43 ตอน บทที่ 42: ประชุมร่วม
โดย RiFourver
(มังกร!) เกล็นเบิกกว้างตื่นเต้นเมื่อได้เห็นสัตว์ในจินตนาการเมื่อชาติก่อนตัวเป็นๆ ต่อหน้า กระนั้นเหล่าเด็กวัยรุ่นอีกสี่ชีวิตกลับแสดงท่าทีแข็งทื่อเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพมังกร ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังส่งเสียงโหวกเหวกตอนเจอหน้าอยู่แท้ๆ เพราะต่างคนต่างตกใจที่เจอกันในมหาวิหารตามนัดของมหาปราชญ์ที่อยากคุยเรื่องภารกิจอนาคตก่อนเปิดเทอม
“พวกเธอมานั่งนี่สิ” เกรกอรี่ลากเก้าอี้เหล็กดัดสีขาวเป็นสัญญานชวนให้พวกเด็กๆ มานั่ง โดยบนโต๊ะที่ปูด้วยผ้าสีขาวก็จัดเตรียมเครื่องดื่มและอาหารทานเล่นต้อนรับ เกล็นที่เลิกหวั่นวิตกเดินเข้ามาสำรวจ ขณะที่โดมินิกที่มาด้วยกันก็ออกจากห้องไปทั้งที่เพิ่งมาถึงกันไม่นาน
(ทำอย่างกับมาคุยเล่นเลยวุ้ย) เกล็นคิดพลางเลือกนั่งใกล้ถาดขนม ชาร์ล็อตจึงเลือกตัวที่ใกล้เขาและมีแมรีแอนน์นั่งถัดไป สองพี่น้องเลยนั่งฝั่งตรงข้ามกับพวกเกล็นไปโดยปริยาย แล้วพอเกล็นปรายตามองเทพมังกรอีกครั้ง เขาก็รู้สึกว่าเบเลธกำลังส่งยิ้มแบบกรุ้มกริ่มให้ ส่วนชายชราก็กระแอม ดึงความสนใจของทุกคน
“เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ฉันจะขออธิบายอีกรอบนะ”
หลังจากนั้นเกรกอรี่ก็เริ่มพูดเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นใหม่อีกครั้ง นั่นเลยทำให้สายตาทั้งสี่คู่หันมองมายังเกล็นที่รู้เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นจากความฝัน สีหน้าของแต่ละคนที่รับฟังแตกต่างกันไป แมรีแอนน์ยกมือปิดปากจ้องเกล็นตาค้าง ชาร์ล็อตนั่งตั้งใจฟังอย่างละเอียดอีกหน เธอเข้าใจการกระทำของเพื่อนสนิทมักทำตัวแปลกๆ อิกนิสหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่อยากจะเชื่อหู และคลาริสที่ทำหน้าสงสัยเหมือนจะยังจับใจความอะไรไม่ค่อยได้ นั่นเลยทำให้เกล็นสรุปแบบย่อๆ ให้
“เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องช่วยแมรีแอนน์ตามหาผลึกที่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักที่ในลุสกลอเรีย จำแค่นี้พอละกัน”
“อา… พอจะเข้าใจบ้างแล้ว” อิกนิสพยักหน้าตอบทั้งที่ใบหน้ายังตึงเครียดและครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ว่าแต่เราจะตามหาของชิ้นที่ว่ายังไงเหรอคะ ในเมื่อตอนนี้แมรีแอนน์ไม่มีจี้ที่ว่า” ชาร์ล็อตถามกับเกรกอรี่อย่างกังวล “แล้วเรื่องเรียนอีก?”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นไปหรอก จี้ที่ใช้ตามหาตอนนี้ท่านโดมินิกกำลังไปเอามาให้น่ะ ส่วนเรื่องเรียนก็ต้องมีประชุมกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการยังไงต่อ สักก่อนเปิดเทอมวันสองวันน่าจะได้คำตอบให้พวกเธอแล้วน่ะ” เกรกอรี่คลายข้อสงสัย แต่นั่นก็เป็นตัวจุดชนวนความใคร่รู้ของเกล็นขึ้นมา ว่าพวกผู้ใหญ่คุยกันท่าไหนถึงได้ออกมาเป็นการผจญภัยอย่างในเกมได้
“แล้วเรื่องนี้จะไม่บอกจูเลียสกับคุณยูเรลล่าเหรอคะ” แมรีแอนน์ถามต่อเพราะในกลุ่มเหลือแค่จูเลียสกับฟิเลน่าที่ยังไม่รู้เรื่องนี้
“อย่าดีกว่า เพราะดูท่าแล้วเราน่าจะต้องเจอพวกของผู้หญิงสองคนนั้นอีก ไม่แน่อาจจะมีการปะทะเกิดขึ้นก็ได้ ครั้งต่อไปต้องอันตรายกว่าตอนที่เจอสอบปลายภาคแน่ๆ” อิกนิสตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้แววตาของเขาสั่นไหว “แล้วที่พวกเรามานั่งตรงนี้ได้ก็เพราะรู้ความจริงและอยากจะช่วยเธอกับเกล็น”
“อีกอย่างจูเลียสก็เป็นถึงเจ้าชายอย่าให้มาเสี่ยงจะดีที่สุด” เกล็นว่าต่อจากอิกนิสพลางจิบชาสบายๆ ก่อนจะคิดถึงวิธีการพากลุ่มออกไปตามหาผนึกโดยไม่มีใครเอะใจ
(จริงด้วยนอกจากห้ามให้คนอื่นรู้ความจริงของแมรีแอนน์ จูเลียสที่เป็นหนึ่งในตัวละครหลักก็ไม่เข้าร่วมภารกิจด้วย อิแบบนี้จะลงเอยแบบไหนนะ หายตัวไปกันดื้อๆ ตั้งห้าคนยังไงก็ถูกสงสัยอยู่ดี)
“แล้วถ้าสมมุติไปก็ไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วยน่ะสิ?” คราวนี้เป็นคลาริสที่ตั้งคำถามกับเกรกอรี่
“นั่นคือปัญหาใหญ่สำหรับพวกเราในตอนนี้เลยล่ะ ถือว่าเป็นข้อเสียสำหรับพวกเธอก็ว่าได้ที่ต้องรับมือพวกผู้ศรัทธากันตามลำพัง และพูดกันตามตรงตอนนี้ยังไม่มีใครที่เชื่อใจได้ด้วยว่าจะปิดบังความลับของแมรีแอนน์ไม่ให้รั่วไหล”
อันที่จริงประโยคที่มหาปราชญ์บอกกับคลาริสเป็นสิ่งที่ตกลงกับเกล็นตั้งแต่ตอนแรกก่อนที่พวกเขาจะมาคุยกัน เพราะส่วนตัวเกล็นก็ไม่ค่อยให้อยากมีคนนอกเข้ามาวุ่นวายสักเท่าไร ยิ่งอีกฝ่ายมีอายุมากกว่าปัญหาระหว่างช่วงวัยอาจจะมีตามมาทีหลังก็ได้
“แต่สุดท้ายพวกนั้นก็ต้องรู้อยู่ดีไม่ใช่หรือครับว่าแมรีแอนน์คือทายาทของลูมิเธอร์” อิกนิสแย้งอย่างสงสัย เพราะเขาคิดว่าสุดท้ายแล้วกลุ่มของซิกมุนท์จะรู้เรื่องชาติกำเนิดของแมรีแอนน์
“เรื่องนั้นเรารู้อยู่แล้วว่ายังไงพวกนั้นก็ต้องรู้” เทพมังกรเบเลธที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้น ทำเอาอิกนิสตัวแข็งเป็นท่อนไม้เพราะตกใจการเข้ามามีส่วนร่วมกะทันหันของเบเลธ กระนั้นมังกรตัวยักษ์สีขาวก็ยังพูดต่อ “แต่ปัญหามันคือคนนอกมากกว่า”
เพราะคำพูดนี้ของเบเลธ เกล็นจึงส่งสายตามาหาเกรกอรี่เชิงถามว่าเทพมังกรรู้ลึกเรื่องส่วนตัวของตระกูลลูมิเธอร์มากน้อยแค่ไหน สิ่งที่เด็กหนุ่มได้คำตอบคือการพยักหน้ายืนยันจากมหาปราชญ์ราวกับบอกว่าเรื่องครอบครัวนี้ท่านเบเลธรู้เรื่องทั้งหมด
“มันก็จริงที่ท่านเบเลธพูดมานะ” คลาริสที่เริ่มทำตัวตามสบายตามเกล็นเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “คนนอกรู้เรื่องของแมรีแอนน์เข้าต้องวุ่นวายแน่ๆ ลองนึกสภาพที่โรงเรียนดูก็ได้ ฉันเชื่อเลยว่าต้องมีคนมารุมแมรีแอนน์ถามนู้นถามนี่สารพัด แล้วจากนั้นแมรีแอนน์ก็จะถูกจับตามองทำให้พวกเราทำอะไรลำบากจนเรื่องที่พวกเราต้องตามหาผนึกอะไรนั่นแตกก็ได้”
“แหม พูดมีเหตุผลเป็นด้วยนี่นา”
“ชาร์ล็อต” เกล็นทำเสียงดุใส่เพื่อนที่เผลอพูดจากระแนะกระแหนกับคลาริส จนชาร์ล็อตต้องเอามือตะครุบปาก “ตามที่คลาริสบอกนั่นแหละ สิ่งที่น่ารำคาญกว่าพวกศัตรูก็คือคนนอก”
เกล็นเห็นด้วยกับความคิดของคลาริส อีกทั้งคิดว่าถ้าพวกซิกมุนท์เห็นหน้าพวกเขาห้าคนก็คงมองออกแล้วว่าแมรีแอนน์เป็นใครมาจากไหน แล้วคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่พวกนั้นต้องป่าวประกาศด้วย ดีไม่ดีอาจจะส่งผลดีกับพวกซิกมุนท์ในการจัดการแมรีแอนน์ได้ง่ายขึ้น ถึงจะฟังดูโหดร้าย แต่คนทั่วไปย่อมสนใจเด็กสาวชาวบ้านน้อยกว่าลูกขุนนางอยู่แล้ว
(พอนึกถึงพวกซิกมุนท์ขึ้นมา…)
เกล็นเค้นสมองระลึกเกี่ยวกับซิกมุนท์ในเกม จริงอยู่ว่าผู้ชายคนนั้นกับพรรคพวกจะมาป่วนการค้นหาผลึกตามสไตล์ตัวร้าย แต่พวกนั้นกลับไม่ค่อยสนใจแมรีแอนน์เท่าที่ควร มักจะมีบทพูดทำนองว่า ‘โอ้ ไง ทายาทแห่งลูมิเธอร์ เราเจอกันอีกแล้ว’ หรือหลังต่อสู้เสร็จก็จะเป็นแนว ‘น่าเสียดายที่ครั้งนี้พวกเราเป็นฝ่ายแพ้ หวังว่าจะเจอกันอีกครั้งนะ’ จากนั้นก็หนีไป ซึ่งถ้าคิดตามหลักความจริง ณ ตอนนี้ เกล็นไม่สามารถเดาทางได้เลยว่าซิกมุนท์จะมาไม้ไหน ไม่แน่เขาคนนั้นน่าจะกำลังเตรียมปาดหน้าเค้กชิงผลึกไปทำลายก่อน
ระหว่างนั่งคุยเรื่องต่างๆ โดมินิกก็กลับมาในที่พำนักของเทพมังกรอีกครั้ง ซึ่งเขามาพร้อมกับห่อผ้าขนาดยาวกับกล่องใส่ของสีดำขนาดเล็กเอาวางไว้บนโต๊ะ เกล็นที่เห็นก็เดาได้ทันทีว่ามันคืออะไร ส่วนแมรีแอนน์ก็ร้องอุทานขึ้น
“นั่นของที่อยู่ห้องคุณแม่นี่นา ทำไมถึง…”
“มันคืออะไรเหรอแมรีแอนน์” ชาร์ล็อตหันไปถาม แต่แมรีแอนน์ก็ส่ายหัว
“รู้แค่ว่าของอยู่ในห้องคุณแม่เท่านั้นค่ะ อันที่จริง... ตอนเด็กๆ ก็เคยลองจะเปิดดูแต่ก็ถูกดุซะก่อน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอีกเลย”
“มันคือดาบและจี้สำหรับตามหาผลึกน่ะ” เบเลธตอบ จากนั้นโดมินิกก็เปิดห่อผ้าและกล่องเผยให้เห็นดาบเล่มงามที่หนึ่งในสี่หลุมบนใบดาบถูกเติมเต็มด้วยผลึกสีแดงกับสร้อยเข็มทิศรูปทรงคล้ายดอกไม้ ก่อนจะยื่นส่งให้แมรีแอนน์ที่เป็นเจ้าของตัวจริง “ดาบเล่มนั้นเป็นของบรรพบุรุษเจ้า ส่วนสร้อยข้าคิดว่าพวกเขาคงทำกันเอง”
แมรีแอนน์รับไว้ด้วยความรู้สึกกังวลใจ
“คือ... หนูใช้ดาบไม่เป็นน่ะค่ะ ยกให้คนอื่นใช้แทนได้ไหมคะ” แล้วแมรีแอนน์ก็หันไปทางสองพี่น้องเพื่อหวังให้คนใดคนหนึ่งรับดาบนี้ต่อจากเธอ
“ไม่ได้หรอก ดาบประจำตระกูลเขาลงอาคมให้เฉพาะคนที่มีสายเลือดเดียวกันใช้ได้เท่านั้น” คลาริสที่รู้ดีบอกกับแมรีแอนน์ที่ก้มหน้าจ้องดาบด้วยท่าทีหงอยๆ “ถ้าไม่ถนัดก็ถือเป็นคทาแทนสิ ฮ่าๆ”
เขาหัวเราะและพูดทีเล่นทีจริงทำท่าโบกคทาไปมาประกอบ
“ทำแบบนั้นดาบได้หลุดจากฝักพอดีสิ” อิกนิสพูดขึ้นแล้วต้องเอี้ยวตัวหลบการเคลื่อนไหวของน้องชาย
“ดาบกับคทา...ฝักดาบ...” เกล็นพึมพำ หรี่ตามองดาบของแมรีแอนน์อย่างครุ่นคิด “จริงสิ ถ้าเอาฝักดาบไปทำใหม่ให้เป็นรูปทรงคทาล่ะ?”
เกล็นเสนอความคิด หลังนึกถึงเกมสุ่มตัวละครเกมหนึ่งแวบเข้ามาในหัว โดยหน้าตาของอาวุธชิ้นนั้นมันเหมือนคทาไม้จอมเวททั่วไปแต่กลับซ่อนดาบเอาไว้ด้านใน
(แต่ถ้าจำไม่ผิดดาบในเกมนั้นมันใบมีดมันเล็กกว่าของแมรีแอนน์นี่นา จะทำได้ไหมนะ)
“ฟังดูน่าสนใจดีนะ” เบเลธมองผู้รับใช้คนสนิททั้งสอง “มันสามารถทำได้หรือเปล่า”
“ถ้าต้องการก็ทำได้อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” โดมินิกตอบแล้วอาสาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้ “เช่นนั้นกระหม่อมจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องปลอกดาบใหม่เอง”
“ต้องฝากเจ้าด้วย” แล้วเบเลธก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้แมรีแอนน์ส่งดาบให้โดมินิกเป็นคนดูแลเรื่องปลอกดาบใหม่ หัวหน้าอัศวินเวทจึงเดินออกจากไป
“แต่ว่าพอเอามาดูเรื่อยๆ มันก็น่ารักดีนะ” ชาร์ล็อตที่มองจี้อยู่ กระซิบบอกกับแมรีแอนน์ ทำให้เจ้าของอมยิ้มเห็นด้วย
“ไม่ลองสวมดูล่ะ” เทพมังกรบอกหลังเห็นแมรีแอนน์เอาแต่มองสร้อยอยู่นาน เด็กสาวทำตามที่เบเลธบอก สีหน้าเธอดูชอบใจกับของชิ้นนี้เป็นพิเศษ
ในจังหวะเดียวกันมีเงาขนาดมหึมาพาดผ่านทุกคนภายในพริบตา ทำให้พวกเด็กๆ เงยมองท้องฟ้าอย่างฉงนสงสัย เพราะดูยังไงมันไม่ใช่ก้อนเมฆที่เคลื่อนบังแดดของพระอาทิตย์แน่ๆ แต่สิ่งนั้นรวดเร็วเกิดกว่าจะเห็นได้ทัน กระทั่งมีแรงสั่นสะเทือนเบาๆ สร้างความแตกตื่น เกล็นร้องโวยวายแล้วรีบมุดเข้าใต้โต๊ะ จนเกรกอรี่ต้องก้มลงปลอบให้เด็กหนุ่มใจเย็น เกล็นเลยกลับมายืนตามปกติ
“ดูเหมือนใกล้จะถึงเวลาแล้วแฮะ” เกรกอรี่พึมพำพลางดูเวลาบนนาฬิกา จากนั้นก็หันไปบอกพวกเกล็นด้วยรอยยิ้ม “ไว้วันหลังเราค่อยคุยกันนะ เพราะอีกเดี๋ยวจะมีประชุมกันต่อน่ะ”
ขณะเดียวกันเบเลธที่นั่งอยู่ก็ยืนขึ้นขยับตัวและลำคอไปมาคล้ายกับการบิดขี้เกียจ “ตัวข้าเองก็ต้องขอตัวไปทักทายเสียหน่อย”
และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เกล็นก็มีผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา โชคยังดีที่มันยังเป็นเพียงแค่การพูดในใจ ที่เขาเผลอเอาเทพมังกรเปรียบเทียบกับ...
(เหมือนหมาแน่ะ... ว่าแต่ไปทักทายที่ว่าใครมาเหรอ)
แม้จะอยากรู้ว่ามีใครมาจนเทพมังกรต้องออกมาต้อนรับเองมากแค่ไหน เกล็นก็ต้องปิดปากเงียบ ปล่อยให้เกรกอรี่อำลาพวกเขาที่เตรียมตัวกลับ แต่จู่ๆ เกล็นก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา
“ชาร์ล็อตไปรอข้างนอกก่อนนะ ขอเวลาแป๊บหนึ่งเดี๋ยวมา” เกล็นบอกกับเพื่อนสนิทให้ไปรอที่รถม้าด้านนอกวิหารก่อน ชาร์ล็อตที่เห็นท่าทางก็เข้าใจทันทีเลยตอบตกลง
“คราวหลังก็อย่าดื่มเยอะสิ” ชาร์ล็อตว่าสั้นๆ จากนั้นเธอก็เดินแยกไปคนละทางกับเกล็น
เกล็นใช้เวลาตามหาห้องน้ำอยู่พักใหญ่ แม้ว่าเกรกอรี่จะบอกทางให้ก่อนหน้านี้ เมื่อเสร็จธุระส่วนตัวเกล็นก็เดินทอดน่องชมนกชมไม้บนระเบียงทางเดินด้านนอกอาคารระหว่างกลับโดยลืมตัวว่ามีเพื่อนกำลังรออยู่ เพราะบรรยากาศตอนนี้มันชวนให้ดื่มด่ำกับสวนที่ถูกจัดอย่างงดงามสมฐานะเจ้าของที่พำนักอยู่ สักพักปรายหางตาเด็กหนุ่มก็ สังเกตเห็นใครบางคนกำลังเดินตรงมายังเขา
คนคนนั้นเป็นชายชราผิวแทน ใบหน้าเกลี้ยงเกลาผมบางสีขาวหงอก ดูแล้วน่าจะมีอายุมากกว่าเกรกอรี่ รูปร่างของเขาผอมเล็ก ไหล่คร่อม สวมชุดสีขาวยาวถึงหัวเข่า กางเกงมีลักษณะคล้ายโจงกระเบน บริเวณเอวก็เหน็บถุงเท้าที่บรรจุอะไรบางอย่างอยู่เต็มท่าทางดูหนัก นิ้วมือก็เต็มไปด้วยแหวนอัญมณีบ่งบอกฐานะ เกล็นคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยเฉพาะนัยน์ตาสีม่วงอ่อนคู่นั้น ขณะที่อีกใจก็คิดว่าชายสูงวัยคนนี้ก็ดูแข็งแรง สามารถเดินโดยไม่ต้องพึ่งคนช่วยประคองหรือไม้เท้า แม้ว่าการก้าวเท้าของเขาจะเชื่องช้าแต่มันดูเร็วสำหรับคนวัยนั้น
(ยังเดินเองได้ด้วย โคตรเจ๋งเลย...) เกล็นชมชายชราในใจขณะนึกถึงสภาพตัวเองชาติก่อนที่เริ่มใช้ไม้เท้าช่วยพยุงการเดิน
“อ๊ะ” คนสองวัยอุทานพร้อมกันเมื่อถุงผ้าหลุดจากเอวชายชรา เหรียญจำนวนมากร่วงตกพื้น มันกลิ้งไปคนละทิศละทาง คนหนุ่มกว่าไล่เก็บเงินทั้งหมดที่อยู่ห่างชายแก่ซึ่งค่อยๆ ก้มเก็บทีละเหรียญ แต่เพราะเกล็นมีร่างกายที่ขยับได้คล่องแคล่วกว่าเด็กหนุ่มเลยช่วยเก็บบริเวณใกล้ๆ ด้วย
“นี่ ครับ” เกล็นเงยหน้าทั้งที่คลุกเข่าอยู่พร้อมยื่นเหรียญทั้งหมดคืน ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ มองใบไม้ในมือชายสูงวัย
“พ่อหนุ่มเดินเล่นยังไงให้ใบไม้ติดหัวน่ะ” เสียงแหบแห้งบอกปนขบขันอารมณ์ดีแล้วโยนใบไม้ออกด้านนอก จากนั้นจึงรับสมบัติตัวเองกลับมาผูกเอวอีกรอบ
ถึงจะงงว่ามีใบไม้มาติดหัวตั้งแต่ตอนไหน แต่เกล็นก็หัวเราะแหยๆ
“ไม่รู้เหมือนกันสิครับ”
“แต่ก็ขอบใจมากนะ”
หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างเดินสวนทางกัน เกล็นเหลียวหลังมองอย่างเป็นห่วงที่ชายชราไม่มีคนดูแลใกล้ชิด แต่เพราะมัวแต่คิดว่าจะเอายังไง ชายคนนั้นก็หายตัวตรงหัวมุมอาคารเสียแล้ว เกล็นจึงยักไหล่ก้าวเท้าเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีว่าตัวเองกำลังหลงทาง โชคยังดีที่เขาเจอโดมินิกกำลังยืนอยู่สุดทางเดินอีกฝั่ง เกล็นจึงวิ่งไปหาเพื่อจะถามหาทางออกจากวิหารใหญ่นี้ แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ต้องเจอเรื่องประหลาดใจอีกที่เห็นเทพมังกรเบเลธอยู่ในสวนกำลังคุยกันสัพเพเหระกับมังกรอีกตัว
มังกรตัวนั้นมีรูปร่างเรียวยาวคล้ายมังกรจากจีนซึ่งมีแค่เท้าหน้าสองข้างที่มีลักษณะคล้ายขาวัว โครงหน้าก็ดูต่างจากมังกรฝั่งตะวันตก แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าคล้ายฝั่งตะวันออก เพราะเขาบนหัวโค้งไปด้านข้างหน้าเหมือนสัตว์จำพวกกระทิง ทว่าท่าทางเทพมังกรตนนี้ดูอ่อนแรง
โดมินิกที่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติก็หันไปมอง
“เธอมาอยู่นี่ได้ไง!?” เกล็นที่ได้ยินเสียงดุก็สะดุ้งโหยง ตกใจยกมือลูบอกปลอบขวัญตัวเอง
“เข้าห้องน้ำมาแล้วหลง...” หัวหน้าอัศวินเวทถอนหายใจกับคำตอบของเกล็น “ว่าแต่นั่นเทพมังกรจากประเทศอื่นใช่ไหมครับ... ได้ยินจากปู่ว่าข้ามประเทศไม่ได้นี่นา...มั้ง”
“เธอน่าจะจำสับสนแล้วล่ะ ข้ามได้แต่พลังเทพมังกรจากที่อื่นจะอ่อนแอลงต่างหาก” โดมินิกรื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับเทพมังกรให้เกล็นอีกครั้ง หลังที่จำผิดว่าไม่สามารถมาอีกประเทศได้
“งั้นเงาที่พวกผมเห็นก่อนหน้าก็เทพมังกรตนนี้สินะครับ” เกล็นร้องอ้อทันทีว่าเงาที่ผ่านพวกเขาไปไวๆ คืออะไร “ว่าแต่ท่านมาที่นี่ทำไมเหรอครับ หรือว่าจะคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ปู่เข้าประชุม?”
“ใช่...” โดมินิกตอบสั้นๆ เขาลูบคางจ้องมองเกล็นอย่างวิเคราะห์พิจารณาบางอย่าง ทำให้คนถูกมองต้องผงะถอยหนีเพราะกลัวแววตาดุคู่นั้น
“ผะ ผมว่ารีบไปน่าจะดีกว่า” เกล็นยิ้มเจื่อนๆ แล้วก้าวถอยหลังเตรียมกลับไปหาชาร์ล็อต ทว่าประโยคของหัวหน้าอัศวินเวทก็รั้งตัวเด็กหนุ่มในอยู่ต่อ
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป ฉันคิดว่าเรื่องนี้เธอควรน่าจะรู้หน่อยก็ดีนะ”
“แหมๆ ดูท่าเราจะมาเร็วเกินไปสินะ” ชายชราชุดขาวหัวเราะกับเกรกอรี่ยืนคำนับให้เขาอยู่เพียงลำพัง จากนั้นชายคนนั้นก็เดินไปนั่งหัวโต๊ะอย่างไม่เกรงใจ “เราเองก็เกิดไม่ทันยุคเชเบอร์ทอสนะ แต่ทำไมพวกคนหนุ่มสาวถึงทำตัวอืดอาดกับปัญหานี้กัน”
“กระหม่อมคิดว่าพวกเขากำลังเดินมาที่วิหารแห่งนี้อยู่พ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงนอบน้อมจากมหาปราชญ์ตอบชายผู้นั้นที่หลับตาพยักหน้าเข้าใจพร้อมเอนหลังพิง
“แต่มันก็ดี เราจะได้ถามอย่างหนึ่งกับท่านได้ระหว่างที่คนอื่นไม่อยู่”
“พระองค์มีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านคิดเห็นอย่างไรกับ ‘กลับชาติมาเกิด’ บ้างล่ะ” ชายสูงวัยสูงศักดิ์ลืมตาอีกครั้งและส่งรอยยิ้มมีเลศนัยให้เกรกอรี่ “หรือเราต้องถามจากพ่อหนุ่มนั่นตรงๆ ดี? ก็ดินแดนของเราไม่มีความเชื่อแบบนั้นนี่เนอะ มหาปราชญ์แห่งลุสกลอเรีย”
Comments (0)