“โอเคย่า เข้าใจล่ะทำไมถึงทักแบบนั้น”

เกล็นกอดอกพยักหน้าเข้าใจคำพูดของลินดาที่ทักอิกนิสขึ้นมา เพราะไม่ว่าจะตีลังกาท่าไหนดูยังไงก็อิกนิสได้เค้าโครงจากผู้ชายที่เพิ่งเข้าห้องอย่างแน่นอน ต่างแค่เพียงผู้เป็นพ่อมีผิวพรรณขาวจนน่าแปลกใจว่าเขาทำงานเป็นอัศวินจริงๆ เหรอ หรือได้รับตำแหน่งใหญ่โตเลยหันมานั่งทำงานในร่มแทน ผมสีดำตัดสั้นเรียบร้อยและดวงตาสีฟ้าสดใสขัดกับสีหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา…

“เด็กนี่ใครกัน?”

“เหอะ อิกนิสเราเจ๋งกว่าเยอะ” เกล็นทำปากเบ้ทันทีที่ได้ยินเสียงห้าวทักไร้ความเป็นมิตร ช่างเป็นแรกพบที่ประทับใจจนเด็กหนุ่มจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องย่า ก่อนจะมองพ่อของสองแฝดอย่างวิเคราะห์พิจารณา “แต่แบบนี้ก็มองเป็นอิกนิสเวอร์ชันลุงดุๆ ได้เหมือนกันนะ”

ราวกับอ่านความคิดของเกล็นได้ เกรกอรี่จึงโค้งคำนับก่อนแนะนำเกล็นให้รู้จัก

“เขาคือหลานชายของคนที่ดึงหูท่านจากบ่อน้ำพุนั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ ท่านดยุกแห่งนาส”

ว่าจบเกล็นก็โน้มตัวคำนับตามเกรกอรี่ ก่อนจะบอกชื่อเสียงเรียงนาม เป็นลูกหลานของใคร ให้ดยุกแห่งนาสรับทราบ “เกล็น ฮิลเนสัน เป็นหลานคนรองสุดท้ายของคุณย่าลินดา ฮิลเนสันครับ”

“โอ้... หลานท่านอาจารย์ลินดานี่เอง” แม้น้ำเสียงของธีออน ฟรานเซนไทน์ จะเป็นมิตรขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าริมฝีปากนั้นกลับกระตุกขึ้นราวกับรู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังกวนประสาทเขาอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่าเกล็นเองก็กุมความลับอย่างหนึ่งเอาไว้

“กลับบ้านไปได้โดนเผาเรื่องนั้นแน่”

“นี่เป็นการพบส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองให้มากความหรอกค่ะท่าน ยิ่งเป็นหลานท่านอาจารย์ลินดาแล้วอีก ฮุๆ” ทั้งที่หญิงสาวมีใบหน้าดูเข้มงวด แต่น้ำเสียงของเธอนั้นหวานละมุนกลายเป็นคนใจดีทันตาเห็น เธอก้าวประชิดร่างของเกล็นเพื่อสำรวจเล็กน้อย “ชื่อเกล็นสินะจ๊ะ เรียนอยู่ปีไหนเหรอ รุ่นเดียวกับหลุยส์หรือเปล่า... แต่เขาเคยบอกว่าเรียนจบไปแล้วนี่นา”

ในความคิดของเกล็นในตอนนี้ พ่ออิกนิสพอจะรับมือได้ แต่พอเป็นหญิงสาวคนนี้ เด็กหนุ่มกลับมีอาการหลุกหลิกทำตัวไม่ถูก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเธอคือเซซิเลีย อมาดิออส ราชินีแห่งลุสกลอเรีย หรือก็คือผู้เป็นแม่ของจูเลียส

“พะ เพิ่งปีหนึ่งเองครับ…”

“สองคนที่ปู่ว่า พ่อของอิกนิสกับแม่ของจูเลียสสินะ...” เกล็นคิดพลางมองผู้ใหญ่ทั้งสองที่เกรกอรี่เชิญมา

“งั้นอยู่ปีเดียวกับจูเลียสสินะเนี่ย คิดว่าอายุน่าจะพอๆ กับหลุยส์ซะเสียอีก” เสียงละมุนของเธอนั้น ทำเอาเกล็นจินตนาการไม่ออกเลยว่าเวลาสวมบทคุณแม่แล้วจะเป็นยังไง “เอ่อ... เป็นอะไรไปหรือเปล่าจ๊ะ?”

“เด็กคงตกใจจนช็อกไปแล้วล่ะท่านเซซิเลีย” เกรกอรี่เขย่าตัวเกล็นที่ยืนแข็งทื่อทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าคนระดับเบื้องบน ทั้งที่ยังกล้าท้าชนใส่ท่านดยุกอยู่แท้ๆ พอได้สติเขาก็ปั้นหน้ายิ้มเตรียมลาไปเดินเล่นละแวกนี้แทน หลังคิดว่าไม่น่าจะมีเรื่องอะไรคุยต่อกับเจ้าของบ้าน

“ก็อยู่ซะที่นี่สิ” เกรกอรี่รั้งตัว “ลินดาบอกเองว่าจะมารับไม่ใช่รึ ฉันคิดว่าพวกเขาคงอยากคุยตามประสาอาจารย์ลูกศิษย์นะ”

ต่อจากเกล็น คราวนี้เป็นธีออนแสดงกิริยาลุกลี้ลุกลนไม่อยากอยู่นาน ขอให้มหาปราชญ์คุยเรื่องสำคัญไวๆ ไม่สนว่าจะมีคนนอกอยู่ด้วยหรือไม่ จนหญิงสาวร้องเสียดายกลัวว่าระหว่างนั้นลินดาจะมาเสียก่อน ทว่าชายสูงวัยกลับมีทีท่าถ่วงเวลาชอบกล กว่าเกล็นจะร้องอ้อก็ใช้เวลาพอควรว่าเกรกอรี่มีเป้าหมายอะไรจึงทำทีหาเรื่องชวนนอกเรื่องเผื่อส่งผลดีต่อสถานการณ์ภายภาคหน้า

“จริงสิ พวกคุณสนใจซื้อยาดมไหมครับ” ว่าแล้วเกล็นก็หยิบกระปุกโลหะขึ้นโชว์ให้สองชายหญิงเห็นบนฝ่ามือ “มันคือสมุนไพรไว้ดมเวลาเครียดๆ หรือไม่ก็ตอนรู้สึกไม่ค่อยดี ย่า เป็นคนคิดขึ้นมาน่ะครับ”

“ทุกวันนี้อาจารย์ยังปรุงยาอยู่หรือนี่” เซซิเลียที่มีความสัมพันธ์ดีต่อลินดารับยาดมมาลองสูดดมกลิ่นจากสมุนไพรชวนนึกถึงคนรัก “กลิ่นแบบนี้คัลลิดัสน่าจะชอบนะ”

“ครับ หลังเลิกเป็นอาจารย์ก็มาทำอยู่กับคุณพ่อ นานๆ ทีผมก็ไปช่วยบ้าง”

“แล้วถ้าขายเนี่ย ราคาเท่าไรหรือจ๊ะ”

“...” เพราะไม่ได้ตั้งราคาก่อน เด็กหนุ่มเลยไม่สามารถให้คำตอบได้ทันที ดวงตาสีดำกลอกขึ้นเร่งสมองคำนวณราคาซื้อขาย

“ค่าเงินที่โลกนี้อิงตามญี่ปุ่นเป๊ะๆ เพราะงั้นเอาเรตที่จำได้ล่าสุดจำได้ก็… ยี่สิบแปด… ไม่เอาสามสิบดีกว่า กลางๆ จากที่เคยรู้ จะเป็น 20x0.30 ก็เท่ากับ… ไม่สิ ไม่ใช่ คิดไงวะ ช่างล่ะ”

“ร้อยยี่สิบกริดครับ” เกล็นยิ้มตอบพยายามตั้งราคาที่ใกล้เคียงมากสุด

“ถูกจังเลยนะ น่าจะสูงอีกสักหน่อย”

“พอดียังเป็นตัวที่ไม่สมบูรณ์เท่าไรน่ะครับ แต่…คิดอีกทีให้ฟรีน่าจะดีกว่า ฮะๆ...” เกล็นแกล้งทำทีหัวเราะเสียงแห้งเหมือนคนถ่อมตัวที่ไม่มั่นใจในผลงาน

“ไม่ได้นะ ไม่ได้ ของซื้อของขายอนาคตจะให้ฟรีๆ ได้ยังไงกัน” ว่าแล้วองค์ราชินีจ่ายเงินจำนวนสองร้อยกริดให้เด็กหนุ่ม โชคดีสำหรับเขาจริงๆ ที่เซซิเลียพกกระเป๋าเงินเล็กๆ ติดตัวมา “ที่เหลือเป็นเงินค่าขนมนะ”

เธอยิ้มหวานเอ็นดูหลานชายอดีตอาจารย์

“มะ แหม ไม่ดีกว่าครับ ถ้าย่ารู้โดนบ่นแย่แน่เลย” เซซิเลียไม่ตอบอะไร นอกจากยิ้มและบังคับให้เกล็นกำเงิน ซึ่งในวินาทีนี้ในใจของเขาก็ยิ้มกริ่มเรียบร้อย “เอ่อ.. ก็ได้ครับ แล้ว… คุณพ่ออิกนิสสนใจด้วยไหมครับ ผมมีอีกอันหนึ่ง”

“หอมดีนะคะ ท่านอลิสาน่าจะชอบนะ”

ไม่ใช่แค่เป็นของอาจารย์ เพราะอีกฝ่ายเอ่ยชื่อภรรยามาด้วย ธีออนคว้ากระปุกโลหะโดยไม่ลองดมว่าชอบหรือไม่ แล้วจ่ายในราคาร้อยยี่สิบพอดีเป๊ะ

“ที่ซื้อเนี่ยเห็นแก่อาจารย์หรอกนะ” เขาว่าเสียงห้วนไม่สบอารมณ์รู้สึกตัวเองเสียรู้ให้เกล็นชอบกล ยิ่งเห็นมหาปราชญ์ยิ้มมุมปากก็ยิ่งมีความมั่นใจแปลกๆ เพิ่มอีก

แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูดังเรียกบุคคลในห้องให้หันมอง ครั้งนี้ไม่มีการขออนุญาตจากเจ้าบ้าน เมื่อร่างหลังบานประตูคือภรรยาของเกรกอรี่ที่ยิ้มแก้มปริดีใจได้พบเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ พวกเธอหัวเราะคิกคักรำลึกความหลังไม่อายเหล่าเด็กสาวที่เดินตามหลังมา แต่ก่อนที่ลินดาพบอดีตลูกศิษย์ทั้งสองคน หลานชายตัวดีก็ยิ้มหน้าบานพร้อมโบกเงินในมืออวด

“ขายได้แล้วล่ะย่า!

“ดีแล้วนี่” เธอขบขันสุขใจเห็นเกล็นขายของได้สำเร็จ “แล้วใครซื้อล่ะ เกรกอรี่เหรอ?”

“เปล่าครับ คนนั้น” เด็กหนุ่มไม่กล้าเอ่ยนามใช้การหันไปทางเซซิเลียที่ทำตาโตยืนหลังตรง

แล้วเกิดการทักทายวี้ดว้ายตามประสาผู้หญิงจนธีออนพยายามเขยิบหนีหายมุมอับสายตาซ่อนตัวก่อนจะถูกลินดาเห็นตัว แต่ห้องนี้โล่งมีเฟอร์นิเจอร์ไม่มากแถมเขาเป็นชายร่างสูงใหญ่เหมือนลูกก็ไม่มีทางรอดพ้นสายตาไปได้

“จะไปไหนล่ะธีออน” ลินดาถามอารมณ์ดี “จริงสิ วันนี้ฉันเจอลูกแฝดเธอด้วย โตมาแข็งแรงเหมือนพ่อไม่มีผิดน่าปลื้มใจแทนจริงๆ อีกไม่กี่ปีก็สบายแล้วล่ะเด็กๆ โตทำงานได้แล้ว”

“ยะ ยังหรอกครับ คืออีกสองปีลูกสาวก็เข้าเรียนแล้วเหมือนกัน…” จากท่าทีแข็งกระด้างกลายเป็นนอบน้อมในบัดดล ลินดาที่ได้ยินถึงกับผงะ

“มีลูกสาวอีกคนด้วยเหรอ แหม คุณแม่เธอคงมีความสุขน่าดู เพราะเคยเปรยๆ ว่าอยากจะมีลูกสาวอีกสักคนมาแต่งตัวกันสองคนแม่ลูก ส่วนคนนี้ก็หมดห่วงแล้วสิ องค์ชายจูเลียสคนสุดท้ายเนอะจะเรียนจบหรือไง?”

“ยังค่ะ จูเลียสเพิ่งเข้าเรียนปีนี้เองค่ะ ไม่คิดว่าจะรุ่นเดียวกันหลานท่านอาจารย์”

“แสดงว่าอีกสามปีสินะ” ลินดาผงกศีรษะ “สามปีมันแป๊บเดียวเดี๋ยวก็จบแล้ว จะได้สบายๆ สักทีนะ”

“นั่นสิเนอะ เรียนจบ ทำงานหาเงินเองแบบสุจริตได้ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว จะห่วงอีกทีตอนมีแฟนเนี่ยแหละได้คนดีไม่ดีมาก็ไม่รู้” เกล็นหลับตาเข้าใจหัวอกความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่มานิดหน่อย “ชาร์ล็อตเองก็ด้วยสินะ จบจากนี้ก็เรียนต่ออีกสองปี ยัยนั่นทำได้อยู่แล้วล่ะ… อะไรวะเนี่ย แป๊บๆ ก็โตซะแล้วหรือนี่... จริงสิจะว่าไปเจ้าตัวล่ะ?”

“ย่าแล้วชาร์ล็อตล่ะ เพิ่งได้ยินอยู่ตะกี้เอง”

“ตายจริง ลืมว่าจะพามาทักทายเกรกอรี่ก่อนกลับ มาๆ เข้ามาสิจ๊ะ” ลินดากวักมือเรียกสองเด็กสาวที่ไม่กล้าเข้าห้องหลังได้ยินเสียพวกผู้ใหญ่คุยกันอย่างครื้นเครง ยิ่งหนึ่งในนั้นเป็นผู้ปกครองประเทศยิ่งไม่กล้าเข้าไปอีก

ร่างชาร์ล็อตโผล่พ้นประตูก่อนเธอก้าวเดินแข็งราวกับหุ่นกระบอกมายืนข้างเกล็นหวังคลายกังวล และเมื่อแมรีแอนน์ปรากฏตัวตามมา เซซิเลียเบิกกว้างยกมือป้องปากแสดงปฏิกิริยาชัดเจนที่สุด เธอค่อยๆ ขยับเข้าหาเด็กสาวผู้มาใหม่ด้วยความรู้สึกโหยหาอย่างบอกไม่ถูก

เกล็นกับเกรกอรี่สบตาหากันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งคู่ต่างมีลางสังหรณ์ว่าปล่อยไว้แบบนี้คงอาจจะส่งผลอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มจึงอ้าปากโพล่งเรียกความสนใจทุกคนในห้อง

“จริงสิแมรีแอนน์ อยากฟ้องว่าคลาริสแกล้งอะไรมั้งบอกน้าคนนี้ได้เลยนะ” เขาชี้ไปทางธีออน

แมรีแอนน์รู้เช่นนั้นก็เดินดุ่มๆ หยุดตรงหน้าชายวัยกลางคน พอเขาเห็นหน้าสาววัยรุ่นคนนี้ทำหน้าขึงขังก็นึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นที่ไหนใกล้ๆ ตัว จากนั้นวีรกรรมหลายอย่างเกี่ยวกับคลาริสก็พลั้งพรูออกจากจนเล่าวนไม่รู้จักจบ จนธีออนต้องยกมือปราบให้เธอหยุดและพักหายใจ รู้แล้วว่าทำไมลูกชายชอบแกล้งนักหนา

“เดี๋ยวจะคุยกับคลาริสให้...” เขาบอกสั้นๆ ด้วยใบหน้าลำบากใจที่อีกฝ่าย

“แล้วก็จะโดนสวนกลับ...” เกล็นคิดในใจขึ้นอัตโนมัติเหงื่อตกที่อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าที่ธีออนจะถูกลูกชายคนรองแซวเรื่องสมัยวัยรุ่น

“ว่าแต่คุณหนูคนนี้เป็นใครเหรอ?”

ชายสูงวัยเจ้าสำอางแกล้งถามให้สถานการณ์ไหลลื่น แมรีแอนน์จึงรีบแนะนำตัวกับผู้ใหญ่หน้าใหม่ ตามมาด้วยชาร์ล็อตเป็นคนถัดมา เซซิเลียกับธีออนตอบชื่อเสียงเรียงนามกลับเป็นมารยาทและขอให้เด็กสาวผ่อนคลายคิดเสียว่าพวกเขาคือพ่อแม่เพื่อนธรรมดา

“แล้วคุณหนูไบลธ์บ้านอยู่มอสเซียน่าเหมือนกันเหรอจ๊ะ” เซซิเลียคาดเดาลองถาม ทว่าคุณหนูเจ้าของชื่อส่ายหัวเป็นคำตอบพร้อมแจ้งที่อยู่จริง

“หนูอยู่ริโคนิกค่ะ แต่พอดีวันนี้คุณพ่อคุณแม่อยากมาเคารพท่านเบเลธ พวกเราเลยนัดมาที่นี่ แล้วบังเอิญพวกเกล็นก็มาด้วยเลยขออาศัยติดรถมาด้วยน่ะค่ะ”

“แหม ดีจังเลย” หญิงสาวปรบมือทีหนึ่งเบาๆ ดีใจที่ผู้ปกครองมากับแมรีแอนน์ด้วย “ไหนๆ แล้วขอพบพวกท่านได้หรือเปล่าจ๊ะ อย่างน้อยๆ ขอทักทายสักหน่อยในฐานะผู้ปกครอง”

“เอ่อ เรื่องนั้น...” ว่าแล้วนัยน์ตาสีชมพูคู่หวานหลุบลงอย่างเศร้าๆ “ถ้าไม่รังเกียจพบคุณพ่อคนเดียวได้ไหมคะ คือสุขภาพคุณแม่ไม่ค่อยแข็งแรง ระหว่างนี้เลยอยากให้พักผ่อนก่อนเดินทางกลับน่ะค่ะ”

ไม่ทันเซซิเลียได้เอ่ยอะไรต่อ ธีออนจับไหล่หญิงสาวเชิงปรามขอให้หยุดซักไซ้

“พวกเขาคงเดินทางมาไกลให้พักผ่อนเถอะ”

เหตุผลนี้ราชินีสาวจึงยอมถอยแต่โดยดี

“ย่ามีอะไรอีกหรือเปล่า?” เกล็นหันไปถามหญิงสูงวัย

“จริงๆ ก็... ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้คุยกันนานเท่าไร” ลินดาว่าพลางมองนาฬิกาในห้อง “อีกอย่างย่าว่าเราคงต้องเริ่มออกเดินทางได้แล้วล่ะ”

“น่าเสียดายจริงๆ ด้วยนะคะ ต่อให้ใช้มูเอลก์เดินทางจากนี้กว่าจะถึงมอสเซียน่าคงมืดค่ำ อันตรายน่าดู” เซซิเลียกล่าวและอวยพรการเดินทาง “เช่นนั้นขอให้ท่านอาจารย์เดินทางปลอดภัยนะคะ แล้วก็คุณหนูไบลธ์ก็ด้วย รบกวนฝากทักทายคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะจ๊ะ หากมีโอกาสได้จิบน้ำชากันสักครั้งคงดีไม่น้อย”

แมรีแอนน์พยักหน้าอมยิ้มเขินอายที่คนระดับนี้เชิญชวนครอบครัวดื่มชาเป็นการตกลง

และแล้วทุกคนในห้องต่างอำลากันอีกหนเป็นกิจจะลักษณะ ลินดาพาพวกสาวๆ กลับไปยังรถม้าที่จอดรออยู่หน้าบ้านของมหาปราชญ์พลางคุยว่าจะส่งแมรีแอนน์กลับโรงแรมที่พ่อแม่เธอพักอยู่ ส่วนเกล็นรับอาสาปิดประตูเพื่อสังเกตปฏิกิริยาบุคคลในห้อง สิ่งที่เห็นเป็นภาพสุดท้ายก่อนจากคือใบหน้าเซซิเลียฟุบลงบนฝ่ามือร้องไห้...