนะ” ฟิเลน่าตอบคำถามและไม่ได้วางมาดเหมือนก่อนหน้า “แล้วก็สัตว์เลื้อนคลานก็ด้วย”

“ถ้างั้น… ผมจะอยู่ใกล้ๆ เองครับ อย่างน้อยพอให้คำแนะนำได้ถ้าเจอพวกสัตว์เลื้อนคลาน” จูเลียสอาสาที่อยู่ใกล้ฟิเลน่า เนื่องจากเขาไม่ได้กลัวสัตว์สองประเภทนี้และยังมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลื้อนคลานบ้าง “และถ้าเทียบความสามารถ เดี๋ยวผมจะช่วยสนับสนุนเองครับ”

จูเลียสมองพี่น้องฝาแฝดที่มีประสบการณ์ต่อสู้ระยะประชิดที่ดีกว่า แล้วเปลี่ยนมาทางเกล็นกับแมรีแอนน์ที่สามารถใช้เวทธาตุเอกได้คล่องแคล่ว

“ไหนๆ พูดเรื่องนี้ ผมว่าเราแบ่งหน้าที่กันดีกว่านะครับ พอเจอศัตรูจะได้รับมือได้”

“ดูจากสมาชิกกลุ่มเราก็แบ่งง่ายๆ อยู่นะ”

เป็นอย่างที่อิกนิสว่า แทบไม่ต้องบอกเลยว่าใครอยู่ตำแหน่งไหน ทุกคนล้วนอาสาในหน้าที่ที่ตัวเองถนัด โดยเกล็นกับแมรีแอนน์คือสายเวทไม่ว่าธาตุไหนก็สามารถใช้ได้ อิกนิสกับคลาริสเป็นฝ่ายโจมตีด้านกายภาพ ชาร์ล็อตมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์วิเศษดีคอยให้ข้อมูลว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหนแล้วควรจัดการยังไง จูเลียสอาสาเป็นกำลังเสริมคอยอุดช่องว่าง สุดท้ายคือฟิเลน่าคอยช่วยเหลือด้านรักษา

“ไม่มีปัญหาใช่ไหม?” อิกนิสหันถามคลาริสที่ผงกหัวว่าง่าย

“พร้อมเสมอ!

แฝดคนน้องกระตุกยิ้มถกแขนเสื้อให้กระชับเพื่อจะได้เคลื่อนไหวสะดวกและก้าวเท้านำขบวน บอกเป็นนัยว่าจะเป็นด่านหน้าให้ ทุกคนทยอยตามหลังติดๆ และภาวนาให้ถ้ำนี้มีเป้าหมายรออยู่จะได้ไม่เสียเวลาตามหาที่ใหม่

“เกล็นเป็นอะไรไปเหรอคะ” น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถาม “หรือว่ายังรู้สึกไม่ดี?”

“ไม่ๆ ฉันสบายดี” เกล็นยิ้มตอบกลับ แล้วรีบจ้ำอ้าวหนีแมรีแอนน์ไปอยู่ใกล้คลาริสเพราะกลัวถูกจับพิรุธได้

“ก็ถ้าเป็นไปตามเกม ไอ้ตัวที่เราจะเจอไม่ใช่สัตว์วิเศษทั่วไปน่ะสิ”

ถึงความทรงจำไม่ชัดเจน ทว่าฉากในเกมนั้นจะบรรยายสถานที่เกิดเหตุก่อนพวกตัวเอกจะไปถึงว่ามีสัตว์วิเศษที่ควรสู้ด้วยถูกสังหารจากสิ่งมีชีวิตอื่นที่อันตรายเกินจะอยู่ในเขตโรงเรียน ซึ่งมันคือลูกสมุนของมังกรตัวร้าย สำหรับในเกมถ้าปั้นสเตตัสหรืออัปเลเวลตัวละครดีๆ ก็ไม่ต้องแพ้ แต่ในชีวิตจริงต้องเป็นอะไรที่ตึงมือเด็กนักเรียนวัยรุ่นเช่นพวกเขาอย่างแน่นอน

“ชักอยากหันหลังกลับแล้วสิ”