20 ตอน บทที่ 19: หมดเวลาอมพะนำ
โดย RiFourver
ถึง คุณเกรกอรี่ มิสเทย์
ผมคิดว่าเราน่าจะหาเวลาสักเล็กน้อยคุยกันอย่างจริงจัง เพราะผมเจอสิ่งนี้ตอนวันสอบปลายภาค ยังไม่มีใครเห็นว่าผมเอามาด้วยระหว่างชุลมุน คุณคงรู้จักมันดีแน่ๆ
ปล.ย่าจะมารับแล้วไปเบเลเทียด้วย ส่วนปู่เอวเคล็ดมาไม่ได้
ปล.อีก เพื่อนกลุ่มผมมีชาร์ล็อต องค์ชายจูเลียส สองพี่น้องฟรานเซนไทน์ คุณหนูฟิเลน่า ยูเรลล่า และแมรีแอนน์
ไม่มีดาบกับสร้อย
ด้วยความเคารพ
เกล็น ฮิลเนสัน
แม้ว่าเกล็นจะเขียนจดหมายมาบอกเช่นนี้ ทว่ามหาปราชญ์เกรกอรี่เลือกที่จะเล่าเนื้อหาไม่ครบ ถึงทั้งสองเป็นคนที่ไว้ใจมากที่สุด หนึ่งคือเทพมังกรเบเลธที่รอวันได้พบกับทายาทตระกูลลูมิเธอร์ตลอดเก้าปี กับโดมินิก โรเซนเบิร์ก ชายผู้มีผิวคล้ำแดด วัยประมาณห้าสิบปลายๆ รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงสมเจ้าของตำแหน่งหัวหน้ากองอัศวินเวท หน้าตาดุดันไว้หนวดเคราเข้ากับทรงผมตัดสั้นสีเทาหม่น นัยน์ตาสีชมพูฉายแววน่ากลัวยากจะผูกมิตรด้วย สวมเครื่องแบบทางการสีขาวดำที่พร้อมสวมชุดเกราะได้ทุกเมื่อ
เบื้องหน้าทั้งสามคืออัญมณีสีแดงใสถาดไม้วางบนโต๊ะเหล็กดัดสีขาวปูด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้ม
“กระหม่อมคิดว่าท่านคงทราบดีว่ามันคืออะไร” เกรกอรี่เอ่ยเสียงเรียบและนึกสงสัยในใจว่าทำไมเกล็นถึงคิดว่าตนรู้จักสิ่งนี้ ทว่าทั้งพลังเวทที่สัมผัสได้ ทั้งเรื่องราวในความทรงจำของเกล็น และชื่อของแมรีแอนน์ที่ถูกเขียนไว้ ถูกนำมาปะติดปะต่อกัน จนเกรกอรี่เชื่อว่าเทพมังกรเบเลธต้องรู้แน่ว่าผลึกชิ้นนี้และของสองอย่างที่อยู่ท้ายจดหมายคืออะไร “รวมทั้งดาบและสร้อยด้วย”
เทพมังกรก้มหัวต่ำหรี่ตาพิจารณาผลึกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ข้าเป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง” เบเลธเกริ่นขึ้น สองผู้รับใช้ไม่มีทีท่าประหลาดใจ โดมินิกแค่ยักไหล่ขอไปทีว่ากะแล้วเชียว และตัดบทไม่อยากฟังประวัติหลายร้อยปีที่แสนน่าเบื่อ
“เอาเป็นว่ามันคือหนึ่งในส่วนประกอบของอาวุธเทพที่พวกท่านสร้างขึ้นมาสินะ จากที่เกรกอรี่ถูกถึงดาบกับสร้อย กระหม่อมคิดว่าวันที่ลูมิเธอร์ถูกโจมตีคงจะใช้อาคมบางอย่างทำให้ผลึกทั้งหมดกระจัดกระจายไปทั่วลุสกลอเรียเพื่อปกป้องไม่ให้ถูกทำลาย ส่วนวิธีตามหาคือต้องใช้สร้อยที่ว่าเพื่อเอาผลึกมารวมกับดาบที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งกระหม่อมคิดได้ทั้งหมดสามกรณี
หนึ่ง ถ้ามิเดียเน่ยังมีชีวิตรอด ดาบนั่นน่าจะอยู่กับเจ้าตัวไม่ยอมยกให้ลูกเอามาโรงเรียน อย่าลืมนะว่าเราก็ไม่เจอศพมิเดียเน่เหมือนกัน
สอง มิเดียเน่ตาย ดาบถูกทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่ง
สาม เด็กที่ไร้พ่อแม่แต่เรียนเอลเซียส์ได้ แสดงว่ามีคนรับเลี้ยงแมรีแอนน์ หากเป็นสามัญชนมีโอกาสเอาไปขายสูง เพราะค่าเทอมมันไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ ต่อให้มีเงินบ้างแต่อะไรขายได้ก็ขาย”
เทพมังกรพยักหน้าเห็นด้วยกับแนวคิดของโดมินิกที่สรุปประเด็นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเสนอวิธีการระบุตัวบุคคล “เรื่องชี้ตัว เราควรตามดยุกแห่งนาสไหม เขาเป็นคนเดียวที่เคยเจอกับแมรีแอนน์ถึงจะแค่ครั้งเดียวตอนเป็นทารกก็เถอะ”
“ถ้าเช่นนั้นฉันคิดว่าเราควรตามท่านเซซิเลียมาไม่ดีกว่าเหรอ เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่มักได้แม่มา” เกรกอรี่ส่ายหัวแย้ง “ถ้าเด็กสาวที่ชื่อแมรีแอนน์เป็นคนเดียวกับที่เราตามหา ตอนโตคงได้รูปลักษณ์จากแม่”
“ลูกสาวที่ได้พ่อมันก็มีไม่ใช่หรือ อย่างองค์หญิงหลุยส์ก็ได้พ่อมาเต็มๆ” โดมินิกสวนกลับทันควัน “แล้วธีออนก็สนิทกับริชาร์ดด้วย”
“อา… เอาเป็นว่าตามมาทั้งสองคนเลยละกัน” เกรกอรี่ลอบถอนหายใจตัดสินใจสรุปไม่อยากถกเถียงยืดเยื้อ “ส่วนเรื่องจะเจอกันยังไงเดี๋ยวค่อยว่ากัน ถ้าไปตอนรับเด็กๆ กลับบ้านจะเอิกเกริกวุ่นวายเอา ยิ่งลินดาไปด้วยจะมัวแต่คุยกันมากกว่า แล้วตอนนี้กระหม่อมเองก็อยากคุยกับเกล็นให้รู้แน่ชัดด้วย… อ้าว ไอเดนของคุณหนูชาร์ล็อตมาอีกแล้ว”
เกรกอรี่ที่พูดไม่หยุดต้องสะดุดพร้อมยื่นแขนรอรับเจ้านกแก้วสีแดงซึ่งบินร่อนลงมาจากด้านบน เขาย่นคิ้วรู้สึกไม่ชอบมาพากลที่ไอเดนบินมาหาสองวันติด เบเลธและโดมินิกต่างยืนนิ่งเพื่อรับฟังข่าวสารจากสิ่งที่นกต่างถิ่นจะพูด หากมันไม่ได้นำจดหมายมาด้วย
“พอปิดเทอม...” เสียงแหลมแปลกหูดังจากปากไอเดนอย่างเชื่องช้า “ย่าจะไปหา... มีเพื่อนไปคนหนึ่ง... ชื่อแมรีแอนน์ แคว๊ก!”
“จะว่าโรงเรียนเขาจะปิดเทอมวันมะรืนสินะ?” โดมินิกกอดอกถามแล้วหันไปหาเบเลธ ปกติเป็นคนหน้าดุอยู่แล้วยิ่งเขาหักหัวคิ้วลงยิ่งน่ากลัวไปใหญ่ “กระหม่อมรู้ว่าท่านอยากเจอ แต่คนนอกห้ามเข้ามาเด็ดขาด เราต้องยืนยันให้ได้ก่อนว่าเด็กนั่นคือแมรีแอนน์จริงๆ หรือเปล่า”
“เจ้ามันเข้มงวดเกินไปแล้ว” เทพมังกรทำเสียงเล็กบ่นราวกับเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ตำหนิหมาดๆ “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าต้องคิดวิธีการใหม่แล้วล่ะ”
“ฮะๆๆๆ” เกรกอรี่หัวเราะร่าจนตาหยีหลังส่งข้อความตอบรับฝากไอเดนบินกลับไปหาเจ้านาย “ถึงจะกะทันหันไปสักนิด แต่กระหม่อมมีความคิดดีๆ เอาล่ะ โดมินิกฝากตามสองคนนั้นมาพบที่บ้านฉันทีนะ มันตั้งกี่ปีแล้วนะจะยี่สิบปีหรือยังนะ”
โดมินิกที่ได้ยินคำขอร้องก็ถอนหายใจกับวิธีการของเกรกอรี่ที่นึกอยากจัดงานคืนสู่เหย้าขึ้นมา
“ได้” หัวหน้าอัศวินเวทรับปากตกลง สักพักมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นพร้อมส่งเสียงขบขันนึกเรื่องวันวาน “คิดๆ ไปแล้ว น่าสนใจดีนี่ ชักเสียดายขึ้นมาแล้วสินะว่าพวกนั้นมันจะทำหน้ายังไง ฮ่าๆๆ เพราะงั้นอย่าลืมเล่าให้ฟังเป็นการแลกเปลี่ยนล่ะ”
หลังจากนั้นโดมินิกก็เดินออกจากสวนจำลองสถานที่พำนักของเทพมังกรเบเลธเพื่อเขียนจดหมายด่วนเชิญชวนคนชื่อธีออนและเซซิเลียมายังบ้านของมหาปราชญ์เกรกอรี่ตามที่คุยไว้
สิ้นสุดการสอบ นักเรียนทุกคนก็ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่สองวัน ก่อนจะเตรียมเดินทางกลับบ้านช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ซึ่งในวันนี้เหล่าผู้ปกครองพากันมารับบุตรหลาน แต่ก็ไม่เยอะเท่ากับวันเปิดเทอมเนื่องจากเด็กบางคน โดยเฉพาะพวกรุ่นพี่เลือกที่จะกลับเอง อีกทั้งมีการแบ่งกลุ่มเป็นสามประเภทในหมู่นักเรียน ประเภทแรกคืออาลัยอาวรณ์เหมือนจากกันไปไกลและยาวนาน สองพูดสั้นๆ เจอกันเทอมหน้า และสามพวกสัญญาไปเที่ยวบ้านใครสักคน ทำให้ชาร์ล็อตที่บ้านไกลต้องเจ็บใจที่ไม่ได้ไปเที่ยวบ้านแมรีแอนน์
“เดี๋ยวเปิดเทอมเราก็เจอกันแล้วค่ะ” แมรีแอนน์หัวเราะเสียงแห้งบอก
“มันก็จริง แต่ฉันอยากลองเที่ยวบ้านเพื่อนเหมือนคนอื่นเขาบ้างนี่นา”
ระหว่างที่แมรีแอนน์ปลอบชาร์ล็อตอยู่ ด้านเด็กหนุ่มก็เหลือกันสามคนคือเกล็นกับสองพี่น้องฝาแฝด เพราะจูเลียสกลับพร้อมพี่สาวก่อนแล้ว
“นายจะทำตามที่ชาร์ล็อตบอกจริงๆ เรอะ?” เกล็นกอดอกเลิกคิ้วถามอิกนิส หลังได้ยินว่าชาร์ล็อตบอกให้เขาไปหาภารกิจทำเพื่อสะสมคะแนนช่วงปิดเทอมตามที่รุ่นพี่แนะนำ “ปิดเทอมทั้งที นอนอยู่บ้านดีกว่า”
“เรื่องนั้นต้องดูก่อนว่ามีงานไหนที่เขาอนุญาตบ้าง ถ้ามีฉันก็คงทำแค่ส่งของใกล้ๆ พอ”
“อา… สมเป็นคนจริงจังชะมัด”
“ทำหน้าซาบซึ้งอะไรอีกล่ะ” คลาริสทำเสียงงึมงำในคอ มองเกล็นด้วยสายตาสงสัยเพราะทุกคนที่พี่ชายพูดอะไรก็แล้วแต่ เกล็นมักแสดงความปลายปลื้มซะจนอิกนิสยังต้องถาม ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือ ‘ไม่มีอะไร’ ทุกรอบ
“ขอโทษที่ให้รอนะจ๊ะหนูชาร์ล็อต” เสียงคุ้นเคยกล่าวขอโทษทันทีที่เห็นชาร์ล็อต ทำเอาคนเป็นหลานพลิกอารมณ์อย่างรวดเร็วหันขวับไปหาลินดาที่แม้อายุเข้าสู่วัยชรา ทว่าหน้าตาแทบไม่ต่างจากสิบปีก่อน อีกทั้งยังเดินคล่องแคล่วแข็งแรงให้คนเป็นลูกหลานอุ่นใจ
“ปกติต้องทักหลานก่อนไม่ใช่เหรอ?” เกล็นถามหาเหตุผลจากย่า
“เห็นคิดอะไรเพลินเลยไม่อยากรบกวนน่ะ” ลินดาว่าเสียงห้วนเข้าใจนิสัยหลานชายดี เพราะเวลาที่เกล็นเหม่อหรือทำหน้าประหลาดทีไรชอบเรียกไม่หันเสมอ “เป็นอย่างไรบ้าง เกล็นทำอะไรพิเรนท์ๆ หรือเปล่าจ๊ะ”
“ไม่มีค่ะ” ชาร์ล็อตตอบเสียงเจื้อยแจ้ว “จริงสิ! ตอนไปเบเลเทีย ขอเพื่อนหนูติดรถไปด้วยได้ไหมคะ”
“แน่นอนสิ แค่เด็กคนเดียวเอง” ได้รับการอนุญาต ชาร์ล็อตจึงลากตัวเพื่อนมาแนะนำตัว เมื่อเห็นแมรีแอนน์หญิงสูงวัยก็ชะงักมองคนตรงหน้าตาค้างราวกับเคยพบที่ไหนมาก่อน
“สวัสดีค่ะ แมรีแอนน์ ไบรธ์ค่ะ”
“สวัสดีจ๊ะ… ว่าแต่เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะ?”
เด็กสาวส่ายหน้าตอบหน้าซื่อ “คิดว่าไม่ค่ะ... แต่หนูเคยได้ยินอาจารย์เคธีเล่าถึงคุณย่าอยู่ค่ะ ว่าเก่งเรื่องการปรุงยามากๆ”
“ตายจริง เคธีพูดเกินจริงไปได้ หนูเรียนปรุงยาสินะ เอาจริงเคธีก็ไม่เป็นสองรองใครเลยนะ แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ ยากตรงไหนก็ถามย่าได้นะระหว่างไปเบเลเทีย”
“ก็มีเยอะเลยล่ะค่ะ แล้วก็เรื่องสมุนไพรด้วย แต่เกล็นเขาก็บอกเทคนิคจากคุณย่าตลอดเลยค่ะ ก่อนจะปิดเทอมบอกให้เอาเชือกจุ่มน้ำไปปักดินแทนรดน้ำต้นไม้ช่วงหยุดยาว”
เพราะเป็นวิธีที่ไม่เคยสอน ดวงตาคู่ดุเหลือบไปทางเกล็นที่ทำท่าให้ตามน้ำไปก่อน ลินดาจึงลอบถอนหายใจยอมที่หลานชายขอ พอจะหันคุยกับแมรีแอนน์อีกทีเธอต้องหมุนศีรษะหรี่ตามองอิกนิสอย่างไตร่ตรอง เธอเดินเข้าใกล้เด็กหนุ่มผมดำสำรวจจนเจ้าตัวยืนแข็งเป็นหินทำสายตาเลิ่กลั่กต้องการความช่วยเหลือจากเกล็น
“อา นึกออกแล้ว!” หญิงชราร้องดีใจ “ลูกธีออนสินะ ได้ยินว่ามีลูกแฝดนี่นา ไม่นึกเลยว่าจะอายุเท่าเกล็น”
พอพี่ชายเป็นใบ้ไปแล้ว คลาริสเลยรับหน้าที่คุยต่อ เขาทักทายลินดาด้วยน้ำเสียงแจ่มใสพร้อมรอยยิ้ม
“คุณย่ารู้จักกับพ่อด้วยเหรอครับ?”
“แน่นอนสิ รุ่นพ่อแม่เธอย่าเคยสอนมาทั้งนั้นแหละ ฮะๆ เธอคงเป็นแฝดที่ว่าสินะ แล้วใครพี่ใครน้องเหรอ”
“ผมคนน้อง” คลาริสชี้มาที่ตัวเองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มสดใส
“แหม แสดงว่าคนพี่ได้พ่อเต็มๆ ส่วนน้อง... น่าจะได้แม่มานะ ถึงเคยเจอแม่พวกเธอแค่ครั้งเดียวเอง แต่ย่าก็จำได้ดีเชียวล่ะ เป็นผู้หญิงที่ยิ้มสวยและอารมณ์ดีมากๆ จนไม่อยากเชื่อเลยล่ะว่าเด็กที่เคยโวยวายอกหักกระโดดน้ำพุวันนั้นจะได้แต่งงานมีลูกตั้งสองคน เพราะใครๆ ก็คิดว่านิสัยพ่อเธอหาแฟนยากจะตาย”
“(โอ้ พระสงฆ์ เผากันต่อหน้าลูกเขาเลย...)” เกล็นยกมือทาบอกอุทานสงสารอดีตสมัยวัยรุ่นที่ไม่น่าจดจำของท่านดยุกที่ถูกเปิดเผยโดยอาจารย์ที่สอนมากับมือให้เลือดเนื้อเชื้อไขฟัง สภาพคนพี่ดูช็อกหน้าซีดไปแล้วผิดกับคนน้องที่ยิ้มแฉ่งฟังเรื่องดีๆ ขอให้ลินดาเล่าเพิ่ม แต่เกล็นก็เข้าแทรกบทสนทนาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เนื่องจากเขามีนัดที่ต้องคุยกับเกรกอรี่
“รู้ว่าอยากคุยต่อนะ แต่ผมว่าเราไปกันดีกว่าย่า พ่อแม่แมรีแอนน์เขารอที่เบเลเทียนู้น”
“นั่นสินะ” ย่าตอบรับว่าง่าย “พวกเธออยู่กันเองไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่ต้องห่วงครับ อีกเดี๋ยวเขามารับแล้ว เดินทางปลอดภัยนะครับคุณย่า” คลาริสยกมือสูงโบกลาอย่างร่าเริงกว่าปกติ
“ฝากทักทายคุณพ่อคุณแม่ให้ทีนะ” เธอโบกมือกลับแล้วยื่นมือจะจูงมือแมรีแอนน์ “งั้นพวกเราไปกันเถอะ หนูชื่อแมรีแอนน์สินะ”
ลินดาทวนถามเพื่อความแน่ใจ เด็กสาวพยักหน้า “ค่ะ”
“แมรีแอนน์ๆ” หญิงสูงวัยพูดชื่อเดิมซ้ำๆ เพื่อจำ “เมื่อกี้พอเห็นลูกธีออนแล้ว ย่าก็นึกถึงเด็กอีกคน เขาหน้าคล้ายหนูเลยล่ะ น่าจะเป็นรุ่นน้องสักปีสองปีได้ล่ะมั้ง”
“ฮะๆ คงคนหน้าเหมือนล่ะมั้งคะ เพราะคุณพ่อคุณแม่หนูไม่ได้เรียนที่นี่น่ะค่ะ”
“งั้นเหรอ...” ลินดาขานรับเสียงเสียดาย ไม่ทันไรเธอปรับอารมณ์ใหม่ให้สดชื่น “จริงสิ ไหนๆ ไปถึงที่นั่นแล้วสนใจเดินเที่ยวกับพวกย่าไหม ที่นั่นมีร้านสมุนไพรดีๆ ด้วย เดี๋ยวจะช่วยแนะนำให้นะ”
“ดูเข้ากันดีกว่าที่คิดเลยเนอะ” ชาร์ล็อตกระซิบบอกพลางมองแมรีแอนน์ทำหน้ามีความสุขชนิดที่เรียกว่าดี๊ด๊าได้เต็มปาก เกล็นไม่ตอบทำได้แค่ผงกหัวมองลินดาเดินควงคู่กับแมรีแอนน์ ที่อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเขากำลังจะไปเล่าเรื่องนี้กับเกรกอรี่เกี่ยวกับตัวเธอให้ฟัง ในฐานะทายาทของตระกูลผู้ปราบมังกรมารเชเบอร์ทอส
“ไว้เจอหน้าเมื่อไรต้องขอบคุณแล้วแฮะ” เกล็นนึกขอบคุณคุณคาเลนเซียในใจหลังจากที่ลงทุนซื้อมูเอลก์มาเพื่อให้ชาร์ล็อตได้กลับบ้านไวๆ เลยทำให้ระยะทางจากโรงเรียนไปถึงเบเลเทียที่ปกติต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ร่นเวลาเหลือสองชั่วโมง จากนั้นเกล็นก็ถูกจับโยนทิ้งไว้หน้าบ้านหลังโตสีขาวในเขตที่อยู่อาศัย
“สวัสดีจ้ะ เธอคงเป็นเกล็นสินะ โตเป็นหนุ่มขึ้นเยอะเลย เมื่อก่อนยังตัวเท่านี้เอง” เสียหวานจากหญิงสูงวัยร่างอวบหน้าตาใจดีกล่าวทักทายเด็กหนุ่มพร้อมทำมือกะขนาดตัวประมาณเด็กสองสามขวบที่พบเขาครั้งสุดท้าย “ทุกคนสบายดีใช่หรือเปล่า”
“ครับ ปู่แค่เอวเคล็ดอีกเดี๋ยวคงหาย”
“แหม ตายแล้ว ไปทำอะไรมาล่ะนั่น” เธอย้อนถามแต่เกล็นส่ายหัวไม่รู้ว่าฮาร์เวิร์ดไปทำอะไรมา
จากนั้นภรรยาของเกรกอรี่นำทางไปห้องเรือนกระจกที่ตระเตรียมเครื่องดื่มและขนมไว้เรียบร้อย เกล็นเข้าไปนั่งชมวิวสวนหลังบ้านบนโซฟานุ่มสบายสมราคารอเจ้าของบ้านที่อาจจะเสริมเสน่ห์เพื่อต้อนรับแขกอยู่ ชายในชุดสูทดูดีมีดีไซน์เข้ากับวัยปรากฏตัวเข้ามาในห้อง ทั้งสองผลัดกันสวัสดีและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันเล็กน้อย สักพักเกรกอรี่ได้โบกมือให้ผู้รับใช้ออกไปจนหมดก่อนเปิดประเด็นสำคัญ ทว่าเกล็นและเกรกอรี่กลับไร้ทีท่ากังวลหรือตึงเครียดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต ต่างฝ่ายรู้ถึงจุดประสงค์ของวันนี้ดี มหาปราชญ์เป็นฝ่ายผายมือเชิญให้เด็กหนุ่มเริ่มก่อน
“เอาละ ครั้งนี้จะถามตรงๆ เลยนะ” เกล็นเกริ่นขึ้นมา ชายเจ้าสำอางผงกศีรษะยินยอมให้ถาม เขารู้ดีว่าคนเบื้องหน้าจะถามอะไร “เวทธาตุมืดเนี่ยอ่านความทรงจำคนได้ใช่ไหม?”
“ใช่” เสียงสุขุมตอบหนักแน่น เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว่ห้างสบายๆ “แต่ก็ใช่ว่าอยากรู้อะไรก็อ่านได้ทันทีหรอก มันต้องเริ่มจากความทรงจำล่าสุดลงไปถึงจุดที่ต้องการ ตอนนั้นเล่นเอาตกใจเลยล่ะว่าความทรงจำเธอมันมีมากกว่าเด็กเจ็บขวบ”
“แล้วคุณรู้เรื่องของผมขนาดไหนเหรอ?”
“รู้ถึงเรื่องเชเบอร์ทอสกับทายาทตระกูลลูมิเธอร์ยังมีชีวิตอยู่… แต่ก็ไม่ละเอียดนักหรอกนะ ถึงอย่างนั้นก็คิดถูกจริงๆ ที่เสี่ยงทักเธอก่อนเปิดเทอม เพราะน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง บอกตามตรงตอนอ่านจดหมายกับของที่ส่งมายังนึกไม่ออกด้วยซ้ำ ดีที่บอกชื่อของแมรีแอนน์เลยเข้าใจ”
“อ๊ะ ผมนึกว่าคุณรู้หมดซะอีก”
เกรกอรี่ส่ายศีรษะยอมรับความจริง “มันเป็นความทรงจำที่ขาดๆ หายๆ น่ะ ฉันเลยไม่มั่นใจเท่าไร”
“โอเค… งั้นไม่แปลกใจแล้วล่ะ ตอนเด็กผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอ่อ… รู้เรื่องของเชเบอร์ทอสกับแมรีแอนน์มาก่อน เพิ่งรู้ตัวเอาตอนเปิดเทอมนี่แหละ”
“อ้าวเหรอ” มหาปราชญ์อุทานผิดคาดไม่ต่างกับเด็กหนุ่มตอนแรก “ก็ว่าทำไมเธอดูงงๆ วันนั้น”
“เอาเป็นว่าเรารู้เรื่องตรงกันแล้วเนอะปู่ ทีนี้อยากถามอะไรผมอีกหรือเปล่า”
“มีสิ แต่ถ้าเธออยากตอบเลี่ยงก็ได้นะ ฉันเข้าใจ…” น้ำเสียงและดวงตาคู่สีน้ำเงินเข้มหลุบลงรู้สึกขมขื่นกับภาพในความทรงจำ เกล็นได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าไม่สู้ดีตามคาดรู้ทันทีว่าเกรกอรี่กำลังพูดถึงอะไรและไม่อยากนึกถึงมันนัก แม้ทุกอย่างจบลงแล้วก็ตาม
“ขอบคุณที่เข้าใจผม…”
ชายชราเจ้าสำอางระบายลมหายใจปรับอารมณ์ใหม่ เขาคลี่ยิ้มเพื่อให้คนตรงหน้าผ่อนคลายขึ้น
“เรามาต่อกันดีกว่า สิ่งที่ฉันอยากรู้คือเธอเป็นใคร แล้วทำไมถึงอยู่ในร่างเด็กคนนี้ได้?”
ว่าจบ เกล็นสะดุ้งโหยงเหงื่อแตกพลั่กลืมอาการหดหู่ฉับพลัน นัยน์ตาสีดำเซมองทางอื่นยกมือป้องปาก ขาข้างหนึ่งสั่นรัว ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าจากจุดไหนดี เนื่องจากโลกนี้ไม่มีความเชื่อเรื่องกลับชาติมาเกิด
“ฉิบหายล่ะ จะอธิบายยังไงดีวะเนี่ย”
Comments (0)