“ว้าย เกล็น! จะหกแล้ว!” แมรีแอนน์ร้องขึ้นเมื่อเห็นไส้แซนด์วิชค่อยๆ ไหลออกจากขนมปัง เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงก่อนจะรรับเอามือมารอง

“เกือบไปแล้ว” เกล็นพรูลมหายใจที่ยังไม่เสียมื้อกลางวัน แม้ว่ามือจะเลอะซอสก็ตาม “เดี๋ยวฉันไปล้างมือแป๊บ”

เกล็นบอกกับเพื่อนก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำ เมื่ออยู่ห่างสายตาจากทุกคนในกลุ่ม เขาก็ถอนหายใจหนักที่คิดมากว่าจะเข้าเมืองเพื่อไปหาซื้อของขวัญให้แมรีแอนน์ที่กำลังจะมาถึง ทว่าก็ไม่กล้าเตร็ดเตร่เท่าไรนัก เพราะกลัวว่าจะไปปะหน้ากับเหล่าตัวร้าย ซึ่งถ้าคนที่เจอเป็นซิกมุนท์และดันทำตัวส่อพิรุธขึ้นมา มีหวังโดนสงสัยและถูกอ่านความทรงจำ แล้วเหตุการณ์ก็จะกลับตาลปัตรเกินกว่าจะรับมือ

“หรือตัวเราจะคิดมากไปเอง?” เขาทวนถามกับตัวเองพลางลูบอกและส่ายหัวไปมา แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะหลังล้างมือเสร็จ “เอาเป็นว่าระวังรอบตัวไว้ดีกว่า เพราะยังไงก็ต้องออกไปหาแหล่งซื้อของมาทำตุ๊กตาด้วย”

พอเกล็นมาถึงโต๊ะเพื่อจะทานแซนด์วิชต่อให้หมด ก็สังเกตว่าพวกผู้หญิงไม่ได้อยู่แล้ว

“อ้าว พวกชาร์ล็อตไปไหนน่ะ”

“เห็นว่ามีนัดคุยว่าจะทำตุ๊กตาอะไรที่ห้องน่ะครับ” จูเลียสตอบข้อสงสัยให้ แต่นั่นทำให้คิ้วเกล็นเลิกสูง

“แล้วไม่ชวนคนอื่นด้วยเนี่ยนะ”

“เอ่อ... คงรำคาญพวกผู้ชายเอาแต่เล่นล่ะมั้งครับ...” องค์ชายพูดอ้ำอึ้งไม่แน่ใจเหตุผลพวกผู้หญิงเท่าไร เลยได้แค่คาดเดาว่าน่าจะเบื่อกลุ่มเด็กผู้ชายที่ดูไม่จริงจังกับเรื่องทำตุ๊กตา

“เอาเถอะ ฉันก็ไม่ได้หวังอะไรมากหรอก ขอแค่ทำให้ทันคนละสามตัวตามแผนก็พอแล้ว” เกล็นทำสีหน้าเหนื่อยใจในฐานะหัวหน้าโครงการที่ต้องคอยดูแลภาพรวมกิจกรรมของห้อง “หวังว่าจะไม่มีคนโดดระหว่างที่สอนนะ”

“คงไม่มีหรอก ขืนทำงั้นได้โดนยัยนั่นโวยเอาแน่” คลาริสพูดขึ้นหลังกลืนอาหารลงคอ โดยยัยนั่นที่เขาว่าคือฟิเลน่าซึ่งเป็นคนกำหนดตารางเวลาหลังเลิกเรียนให้กับทุกคนในห้อง เท่าที่ฟังลิเลียนเล่าต่อมาอีกทีดูท่าคุณหนูคนนั้นไม่อยากให้แผนขายตุ๊กตาล้มจนต้องเปลี่ยนไปขายอาหาร เพราะไม่อยากเจอไอร้อนจากไฟทำอาหาร แล้วก็ไม่มีใครกล้าขัดขืนนัก เพราะไม่อยากถูกเสียงแว้ดๆ ด่า กลายเป็นว่าฟิเลน่าช่วยแบ่งเบาภาระให้เกล็นได้โดยไม่รู้ตัว

หลังคุยกันอีกสักพัก ทุกคนก็กินข้าวกลางวันเสร็จก็ลุกไปเก็บถาดอาหาร เกล็นขอแยกตัวกลับห้องเรียนเพื่อจะไปดูว่าพวกเพื่อนผู้หญิงวางแผนจะทำอะไรบ้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ไม่ทันจะต่างคนต่างไปพักผ่อนตามอัธยาศัย จู่ๆ ก็มีเสียงโหวกเหวกตะโกนเรียกเห็นจากด้านหลัง เจ้าของชื่อจึงหันไปมองพบเพื่อนร่วมห้องชายวิ่งหน้าตาตื่น พอมาถึงเขาหยุดพักหายใจก่อนรีบบอกเหตุผลที่ตามหาเกล็น

“ยะ แย่แล้ว พวกยูเรลล่ากำลังทะเลาะกับเด็กห้องสามแถวห้องเรียน!

“หะ!” เกล็นอุทานลั่นตกใจพร้อมยกมือตบหน้าผาก ไม่อยากเชื่อตั้งแต่เปิดเทอมแรกยันปัจจุบันชีวิตเขาต้องพัวพันอยู่กับคนทะเลาะกันบ่อยอะไรขนาดนี้

“โอย วัวไม่ทันหาย ควายก็แทรก[1]เข้ามาเฉย” เขากลอกตาหน่ายกับปัญหาที่เรื่องเดือดร้อนเก่ายังไม่ทันหมดก็มีเรื่องใหม่เข้ามา แล้วชักไม่เข้าใจว่าตอนนี้เขากลายเป็นกรรมการห้ามมวยในสายตาเพื่อนร่วมห้องแล้วหรือยังไง หลังจากที่ต้องคอยปรามชาร์ล็อตกับคลาริสต่อปากต่อคำใส่กัน

จากนั้นเกล็นก็รีบมุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่เพื่อนบอกพร้อมกับพวกคลาริสที่ตามหลังมา พอมาถึงระเบียงทางเดินใกล้ห้องเรียนประจำ ภาพที่ทุกคนในบริเวณนั้นเห็นคือเด็กผู้หญิงสองกลุ่มยืนประจันหน้าใส่กัน ซึ่งเด็กคนหนึ่งถ้ามองผิวเผินจากด้านหลังชวนเข้าใจผิดว่าเป็นแมรีแอนน์ เพราะเธอมีผมยาวสีเขียวอ่อนและไว้ยาวพอๆ กันเหมือนกันต่างแค่ทรงผมของหล่อนจะมัดเป็นแกละรวบต่ำ

แล้วพอเหลือบตาไปทางเพื่อนร่วมห้องก็จะเห็นชาร์ล็อตกับเคจยืนข้างขนาบข้างฟิเลน่าที่ดูราวกับเป็นหัวหน้ากลุ่ม ส่วนแมรีแอนน์ยืนทำหน้าลำบากใจโอบไหล่ลิเลียนที่กุมแก้มแดง ดังนั้นเกล็นจึงต้องเข้าไปแทรกระหว่างฟิเลน่ากับเด็กห้องสาม

“เอ่อ… ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ช่วยต่างคนต่างไปก่อนดีไหม?” เกล็นปั้นเสียงอ่อนหวานขอร้องให้สาวๆ หยุดเรื่องบาดหมางกันก่อนที่อาจารย์จะรู้เรื่อง

“อย่ามาสอดไม่เข้าเรื่อง!” เด็กสาวหัวโจกจากห้องสามแผดเสียงสูงใส่ ทำเอาคนตรงกลางกระตุกยิ้มไม่สบอารมณ์ที่โดนหัวเสียใส่

“คุณฮิลเนสันกรุณาถอยไป นี่มันปัญหาฉันกับแม่นั่น” ฟิเลน่าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังบอกพร้อมชี้หน้าและไม่วายด่าคู่กรณี “ทำตัวหมาหมู่แบบนั้นมันน่าทุเรศ”

“เหอะ! บอกคนของตัวเองก่อนเถอะย่ะว่าเลิกปากดีใส่คนอื่น” เด็กห้องสามกอดอกเชิดหน้าขึ้นและใช้สายตาเหยียดหยามมองไปลิเลียนที่ขมวดคิ้ว

“ฉันก็แค่พูดให้สมองน้อยๆ ของเธอรู้จักโตบ้างก็แค่เท่านั้นเอง” ลิเลียนโต้กลับจนเกล็นยังตกใจทำตาโตกับคำพูดนั้น

“ละ ลิเลียนไม่เอาน่า…” แมรีแอนน์เขย่าร่างคนในอ้อมแขนปรามเบาๆ

“ก็บอกให้หยุดไง!” เกล็นขึ้นเสียงตวัดตามองอย่างคาดโทษทั้งลิเลียนและเด็กจากห้องสาม

“แต่ยัยโจเอลตบลิเลียนนะ!” เคจโพล่งเสียงขุ่นที่โดนห้าม ขณะที่คนชื่อโจเอลเบือนหน้าหนีตีหน้าไม่คิดว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็นเรื่องผิด

“โอ้ย อยากจะบอกตบๆ กันไปซะให้สิ้นเรื่องจริงๆ เว้ย” คนกลางสะบัดหัวไล่ความคิดในหัวออกและพยายามนับหนึ่งถึงสิบเพื่อตั้งสติ

“ถามจริงนะ ทะเลาะแล้วได้อะไร” จากที่ยืนหันหลังให้ฟิเลน่า เกล็นได้เปลี่ยนตำแหน่งให้เห็นสีหน้าทั้งสองฝ่าย

ด้วยคำถามนั้นของเกล็น กลุ่มฝั่งฟิเลน่ามีท่าทีที่ยอมอ่อนข้อลงด้วยการลดแขนที่กอดอกหรือเท้าเอวลง แต่ด้านพวกโจเอลที่ไม่เคยรู้จักเกล็นมาก่อนยังแสดงความเย่อหยิ่ง

“อย่าคิดว่ารู้จักกับอาจารย์แล้วฉันไม่กล้าทำอะไร” โจเอลเหยียดเสียงพูดเป็นการข่มขู่อีกฝ่ายที่ทำหน้านิ่งไม่กลัวคำพูดของหล่อน

“ใช่ ฉันเองก็ไม่กลัวเธอด้วยเหมือนกัน” เกล็นยอกย้อนกลับด้วยสีหน้าชวนให้โจเอลอยากจะกรีดร้องที่มีคนทำตัวปั่นประสาท

“ก็แค่ตระกูลจอมเวทเก่าแก่เท่านั้นไม่ต้องทำมาอวดเบ่งเลย”

“อ้าว งั้นเธอก็แค่ตระกูลขุนนางเหมือนกันคนอื่นในโรงเรียนเหมือนกัน” เกล็นยังสวนคำพูดของโจเอลกลับ “เพราะงั้นต่างคนต่างแยกย้ายเข้าห้องเรียนซะ”

แล้วเขาก็ผายมือเชิงสัญลักษณ์ให้ต่างกลุ่มแยกเข้าห้องเรียนของแต่ละคน พวกฟิเลน่าใช้สายตามองซึ่งกันและกันพยักหน้าตกลงทำตามที่เกล็นว่า เพราะตอนนี้พวกเธออยากพาลิเลียนเข้าห้องมากกว่ายืนทะเลาะแบะแว้งต่อ แต่โจเอลที่เห็นปฏิกิริยาว่าคู่กรณีจะถอยก็ส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน

“ตายๆ เดี๋ยวยูเรลล่าผู้สูงศักดิ์มาเชื่อฟังคำพูดของพวกจอมเวทแล้วเรอะ แต่ก็ไม่แปลกในเมื่อยังลดตัวไปคลุกคลีกับสามัญชนอีก”

“นี่หล่อน!” เคจที่อยู่ใกล้สุดพุ่งตัวเข้าใส่โจเอล แต่โชคยังดีที่เกล็นสามารถกั้นเธอได้ทัน เขามองตาแล้วส่ายหัวเชิงบอกอย่าไม่ใส่ใจ

“เอาล่ะ อีกฝ่ายเขายอมถอยแล้ว เธอก็พอได้แล้วกลับห้องเรียนไปเถอะ” เกล็นหันบอกหัวโจกอีกกลุ่มที่แสดงสีหน้าและแววตาไม่ยี่หระต่อคำพูดของเขา เกล็นถึงกับเกาหัวแกรกๆ พึมพำ “ทำตัวเป็นเด็กฟังคำพูดไม่รู้เรื่องไปได้”

“นี่แกเมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ” โจเอลทำหน้าถมึงทึงเค้นคำพูดเมื่อครู่ของเกล็น ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงพูดซ้ำสองให้หล่อนได้ยินชัดๆ

“ทำตัวเป็นเด็กฟังคำพูดไม่รู้เรื่องไปได้… โอ้ย!” มันรวดเร็วเกิดว่าที่เกล็นจะตั้งสติได้ทัน ที่จู่ๆ มีฝ่ามือกระแทกเข้าใบหน้าอย่างจัง เขาเบิกตามองเจ้าของแรงตบที่ยืนชักสีหน้าราวกับเป็นยักษ์เป็นมาร เข้าใจแล้วว่าทำไมลิเลียนถึงถูกตบ แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นเกล็นได้ยินเสียงร้องจากพวกสาวๆ ไม่นานชาร์ล็อตรีบจับไหล่เขาและถามถึงอาการด้วยน้ำเสียงร้อนรน แล้วภาพต่อมาเป็นแมรีแอนน์ที่พุ่งตรงไปผลักโจเอลจนเซถอยหลังโดยมีพวกเพื่อนของหล่อนช่วยพยุงไม่ให้ล้ม

“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!” ทันทีเกล็นได้สติเขารีบตะโกนห้ามพร้อมดึงตัวแมรีแอนน์ออกห่างจากพวกของโจเอล ก่อนจะเกิดเรื่องชุลมุนตามมา ชาร์ล็อตที่รู้ว่าควรทำอะไรต่อก็พาแมรีแอนน์ที่แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวเหมือนตอนทะเลาะกับฟิเลน่าแยกจากกลุ่มด้วยการพากลับเข้าห้องเรียนซึ่งอยู่ใกล้ๆ

“นี่เธอตบฉันทำไมเนี่ย!?” เกล็นถามหาเหตุผลจากโจเอลที่ยืนหน้าบูดหน้าเบี้ยว

“มันก็สมควรกับที่แกพ่นออกมานั่นแหละ” นั่นคือคำตอบของเธอคนนั้นที่ทำเอาเด็กหนุ่มสมองตื้อไปชั่วครู่

“แล้วคุณฮิลเนสันพูดอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ” ฟิเลน่าที่ยังอยู่ยืนกอดอกย้อนถามด้วยน้ำเสียงเหยียดพร้อมใช้สายตามองเท้าจรดหัวโจเอล “ฉันว่าเขาก็พูดถูกนะ โตขนาดนี้ยังทำตัวเป็นเด็กที่ฟังคำพูดไม่รู้เรื่องน่ะ”

“นังนี่!” โจเอลเงื้อมือขึ้นจะตบคนพูดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีจูเลียสคว้ามือของโจเอลได้ทันทำให้ฟิเลน่ารอดจากการเจ็บตัว

และการปรากฏตัวของจูเลียสนี้ ทำให้กลุ่มของโจเอลเริ่มระสับระส่ายไม่กล้าวางมาดถือตัวเหมือนตอนแรก เพราะเกรงกลัวต่อตำแหน่งของจูเลียสที่สูงสุดในบรรดานักเรียนชั้นปีหนึ่ง หนึ่งในกลุ่มจึงสะกิดโจเอลให้หยุดเพียงแค่นี้ แต่องค์ชายก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักเรียนสลายตัวแยกย้ายกลับห้องเรียน เพราะพวกเขาต่างได้ยินเสียงอาจารย์ดังไล่จากด้านหลังถามว่าเกิดอะไรขึ้น คลาริสจึงรีบพาเกล็นเข้าห้องเพื่อไม่ให้อาจารย์เห็นร่องรอยบนใบหน้า ถ้าเกิดเห็นขึ้นมาเรื่องคงบานปลายมากกว่านี้

เมื่อต่างคนแยกย้ายเข้าห้องเรียนประจำได้สำเร็จ เกล็นร้องโอดครวญรู้สึกเจ็บแปล็บบริเวณแก้ม

“ไปห้องพยาบาลไหม” ชาร์ล็อตถามอย่างเป็นห่วง ข้างๆ กันมีแมรีแอนน์ที่นั่งคอตกสลดกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป

“ไม่จำเป็นไร” ฟิเลน่าที่เดินมาแถวโต๊ะเกล็นพูดขึ้นก่อนจะใช้เวทแสงรักษาบาดแผลให้ “เห็นรอยเล็บแม่นั่นแล้วมันหงุดหงิดแค่เท่านั้นเอง”

เธอชิงตอบก่อนที่เกล็นจะขอบคุณ

“ว่าแต่แม่นั่นมันเป็นใครน่ะ” เห็นว่าบาดแผลของเกล็นถูกรักษาหาย ชาร์ล็อตหันไปถามชื่อเสียงเรียงนามของโจเอลจากฟิเลน่า

“โจเอล บาสกิ้น ยัยอวดดีลืมกำพืด” เคจที่ยังไม่หายโมโหเป็นคนตอบแทน

“โทษนะ เมื่อกี้เขาชื่ออะไรนะ” เกล็นที่คุ้นหูทวนถามชื่ออีกหน

“โจเอล บาสกิ้น” ฟิเลน่ากัดฟันย้ำราวกับไม่อยากพูดชื่อนี้

“บาส…กิ้น… บาสกิ้น…” เกล็นพึมพำเสียงเบาพยายามคิดว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาจากไหน แต่เมื่อเขาหมุนตัวไปทางแมรีแอนน์ ใบหน้าเขาก็ซีดเผือดแล้วหลับตาลงเพื่อปรับความรู้สึกหลังจำได้แล้วว่าโดมินิกเคยพูดชื่อนี้ออกมา

“(เชี่ย! คือโลกกลมหรืออะไรวะ!)” เขาร้องเสียงหลงเป็นภาษาพิลึกแล้วเดินวนไปวนมาสร้างความสงสัยให้กับพวกเพื่อนในห้องที่ยืนล้อมวงรอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นจากพวกฟิเลน่า

“เดี๋ยวนะๆ แม่ของแมรีแอนน์เป็นลูกนอกสมรสขากบาสกิ้ล เท่ากับว่า!หลังจากนั้นเกล็นก็มาหยุดตรงหน้าแมรีแอนน์จ้องเธอเมื่อปะติดปะต่อความเป็นไปได้ “แมรีแอนน์กับโจเอลคนนั้นเป็นญาติกัน!?”

“ตานั่นเป็นอะไรไปน่ะ” ฟิเลน่ากระซิบถามชาร์ล็อตขณะมองเกล็นด้วยสายตาฉงนสงสัยกับความแปลกที่เพิ่งเห็นเจอครั้งแรก

“คงคิดอะไรได้ล่ะมั้ง แต่ถ้าถามไปเธอไม่ได้คำตอบหรอกนะ” ชาร์ล็อตเอียงตัวเล็กน้อยตอบกลับเสียงเบาลืมไปเลยว่าเมื่อเทอมหนึ่งยังบาดหมางวางมาดใส่กันอยู่ “แต่ไม่คิดเลยนะว่าแม่โจเอลนั่นจะโมโหร้ายขนาดนั้น”

“อย่าว่าแต่เธอเลยชาร์ล็อต ฉันเองก็งงเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะกล้าทำขนาดนั้น” จากนั้นลิเลียนก็เล่าย้อนก่อนที่จะถูกตบว่าตัวเธอนั้นกำลังเดินกลับห้องหลังกลับไปเอาผ้าเช็ดหน้าที่ลืมในห้องน้ำ แล้วจู่ๆ ก็ถูกพวกโจเอลหาเรื่องระหว่างทาง ทีแรกลิเลียนไม่ได้สนใจแต่กลับถูกรั้งตัวเอาไว้ “แน่นอนฉันก็โกรธสิ ถึงได้บอกว่าหัดโตได้แล้วน่ะสิ”

“ก็อย่างที่เธอพูดซ้ำไปนั่นแหละ สมองเล็กๆ แบบนั้นคิดไม่ได้หรอก” ฟิเลน่าพูดจาเหน็บแนมลับหลังเห็นด้วยกับลิเลียนก่อนหน้านั้น สักพักก็หันไปทางแมรีแอนน์พร้อมยกมุมปาก “ที่เธอผลักแม่นั่น ฉันชอบนะ”

“แต่ฉันคิดว่าทำตัวไม่ได้เรื่องเลยค่ะ..” แมรีแอนน์ตอบกลับเสียงอ่อยรู้สึกแย่ที่ผลักโจเอล ทำเอาฟิเลน่าส่ายหัวหน่ายๆ

“เธอมันแม่พระจังจริงๆ เอาเถอะ หวังว่าแม่นั่นจะเลิกทำตัวพรรค์นั้น” ฟิเลน่าถอนหายใจหนักไม่พอใจแมรีแอนน์เล็กๆ ทว่าสิ่งที่พูดออกมาก็เป็นความจริงเธอจึงพูดอะไรมากไม่ได้

จากนั้นพวกผู้หญิงก็จับกลุ่มกันนินทาโจเอลกันต่อ ขณะที่เกล็นได้แต่ปลงว่าปัญหานี้น่าจะไม่เลิกง่ายๆ แน่ แต่เมื่อปรายตามองแมรีแอนน์ที่นั่งแยกอยู่ตามลำพัง เขาก็ไม่อยากเชื่อว่าสองคนนี้จะเป็นญาติกัน ยิ่งทำให้เกล็นรู้สึกว่าต้องเก็บความลับของเธอให้มากขึ้น เพราะมีลางสังหรณ์ว่าตระกูลบาสกิ้นดูท่าจะเป็นครอบครัวไม่ได้เรื่องในสายตาคนนอกที่รับฟังมาอย่างเขา หากพวกนั้นรู้สถานะแมรีแอนน์เมื่อไรความปลอดภัยของเธอก็ลดลงต่ำ

ทว่าขณะเดียวกันนั้นเกล็นก็ไม่รู้ตัวเลยว่าชาร์ล็อตกำลังจับจ้องเขาด้วยความสงสัย



[1] มาจากสำนวนเต็มๆ ว่า ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก