5 ตอน แผนลวง
โดย Beloved_Moouan
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เชิญครับ”
“หวัดดีเฮีย”
“อ้าวมาได้ไงวะ” ดินที่เห็นรุ่นน้องคนสนิทเดินเข้ามาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปีมันไม่เคยที่จะโผล่มาที่ทำงานของเค้าเลยสักครั้ง ปกติจะเจอกันก็ตอนที่อยู่บ้านสายน้ำ
“ขับรถมาดิ ใครจะบ้าเดินมา”
ฟิ้วววว!!!
ทันทีที่อิฐตอบกลับไปปากกาด้ามแพงในมือของดินก็ลอยมากระทบที่หน้าผากของอิฐทันทีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“เฮียปากกามันแพงน่ะโว้ย เกิดหล่นตกพื้นพังขึ้นมาเสียดายแย่” อิฐหยิบปากกาขึ้นมาแล้วโยนกลับคืนดินไป
“เอาดีๆทำไมถึงมาหากูได้” ดินที่เห็นสีหน้าและแววตาของอิฐที่ไม่ค่อยสู้ดีนักจึงเอ่ยถามขึ้น ถึงมันจะยังกวนเค้าเหมือนเดิมแต่เค้าก็รู้สึกได้ด้วยความที่ค่อนข้างสนิทกัน
“ผมมีเรื่องอยากปรึกษาเฮียน่ะ”
“ซีเรียสเหรอวะ”
“ผมไม่รู้ว่าสำหรับคนอื่นซีเรียสมั้ย แต่สำหรับผมมันใช่”
“ไหนมีอะไรว่ามา กูพร้อมที่จะรับฟังมึงทุกเรื่องแล้วก็พร้อมที่จะช่วยมึงแก้ปัญหาในทุกๆเรื่องด้วย”
“ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี มันเครียดๆน่ะ ผมสับสนงงทั้งกับตัวเองแล้วก็งงกับความคิดของอีกคนด้วย ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนหรือยังไงดี” อิฐพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแต่ในแววตาฉายแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ดินไม่เคยเห็นรุ่นน้องคนสนิทของเค้าเป็นแบบนี้มาก่อน
“มึงเล่ามา” ดินวางปากกาในมือลงทันทีที่ได้ยินและพูดด้วยน้ำจริงจังขึ้นมา
พอต่างคนต่างเงียบไปได้สักพักอิฐก็เริ่มเล่าให้ดินฟังเหมือนอย่างกับที่เล่าให้เพื่อนฟัง เค้าเล่าและบอกความรู้สึกที่มีต่อข้าวปั้นให้ดินได้ฟัง รวมถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าที่เค้าจะมาหาดินด้วย ดินเองก็ตั้งใจฟังที่อิฐเล่าอย่างตั้งใจโดยที่ไม่ขัดเลย
“รักแรกพบสินะ” ดินพูดขึ้นยิ้มๆหลังจากที่อิฐเล่าเสร็จและเงียบลง
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้พี่ ผมเห็นน้องครั้งแรกตอนที่น้องเค้าเดินออกมาจากโรงเรียน น้องทำให้ผมต้องหยุดมอง หัวใจผมตอนนั้นมันเต้นรัวและเร็วมาก แต่พอตอนที่ผมเห็นว่ารถกำลังจะพุ่งเข้ามาชนน้องผมบอกตรงๆว่าผมใจหายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้าแล้วก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” อิฐพูดขึ้นมาและยิ้มไปด้วยเมื่อย้อนนึกถึงวันที่เจอข้าวปั้นครั้งแรก
“มึงคงคาใจใช่มั้ยว่าน้องหลบหน้ามึงทำไมแถมยังวิ่งหนีมึงอีกตอนที่เจอกันครั้งแรกหลังจากวันนั้น” อิฐพยักหน้ารับทันทีที่ดินพูดจบ มันเป็นคำถามที่ค้างคาใจเค้ามาตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเค้ายังคงรอคอยคำตอบจากน้องอยู่อย่างมีความหวังในทุกๆวัน หวังว่าเค้าจะเจอน้องโดยบังเอิญเข้าในสักวัน แล้ววันนั้นก็มาถึงแต่มันคงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มันเกิดขึ้นเพราะพรหมลิขิต
“ถ้าให้กูเดานะ กูว่าน้องอาจจะตกใจที่อยู่ๆมึงก็มายืนอยู่ตรงหน้า น้องอาจจะเขินมึงจนไม่กล้าที่จะมองหน้า เขินจนไม่กล้าแม้กระทั่งที่จะเฉียดมาเข้าใกล้มึง เพราะว่าน้องก็มีใจตรงกับมึง แต่ก็อย่างที่น้องเบลเคยเล่าให้ฟังว่ามึงมันฮอตมากที่สุดในโรงเรียนแถมยังเป็นประธานนักเรียนอีก วันๆมีแต่คนมาสารภาพรักไม่เว้นแต่ละวัน แล้วอย่างนี้มึงคิดว่าน้องข้าวปั้นอะไรของมึงเนี่ยพอเลิกเขินหรือทำใจที่จะกล้าคุยกับมึงได้แล้วน้องเค้าจะกล้าเข้ามาหามึงก่อนเหรอวะ แล้วอีกอย่างหลังจากวันนั้นมึงได้พยายามเข้าหาน้องเค้าอีกหรือเปล่า กูตอบให้เลยว่าก็คงจะไม่ใช่มั้ยล่ะตามสไตล์ของมึง แล้วก็ขนาดมีทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่สวยๆมาขอจีบขอเป็นแฟนกับมึงมึงยังไม่สนใจเลยแล้วนับประสาอะไรกับเด็กผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ตอนนั้นอยู่แค่ชั้น ม.2 วะ มึงลองคิดตามที่กูพูดให้ดีๆสิ” ดินพูดออกมายาวเหยียด พอพูดจบก็เอนหลังพิงไปที่เก้าอี้ปล่อยให้รุ่นน้องคนสนิทได้คิดตามคำพูดของเค้า
“จริงอย่างที่เฮียพูดว่ะ ทำไมผมถึงคิดไม่ได้วะ” อิฐพูดออกมาพร้อมกับคิ้วที่เริ่มขมวดปมผูกกัน ที่ผ่านมาเค้าไม่เคยเข้าหาน้องอีกเลย พอน้องวิ่งหนีเค้าไปในวันนั้นมันก็ทำให้เค้าหมดความมั่นใจในตัวเองไปแทบจะหมด สมแล้วที่โดนเฮียวายุด่า
“หึๆ ฉลาดขึ้นรึยังมึง เสือกคิดมาได้ว่าน้องเค้ารังเกียจมึง มึงไม่ได้ดูหนังหน้าตัวเองเลยใช่มั้ยวะ ไอ้ตำแหน่งเดือนมหาลัยที่มึงได้มานี่มึงไม่ได้จับฉลากได้มานะเว้ย” ดินพูดขึ้นมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มที่จะยิ้มออกแล้ว เค้าก็พลอยสบายใจไปด้วยเพราะอิฐก็เปรียบเสมือนกับน้องชายแท้ๆของเค้า
“อือ ขอบใจมากนะเฮีย ผมคิดถูกจริงๆที่มาหาเฮีย คุยกับเฮียวายุก็เอาแต่ด่าไม่ยั้งเลย หาว่าไปทำให้เมียเฮียเค้าร้องไห้อีก” อิฐพูดขึ้นยิ้มๆเมื่อนึกถึงเพื่อนตัวเล็กของตัวเองที่เดินกลับมาตาแดงจมูกแดงหลังจากที่ไปซื้อข้าวมาแล้ว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เชิญครับ”
“ขอโทษทีนะครับ พอดีพี่เจนบอกผมว่าคุณดินมีแขกผมเลยจะเข้ามาถามว่าจะรับน้ำหรือของว่างมั้ยครับ” เป็นฟ้าครามที่เปิดประตูเข้ามาถามเพราะเค้าเพิ่งจะขึ้นมาจากแผนกการตลาด ส่วนเจนเนตรก็กำลังยุ่งกับงานเอกสารอยู่จึงให้เค้าเข้ามาถาม
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว” อิฐที่ตอนแรกนิ่งค้างไปนิดหนึ่งตอนที่เห็นหน้าฟ้าคราม แต่พอตั้งสติได้เค้าก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ
“อ้าวไม่รอกลับพร้อมกูเหรอวะ เดี๋ยวก็จะเลิกงานแล้ว คืนนี้กูกะว่าจะไปค้างที่บ้านไอ้วายุมันด้วยคิดถึงหลานเมื่อวานก็ไม่ได้เข้าไปหา
“เอางั้นเหรอเฮีย งั้นผมรบกวนขอกาแฟดำสักแก้วแล้วก็ของว่างสักนิดหน่อยได้มั้ยครับ” อิฐหันไปถามดินดินก็พยักหน้าตอบกลับมา เค้าจึงหันไปบอกกับฟ้าครามในตอนหลัง
“คุณดินจะรับด้วยมั้ยครับ” ฟ้าครามหันไปถามดินที่นั่งมองหน้าเค้าอยู่ จนเค้าไม่กล้าที่จะสบตากับดินโดยตรง
“หึๆ พี่เอาเหมือนกันกับมันก็ได้ครับ แล้วแต่ฟ้าจะจัดมาเลยครับ” ดินพูดขึ้นยิ้มๆ ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“เฮียสารภาพมาซะดีๆอะไรยังไงมีพงมีพี่ด้วย” ทันทีที่ฟ้าครามเดินออกไปอิฐก็หันไปถามดินทันทีเพราะเค้าเห็นแววตาของดินที่มองไปยังฟ้าครามดูมันไม่น่าจะธรรมดาเลย
“ก็ไม่ยังไง กูก็แค่เจอแม่ของลูกกูแล้วก็เท่านั้นเอง” ดินพูดออกมาพร้อมกับยักคิ้วส่งไปให้กับรุ่นน้องอย่างกวนๆ
“โห!! เฮียนี่อย่างไวเก็บเงียบไม่บอกน้องบอกนุ่งเลยนะ แล้วนี่จีบเค้าติดแล้วเหรอจะเอาเค้ามาเป็นแม่ของลูกน่ะ”
“ยัง กูยังไม่ได้ลงมือจีบจริงๆจังๆเลย” ดินตอบอิฐออกมาหน้าตาเฉยแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“ห๊ะ! ยังไม่ได้จีบแล้วจะเอาเค้ามาเป็นแม่ของลูกเนี่ยนะ”
“เออ มึงจะให้กูไปจีบตอนไหนวะ ก็เค้าเพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรกเนี่ย กูเพิ่งจะเจอเค้าเมื่อวานนี่เอง”
“ห๊ะ!!!” อิฐร้องขึ้นมาอีกครั้ง
“มึงจะตกใจอะไรนักหนาวะไอ้อิฐ ไปเลยไปนั่งรอกูที่โซฟานู่นไป กูจะได้รีบเคลียร์งานให้เสร็จเดี๋ยวจะได้ไปหาหลานกัน แล้วก็ไลน์บอกไอ้พวกนั้นด้วยว่าเย็นนี้จะไปบ้านไอ้วายุมันเผื่อพวกมันจะตามไปจะได้ดื่มกันสักหน่อย”
“เออๆสั่งจัง นี่เห็นแก่ที่เฮียชี้ทางสว่างให้ผมหรอกนะ ผมจะไม่โต้ตอบอะไรเฮียก็ได้เว้นให้วันนึง” อิฐพูดแล้วก็เดินไปนั่งที่โซฟาแต่โดยดี
“นี่ขนาดมึงไม่ได้โต้ตอบอะไรกูนะไอ้อิฐกูเริ่มจะปวดหัวขึ้นมาตงิดๆแล้วเนี่ย” ดินพูดพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ขออนุญาตเสิร์ฟของว่างนะครับ” ฟ้าครามเดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟและขนมในถาด อิฐเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปช่วยทันที
“ขอบคุณนะครับ ขอโทษด้วยนะครับที่รบกวนพี่เอ่อ..”
“พี่ชื่อฟ้าครามครับ จะเรียกว่าพี่ฟ้าอย่างเดียวก็ได้นะครับ” ฟ้าครามพูดแล้วส่งยิ้มมาให้อิฐ
“ฮึ่ม!! ดินที่เห็นฟ้าครามยืนส่งยิ้มให้รุ่นน้องของตัวเองอยู่ทำเป็นกระแอมกระไอขึ้นมาเสียงดัง
“อะไรติดคอเฮีย ให้ผมช่วยเอาออกให้มั้ย” อิฐที่ได้ทีก็แกล้งกวนรุ่นพี่
“นี่กูคงคิดผิดสินะที่ช่วยชี้ทางสว่างให้มึงไอ้น้องเนรคุณ” ดินพูดขึ้นขณะที่ฟ้าครามกำลังยกกาแฟกับของว่างมาวางบนโต๊ะให้เค้า ฟ้าครามได้แต่ยกยิ้มขำให้กับสองคนที่เหมือนว่ากำลังโต้ตอบกันไปมาอยู่ เพราะถ้าดูจากภายนอกแล้วดินดูเป็นเจ้านายที่ดุและเคร่งขรึมพอสมควรไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ของดินด้วย
“โอ๋ๆเฮียไม่งอนน้องคนนี้นะครับ น้องคนนี้ผิดไปแล้ว” อิฐแกล้งเดินไปเกาะที่แขนของดินและอ้อน
“ไอ้อิฐออกไปกูขนลุก” ดินพูดพร้อมกับลุกขึ้นเพราะอิฐไม่ยอมที่จะปล่อยแขนของเค้า
“ฟ้าช่วยพี่ด้วยครับ ดูสิขนพี่ลุกจนจะหลุดออกมาแล้วเนี่ย” พอสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอิฐได้ดินก็รีบเดินมาหาฟ้าครามที่ยืนยิ้มอยู่พร้อมกับพูดอ้อนและยื่นมือของเค้าที่ลุกชันให้กับฟ้าครามได้ดู
“ฮ่าๆๆ หมดกันมาดท่านรองประธาน” อิฐได้แต่ยืนหัวเราะอยู่ตรงเก้าอี้ของดิน
“ทำไมจะต้องมีมาดด้วยวะ คนกันเองทั้งนั้นจริงมั้ยครับ” ดินพูดกับอิฐจบก็หันไปถามฟ้าครามเสียงอ้อนแถมยังส่งแววตาเป็นประกายวิบวับไปให้ด้วย ซึ่งฟ้าครามก็แทบจะหุบยิ้มลงทันที พร้อมกับแก้มที่เริ่มมีสีขึ้นมาแทน
“เอ่อ ฟ้าเอ่อผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” พูดจบฟ้าครามก็รีบเดินออกไปทันที
“น่ารักดีนะว่าที่แม่ของลูกเฮียเนี่ย” อิฐพูดจบดินก็มองมาที่อิฐตาเขียว
“ไม่ต้องมามองผมอย่างนั้นหรอกน่าเฮีย ว่าที่แฟนผมก็น่ารักไม่แพ้ของเฮียหรอกน่า แต่ของเฮียน่ะดูสวยมากกว่าน่ารักนะสู้ของผมไม่ได้หรอกน้องข้าวปั้นของผมน่ะน่ารักสุดๆ” อิฐพูดขึ้นยิ้มๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนบ่ายที่เพิ่งผ่านมา กลิ่นตัวหอมๆและกลิ่นแชมพูของน้องยังติดอยู่ที่ปลายจมูกของเค้าอยู่เลย
“เป็นเอามากนะมึงเนี่ย” ดินพูดพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้และทำงานของเค้าต่อ โดยไม่ได้หันมาสนใจอะไรอิฐอีก ส่วนอิฐเองก็ยกกาแฟขึ้นมาดื่มพร้อมกับกินขนมไปด้วย เพราะเมื่อตอนกลางวันเค้ากินข้าวไปแค่ไม่กี่คำเองเลยทำให้ตอนนี้รู้สึกหิวขึ้นมานิดๆ
…
“ปั้นจะกลับเลยมั้ยหรือจะแวะหาอะไรกินก่อน” นุ่นหันมาถามข้าวปั้นเมื่อรุ่นพี่ปล่อยให้กลับบ้านได้แล้ว วันนี้กิจกรรมก็ไม่มีอะไรมากช่วงเช้าก็จะมีเล่นเกมที่ส่วนใหญ่จะเน้นความสามัคคีและซ้อมร้องเพลงประจำคณะ ส่วนช่วงบ่ายพี่ว๊ากก็ลงเพียงแต่ว่าวันนี้ตึงเครียดน้อยกว่าเมื่อวานนิดหน่อย เพราะวันนี้ส่วนใหญ่น้องๆจะถูกเน้นเรื่องกฎระเบียบของการอยู่ร่วมกันของรุ่นพี่รุ่นน้อง กฎระเบียบของทางมหาลัยที่ทุกคนจะต้องรู้และจะต้องปฏิตาม
“ไม่ล่ะ เราอยากกลับไปนอนพักน่ะ” ข้าวปั้นตอบออกมา เค้าอยากที่จะกลับบ้านไปนอนพักจริงๆเพราะเมื่อคืนเค้าแทบจะนอนไม่หลับเลย มัวแต่คิดถึงเรื่องตอนบ่ายเมื่อวานที่อิฐพูดกับเค้า ประโยคนั้นมันดังก้องอยู่ในหูเค้าแทบจะตลอดเวลา
ส่วนวันนี้ก็มีเพียงแค่บางจังหวะที่พอเค้าเงยหน้าขึ้นไปก็เจอสายตาคมที่มองเค้าอยู่ก่อนแล้ว แต่เค้าก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าภายใต้สายตาและท่าทางแบบนั้นรุ่นพี่คนนี้คิดอะไรหรือคิดยังไงกับเค้ากันแน่
อิฐเฝ้ามองข้าวปั้นอยู่ตลอดเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งเวลานี้ เค้าอยากจะเข้าไปคุยกับน้องอยากจะเข้าไปจีบน้อง เพียงแต่ว่าในตอนนี้เค้าไม่สามารถที่จะทำได้ เค้าไม่อยากทำให้น้องต้องเป็นจุดสนใจมากนัก เพราะเค้าเองก็เป็นจุดสนใจแล้วก็เป็นคนดังในมหาลัยแห่งนี้พอสมควร
…
ตุ้บ!!
“อะไรของมึงวะไอ้อิฐ เป็นอะไรแต่เช้าของมึงเนี่ย” เต็มถามขึ้นเพราะเมื่ออิฐเปิดประตูเดินเข้ามาก็โยนกระเป๋าลงไปที่โซฟาทันที
“เมื่อไหร่จะหมดรับน้องสักทีวะ” อิฐพูดขึ้นเสียงดังอย่างคนอารมณ์ไม่ดี เค้าเพิ่งไปแอบดูข้าวปั้นมา และก็เห็นว่ามีหนุ่มๆเข้ามาจีบข้าวปั้นกันเป็นแถวยังดีที่มีไนท์กับนุ่นคอยกันไว้ให้อยู่
“อะไรของมึงวะ เหลืออีกแค่ไม่ถึงอาทิตย์ก็จะจบรับน้องแล้ว” โจ้ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเค้านั้นดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ถ้าหากมันอารมณ์ไม่ดีคนที่จะซวยก็คือน้องๆที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยนั่นเอง
“ข้าวปั้นมีหนุ่มๆมาจีบน่ะเลยเป็นอย่างที่เห็น” ทอยพูดขึ้นเพราะเมื่อเช้าเค้าเจอกับอิฐเข้าพอดี
“อ๋ออ” พอทอยพูดจบทั้งเดย์ โจ้ และเต็ม ก็ร้องออกมาพร้อมกันทันที
“ทนเอาอีกหน่อยก็แล้วกันมึงรอให้หมดช่วงรับน้องไปก่อน ขืนมึงเข้าไปจีบน้องตอนนี้น้องได้กลายเป็นจุดสนใจกันพอดี เผลอๆจะเป็นที่หมั่นไส้ของพวกที่ขี้อิจฉาริษยาอีก คนที่ซวยจะเป็นน้องเอา” เดย์พูดขึ้นมาอย่างให้กำลังใจเพื่อน
“แล้วถ้าเราจีบแบบเงียบๆ คุยกับน้องแบบเงียบๆโดยที่ไม่ให้ใครรู้ล่ะวะ เพราะเท่าที่ฟังจากที่มึงเล่าที่มึงไปคุยกับพี่ดิน ก็แสดงว่าน้องคงต้องมีใจให้กับมึงเหมือนกัน เพราะถ้าขืนมึงยังชักช้าและน้องถอดใจจากมึงไปเพราะคิดว่ามึงไม่สนใจมึงจะหมดโอกาศเอาได้น่ะโว้ย” เต็มเป็นคนพูดขึ้นมาด้วยหน้าตาที่จริงจัง
“โห!! เพื่อนเต็ม ตั้งแต่ที่กูรู้จักมึงมาเห็นทีก็จะมีแต่ครั้งนี้แหละว่ะ ที่มึงดูเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ” โจ้พูดขึ้นและใช้มือพาดไปที่ไหล่ของเต็ม
“ไอ้สัตว์โจ้ถ้ามึงจะชมกูแบบนี้มึงไม่ต้องชมกูก็ได้ว่ะ” เต็มพูดแล้วยกมือโจ้ให้ออกไปจากไหล่ของตัวเอง
“จีบแบบเงียบๆคุยแบบเงียบๆไม่ให้ใครรู้อย่างนั้นเหรอวะ ทำไมกูถึงคิดไม่ได้วะ” อิฐนั่งพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ จนเพื่อนทั้ง 4 คนรู้สึกกลัวแทนข้าวปั้นขึ้นมาทันที
แกร็ก!!!
“น้ำจ๋าาา” ระหว่างที่ทุกคนนั่งคุยและวางแผนเรื่องที่จะลงว๊ากช่วงบ่ายวันนี้อยู่ สายน้ำก็เปิดประตูเข้ามาและก็เป็นอิฐที่รีบโผเข้าไปหาสายน้ำแทบจะทันที
“อิฐมีอะไรเหรอ น้ำแค่จะมาถามว่าบ่ายนี้พวกอิฐจะลงกันรึเปล่าเบลให้มาถามน่ะ จะได้วางแผนกันถูก” ระหว่างที่สายน้ำพูดก็ถูกอิฐจูงให้มานั่งที่โซฟาไปด้วย
“วันนี้พวกอิฐลงแต่ว่าอิฐมีเรื่องให้น้ำช่วยอิฐด้วย” อิฐลงไปนั่งยองๆตรงหน้าของสายน้ำและกุมมือเล็กของเพื่อนรักเอาไว้
“นั่นไงมันเริ่มแผนการร้ายแล้วไง กูชักจะกลัวแทนน้องข้าวปั้นแล้วว่ะ มึงนั่นแหละที่ไปแนะนำมัน” โจ้พูดขึ้นเมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเพื่อนตัวเอง
“อ้าว!กูผิดซะงั้น เมื่อกี๊มึงยังชมกูอยู่เลยนะไอ้โจ้” เต็มพูดออกไปด้วยอาการเซ็ง
“อิฐมีอะไรให้น้ำช่วยบอกมาได้เลย น้ำเต็มใจช่วยอิฐทุกอย่างเลย” สายน้ำพูดและส่งยิ้มหวานมาให้กับเพื่อนตัวใหญ่ของตัวเอง
“นี่ก็นางฟ้านางสวรรค์ชัดๆเป็นเพื่อนกับไอ้อิฐมันได้ยังไงวะ” โจ้พูดออกมาไม่ดังมากนักแต่ทุกคนก็ยังได้ยินและหันมามองหน้าโจ้กันหมด
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ เออๆกูไม่พูดแล้วก็ได้วะ”
“พอหลังจากเสร็จกิจกรรมรับน้องแล้ว น้ำช่วยพาน้องข้าวปั้นมาหาอิฐที่ห้องนี้ทีได้มั้ยครับ เอาแบบไม่ให้ใครรู้ใครเห็นด้วยนะ” อิฐพูดพร้อมกับทำหน้าอ้อนไปด้วย ส่งผลให้เพื่อนที่มองอยู่ทั้ง 4 คนอยากจะยกเท้าขึ้นมายันมันสักทีสองที ทีเมื่อกี๊ยังนั่งหน้ายุ่งอย่างกับไปกินรังแตนที่ไหนมาอยู่เลย
“แล้วน้องจะยอมมากับน้ำเหรอ น้ำไม่ได้สนิทอะไรกับน้องข้าวปั้นขนาดนั้นหรอกนะ เคยคุยกันแค่ครั้งสองครั้งเอง” สายน้ำพูดพร้อมกับทำหน้าลำบากใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเพื่อนพูดขอมาแบบนั้น
“ถ้าน้ำไม่ช่วยอิฐ อิฐก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว อิฐก็คงจะต้องยอมให้คนอื่นๆ จีบน้องแซงหน้าอิฐไป ส่วนอิฐก็คงจะต้องอยู่แบบโสดๆมันแบบนี้นี่แหละ” อิฐแกล้งตีหน้าเศร้าใส่เพื่อนตัวเล็กเพราะเค้าเชื่อว่ายังไงก็ต้องได้ผล เพื่อนของเค้าคนนี้นั้นขี้สงสารคนเป็นที่สุด
“ก็ได้ๆน้ำจะลองดูแล้วกันนะ” สายน้ำรีบตอบรับทันทีที่เห็นสีหน้าของเพื่อนตัวเอง ทุกคนได้แต่ส่ายหน้าให้กับความกะล่อนของไอ้อดีตเดือนมหาลัย
“ขอบคุณนะครับ อิฐรักน้ำที่สุดในโลกเลย ฟอด!” อิฐยิ้มกว้างออกมาได้พร้อมกับดึงสายน้ำเข้ามากอดและหอมแก้มเพื่อนตัวเล็กไปฟอดใหญ่ด้วยความลืมตัว
“เฮ้ยๆ ไอ้อิฐกูจะฟ้องพี่วายุว่ามึงหอมแก้มเมียเค้า” เต็มรีบมาจับเพื่อนตัวเองออกทันทีที่เห็น
“เอ่อ…คืออิฐขอโทษนะน้ำอิฐดีใจจนลืมตัวไปหน่อย” อิฐยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยอย่างเขินๆพร้อมกับหน้าที่ขึ้นสีแดงเข้ม ถึงเค้ากับสายน้ำจะสนิทกันมากแต่เค้าก็ไม่เคยถึงขนาดต้องหอมแก้มสายน้ำเลยสักครั้ง อย่างมากก็แค่ลูบผมและกอดเท่านั้น สายน้ำที่ไม่คิดจะถือสาก็ได้แต่นั่งส่ายหน้ายิ้มๆ เพราะเค้ารู้ว่าอิฐนั้นไม่มีทางคิดอะไรกับเค้าเป็นอื่นอย่างแน่นอน
“เฮ้ยๆทำไมมึงหน้าแดงหูแดงจังวะไอ้อิฐ นี่อย่าบอกนะว่ามึงคิดอะไรกับน้ำ” เป็นเดย์ที่พูดขึ้นมาเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองหน้าแดงจนเป็นสีเข้ม
“มึงนี่ก็หาเรื่องให้กูกูแค่เขินหรอกโว้ย” อิฐยิ่งพูดหน้าก็ยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆที่ตัวเองดีใจจนเผลอไปหอมแก้มนุ่มของเพื่อนตัวเล็กเข้า ทุกคนก็ได้แต่ยิ้มขำและไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเป็นที่รู้กันดีว่าอิฐกับสายน้ำนั้นเป็นยังไง
.
.
.
“เอ่อ น้องข้าวปั้นครับ” พอเบลพูดปล่อยน้องๆให้แยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้วสายน้ำที่คอยมองข้าวปั้นไว้ก็รีบเดินมาหาข้าวปั้นทันที
“พี่สายน้ำเรียกผมเหรอครับ” ข้าวปั้นถามขึ้นและชี้มือเข้าหาตัวเอง
“ครับ พอดีพี่มีเรื่องอยากจะคุยกับน้องข้าวปั้นหน่อยน่ะครับ พี่ขอยืมตัวเพื่อนพวกเราหน่อยได้มั้ยครับ” พอสายน้ำพูดจบทุกคนก็ต่างหันมามองหน้ากันไปมา เพราะตั้งแต่วันแรกที่เคยคุยกันพวกเค้าก็แทบจะไม่ได้คุยกับรุ่นพี่คนนี้อีกเลย มีแต่เจอกันที่โรงอาหารบ้างบางครั้งแต่ก็แค่ทักทายกันนิดๆหน่อยๆเท่านั้น
“พี่สายน้ำมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” ข้าวปั้นถามสายน้ำขึ้นมาอย่างแปลกใจ
“คือ..พี่..เอ่อ..คือ” ทุกคนกำลังรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าสายน้ำจะตอบว่ายังไง
“พี่ขอร้องได้มั้ยครับ ไปกับพี่หน่อยได้มั้ยครับ ถือว่าช่วยพี่ก็ได้นะนะครับ พี่ไม่รู้ว่าจะบอกว่ายังไงดีพี่บอกไม่ได้น่ะครับ” สายน้ำที่ไม่รู้จะบอกกับรุ่นน้องไปว่ายังไงเลยใช้ไม้ตายของตัวเองอ้อนเอาซะเลย เพราะเค้าใช้ได้ผลกับทุกคนมาแล้ว แม้กระทั่งวายุที่กำลังงอนเค้าอยู่ก็ตาม
ทุกคนต่างยืนอึ้งกันเป็นแถวเมื่อเจอสายน้ำไม้นี้เข้าไป สายน้ำยื่นมือมาจับที่มือของข้าวปั้นพร้อมกับช้อนตากลมโตขึ้นมามองข้าวปั้นตาปริบๆไหนจะยังน้ำเสียงที่ดูออดอ้อนนั่นอีก
“ครับ ไปครับไป” ข้าวปั้นตอบออกไปเหมือนกับว่าโดนมนต์สะกดก็ไม่ปาน ใครใช้ให้พี่สายน้ำของเค้าน่ารักขนาดนี้ล่ะ
“เย้!! ขอบคุณนะครับ น้องข้าวปั้นน่ารักที่สุดเลย แล้วก็น้องๆไม่ต้องรอน้องข้าวปั้นนะครับเดี๋ยวพี่จะไปส่งน้องข้าวปั้นกลับบ้านเอง รับรองถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอนครับหายห่วงได้เลย ไปครับไปกัน” พูดจบสายน้ำก็จูงมือข้าวปั้นเดินออกไปทันทีโดยที่ทุกคนมัวแต่ยืนอึ้งอยู่
ทั้งสามคนได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างงงๆ เพราะรุ่นพี่ของเค้านั้นพูดเองเออเองแล้วก็เดินจูงมือเพื่อนของพวกเค้าออกไปเลย ยังไม่ทันที่พวกเค้าจะได้ตอบรับหรือพูดอะไรออกไป
“น้องข้าวปั้นยืนรอพี่ตรงนี้แป๊บหนึ่งนะครับ” เมื่อเดินมาถึงหน้าตึกเรียนตึกหนึ่งสายน้ำก็หยุดเดินแล้วบอกให้ข้าวปั้นยืนรอ ในขณะที่ตัวเองก็หันหลังไปกดอะไรยิ๊กๆ อยู่ที่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง
“ป่ะไปกันครับ” พอเสร็จสายน้ำก็หันมาจูงมือข้าวปั้นต่อ
“ดะ เดี๋ยวครับ เราจะไปไหนกันเหรอครับ” ข้าวปั้นฝืนตัวเองเอาไว้และไม่ยอมเดินตามสายน้ำไป
“พี่ไม่รู้จะบอกยังไงดีครับ พี่ไม่เคยโกหกใครอ่ะ แต่น้องข้าวปั้นเชื่อพี่ได้เลยนะครับว่าพี่ไม่เคยคิดอะไรไม่ดีกับน้องข้าวปั้นเลย พี่ขอเอาหัวของพี่เป็นประกันเลยครับ ขอให้เชื่อใจพี่ได้มั้ยครับ” สายน้ำทำหน้าลำบากใจและส่งสายตาอ้อนวอนไปให้รุ่นน้องตรงหน้า
“ก็ได้ครับผมจะเชื่อใจพี่” ข้าวปั้นตอบออกไป เค้าเชื่อใจในตัวรุ่นพี่คนนี้เพราะแววตาที่ใสซื่อที่มองสบตามายังเค้า
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
สายน้ำพาข้าวปั้นมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งและยกมือขึ้นเคาะ ก่อนจะยกมือขึ้นไปบิดลูกบิดและเปิดออก
ข้าวปั้นเดินตามสายน้ำเข้ามาอย่างระแวงและระวัง พร้อมกับมองสำรวจไปรอบๆ ห้อง เพราะเค้าไม่เห็นว่าจะมีใครที่อยู่ในห้องนี้เลย
“มากันแล้วเหรอ” อิฐที่ยืนพิงอยู่ด้านข้างประตูเอ่ยขึ้น ทำให้ทั้งสองคนหันไปตามเสียง
“เอ่อ คุยกันดีๆนะอิฐ อย่าทำให้น้องต้องเสียใจและห้ามทำอะไรน้องเป็นอันขาดนะ ถ้าน้องเป็นอะไรไปน้ำจะโกรธแล้วก็จะไม่พูดกับอิฐอีกเลยจริงๆด้วย” สายน้ำเดินไปพูดกับเพื่อนตัวใหญ่ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง อิฐก็ได้แต่พยักหน้ารับแต่สายตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นรักแรกของเค้า
“พี่ไปก่อนนะครับ ไม่มีอะไรหรอกนะครับเพื่อนพี่แค่อยากคุยกับน้องข้าวปั้นแค่นั้นเอง” สายน้ำหันมาบอกข้าวปั้นจบก็เดินออกไปทันที
ข้าวปั้นที่พอหายตกใจที่ได้เห็นอิฐก็เตรียมตัวจะเดินหนี แต่ก็มีมือใหญ่มาจับที่แขนของเค้าเอาไว้ก่อน
“จะหนีพี่จะหลบหน้าพี่อีกแล้วเหรอครับ พี่มันเป็นตัวน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอครับ” อิฐพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความน้อยใจ ข้าวปั้นที่พอได้ยินก็ถึงกับชะงักไปในทันที
Comments (0)