44 ตอน ไหว้พระขอพร
โดย Beloved_Moouan
“ปั้นครับเช้าแล้วครับ ออกไปข้างนอกไหวรึเปล่าหึ๊เรา” เช้านี้ตอนแรกอิฐกับข้าวปั้นนัดกันไว้ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันแต่ด้วยความที่อีกคนนั้นเพิ่งผ่านศึกครั้งแรกมาอิฐก็เลยไม่ได้ปลุกตามที่ได้คุยกันไว้ และนี่ก็เป็นเวลาเกือบจะ 7 โมงเช้าแล้ว และวันนี้พวกเค้าก็นัดกันไว้ว่าจะตระเวนไหว้พระด้วยกัน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าคนที่นอนหลับยังไม่ตื่นนั้นจะไปไหวรึเปล่า
“อื้อ กี่โมงแล้วครับ” ข้าวปั้นพอได้ยินอิฐเรียกก็ถามขึ้นมาโดยที่ยังไม่ทันได้ลืมตา
“จะ 7 โมงแล้วครับคนเก่ง ลุกไหวมั้ยครับยังเจ็บอยู่มั้ย ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวพี่จะได้ไปบอกทุกคนให้” อิฐถามออกมาด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเมื่อคืนน้องจะบอกว่าไม่เจ็บมากก็ตามแต่เค้าก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
“อืมม ขอปั้นเดินดูก่อนได้มั้ยครับ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมากนะครับรู้สึกแค่ขัดๆนิดหน่อยแค่นั้นเอง” ข้าวปั้นตอบออกมาตามความจริงเพราะตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเค้าก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมากขนาดนั้น นั่นคงเป็นเพราะอิฐนั้นถนอมเค้าอย่างดีนั่นเอง
“งั้นลองลุกขึ้นมายืนก่อนครับ” อิฐพูดพร้อมกับช่วยประคองข้าวปั้นให้ลุกขึ้นยืน หลังจากนั้นข้าวปั้นก็ลองเดินวนไปรอบๆห้องดู
“เป็นยังไงครับ รู้สึกเจ็บตรงไหนรึเปล่า” อิฐเดินเข้าไปอุ้มข้าวปั้นมานั่งที่ตักของตัวเองบนเตียงและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“อืมม ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่นะครับแค่แสบๆนิดหน่อย แต่จะรู้สึกขัดๆมากกว่า เดี๋ยวปั้นขอแช่น้ำอุ่นอีกสักรอบก็น่าจะดีขึ้นครับ จุ๊บ! ขอบคุณนะครับที่เมื่อคืนพี่อิฐอ่อนโยนกับปั้นมากๆเลย ปั้นรักพี่อิฐนะครับ” พอเจ้าตัวพูดเสร็จก็ก้มหน้าซุกไปที่อกของอิฐด้วยความเขิน เพราะพอนึกย้อนกลับไปเหตุการณ์เมื่อคืนทีไรเจ้าตัวก็เขินอายขึ้นมาทุกที และไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนั้นด้วย
“หึๆ ก็พี่รักปั้นนี่ครับ อีกอย่างพี่ไม่อยากให้ปั้นต้องนอนซมเป็นไข้อยู่ที่ห้องด้วย เดี๋ยวจะอดไปเก็บส้มกันพอดี เอาไว้ไปถึงกรุงเทพก่อนพี่จะขอจัดหนักๆแรงๆตามใจพี่สักรอบนะครับเด็กดีของพี่อิฐ จุ๊บ!” อิฐพูดออกและยกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์และจูบลงไปที่ผมนุ่มของข้าวปั้น
ข้าวปั้นที่ได้ยินอิฐพูดอย่างนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมามองหน้าคนเจ้าเล่ห์ทันที ‘ไอ้เรารึก็อุตส่าห์ชื่นชมในความอ่อนโยน ที่ไหนได้กลัวว่าจะต้องเฝ้าไข้เราอยู่ที่ห้องนี่เองมันน่านัก หึ่ม!!’
“นี่แอบว่าอะไรพี่อยู่ในใจรึเปล่าครับ หืมม!!” อิฐที่เห็นเมียหมาดๆของตัวเองนั่งจ้องหน้าเค้านิ่งอยู่ก็ถามขึ้นมา
“เปล๊าา…ไม่มีอะไรครับ ปั้นกำลังหลงความหล่อของพี่อิฐครับเลยเผลอมองนานไปหน่อยแค่นั้นเอง” ข้าวปั้นรีบพูดปฏิเสธออกมาทันทีที่โดนรู้ทัน
“หึๆ เด็กแสบเอ๊ยอย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ทันเรานะ ไปครับไปอาบน้ำกันดีกว่าเดี๋ยวพี่ผสมน้ำอุ่นให้นอนแช่ตัวสักแป๊บหนึ่ง” อิฐพูดพร้อมกับยีผมข้าวปั้นเล่นไปมา ก่อนที่จะอุ้มข้าวปั้นไปอาบน้ำทั้งๆที่ข้าวปั้นบอกว่าเดินเองได้ แต่เจ้าตัวก็ไม่อยากให้คนรักนั้นต้องเดินมากนัก เพราะว่าวันนี้ยังต้องเดินกันอีกเยอะเลยทีเดียว
…
“นั่นไงมากันแล้ว กว่าจะมาได้นะมึงมัวทำอะไรกันอยู่วะ” ทันทีที่เหนือเห็นอิฐและข้าวปั้นเดินมาก็เอ่ยทักขึ้นมาทันที
“เมื่อคืนนอนดึกน่ะเฮียเลยตื่นสายนิดหน่อย แล้วนี่เราจะไปกันกี่โมงเหรอ” อิฐตอบเหนือออกไปพร้อมกับหันไปถามสายน้ำ
“เดี๋ยวคงต้องรอถามน้องวาก่อนน่ะ พี่ผากับน้องวายังไม่เห็นมากันเลย” สายน้ำตอบออกไปพร้อมกับหันไปมองหาพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ไปด้วย
“ปั้นเอาอะไรดีครับ เดี๋ยวพี่ไปตักมาให้” อิฐหันมาถามข้าวปั้นที่นั่งคุยงุ๊งงิ๊งกันอยู่กันสายน้ำ
“อืมมม ปั้นขอเป็นออมเล็ตกับข้าวต้มก็แล้วกันครับ ขอบคุณนะครับ” พอบอกกับอิฐเสร็จข้าวปั้นก็เผอิญหันไปสบตาเข้ากับนัทและนพพรเข้าพอดิบพอดี ทำให้เจ้าตัวนั้นหน้าแดงและร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ทันที เมื่อนึกไปถึงภาพเหตุการณ์ที่นัทลงโทษนพพรเมื่อวานนี้
“น้องปั้นไปสบายรึเปล่าครับ ทำไมหน้าถึงได้แดงขนาดนั้นล่ะครับ” ไฟที่เห็นหน้าของข้าวปั้นแดงขึ้นเรื่อยๆจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ทำให้ทุกคนหันมาจ้องที่หน้าของข้าวปั้นกันหมด
“ห๊ะ ปะ เปล่านะครับ ปั้นสบายดีครับ อากาศมันน่าจะร้อนน่ะครับ” ข้าวปั้นรีบปฏิเสธออกไปทันทีและทำท่าพัดไม้พัดมือเป็นการใหญ่จนทุกคนถึงกับงงตามกันไปเป็นแถบๆ เพราะอากาศตอนนี้มันค่อนไปทางเย็นซะมากกว่าร้อน จนสายน้ำยังต้องหาเสื้อแขนยาวและขายาวมาใส่ให้กับน้องของขวัญเลย
หลังจากที่พูดแก้ตัวเสร็จข้าวปั้นก็ไม่กล้าที่จะหันไปทางที่นัทและนพพรนั่งอยู่อีกเลย อิฐเองก็ได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางเลิ่กลั่กของคนรักและยกมือขึ้นมายีผมนุ่มด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะลุกขึ้นไปเอาอาหารเช้ามาให้กับข้าวปั้นและตัวเอง
ด้านนัทเองที่พอจะรู้ว่าข้าวปั้นเป็นอะไรก็ได้แต่ยกยิ้มอยู่คนเดียว เพราะไอ้อาการแบบนี้คงจะไม่พ้นได้ไปเห็นอะไรดีๆระหว่างเค้ากับนพพรเข้าเป็นแน่ แต่เค้าก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากนักหรอก แต่ถ้าอีกคนรู้ขึ้นมาว่าถูกคนอื่นเห็นเข้านี่สิมีหวังได้โวยวายใส่เค้าเป็นแน่
พอทุกคนนั่งทานกันไปได้สักพัก หินผาก็เดินโอบเอววาริมารวมกลุ่มที่โต๊ะ และก็ไม่วายเป็นเหนือที่แซวขึ้นมาอีก
“เมื่อคืนพวกกูนอนกันดึกเลยตื่นสายไปหน่อย มึงมีปัญหาอะไรกับกูนักหนาวะไอ้เหนือ” หินผาที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา เพราะไอ้เพื่อนตัวดีของเค้านั้นเล่นแซวไม่เลิกจนทำให้วารินั้นหน้าแดงแล้วหน้าแดงอีก
“เปล๊า กูก็แค่คิดว่าคู่มึงนี่ตอบเหมือนคู่ไอ้อิฐกับน้องปั้นเป๊ะเลย อย่างกับก๊อปกันมาแน่ะ แถมยังอยู่ห้องข้างๆกันอีกด้วยมึงว่ามันน่าคิดมั้ยล่ะ” ยิ่งเหนือพูดข้าวปั้นกับวาริก็ยิ่งหน้าแดงแข่งกันอย่างเห็นได้ชัดจนทุกคนที่ได้เห็นถึงกับพากันกลั้นยิ้มเอาไว้ เพราะกลัวว่าหน้าของทั้งสองคนจะแข่งกันระเบิดตัวเองซะก่อน
“เฮ้อ!!! เออกูเอากันเมื่อคืนเลยตื่นสายพอใจมึงยัง กูจะมีอะไรกับคู่หมั้นของกูกูจะต้องมาคอยรายงานมึงด้วยรึไงวะไอ้ห่าเหนือ” หินผาพูดออกมาอย่างตัดความรำคาญพร้อมกับดึงวาริเข้ามาซบที่อกของตัวเองเอวไว้ เพราะตอนนี้หน้าน้องวาของเค้านั้นแดงยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศสุกแล้ว
“ฮ่าๆๆ กูต้องการแค่นี้แหละ พ่อหินผาคนเคยคูลพ่อคนเคยใจเย็น พี่ขอโทษนะครับน้องวาพี่แค่อยากแหย่มันเล่นแค่นั้นเองไม่คิดว่ามันจะสารภาพออกมาเร็วขนาดนี้” เหนือหัวเราะออกมาอย่างพอใจเมื่อเค้าพูดยั่วเพื่อนรักได้สำเร็จ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปขอโทษวาริด้วย ทุกคนก็ต่างพากันส่ายหน้าไปมาให้กับความกวนของเหนือที่พวกเค้าชินกันซะแล้ว
หลังจากที่ทุกคนอิ่มกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วาริก็นำทุกคนมาขึ้นรถตู้ที่ทางรีสอร์ตได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ เพื่อที่จะเข้าเมืองไปไหว้พระกัน
“แอ๊ะๆๆ อื้อๆ” พอขึ้นรถได้น้องของขวัญก็ลุกขึ้นยืนบนตักของพ่อตัวเองทันทีเพื่อหันมาเล่นกับอิฐที่นั่งอยู่ด้านหลัง พร้อมกับพยายามตะเกียกตะกายเพื่อที่จะมาหาอิฐ
“ฮ่าๆๆ คิดถึงลุงขนาดนั้นเลยเหรอคะหลานสาว มาค่ะมานั่งกับลุงเน๊าะ” อิฐที่เห็นหลานสาวพยายามที่จะมาหาตัวเองให้ได้ก็ยื่นมือไปรับทันที โดยมีวายุอุ้มส่งข้ามเบาะมาให้ หลังจากนั้นน้องของขวัญก็ทั้งเล่นทั้งหยอกกับข้าวปั้นและเหนือที่อยู่เบาะด้านหลังของอิฐอีกที จนได้ยินเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังไปทั่วรถ ทำให้ทุกคนก็พลอยหัวเราะไปกับความน่ารักของหลานสาวตัวน้อยผู้เป็นสีสันของทริปนี้ด้วย
วัดแรกที่พวกเค้ามากันคือ วัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ อายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่บริเวณดอยคำ ด้านหลังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งถ้ามาจากไร่และสวนของวาริก็จะถึงก่อนที่จะเข้าเมืองพอดี วัดพระธาตุดอยคำนี้สร้างในสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย โดยพระโอรสทั้ง 2 เป็นผู้สร้างในปี พ.ศ.1230
วัดพระธาตุดอยคำนั้นยังมีชื่อเสียงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าทันใจ ที่สามารถขอพรได้สมหวังดังใจ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีคนที่ขอพรสำเร็จมักนำดอกมะลิมาแก้บนอยู่เรื่อยๆ และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยอีกจุดหนึ่งของเชียงใหม่อีกด้วย
“สวยจังเลยนะครับ” ฟ้าครามเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าตรงหน้าพระเจ้าทันใจพูดขึ้น
“ครับสวยมาก ไปครับเราไปไหว้สักการะท่านกันดีกว่าพี่จะได้ขอพรจากท่านด้วย” ดินที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆฟ้าครามและพูดขึ้น พร้อมกับแตะไปที่แขนของฟ้าครามเพื่อให้เดินไปด้วยกัน
หลังจากนั้นทุกคนก็ทยอยตามมากัน และต่างก็ไหว้สักการะขอพรของตัวเองซึ่งทุกคนก็คงจะขอไม่ต่างกันมากนัก
ทางด้านสามพ่อแม่ลูก ทั้งวายุและสายน้ำต่างก็ช่วยกันสอนให้น้องของขวัญลูกสาวตัวน้อยให้ได้นั่งและก้มกราบพระเจ้าทันใจด้วย จนเป็นที่เอ็นดูของทุกคนที่ได้พบเห็น
พอไหว้พระขอพรกันเสร็จเรียบร้อยกันทุกคนแล้วต่างก็พากันมาเดินเที่ยวชมวัด เพราะวันนี้อากาศค่อนข้างที่จะดีมากแทบจะไม่มีแดดให้เห็นเลย เรียกได้ว่าท้องฟ้าและอากาศช่างเป็นใจเสียเหลือเกิน
“แล้วนี่เราจะไปไหนวัดไหนกันต่อเหรอครับน้องวา” เมื่อขึ้นมานั่งอยู่บนรถแล้วสายน้ำก็หันมาถามวาริที่นั่งอยู่ข้างๆกันในเบาะแถวแรกของรถทันที
“วาว่าจะพาพี่ๆแล้วก็ทุกคนไปที่วัดพระธาตุดอยสุเทพน่ะครับทุกคนน่าจะชอบกัน” วาริหันมาบอกกับสายน้ำด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เค้าดีใจที่วันนี้ได้พาทุกคนมาไหว้พระขอพรและทุกคนก็ทำท่าว่าจะชอบกันด้วย และวัดพระธาตุดอยสุเทพก็อยู่ห่างจากวัดพระธาตุดอยคำไม่ไกลมากเท่าไหร่นักด้วย
วัดพระธาตุดอยสุเทพ ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ สร้างขึ้นเมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่องค์ที่ 6 เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย วัดพระธาตุดอยสุเทพถือเป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหารและเป็นปูชนียสถานคู่เมืองเชียงใหม่นับตั้งแต่โบราณกาล ถ้าหากใครที่มาเยือนเมืองเชียงใหม่แล้วไม่ได้ขึ้นไปนมัสการถือเสมือนว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่
วัดพระธาตุดอยสุเทพ มีบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูน ประมาณ 300 ขั้น หรือสามารถใช้บริการกระเช้ารถไฟฟ้า เพื่อขึ้นไปสักการะพระธาตุ ภายในวัดมีเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น ซึ่งก่อสร้างตามแบบศิลปะล้านนา และจากด้านบนจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ได้ชัดเจน (Cr : travel.trueid.net)
“โห!! ดีนะที่เมื่อคืนกูไม่ได้กินเหล้ากินเบียร์มาไม่งั้นมีหวังกูได้คลานเหมือนหมาขึ้นไปแน่เลยว่ะ” เหนือพูดขึ้นมาทันทีที่เห็นบันไดนาคเจ็ดเศียรที่มีทางขึ้นเป็นบันไดให้เดินขึ้นไปถึง 300 ขั้นด้วยกัน
“ฮ่าๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับพี่เหนือ ถ้าใครเดินขึ้นไปไม่ไหวเค้าก็มีกระเช้าให้ขึ้นไปได้ครับ แต่คนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะเดินขึ้นไปมากกว่าเพราะว่ามันท้าทายตัวเองดี และส่วนมากคนที่ขึ้นกระเช้าก็จะมีแต่คนสูงอายุซะเป็นส่วนใหญ่ด้วยครับ” วาริบอกออกมายิ้มๆเมื่อเห็นเหนือทำหน้าขยาดเมื่อมองไปที่บันไดนาคเจ็ดเศียร
“นี่น้องวาไม่ได้จะบอกว่าพี่เหนือแก่หรอกใช่มั้ยคะ” เบลได้ทีก็แซวคู่หมั้นของตัวเองขึ้นมาทันทีจนโดนเหนือมองค้อนเข้าให้
หลังจากที่ทุกคนยืนทำใจกันอยู่สักพักก็เริ่มเดินขึ้นบันไดกันไปแต่ละคู่ก็ต่างเดินจับจูงมือและประคองกันไป โดยที่วายุเองก็อุ้มน้องขวัญใส่กระเป๋าอุ้มคาดเอวและมีสายน้ำคอยเดินเล่นหยอกล้อไปเคียงคู่ไปกับลูกสาวตัวน้อยด้วย
“เดี๋ยวนะครับปั้นไม่ไหว ปั้นขอพักก่อนครับ” ข้าวปั้นทิ้งตัวนั่งลงที่บันไดทันทีเมื่อเดินขึ้นมาเกือบจะถึงครึ่งทางแล้ว เพราะเค้ารู้สึกแสบและขัดๆที่ช่องทางด้านหลังเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อยากแสดงออกมาให้อิฐเป็นห่วง
ดีที่วันนี้เป็นวันธรรมดาและไม่ใช่ช่วงเทศกาลจึงทำให้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นัก จึงทำให้พวกเค้าที่หยุดเดินไม่ได้ขวางทางคนอื่นมากนัก
“พี่ด้วยครับขอพักก่อนไม่ไหว / พี่ก็ไม่ไหวแล้วค่ะ” พอเห็นว่าข้าวปั้นทิ้งตัวลงนั่งแล้ว ออกัส ฟ้าคราม ขนมพาย นพพรและเบล ก็มานั่งทิ้งตัวลงตรงที่ข้าวปั้นนั่งอยู่ ด้วยใบหน้าที่แดงและเสียงหอบหายใจแข่งกัน จนทุกคนถึงกับหัวเราะออกมา
“ก็บอกแล้วว่าให้ออกกำลังกายบ้าง น้องน้ำกับน้องวายังไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ไฟหันมาพูดกับออกัสที่นั่งหอบหน้าแดงอยู่ พร้อมกับมองไปที่วายุ หินผา สายน้ำและวาริที่เดินคุยกันไปแบบชิลๆระหว่างที่เดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ โดยที่ทั้ง 4 คนก็ไม่รู้ว่าคนข้างหลังนั้นนั่งหอบกันอยู่เป็นแถวอยู่ตรงนี้
“กลับไปนี่พวกเราคงต้องเริ่มออกกำลังกายแบบพี่น้ำแล้วก็พี่วาริกันบ้างแล้วล่ะครับ เวลาไปไหนจะได้ไม่เหนื่อยแบบนี้กัน” ข้าวปั้นพยักหน้าเห็นด้วยกับไฟ เพราะเวลาว่างและวันหยุดนั้นสายน้ำและวาริจะออกกำลังกายในห้องฟิเตนสที่มีอยู่ในบ้านกันเป็นประจำ ทำให้เจ้าตัวดูจะไม่ค่อยสะทกสะท้านสักเท่าไหร่กับการเดินขึ้นบันได 300 ขั้น ซึ่งดูขัดกับรูปร่างและขนาดตัวของคนทั้งคู่มาก
พอข้าวปั้นพูดออกมาทุกคนก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วยทันที ที่จริงแล้วสายน้ำก็เคยชวนทุกคนอยู่บ่อยๆแต่ด้วยความขี้เกียจที่มีมากกว่าเลยทำให้มานั่งหอบกันอยู่แบบนี้
“ไหวมั้ยครับขี่หลังพี่ขึ้นไปมั้ย” อิฐที่รู้ว่าความจริงแล้วข้าวปั้นไม่ได้เหนื่อยตามที่ปากบอกหรอกแต่อาจจะเป็นเพราะเจ็บที่ช่องทางด้านหลังซะมากกว่าจึงถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับปั้นยังไหวอยู่ครับ ขอพักแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หายครับ” ข้าวปั้นตอบออกไปยิ้มๆ เค้ารู้ว่าอิฐนั้นเป็นห่วงเค้ามาก แต่เค้าก็ไม่อยากให้คนรักต้องกังวลและคิดมากโทษตัวเอง
“เฮ้อ! ถึงแล้ว พระเจ้าช่วยลูกด้วย” พอเดินขึ้นมาถึงข้างบนแล้วขนมพายก็ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวทันทีและเดินไปหาสายน้ำที่นั่งพักพร้อมกับป้อนนมให้น้องของขวัญอยู่
“หึๆ” หินผาถึงกับหัวเราะขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสภาพของแต่ละคนที่แทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก จะมีก็แต่กลุ่มเพื่อนเค้า อิฐ ไนท์และนัทเท่านั้น ที่ยังจะดูปกติดีอยู่
“สวยมาก สวยสมกับที่ยอมเหนื่อยเดินขึ้นมาเลย” เบลพูดขึ้นเมื่อพักจนหายเหนื่อยแล้วและมองสำรวจไปรอบๆ
“สวยมากเลยใช่มั้ยล่ะครับ เค้าว่ากันว่าถ้ามาเชียงใหม่แล้วไม่ได้มาไหว้สักการะก็จะถือว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่นะครับ” วาริหันมาบอกกับเบลที่ยังคงมองไปรอบๆอยู่
หลังจากที่พักกันจนหายเหนื่อยแล้วทุกคนก็ต่างทยอยและแยกย้ายกันไปไหว้พระขอพร
“ปั้นเจ็บมากมั้ยครับ” อิฐหันมาถามข้าวปั้นขึ้นมาเบาๆ เพราะตอนเดินขึ้นบันไดขึ้นมาเค้าเห็นน้องนั้นมีอาการหน้าตาเหยเกหลายครั้งด้วยกันจึงอดที่จะเป็นห่วงคนรักไม่ได้ แต่อีกคนก็แทบจะไม่แสดงอาการอะไรให้เค้าต้องเป็นกังวลเลยถ้าเค้าไม่คอยจับสังเกตเอาเอง เค้าทำได้แต่เพียงคอยช่วยประคองและช่วยดันหลังให้อีกแรงหนึ่งเท่านั้นเพราะอีกคนก็ดื้อเหลือเกิน
“ไม่เอาสิครับไม่ทำหน้าแบบนี้นะครับ ปั้นไม่เป็นอะไรเลยครับ เชื่อปั้นสิ” ข้าวปั้นหันมาพูดปลอบคนตัวโตที่นั่งมองหน้าเค้าอยู่ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยจะสบายใจเท่าไหร่นัก
“ครับๆ ถ้าปั้นไม่ไหวปั้นต้องรีบบอกพี่นะครับ แล้วก็ตอนลงเรานั่งกระเช้าลงกันนะ บอกทุกคนว่าอยากลองนั่งลงก็ได้” อิฐพูดออกมาเป็นเชิงขอร้องโดยที่ข้าวปั้นก็พยักหน้ารับปากแต่โดยดี เพราะถ้าเค้ายังขืนไม่ยอมมีหวังอีกคนคงไม่เลิกตื๊อเป็นแน่
หลังจากที่พากันไปไหว้พระกันเรียบร้อยแล้ว วาริก็พาทุกคนมากินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารขึ้นชื่อของเชียงใหม่ โดยมีทั้งอาหารเหนือและอาหารภาคกลางให้เลือกแต่ทุกคนก็เลือกที่จะสั่งเป็นอาหารเหนือแทนที่จะเป็นอาหารที่ตนเองคุ้นเคย
“อื้มม ข้าวซอยไก่นี่อร่อยมากเลยนะครับเข้มข้นกำลังดีเลย เอาไว้เดี๋ยวกลับไปน้ำจะลองทำให้ทุกคนกินกันนะครับ” สายน้ำที่ลองสั่งข้าวซอยไก่มากินก็หันไปบอกกับทุกคน หลังจากที่ป้อนข้าวให้กับน้องของขวัญที่ได้เตรียมมาจากรีสอร์ตเรียบร้อยแล้ว โดยที่ตัวเค้าเองก็ป้อนตัวเองไปด้วยและหันมาป้อนวายุที่อุ้มลูกน้อยอยู่ด้วย
“แกงฮังเลนี่ก็อร่อยนะครับ พี่น้ำได้ชิมรึยัง” ข้าวปั้นบอกกับสายน้ำออกไปพร้อมกับตักแกงฮังเลแบ่งใส่ถ้วยไปให้สายน้ำด้วย
“ขอบคุณนะครับ พี่ว่าพี่น่าจะชิมได้ไม่ครบนะ” สายน้ำบอกข้าวปั้นออกไปยิ้มๆ พร้อมกับมองอาหารบนโต๊ะที่วางเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด ที่มีทั้งน้ำพริกหนุ่มกับแคบหมู น้ำพริกอ่อง น้ำพริกน้ำปู แกงฮังเล แกงแค แกงโฮ๊ะ แกงขนุน ไส้อั่ว จอผัดกาด ลาบคั่ว และทุกคนก็ยังมีข้าวซอยและขนมจีนน้ำเงี้ยวที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยกันทุกคนอีก เรียกได้ว่าแทบจะสั่งทุกอย่างที่มีอยู่ในเมนูเลยก็ว่าได้ ดูแล้วไม่ค่อยจะหิวกันสักเท่าไหร่เลย
และในที่สุดอาหารบนโต๊ะที่เคยมีอยู่เต็มไปหมดก็หมดเกลี้ยงลงไปภายในพริบตาเดียวเท่านั้น จนทุกคนก็ยังอดที่จะทึ่งในฝีมือการกินของตัวเองกันไม่ได้เลย
หลังจากนั้นวาริก็พาทุกคนไปนั่งที่ร้านคาเฟ่เพื่อดื่มชากาแฟและกินของหวานกัน หลังจากที่ได้สั่งเครื่องดื่มและขนมเค้กกันมาจนครบทุกคนแล้ว ต่างก็นั่งคุยกันบ้างเล่นเกมกันบ้างจนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว และน้องของขวัญก็หลับไปในอ้อมอกของลุงไฟไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย หลังจากที่ไฟพาไปเดินเล่นที่สวนมา ทุกคนจึงลงความเห็นกันว่าควรที่จะกลับไปที่ไร่และสวนเลยจะได้ไม่ถึงเย็นมากนัก
หลังจากที่มาถึงรีสอร์ตเป็นเวลาเกือบจะ 5 โมงเย็น ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมันเพื่อพักผ่อน และตกลงกันว่าต่างคนต่างก็จะสั่งอาหารไปกินกันที่ห้องเองโดยที่จะไม่ได้ออกมารวมตัวกันอีกแล้วด้วยความเหนื่อยและเพลียที่ตระเวนและนั่งรถกันมาทั้งวัน
“ปั้นอาบน้ำพร้อมกับพี่นะครับ เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่จะได้ทายาให้” อิฐหันมาบอกกับข้าวปั้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องกันแล้ว โดยที่เค้าเดินไปซื้อยามาตอนที่ทุกคนกำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารซึ่งเผอิญมีร้านขายยาอยู่แถวนั้นพอดี
“ครับ แต่ปั้นขอพักแป๊บหนึ่งก่อนได้มั้ยครับ ปั้นปวดขามากเลยตอนนี้” ข้าวปั้นเดินมานั่งลงที่โซฟาพร้อมกับบีบนวดตามขาของตัวเองไปด้วย
“พี่ว่าไปอาบน้ำก่อนดีมั้ยครับปั้นจะได้สบายตัว แล้วเดี๋ยวพอพี่ทายาให้ปั้นเสร็จแล้วพี่จะนวดขาให้นะครับเด็กดี” ข้าวปั้นเองที่เห็นอิฐส่งแววตาความเป็นห่วงมาให้ก็ยอมไปอาบน้ำแต่โดยดีโดยมีอิฐเป็นคนอุ้มเข้าห้องน้ำและจัดการอาบน้ำให้เค้าเสร็จสรรพโดยที่เค้านั้นแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย
“หืออ!! ปั้นไม่เจ็บเหรอครับ มันบวมแล้วก็แดงกว่าเมื่อคืนอีกนะพี่ว่า” อิฐร้องออกมาเมื่อเห็นว่าช่องทางรักของข้าวปั้นนั้นทั้งบวมและแดงขึ้นมา นี่คงเป็นเพราะว่าเจ้าตัวคงเดินเยอะไป แถมยังไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลยแล้วยังไม่ยอมบอกเค้าอีกด้วย แค่ดูเค้าก็รู้แล้วว่ามันต้องเจ็บมากขนาดไหน
“นิดหน่อยเองครับปั้นทนได้” ข้าวปั้นหันหน้าหนีไปอีกทาง โดยที่ไม่ยอมที่จะหันไปสบตากับอิฐที่นั่งจ้องหน้าเค้าอยู่ บวกกับความอายที่อีกคนมานั่งจ้องอยู่ที่ช่องทางรักของเค้าด้วย
“เฮ้อ!! เด็กดื้อเอ๊ย ทำไมถึงดื้อไม่ยอมบอกพี่ล่ะครับ บอกให้ขี่หลังก็ไม่ยอม พี่จะทำยังไงกับเด็กดื้อคนนี้ดีหึ๊” อิฐพูดบ่นออกมาแต่ก็ลงมือทายาให้กับข้าวปั้นไปด้วย และพอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีคนที่โดนบ่นก็หลับพร้อมกับลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอไปแล้ว
“หึๆ โดนบ่นแค่นี้ถึงกับต้องหนีหลับกันอย่างนี้เลยเหรอครับเด็กแสบ จุ๊บ!” อิฐพูดขึ้นยิ้มๆและก้มมลงไปจูบที่ริมฝีปากบางอย่างมันเขี้ยวที่ปล่อยให้เค้าบ่นอยู่คนเดียว
หลังจากทายาและจัดการแต่งตัวให้กับข้าวปั้นเรียบร้อยแล้วเจ้าตัวก็ขึ้นมาบนเตียงและจับขาข้าวปั้นให้ยกขึ้นมาวางไว้ที่หน้าขาของตัวเองพร้อมกับลงมือบีบนวดให้ เพื่อหวังให้คนรักตื่นมาแล้วจะได้สบายตัวขึ้น
อิฐลงมือนวดอย่างเบามือและมองไปที่ใบหน้าติดหวานของคนรักที่กำลังนอนหลับอยู่ด้วยความรักและเอ็นดู เค้าต้องโชคดีแค่ไหนที่น้องยังรอเค้าและยังมั่นคงกับเค้ามาตลอด 5 ปีจนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เค้าเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเค้านั้นจะรักใครสักคนได้มากมายขนาดนี้เช่นกัน
Comments (0)