14 ตอน น้อยใจ
โดย Beloved_Moouan
“วันนี้ปั้นเข้าไปที่ห้างด้วยกันกับพี่นะครับ” อิฐหันมาบอกข้าวปั้นขณะที่ทั้งคู่นั่งดูซีรีส์กันอยู่ที่โซฟา อิฐมาหาข้าวปั้นที่ห้องตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะชวนน้องไปที่ทำงานด้วยกัน
วันไหนที่อิฐไม่มีเรียนอิฐจะเข้าไปดูงานที่บริษัทนั่นก็คือห้างที่เค้าต้องบริหารงานต่อจากพ่อของเค้านั่นเอง และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เค้าชวนข้าวปั้นให้ไปด้วยกัน เพราะทุกครั้งที่ชวนข้าวปั้นก็จะหาทางปฏิเสธไปซะทุกครั้งซึ่งอิฐก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมข้าวปั้นจึงไม่อยากจะไปที่ห้างกับเค้า
“ไม่ดีกว่าครับ ปั้นอยากอยู่อ่านหนังสือที่ห้องมากกว่า อีกไม่ถึงสองอาทิตย์ก็จะสอบแล้วด้วย” นั่นไงเป็นอย่างที่อิฐคิดไว้ไม่มีผิด
“แต่พี่อยากให้ปั้นไปกับพี่ด้วยนี่ครับ ปั้นเอาหนังสือไปอ่านด้วยก็ได้ ด้านหลังห้องทำงานของพี่ก็เป็นห้องนอนปั้นเข้าไปนอนอ่านในนั้นก็ได้ แมคบุ๊คที่ห้องพี่ก็มีอีกเครื่อง หรือถ้าปั้นเบื่อๆ ปั้นก็ลงไปเดินเล่นข้างล่างก็ได้ หรือถ้าพี่เคลียร์งานเสร็จแล้วเราลงมาเดินเล่นด้วยกันก็ได้นะครับนะ” อิฐพูดอ้อนเต็มที่ เพื่อหวังว่าน้องจะเปลี่ยนใจ เพราะตลอดสี่เดือนกว่าที่คบกันมาข้าวปั้นยังไม่เคยไปที่ห้างกับเค้าเลยสักครั้ง พอเค้าชวนทีไรก็มักจะหาเรื่องมาบ่ายเบี่ยงตลอดเลย
“อย่าดื้อสิครับ ปั้นไม่อยากรบกวนเวลาที่พี่อิฐทำงานนี่ครับไม่อยากให้พี่อิฐต้องมาพะวงกับปั้น เดี๋ยวเย็นนี้เราค่อยออกไปทานข้าวด้วยกันนะครับ” ข้าวปั้นพูดออกมาโดยที่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวีอยู่ จึงไม่เห็นหน้าของอิฐที่กำลังแสดงความน้อยใจออกมาที่แฟนไม่สนใจแถมยังชวนไปด้วยกันก็ไม่ไปทั้งๆที่อีกตั้งเกือบสองอาทิตย์กว่าจะสอบ มันไม่ใช่ข้ออ้างเลยสักนิด หรือว่าน้องอาจจะเบื่อหรือรำคาญเค้าก็เป็นได้ เพราะช่วงนี้เค้าเองก็คอยตามติดน้องแจเลย
“พี่เข้าใจแล้วครับ ปั้นอาจจะต้องการเวลาส่วนตัวบ้าง พี่ขอโทษนะครับที่ช่วงนี้พี่ตามติดปั้นไปหน่อย พี่ไปก่อนนะตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ” อิฐพูดพร้อมกับพยายามปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติโดยพยายามเก็บซ่อนอารมณ์น้อยใจของตัวเองเอาไว้ข้างใน พออิฐพูดจบข้าวปั้นที่ยังสนใจดูซีรีส์อยู่ก็พยักหน้ารับโดยที่ไม่ได้ทันฟังด้วยซ้ำไปว่าอีกคนพูดอะไรกับตนเอง อิฐที่เห็นดังนั้นจึงเดินออกไปทันทีด้วยความน้อยใจที่มีเพิ่มขึ้นมาอีก
“ทำไมพี่อิฐไม่รับสาย หรือว่าจะยุ่งอยู่” พอตอนเที่ยงข้าวปั้นก็โทรหาอิฐเพื่อจะถามว่าได้ทานข้าวทานปลาบ้างหรือยัง แต่พอโทรแล้วอิฐไม่รับสายเจ้าตัวจึงคิดว่าอิฐน่าจะยุ่งอยู่ จึงไม่ได้โทรกลับไปอีก คิดได้ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ต่อจากนั้นข้าวปั้นจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อเค้าอยากที่จะอ่านให้ได้หลายๆรอบ เพราะเค้าเองก็ไม่ใช่คนหัวดีอะไรนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลสำคัญซะทีเดียวที่ทำให้เค้าปฏิเสธที่จะไม่ไปที่ห้างกับอิฐ
พอผ่านไปสักพักด้วยความที่อ่านหนังสือติดต่อกันมาหลายชั่วโมงตั้งแต่ช่วงสายๆ จึงทำให้ข้าวปั้นเผลอหลับไปในที่สุด
“น้องคงเบื่อเราแล้วจริงๆสินะ เรามันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอวะ” อิฐยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาดูเมื่อนาฬิกาบ่งบอกว่าเป็นเวลาเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว และวันนี้ทั้งวันก็มีมิสคอลจากข้าวปั้นโทรเข้ามาหาเค้าแค่สายเดียวเท่านั้นเอง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ไงยังไม่กลับบ้านเหรอเรา พ่อนึกว่ากลับไปตั้งนานแล้ว” พ่อของอิฐเดินเข้ามาแล้วถามลูกชายคนเล็กที่ไม่ค่อยจะได้เจอหน้ากันสักเท่าไหร่
“ยังครับว่าจะเคลียร์กองนี้ให้หมดค่อยกลับ งานจะได้ไม่ค้าง” อิฐตอบกลับพ่อไปเสียงนิ่งๆ
“เป็นอะไรรึเปล่าเรา ถ้าไม่ไหวก็กลับไปพักเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวพ่อดูต่อให้เอง” พ่อของอิฐที่เห็นหน้าตาของลูกชายคนเล็กดูไม่ค่อยสดชื่นสักเท่าไหร่จึงเอ่ยถามขึ้น
“เปล่าครับ แค่ช่วงนี้ใกล้สอบเลยเครียดไปหน่อย” อิฐเลือกที่จะโกหกพ่อตัวเองออกไป
“อืม อย่าหักโหมมากนักล่ะ แล้วก็ถ้าใกล้สอบแล้วก็ไม่ต้องเข้ามาก็ได้นะพ่อยังดูไหวอยู่ เดี๋ยวเราจะเครียดจนเกินไปไหนจะสอบไหนจะงาน แล้วเมื่อไหร่จะพาแฟนมาให้พ่อกับแม่ได้เจอสักทีคบกันมาตั้งหลายเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เอาไว้ถ้าเค้าพร้อมเดี๋ยวผมจะพาเข้าไปที่บ้านนะครับ พ่อบอกแม่ด้วยนะครับว่าคืนนี้ผมจะเข้าไปค้างที่บ้านเล้วก็เสาร์อาทิตย์นี้ด้วยนะครับ” อิฐบอกพ่อออกไปเค้าอยากจะให้เวลาตัวเองและน้องได้ห่างกันสักพักบางทีอะไรๆ อาจจะดีขึ้นก็ได้
“หืออ เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายใจอะไรปรึกษาพ่อได้นะ” พ่อของอิฐเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับอิฐทันทีที่ได้ยินลูกชายบอก เพราะตั้งแต่อิฐขึ้นปี 2 ก็ไม่ค่อยจะได้กลับไปนอนที่บ้านเลย ไม่ไปนอนที่ห้องของรุ่นพี่ก็ไปนอนที่บ้านของสายน้ำซึ่งอยู่ติดกับบ้านที่กำลังสร้างของลูกชาย นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีเลยที่ลูกชายคนเล็กของเค้าจะไปนอนค้างที่บ้านมากกว่า 1 คืน
“ผมแค่คิดถึงอาหารฝีมือแม่น่ะครับ ไม่ได้เจอพี่อาร์มนานแล้วด้วย แล้วอีกอย่างบ้านก็ใกล้จะสร้างเสร็จแล้ว และพอบ้านเสร็จผมคงจะไม่ได้ไปกลับไปค้างที่บ้านบ่อยนัก” พออิฐพูดบอกพ่อของอิฐก็พยักหน้าเข้าใจ และไม่ถามอะไรอีก
“งั้นเดี๋ยวพ่อรีบโทรบอกแม่กับพี่ชายเราดีกว่า แม่เราจะได้เตรียมกับข้าวกับปลาทัน แม่กับพี่ชายเราต้องดีใจมากแน่ๆ งั้นพ่อกลับก่อนนะแล้วก็อย่ากลับเย็นมากนักล่ะเราขับรถมืดๆค่ำๆแม่เราจะนั่งไม่ติดเอา” พ่อของอิฐพูดขึ้นยิ้มๆ
“ครับ พ่อก็ขับรถกลับดีๆนะครับ” อิฐบอกและยิ้มให้กับพ่อตัวเอง
พอพ่อของอิฐเดินออกไปแล้วอิฐก็นั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่สักพักก่อนที่จะตั้งสมาธิให้กลับมาอยู่ที่งานตรงหน้าอีกครั้ง
“หืออ นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย ห๊ะ! 6 โมงแล้ว นี่เราเผลอหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วนี่พี่อิฐมารึยังเนี่ย” ข้าวปั้นพอรู้สึกตัวก็รีบกระเด้งตัวลุกขึ้นมาดูนาฬิกาทันที จากนั้นก็เดินไปล้างหน้าล้างตาและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อที่จะโทรหาอิฐเมื่อเห็นว่าอิฐยังไม่มา
ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด!
“พี่อิฐแบตหมดเหรอ ทำไมโทรไม่ติด ข้าวปั้นเอ๋ยข้าวปั้นทำไมถึงได้เผลอหลับไปได้นานขนาดนี้เนี่ย” ข้าวปั้นได้แต่นั่งบ่นกับตัวเอง
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะสองทุ่มแล้ว ข้าวปั้นก็เริ่มนั่งไม่ติดเพราะติดต่ออิฐไม่ได้ เจ้าตัวเดินกลับมาหย่อนตัวนั่งที่โซฟาและพยายามคิดทบทวนคำพูดของอิฐก่อนที่อิฐจะเดินออกจากห้องของเค้าไป เพราะตอนนั้นเค้ามัวแต่สนใจดูซีรีส์อยู่จึงไม่ได้สนใจคำพูดของอีกคนมากนัก
“เวลาส่วนตัวเหรอ ตามติดอย่างนั้นเหรอ โอ๊ยไอ้ปั้นมึงทำอะไรของมึงลงไปวะเนี่ย” พอเจ้าตัวนึกออกก็ถึงกับสบถคำหยาบออกมาพร้อมกับดึงถึงทึ้งผมของตัวเองอย่างแรง
“ไงไอ้น้องชาย หายหน้าหายตาไปเลย” ทันทีที่อิฐก้าวเข้ามาในบ้านพี่ชายอย่างอาร์มก็เอ่ยทักขึ้นมาทันที อาร์มมีอายุแก่กว่าอิฐอยู่ 4 ปี และตอนนี้ก็รั้งตำแหน่งประธานแทนพ่อของเค้าที่บริษัทเรือสำราญเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว จะเหลือก็แต่อิฐนี่แหละที่พ่อของเค้ารอให้เรียนจบจะได้มาบริหารงานแทนเค้าอย่างเต็มตัวสักที
“หึๆ อย่าเว่อร์ พี่ต่างหากที่ผมมาทีไรก็ไม่อยู่บ้านสักที มันแต่ไปเที่ยวหาสาว” อิฐพูดและเดินมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับพี่ชาย
“หึๆ ก็อย่างนี้แหละคนมันหล่อเว้ย” อาร์มยักคิ้วกวนๆกลับไปให้น้องชาย ซึ่งอิฐก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ เพราะเค้ากับพี่ชายค่อนข้างที่จะสนิทกันมากถึงอายุจะห่างกันถึง 4 ปีก็ตาม
“กลับมาแล้วเหรอลูก หิวรึยังจ๊ะ แม่เตรียมของโปรดไว้ให้อิฐเยอะแยะเลยนะ” แม่ของอิฐที่เพิ่งเดินออกมาจากครัว พอเห็นลูกชายคนเล็กนั่งคุยอยู่กับลูกชายคนโตก็รีบเดินยิ้มกว้างเข้ามาหาด้วยความดีใจ
“หิวแล้วครับ อิฐไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วย” อิฐที่เห็นแม่ตัวเองเดินมาก็รีบเดินไปกอดเอวอ้อนทันที โดยมีอาร์มนั่งทำหน้าล้อเลียนอยู่ด้วยความหมั่นไส้
“ตายแล้ว นี่พ่อเค้าใช้งานเราหนักขนาดนั้นเลยเหรอลูก ไม่ได้การแล้วเดี๋ยวแม่จะเป็นคนจัดการพ่อให้เอง ป่ะงั้นเราไปกินข้าวกันดีกว่าจ้ะ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาจะแย่เอา”
“โห! คุณแม่สุดที่รักคร้าบบ พอลูกชายสุดที่รักกลับมานี่อาร์มก็กลายเป็นหมาหัวเน่าไปเหรอครับเนี่ย” อาร์มพูดขึ้นพร้อมกับแสร้งทำหน้าทำตาเหมือนจะร้องไห้ไปด้วย
“อ้าวตาอาร์มมานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ยทำไมแม่ไม่ยักจะเห็นเลย ไปลูกอย่าไปสนใจพี่เค้าเลยเราไปกินข้าวกันดีกว่านะจ๊ะ” แม่ของอิฐพอพูดแกล้งลูกชายคนโตและก็เดินกอดเอวลูกชายคนเล็กไปที่โต๊ะทานข้าวทันที ทิ้งให้อาร์มยืนอึ้งอยู่กับมุกของแม่ตัวเอง
“แม่อ่ะ ลำเอียงชัดๆเลย แม่อะไรรักลูกไม่เท่ากัน” อาร์มเดินบ่นขณะที่กำลังเดินไปที่โต๊ะทานข้าวอย่างไม่จริงจังมากนัก
(ฮัลโหลครับ น้องปั้นมีอะไรรึเปล่า) สายน้ำเมื่อได้รับสายจากรุ่นน้องก็ถามด้วยความเป็นห่วงเพราะนี่ก็ใกล้จะสามทุ่มเข้าไปแล้ว
“ขอโทษนะครับที่ปั้นโทรมารบกวนพี่น้ำเวลานี้ แต่ปั้นไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ” ข้าวปั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ติดสั่นเล็กน้อยจนสายน้ำยังรู้สึกได้
(ไม่เป็นไรครับ น้องปั้นใจเย็นๆนะครับ แล้วนี่น้องปั้นไม่ได้อยู่กับอิฐหรอกเหรอครับ เพราะเมื่อเช้าเห็นอิฐบอกกับพี่ว่าจะไปรับน้องปั้นไปที่ทำงานด้วยกัน) สายน้ำถามรุ่นน้องอย่างใจเย็น
“เมื่อเช้าพี่อิฐมาหาปั้นจริงๆครับ แต่ปั้นไม่ได้ไปกับพี่อิฐด้วย ......................................) จากนั้นข้าวปั้นก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับสายน้ำฟังอย่างละเอียดโดยที่ไม่ปิดบังอะไรเลย
(เฮ้อ! พี่ขอโทษนะครับถ้าพี่จะบอกว่าถ้าเป็นพี่ พี่ก็คงจะโกรธหรือคงจะน้อยใจมากเหมือนกัน แต่อิฐยังดีที่ยังใจเย็นและไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา แต่พี่คิดว่าอิฐคงจะต้องน้อยใจมากแน่ๆ) สายน้ำจำเป็นจะต้องพูดบอกรุ่นน้องไปตามตรง เพราะถ้าเป็นเค้าพูดออกไปแบบนั้นแล้ววายุพยักหน้ารับแถมยังไม่สนใจเค้าอีกเค้าคงจะต้องโกรธหรือน้อยใจมากแน่ๆ
“ปั้นขอโทษครับที่ปั้นคิดน้อยไปหน่อย ปั้นแค่คิดว่าพี่อิฐคงจะรีบไปทำงานปั้นเลยไม่ได้สนใจมากนัก” ข้าวปั้นพูดออกมาเสียงอ่อยๆ ราวกับคนจะร้องไห้
(พี่ขอถามได้มั้ยครับว่าทำไมน้องปั้นถึงไม่ยอมไปที่ห้างกับอิฐล่ะครับ เห็นอิฐบอกว่าเคยชวนน้องปั้นไปหลายครั้งแล้วแต่น้องปั้นก็ปฎิเสธหรือพยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด) สายน้ำถามด้วยความข้องใจ เพราะอิฐนั้นมาบ่นให้เค้าฟังค่อนข้างที่จะบ่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้
“คือว่าปั้น....” ข้าวปั้นมีท่าทีอึกอัก จนสายน้ำถึงกับต้องลอบถอนหายใจ
(เอาอย่างนี้ดีกว่านะครับ คืนนี้พี่ดินน่าจะไปค้างที่ห้อง เดี๋ยวพี่จะโทรหาพี่ดินให้ไปรับเรามาที่บ้านของพี่ พอถึงแล้วน้องปั้นก็มานอนที่ห้องที่น้องปั้นกับอิฐเคยนอนนะครับ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราค่อยมาคุยกัน เพราะกว่าปั้นจะมาถึงที่นี่ก็คงจะดึกมากแล้ว) สายน้ำไม่รอฟังคำตอบจากข้าวปั้น เพราะเค้าคิดว่าถ้าคุยกันทางโทรศัพท์คงจะไม่จบเรื่องแน่
“แล้วจะไม่เป็นการรบกวนพี่ดินเหรอครับ ปั้นเกรงใจ”
(ไม่หรอกครับ ถ้าพี่ดินรู้เรื่องพี่ดินก็คงจะทำแบบพี่เหมือนกัน อย่าลืมสิครับเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ มีอะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป แล้วอีกอย่างพี่ว่าคืนนี้น้องปั้นก็คงจะนอนไม่หลับหรอกใช่มั้ยครับ สู้มานอนบ้านพี่อย่างน้อยก็ยังมีพี่ๆที่คอยอยู่ใกล้ๆยังทำให้อุ่นใจได้บ้าง เอาตามที่พี่บอกนะครับ น้องปั้นก็เตรียมตัวแล้วก็เตรียมเสื้อผ้าไว้นะครับเอามาเผื่อไว้สัก 3 หรือ 4 ชุดก็ได้เผื่อต้องค้างที่นี่หลายคืน)
“ครับ ขอบคุณพี่น้ำมากๆเลยนะครับ”
(ไม่เป็นไรหรอกครับพี่น้องกันนี่เน๊อะ เดี๋ยวพี่โทรบอกพี่ดินให้แล้วเดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ) พูดจบสายน้ำก็วางสายแล้วโทรไปหาดินทันที
จากนั้นข้าวปั้นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องและจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าตามจำนวนที่สายน้ำบอก เค้าไม่มีเวลามานั่งคิดอะไรมากนอกจากทำตามที่รุ่นพี่บอก เพราะมันก็จริงอย่างที่สายน้ำพูด ต่อให้คืนนี้เค้าอยู่ห้องนี้คนเดียวเค้าก็คงจะนอนไม่หลับอยู่ดี
อ๊อด! อ๊อด!
ซึ่งพอผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงออดหน้าห้องของข้าวปั้นก็ดังขึ้น และคงจะเป็นดินที่ลงมารับเค้าแล้ว
แกร๊ก!!
“สวัสดีครับพี่ดิน ปั้นขอโทษด้วยนะครับที่ต้องรบกวนพี่ดิน เสียเวลานอนแย่เลย” ข้าวปั้นยกมือขึ้นไหว้รุ่นพี่ทันทีที่เห็นหน้า เค้าเกรงใจดินมากจริงๆเพราะนี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้วด้วย
“ไม่เป็นไรครับอย่าคิดมาก พี่น้องกันมีอะไรก็ต้องช่วยกันสิครับ” ดินพูดออกมายิ้มๆพร้อมกับยกมือขึ้นมาโยกหัวคนขี้เกรงใจ
ข้าวปั้นได้แต่ยิ้มตอบกลับไป นี่สินะอิฐถึงอยากให้เค้ามาอยู่ที่นี่อยู่ใกล้กับรุ่นพี่ เพราะเวลามีเรื่องอะไรยังคอยช่วยเหลือกันได้แบบครั้งนี้
ดินขับรถถึงบ้านของสายน้ำในเวลาเกือบๆจะห้าทุ่มซึ่งทุกคนในบ้านก็คงจะหลับกันหมดแล้ว ตลอดทางที่นั่งรถด้วยกันมาดินก็ชวนข้าวปั้นคุยไปเรื่อย เรื่องเรียนบ้างเรื่องที่กำลังจะสอบบ้าง แต่ดินก็ไม่ได้ถามข้าวปั้นถึงเรื่องของอิฐให้น้องไม่สบายใจเลย
สายน้ำได้เล่าให้เค้าฟังคร่าวๆบ้างแล้ว เค้าเข้าใจว่าน้องยังเด็กอยู่มาก และยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ความรักและยังไม่เคยมีแฟน คงจะเป็นเรื่องยากอยู่ที่คนสองคนจะไม่มีเรื่องให้ต้องน้อยใจหรือโกรธกันเลย ทุกอย่างมันไม่ได้ราบรื่นเสมอไปทุกปัญหาที่เข้ามามันจะเป็นบทพิสูจน์ความรักที่ทั้งสองมีให้แก่กันเอง
“เดี๋ยวน้องปั้นขึ้นไปนอนซะนะครับนี่ก็ดึกแล้ว ห้องเดิมที่เคยนอนนั่นแหละ แล้วก็ไม่ต้องคิดมากนะไอ้อิฐมันไม่หนีไปไหนหรอกมันคงจะกลับไปนอนที่บ้านแล้วก็อ้อนแม่มันตามประสาคนขี้น้อยใจนั่นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะไปลากมันกลับมาให้เอง กู๊ดไนท์นะครับ” ดินพูดขึ้นเมื่อเค้าไขบ้านเข้ามาข้างในแล้ว ข้าวปั้นก็พยักหน้ารับและเดินขึ้นชั้นบนไป
เช้านี้ข้าวปั้นตื่นนอนตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า และออกมานั่งเล่นที่สวนน้ำตก เพราะเมื่อคืนเค้านอนไม่ค่อยหลับจริงๆอย่างที่สายน้ำบอก ยังดีที่เมื่อคืนได้มาที่นี่เพราะพอตื่นเช้ามายังมีทั้งน้ำตกและปลาคาร์ฟให้ได้นั่งดูเพลินๆจนลืมความเครียดไปได้บ้าง แถมบรรยากาศยามเช้าแบบนี้อากาศก็ดีมากด้วย ถ้าอยู่ห้องตัวเองป่านนี้เค้าคงจะต้องนั่งเหงาและคิดมากอยู่คนเดียว เค้าไม่รู้จะขอบคุณพี่ๆทุกคนยังไงดีที่ทุกคนนั้นทั้งเอ็นดูและยังมอบความรักและความหวังดีมาให้กับเค้าตลอด
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอขอบคุณแฟนของเค้าที่ทำให้เค้าได้มารู้จักกับทุกคน แต่เค้านี่สิกลับทำให้คนที่เค้ารักและรักเค้าต้องเสียใจ ป่านนี้อีกคนจะคิดถึงเค้าอย่างที่เค้าคิดถึงบ้างรึเปล่า เค้าอยากจะบอกว่าเค้าไม่เคยคิดรำคาญหรือต้องการความเป็นส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย เค้ามีความสุขทุกครั้งมีความสุขทุกวินาทีที่ได้อยู่กับพี่อิฐ พอข้าวปั้นคิดมาถึงตรงนี้ก็พาลให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ดินที่ออกมาเห็นข้าวปั้นนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวก็ยกมือถือของตัวเองขึ้นมาแล้วถ่ายรูปของข้าวปั้นเอาไว้ และส่งไปให้กับไอ้รุ่นน้องตัวดี เอาให้มันรีบแจ้นกลับมาปลอบใจคนทางนี้ไม่ทันเลยทีเดียว
Comments (0)