11 ตอน ตัวตนอีกด้าน
โดย Beloved_Moouan
“วันนี้กินอะไรดีครับ” อิฐถามข้าวปั้นขึ้นมาเมื่อทุกคนพากันเดินมาที่โรงอาหารเพื่อทานข้าวกลางวัน
จะยกเว้นก็แต่กลุ่มของวาริที่ตั้งแต่วันที่ไนท์ทำให้ขนมพายโกรธกลุ่มของวาริก็ไม่ค่อยได้มากินข้าวด้วยกันอีกเลย เพราะขนมพายจะขอแยกตัวออกไปกินคนเดียวถ้าเห็นว่าไนท์อยู่ด้วย ทำให้วาริกับนัทพลอยไม่ได้มารวมกลุ่มด้วยเพราะไม่อยากที่จะทิ้งเพื่อนให้อยู่คนเดียว
ส่วนกลุ่มของเดย์รวมทั้งอิฐก็ได้แต่สมน้ำหน้าไนท์ว่าเป็นยังไงล่ะวิธีจีบของมึง ซึ่งไนท์เองก็คิดหนักอยู่เหมือนกันเพราะนี่ก็เป็นเวลาเกือบจะสองเดือนแล้วที่ขนมพายไม่แม้แต่จะยอมมองหน้าเค้าเลย
“อืมม พี่อิฐไปซื้อของพี่อิฐได้เลยนะครับ เดี๋ยวปั้นว่าจะไปหาดูก๋วยเตี๋ยวน่ะครับ”
“งั้นเดี๋ยวมาเจอกันที่โต๊ะนะครับ” อิฐยกมือขึ้นลูบผมของข้าวปั้นและเดินออกไป โดยที่มีสายน้ำและออกัสคอยเฝ้าอยู่ที่โต๊ะเหมือนเคย โดยมีอิฐกับเบลเป็นคนไปซื้อข้าวมาให้
ถึงอิฐจะมีข้าวปั้นแล้วแต่เค้าก็ไม่เคยที่จะทิ้งเพื่อนๆ เค้าเคยทำยังไงก็ยังคงทำอยู่อย่างนั้น โดยเฉพาะกับเพื่อนตัวเล็กที่เปรียบเสมือนน้องชายของเค้าที่วายุฝากให้ดูแลให้ด้วย เพราะถึงตอนนี้ก็ยังมีรุ่นน้องและผู้ชายคณะอื่นๆ มาตามมจีบสายน้ำอยู่ไม่เว้นแต่ละวันยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่เค้าไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว
“กินอะไรดีปั้น” ไออุ่นถามขึ้นเมื่อเค้าทั้งสามคนรวมถึงนุ่นมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เนื้อตุ๋น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ และเย็นตาโฟ
“อืม เรากินเส้นเล็กต้มยำดีกว่าอยากกินอะไรเปรี้ยวๆเผ็ดๆ”
“งั้นสั่งเหมือนกันหมดเลยแล้วกันเน๊าะจะได้เร็วๆ” นุ่นพูดขึ้น จากนั้นทั้งสามคนก็พากันไปต่อแถว
“ได้แล้วจ้า ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสามชามจ้ะ”
“ขอบคุณนะครับป้า” ข้าวปั้นยื่นมือไปจ่ายเงินให้ป้าและเอ่ยขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ป้าร้านก๋วยเตี๋ยว
“น่ารักจังเลยลูกปี 1 เหรอจ๊ะ ป้าไม่เคยเห็นหน้าเลย” ป้าร้านก๋วยเตี๋ยวพูดขึ้นขณะยื่นเงินทอนมาให้กับข้าวปั้น
“ครับผม ปี 1 ครับ ขอบคุณนะครับป้าไว้ผมจะมาอุดหนุนบ่อยๆนะครับ” ข้าวปั้นพูดขอบคุณและรับเงินทอนมาจากนั้นเค้าจึงไปเติมเครื่องปรุงที่มีนุ่นกับไออุ่นยืนรออยู่แล้ว
ซ่าา!!!
“โอ้ยย!!!”
ข้าวปั้นร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจและร้อนที่แขน เมื่อก๋วยเตี๋ยวที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งถือมาหกราดใส่แขนของเค้าเข้าเต็มๆ ผู้หญิงคนนี้ยืนต่อแถวจากข้าวปั้นและเพิ่งจะรับชามก๋วยเตี๋ยวมาจากป้าเมื่อกี๊นี้เอง ดีที่น้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นไม่ค่อยร้อนมากเท่าไหร่
“ว๊าย!! ขอโทษทีนะจ๊ะเราไม่ได้ตั้งใจน่ะ” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขอโทษออกมา พร้อมกับทำหน้าสำนึกผิดซึ่งมันดูเหมือนกับแกล้งทำซะมากกว่า
“นี่อย่ามาตอแหล เห็นอยู่ว่าเธอตั้งใจเอาก๋วยเตี๋ยวมาราดใส่เพื่อนฉัน” เป็นนุ่นที่แหวออกไปด้วยความโมโห เพราะเธอหันไปเห็นพอดีจังหวะที่ข้าวปั้นกำลังจะหันไปแต่เธอบอกไม่ทัน
“ปั้นเป็นอะไรครับ ใครทำอะไร” อิฐและทุกคนที่ได้ยินเสียงร้องของข้าวปั้นก็รีบวิ่งมาดูทันที สภาพของข้าวปั้นที่เค้าเห็นทำให้เค้าถึงกับตกใจ เพราะแขนขาวๆของข้าวปั้นนั้นมันแดงขึ้นจนเห็นได้ชัด รวมทั้งเสื้อนักศึกษาที่เลอะไปด้วยน้ำก๋วยเตี๋ยว แต่ข้าวปั้นกับมีสีหน้าที่เรียบนิ่งไม่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด
“ป้าครับผมขอน้ำสองขวดครับ” สายน้ำรีบหันไปขอน้ำเปล่าจากร้านป้าข้างๆ และรีบน้ำมาล้างแขนให้กับข้าวปั้นที่ตอนนี้มันขึ้นรอยแดงจัดแล้ว ส่วนไออุ่นก็ช่วยเอาผ้าเช็ดหน้าจากออกัสมาช่วยชุบน้ำเช็ดที่เสื้อของข้าวปั้นด้วย
“พี่อิฐคะ อีนี่มันตั้งใจเอาน้ำก๋วยเตี๋ยวมาราดใส่ปั้นค่ะ นุ่นหันไปเห็นพอดีแต่นุ่นบอกกับปั้นไม่ทัน แถมน้ำก๋วยเตี๋ยวนั่นป้าเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆเองด้วย” นุ่นที่ยังแค้นแทนเพื่อนอยู่พูดฟ้องอิฐออกมาเป็นชุด
พอนุ่นพูดจบอิฐก็หันไปมองผู้หญิงคนที่นุ่นบอกว่าเป็นคนทำจนตาขวาง อิฐขบสันกรามแน่นจนขึ้นนูนอย่างเห็นได้ชัด
“นะ นี่ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ ก็เพื่อนเธอหันมาไม่ดูตาม้าตาเรือเองนี่” ผู้หญิงคนนั้นพูดออกไปตัวก็สั่นไปเพราะด้วยสายตาของอิฐที่มองมาแทบจะกินเลือดกินเนื้อเธออยู่แล้ว
หมับ!!
ข้าวปั้นหันไปดึงแขนอิฐเอาไว้เมื่อเห็นอิฐกำลังจะก้าวเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นด้วยแวตาที่เกรี้ยวกราด
“ป้าครับผมขอก๋วยเตี๋ยวเหมือนที่ผู้หญิงคนนี้สั่งอีกชามนะครับ” พอข้าวปั้นพูดจบทุกคนถึงกับหันไปมองข้าวปั้นเป็นตาเดียวกันอย่างแปลกใจ
“ได้แล้วจ้ะหนู” ป้าร้านก๋วยเตี๋ยวก็เหมือนจะเต็มใจทำให้อย่างไวเพราะเธอเองก็เห็นเหตุการณ์ด้วยเหมือนกัน
“ขอบคุณนะครับ” ข้าวปั้นเดินไปรับชามก๋วยเตี๋ยว ทุกคนก็ได้แต่มองตามด้วยความไม่เข้าใจ
ซ่าา!!!
“ว๊ายย!! กรี๊ดด!!! ร้อนๆๆ แสบๆๆ กรี๊ดด!!! แกทำอะไรของแกเนี่ย” ผู้หญิงคนนั้นถึงกับร้องออกมาทันทีที่โดนข้าวปั้นราดน้ำก๋วยเตี๋ยวไปที่แขนของเธอข้างเดียวกันกับเค้า
ทุกคนได้แต่ยืนมองกันตาค้างรวมทั้งอิฐด้วยที่ไม่คิดว่าแฟนของตัวเองที่ดูภายนอกค่อนข้างที่จะออกไปทางอ่อนโยนและดูไม่มีพิษมีภัยกับใครถึงแม้จะบางครั้งออกจะดูแก่นๆไปบ้างจะเอาคืนด้วยวิธีนี้
“อ้าว ขอโทษนะครับพอดีผมก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน” ข้าวปั้นพูดออกมายิ้มๆ
“นี่แก” ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมกับเดินเข้ามาหาข้าวปั้น
หมับ!!
“มึงคิดจะทำอะไรแฟนกู” อิฐใช้มือใหญ่ของตัวเองคว้าเข้าที่คอของผู้หญิงคนนั้นทันทีและออกแรงบีบก่อนที่จะอีกคนจะก้าวมาถึงตัวของข้าวปั้น
“เอื้อก!!!” ผู้หญิงคนนั้นถึงกับตาเหลือกทันทีด้วยแรงบีบของอิฐ เธอใช้สองมือพยายามที่จะแกะมือใหญ่ของอิฐออก โดยที่แขนอีกก็เริ่มขึ้นรอยแดงเหมือนกับของข้าวปั้นแล้ว
“พี่คะ พวกหนูขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ เพื่อนหนูผิดเองค่ะที่คิดจะแกล้งแฟนพี่ พี่ปล่อยเพื่อนหนูเถอะนะคะ” เพื่อนของผู้หญิงคนนั้นยกมือไหว้อิฐ เพราะเธอเห็นหน้าของเพื่อนนั้นขึ้นเป็นสีแดงแล้ว
“เอายังไงดีครับที่รัก” อิฐหันมาถามข้าวปั้นโดยผ่อนแรงบีบลงมานิดหน่อย
“เราเคยรู้จักกันเหรอครับ” ข้าวปั้นเดินเข้ามาถามผู้หญิงคนนั้นด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งยากที่จะคาดเดา จนทำให้ทุกคนถึงกับต้องกลืนน้ำลายตาม ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มของทอยและทุกคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่
ผู้หญิงคนนั้นส่ายหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากลงมา มีคนเคยเตือนเธอแล้วว่าอย่าริมีเรื่องกับคนกลุ่มนี้ เพราะถึงแม้จะไม่มีกลุ่มพี่ๆที่เรียนจบไปแล้วอยู่แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเธอคิดผิดถนัด
“อืมม แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะครับ” ข้าวปั้นพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาจับมือของอิฐให้ออกไปจากคอของผู้หญิงคนนั้น ซึ่งอิฐก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะตอนนี้แฟนของเค้านั้นดูน่ากลัวกว่าเค้าซะอีก
แค่ก! แค่ก! แค่ก!
“พี่อิฐไปล้างมือก่อนนะครับ มือของพี่สกปรกมากเลย” ข้าวปั้นหันไปบอกกับอิฐและหันกลับมามองคนที่ยืนไอและใช้มือลูบคออยู่
“คะ คือ ฉันแค่อิจฉาแล้วก็หมั่นไส้” ผู้หญิงคนนั้นพูดสารภาพออกมาแบบไม่เต็มเสียงมากนักเพราะถูกสายตาของทุกคนกดดัน
“ทุกคนรู้มั้ยครับ ว่ากว่าที่ผมกับพี่อิฐจะมีวันนี้ได้ต้องใช้เวลากี่วัน ต้องใช้เวลากี่เดือน และต้องใช้เวลากี่ปี ถ้าทุกคนแล้วรู้จะยังอิจฉาจะยังหมั่นไส้ผมอยู่มั้ย” ข้าวปั้นพูดออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆ
ที่ผ่านมาตลอดสองเดือนกว่าที่เค้าเป็นแฟนกับอิฐไม่ใช่ว่าเค้าจะไม่รู้ว่าทุกคนมองเค้าและพูดถึงเค้ายังไงบ้าง แต่เค้าก็เลือกที่จะอดทนและพร้อมที่จะยอมรับมันกับสิ่งที่เค้าเลือก เลือกที่จะรักผู้ชายคนนี้
เลือกที่จะไม่สนใจสายตาที่มองมา เลือกที่จะไม่สนใจคำพูดต่างๆนาๆที่ว่าเค้าเสียๆหายๆ
บางคนก็หาว่าเค้าเอาตัวเข้าแลกและยังกล่าวว่าเค้าเสียๆหายๆ บางคนก็ว่าว่าเค้าไม่มีอะไรคู่ควรหรือเหมาะสมกับอิฐเลยสักนิด ถ้าเป็นพี่สายน้ำก็ว่าไปอย่าง คนพวกนั้นเอาอะไรมาตัดสินเค้ากันว่าเค้าต้องเป็นแบบนั้นต้องเป็นแบบนี้ คนพวกนั้นเอาอะไรมาตัดสินว่าอะไรคือคู่ควรหรืออะไรคือไม่คู่ควร
“ผมกับพี่อิฐใช้เวลา 5 ปีเต็มๆกว่าที่เราสองคนจะมีวันนี้ได้ แต่พวกคุณทุกคนกับเอาความคิดที่สกปรกและต่ำๆมาตัดสินชีวิตของคนอื่นในมุมมองของพวกคุณเองโดยมีแค่ความอิจฉาริษยาเป็นพื้นฐาน พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น พวกคุณรู้จักผมดีแล้วเหรอ” ข้าวปั้นพูดพร้อมกับมองไปรอบๆด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง ไม่เหลือเค้าข้าวปั้นคนเดิมเลย
เมื่อข้าวปั้นพูดจบทุกคนถึงกับต้องหลบสายตากลุ่มของข้าวปั้นทุกคนที่มองมายังพวกเค้า เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงนี้และตอนนี้ก็เยอะอยู่พอสมควร พวกเค้ารู้แต่เพียงว่าข้าวปั้นเป็นแค่เด็กปี 1 ที่พอเข้ามาได้ไม่ถึงเดือนก็ได้อิฐเป็นแฟนแล้ว ซึ่งทำให้ข้าวปั้นก็เป็นที่อิจฉาของสาวๆทุกคนโดยเฉพาะคนที่เคยเข้ามาจีบอิฐแต่ว่าไม่เคยได้รับสนใจจากอิฐเลย หนำซ้ำยังมีตัวตั้งตัวตีก่อตั้งเพจแอนตี้ข้าวปั้นขึ้นมาอีกด้วย
“พอแล้วครับ พอแล้วนะครับคนดี พี่ขอโทษนะครับ” เป็นอิฐเองที่เห็นแววตาความเจ็บปวดของข้าวปั้นจนทนไม่ไหว เค้าคิดมาตลอดว่าน้องสามารถรับแรงกดดันตรงนี้ได้โดยที่ไม่เคยถามน้องเลย เค้าผิดเองผิดเองเต็มๆ
อิฐเดินมาและกอดข้าวปั้นเอาไว้แนบอกพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างโกรธแค้น
“ต่อไปนี้ถ้ากูรู้ว่าใครหรือไอ้อีหน้าไหนพูดถึงหรือวิจารณ์คนรักของกูหรือคนในกลุ่มของกูกูจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น จำคำกูไว้ให้ดี” อิฐพูดออกมาเสียงดังจนแทบจะเป็นเสียงตวาด จนทุกคนที่อยู่รอบๆถึงกับสะดุ้งกันเป็นแถวก่อนที่จะรีบทยอยกันเดินออกไป เพราะกลัวว่าอิฐและเพื่อนๆจะจำหน้าตัวเองได้
“เดี๋ยว” ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะเดินออกไปแต่ก็โดนอิฐเรียกไว้ซะก่อน
“อย่าให้กูได้เห็นหน้ามึงอีกเป็นครั้งที่สอง” อิฐพูดบอกออกไปเสียงนิ่ง ผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนถึงกับพยักหน้าตอบรับแบบรัวๆก่อนที่จะรีบพากันเดินออกไปทันที
“พี่ขอโทษนะครับ พี่ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้ปั้นต้องเจ็บแล้วก็ต้องปวดใจขนาดนี้” อิฐพูดพร้อมกับลูบหลังปลอบคนที่ยังนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเค้า
ข้าวปั้นได้แต่ส่ายหน้าไปมาอยู่กับอกแกร่งของอิฐ วันนี้เป็นวันที่เค้าดึงอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่จริงๆ ไม่บ่อยนักที่เค้าจะเป็นแบบนี้ เค้าจะเป็นแบบนี้ก็เฉพาะตอนที่เป็นฝ่ายถูกกระทำหรือมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจมากๆเท่านั้นเอง และนี่ก็คือตัวตนอีกด้านหนึ่งของเค้าที่ไม่ค่อยจะมีใครได้เห็นมากนัก แต่ครั้งนี้มันเกินขีดจำกัดของเค้าแล้วจริงๆ ที่ผ่านมาเค้าพยายามที่จะอดทนอย่างเต็มที่แล้ว
“อิฐ น้ำว่าพาน้องไปทำแผลก่อนดีมั้ย” สายน้ำพูดขึ้น เค้ารู้สึกสงสารข้าวปั้นจนจับใจ เค้าไม่รู้ว่าน้องต้องใช้ความอดทนมากขนาดไหนกว่าที่ผ่านมันมาได้ เพราะถ้าเป็นเค้าเค้าเองก็ไม่รู้ว่าจะอดทนได้เท่ากับน้องมั้ย เพราะตอนที่เค้าคบกับวายุแทบจะไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำหรืออาจจะมีแต่ว่าเค้าอาจจะไม่รู้ก็เป็นได้
“ไปทำแผลกันก่อนนะครับ แล้วก็คาบเรียนที่เหลือไม่ต้องเข้าแล้วเดี๋ยวพี่จัดการเองให้นะครับ เบลวานไปเอาเสื้อน้องหลังรถให้ที” อิฐพูดบอกข้าวปั้นและหันไปบอกกับเบล ซึ่งพอเบลได้กุญแจรถจากอิฐและเดินไปที่รถของอิฐพร้อมกับออกัสทันที
ส่วนอิฐกับสายน้ำนั้นก็พาข้าวปั้นไปที่ห้องปฐมพยาบาลโดยมีเพื่อนๆ ของข้าวปั้นตามไปด้วยเพราะไม่มีใครยอมขึ้นเรียนเลย จะมีก็แต่กลุ่มของเดย์ที่ขอนั่งรออยู่ที่โต๊ะประจำเพราะกลัวว่าถ้ายกโขยงกันไปอาจารย์จะตกใจซะเปล่าๆ
“เจ็บมากรึเปล่าครับ” อิฐถามขึ้นขณะที่กำลังทายาให้กับข้าวปั้นอยู่ แววตาของอิฐนั้นดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเค้าออกมาทำอะไรสักอย่างให้มันเร็วกว่านี้คนรักของเค้าก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวและก็ไม่ต้องมารู้สึกหรือต้องมาทนอะไรแบบที่ผ่านมา
“ปั้นไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ พี่น้ำกับพี่กัสช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แล้วเลยดีขึ้นเยอะเลย” ปั้นหันไปยิ้มขอบใจสายน้ำและออกัสที่ยืนลูบแขนปลอบใจเพื่อนตัวใหญ่อยู่ ถ้าไม่ได้สายน้ำและออกัสเอาน้ำเย็นมาคอยล้างและคอยลูบให้ แขนเค้าคงจะทั้งแสบทั้งไหม้และแดงมากกว่านี้เป็นแน่
“น้องไม่เป็นอะไรแล้วเลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้วอิฐ ดูสิน้องเข้มแข็งจะตายไป ใช่มั้ยครับ” สายน้ำพูดกับเพื่อนตัวเองและหันมาถามข้าวปั้นที่นั่งยิ้มให้เค้าอยู่
“ใช่ครับ ตอนนี้ปั้นรู้สึกโล่งมากเลย เหมือนกับว่าความอัดอั้นที่ปั้นมีมาก่อนหน้านี้มันได้หายไปหมดแล้ว สิ่งที่ปั้นอยากพูดมาตลอดปั้นก็ได้พูดออกมาหมดแล้ว พี่อิฐสบายใจได้เลยนะครับ ปั้นไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นพี่อิฐก็เห็น” ข้าวปั้นพูดออกมาพร้อมกับยิ้มกว้างไปให้อิฐ เค้ารู้สึกอย่างที่เค้าพูดจริงๆ
“ขอบคุณนะครับที่อดทนเพื่อพี่ พี่ซะอีกที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อปั้นเลย พี่ขอ.....” ยังไม่ทันที่อิฐจะพูดจบข้าวปั้นก็ยกมือขึ้นมาปิดปากของอิฐซะก่อน
“ถ้าพี่อิฐพูดคำว่าขอโทษอีกคำเดียวปั้นจะโกรธแล้วนะครับ พี่อิฐไม่ได้ทำผิดอะไรซะหน่อย คนพวกนั้นต่างหากที่ผิด คอยดูนะถ้าปั้นเจอใครนินทาหรือมาว่าปั้นกับพี่อิฐอีกล่ะก็.. หึ่ม!” ข้าวปั้นพูดพร้อมกับทำหน้าตาจริงจังไปด้วย
“ก็อะไรเหรอครับ” อิฐถามออกมาด้วยความอยากรู้ เพราะว่าเห็นหน้าตาท่าทางมั่นใจของอีกคน
“ปั้นก็จะรีบมาฟ้องพี่อิฐให้พี่อิฐไปจัดการให้เลยไงครับ แหะๆดีมั้ยครับ” ข้าวปั้นพูดออกมาพร้อมกับยิ้มกว้างส่งมาให้แฟนตัวเอง
“หึๆ ดีครับ แสบใช่ย่อยนะเราน่ะ” อิฐยกมือขึ้นมาโยกหัวของข้าวปั้นไปมาด้วยความเอ็นดู พอได้เห็นและได้ยินอย่างนี้แล้วเค้าค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ต่อไปนี้เค้าจะปกป้องดวงใจดวงนี้ของเค้าไว้เองเค้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกหรือมาทำให้คนรักของเค้าต้องคิดมากหรือทุกข์ใจได้อีกเป็นอันขาดเค้าขอสัญญา
...
“คืนนี้พี่ขอนอนกับปั้นได้มั้ยครับ” อิฐถามขึ้นขณะที่เค้าขับรถมาจอดที่คอนโดของข้าวปั้น
ข้าวปั้นย้ายมาอยู่คอนโดนี้ได้เดือนกว่าแล้วหลังจากที่ได้ขออนุญาตพ่อกับแม่ของตัวเอง และอิฐก็ยังเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวกับพ่อแม่ของข้าวปั้นแล้วด้วย พอถามกันไปคุยกันมากก็ได้ความว่าพ่อแม่ของข้าวปั้นเป็นลูกค้าประจำของบริษัทเรือสำราญซึ่งเป็นกิจการของที่บ้านของอิฐ เลยทำให้ทุกอย่างยิ่งง่ายขึ้นไปอีก
“เอ่อ คือว่า....” ข้าวปั้นมีท่าทีอึกอักและหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะตั้งแต่วันที่เค้านอนด้วยกันกับอิฐที่บ้านของสายน้ำทั้งสองก็ยังไม่เคยได้นอนด้วยกันอีกเลย ถึงแม้ว่าอิฐจะเคยขึ้นไปบนห้องเค้าแล้วหลายครั้งก็ตาม แต่อิฐก็ไม่เคยค้างด้วยกันกับเค้าเลยสักครั้ง จะมีบ้างที่มานอนที่ห้องของดินแทน อิฐจึงมีทั้งเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและของข้าวปั้นติดเอาไว้ที่หลังรถไม่เว้นแม้กระทั่งชุดนักศึกษา เผื่อว่าวันไหนอิฐมาค้างที่ห้องของดิน หรืออาจจะพาข้าวปั้นไปค้างที่บ้านของสายน้ำ
“พี่แค่อยากนอนกอดปั้นเฉยๆได้มั้ยครับ พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ล่วงเกินปั้นเลยแม้แต่น้อยครับ นะครับ” อิฐยกมือขึ้นมาพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วเป็นคำสัญญา พร้อมทั้งยังทำหน้าอ้อนส่งไปให้ข้าวปั้น
“ครับๆก็ได้ครับ” ข้าวปั้นบอกพร้อมกับยิ้มออกไป เพราะอิฐนั้นทำหน้าได้น่าสงสารมาก ไม่เหมือนกับตอนที่พูดขู่คนอื่นเลย ใครได้มาเห็นมุมนี้ของอิฐคงจะต้องไม่เชื่อสายตาตัวเองแน่ๆ
“ยังเจ็บอยู่มั้ยครับ” อิฐยกแขนของข้าวปั้นที่ถูกพันผ้าก็อตไว้อย่างเบามือแล้วถามขึ้น ในขณะที่เค้าทั้งสองคนกำลังนั่งดูหนังกันอยู่
“ไม่แล้วครับ ได้คุณหมอคนนี้ทายาให้ก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะครับ ไม่เอาครับไม่ทำหน้าแบบนี้นะครับ” ข้าวปั้นยกมือขึ้นไปหยิกแก้มของอิฐส่ายไปมาเมื่ออิฐใช้มือลูบไปที่แผลของตนผ่านผ้าก็อต
“ครับๆพี่แค่อยากถามให้แน่ใจเท่านั้นเอง” อิฐพูดพร้อมกับดึงร่างบางมาไว้ในอ้อมกอดอุ่น
“พี่อิฐครับ” อยู่ๆข้าวปั้นก็เรียกอิฐขึ้นมาเมื่อเงียบไปได้สักพัก
“หืมม ว่ายังไงครับ ฟอด!” อิฐขานรับและก้มลงมาหอมแก้มคนในอ้อมกอดฟอดใหญ่
“พี่อิฐตกใจหรือว่ารู้สึกไม่ดีกับปั้นมั้ยครับ ที่ปั้นทำและก็พูดออกไปแบบนั้นเมื่อตอนกลางวัน” ข้าวปั้นตัดสินใจถามในสิ่งที่เค้ายังคงค้างคาใจอยู่
“ฟอด! ทำไมถึงถามพี่อย่างนี้ล่ะครับ หืมม ปั้นฟังพี่ดีๆนะครับ พี่รักปั้นในสิ่งที่ปั้นเป็น พี่รักปั้นที่ปั้นเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าปั้นจะเป็นยังไงหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตามพี่ก็ยังคงรักปั้นอยู่ดี ระยะเวลา 5 ปียังเปลี่ยนใจพี่ไม่ได้เลยแล้วนับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้ล่ะครับ ตัวพี่เองก็ใช่ว่าจะดีอย่างที่ปั้นหรือทุกคนได้เห็น พี่ก็มีมุมที่ปั้นหรือทุกคนยังไม่เคยได้เห็นหรือรู้จักเหมือนกัน คนเราก็เหมือนเหรียญที่มีสองด้านด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะแสดงด้านไหนออกมามากกว่า ไม่ว่าปั้นจะเป็นยังไงพี่ก็ยังจะรักน้องข้าวปั้นคนนี้ของพี่ตลอดไป หรือต่อให้ปั้นพลั้งมือไปฆ่าคนตายพี่ก็ยังจะรักและพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างปั้นไปตลอด เข้าใจที่พี่พูดมั้ยครับคนดี” อิฐพูดออกมายาวเหยียดและพูดออกมาจากใจของเค้าจริงๆ
“จุ๊บๆ ขอบคุณนะครับคนดีของปั้น จุ๊บ!” ข้าวปั้นหันและยืดตัวไปจูบที่ปากของอิฐย้ำๆ จนอิฐถึงกับนิ่งค้างไปทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่น้องจูบเค้าก่อน
“หึๆ ทำอย่างนี้เดี๋ยวจะไม่ได้นอนกอดอย่างเดียวนะครับตัวแสบ” อิฐพูดออกมายิ้มๆ
“ปั้นว่าปั้นไปอาบน้ำดีกว่า ฮ้าวว!! ปั้นเริ่มง่วงนอนแล้วด้วย” ข้าวปั้นบอกพร้อมกับทำท่าหาวไปด้วย
“จะมาง่วงอะไรตอนนี้ครับ นี่เพิ่งจะสองทุ่มเองกรุณาดูนาฬิกาด้วยนะครับคุณ” อิฐพูดขึ้นขำๆเมื่ออีกคนทำท่าว่าง่วงนอนซะเหลือเกิน
“พี่อิฐอ่ะ ทำไมชอบรู้ทันปั้นไปซะทุกเรื่องเลย ไม่รู้ล่ะปั้นไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเหนียวตัวจะแย่แล้ว พี่อิฐนั่งดูหนังไปคนเดียวเลย แบร่!” ก่อนจะเข้าไปในห้องข้าวปั้นยังไม่วายหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกคนรักจนอิฐได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางเด็กๆของแฟนตัวเอง
พอข้าวปั้นเดินหายเข้าไปในห้องสีหน้าและแววตาของอิฐก็เปลี่ยนไปทันที เค้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดหาเบอร์ที่ตัวเองต้องการที่จะโทรออกทันที
(พวกกูรู้เรื่องหมดแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้า กูจะเป็นคนจัดการให้สิ้นซากเอง) ยังไม่ทันที่อิฐจะได้พูดอะไรออกไปคนปลายสายก็พูดสวนขึ้นมาซะก่อน
“ขอบใจมากเฮีย ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
Comments (0)