"สายแล้ว สายแล้ว สายแล้ว"

ตุ้บ!!

"ว้าย! ตายแล้วข้าวปั้นทำไมหนูกระโดดลงมาอย่างนั้นล่ะลูกเดี๋ยวก็ตกบันไดลงมาแข้งขาหักกันพอดี แม่บอกตั้งกี่ครั้งแล้วคะว่าไม่ให้กระโดดลงมาแบบนั้น แล้วก็ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ลูกนี่ยังไม่ทันจะ 7 โมงเลย" แม่ของข้าวปั้นร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นลูกชายของตัวเองกระโดดลงมาจากบันไดทีละ 2 ขั้น

"ฟอด! ปั้นไปก่อนนะครับแม่ปั้นกลัวสาย เดี๋ยวจะไม่ทันเข้ารับน้องวันแรก" ข้าวปั้นรีบเข้าไปหอมแก้มแม่ของตัวเองอย่างเอาใจก่อนจะวิ่งออกไปนอกบ้านหาคนขับรถที่รอเค้าอยู่ก่อนแล้ว แม่ของข้าวปั้นได้แต่ส่ายหน้ามองตามหลังข้าวปั้นอย่างยิ้มๆ

"ซิ่งไปเลยครับพี่จิม วันนี้ปั้นรีบมากๆเลยครับ" ข้าวปั้นหันไปบอกพี่จิมคนขับรถของที่บ้านทันทีที่ขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างหลังเรียบร้อยแล้ว จิมได้แต่ยกยิ้มอย่างเอ็นดู เพราะเค้ามักจะได้ยินประโยคนี้ทุกเช้าตั้งแต่ที่ข้าวปั้นยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม จนตอนนี้เป็นนักศึกษาปี 1 ของมหาลัยแล้วก็ยังได้ยินมันอยู่

"ขอบคุณนะครับพี่จิมที่มาส่ง ไว้เดี๋ยวเอาไว้ปั้นจะโทรบอกอีกทีนะครับว่าจะให้มารับรึเปล่า"

"ได้ครับคุณปั้น ขอให้โชคดีในวันเปิดเรียนวันแรกนะครับ"

ขอบคุณครับพี่จิม ขับรถกลับดีๆ นะครับข้าวปั้นยกมือไหว้จิมแล้วเปิดประตูรถออกไป ทุกครั้งที่จิมส่งเข้าปั้นที่โรงเรียนหรือทำธุระอะไรที่ไหนก็ตาม ข้าวปั้นจะไหว้ขอบคุณทุกครั้งเพราะถึงแม้ว่าจิมจะเป็นแค่คนขับรถแต่ข้าวปั้นก็นับถือจิมเหมือนเป็นพี่ชายเหมือนกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน

ข้าวปั้นทางนี้นุ่นเพื่อนสนิทในกลุ่มพอเห็นข้าวปั้นเดินลงมาจากรถก็รีบยกมือขึ้นโบกและตะโกนเรียกจนเสียงดัง

ข้าวปั้นได้แต่ส่งยิ้มไปให้กับเพื่อนผู้หญิงคนเดียวของเค้าในกลุ่มและเดินเข้าไปหาทันที

มากันนานแล้วเหรอ โชคดีนะเนี่ยที่มาทันนึกว่าจะสายซะแล้ว ดีนะที่พี่จิมรีบเหยียบให้แถมรถยังไม่ติดอีกต่างหากข้าวปั้นบอกขึ้นยิ้มๆพร้อมกับนั่งลงข้างๆกับไออุ่นเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม

กลุ่มของพวกเค้าจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 คนด้วยกัน คือตัวเค้าเอง นุ่น ผู้หญิงคนเดียวของกลุ่ม ไออุ่น และไนท์ พวกเค้าทั้ง 4 คนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้น ม.1 ทำให้สนิทกันมากและแทบจะไม่เคยมีความลับต่อกันเลย

พี่จิมรีบเหยียบให้หรือว่าบอกให้พี่จิมซิ่งกันแน่ไออุ่นพูดอย่างรู้ทัน เพราะทุกครั้งที่เค้าไปนอนค้างบ้านเพื่อนคนนี้จะต้องพากันสายตลอด และก็ไม่เคยพ้นฝีเท้าพี่จิมสักครั้งที่ต้องรีบเหยียบไปให้ทันส่งพวกเค้าเข้าเรียน

แหะๆ อุ่นนี่อย่ารู้ทันเราเซ่ เราเขินนะข้าวปั้นทำท่าทางเขินที่เพื่อนรู้ทันจนทุกคนถึงกับส่ายหน้า

ไปกินข้าวกันเหลือเวลาอีกตั้ง 40 นาทีไนท์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินนำไปทันที เค้าชินกับสถานที่ของที่นี่ดีเพราะเคยมาหาพี่ชายที่คณะแล้วหลายครั้ง คนอื่นๆก็รีบลุกตามขึ้นไปเหมือนกันเพราะยังไม่มีใครได้กินข้าวเช้ามาเลย

แล้วนี่ถ้าปั้นเจอพี่เค้าแล้ว ปั้นจะทำยังไงต่อเหรอจู่ๆนุ่นก็ถามขึ้นมาระหว่างที่พวกเค้าทั้ง 4 กำลังเดินที่ใต้ตึกของคณะเพื่อลงทะเบียน

ข้าวปั้นถึงกับชะงักและหยุดเดินทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าจุดประสงค์ที่เค้าเข้ามาเรียนที่นี่คืออะไร และทุกคนในกลุ่มก็รู้กันเป็นอย่างดีทั้งยังเต็มใจและพร้อมใจกันมาเรียนที่นี่เป็นเพื่อนข้าวปั้นกันทุกคน พวกเค้าสัญญากันไว้ว่าจะไม่มีวันทิ้งใครในกลุ่มให้ต้องเดียวดายอย่างเป็นอันขาด

เจอก็เจอไงคิดมาก ไปๆรีบไปลงทะเบียนกันก่อนไนท์เดินเข้ามากอดคอเพื่อนเอาไว้เมื่อเห็นว่าข้าวปั้นนิ่งไปพร้อมกับส่งสายตาคาดโทษไปให้กับนุ่นที่จู่ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

เรื่องของรุ่นพี่คนนี้เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟสำหรับข้าวปั้นมาก ข้าวปั้นเจอรุ่นพี่คนนี้ครั้งแรกตอนที่เค้าอยู่ ม.2 ตอนนั้นเค้ากำลังเดินเพื่อที่จะข้ามถนนเพื่อไปซื้อของกินที่หน้าโรงเรียน แต่จู่ๆ ก็มีรถที่วิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ด้วยความเร็วพร้อมกับบีบแตรเสียงดังลั่น เค้าได้แต่ยืนมองรถคนนั้นวิ่งตรงมายังเค้าด้วยความกลัวจนก้าวขาไม่ออก แต่แล้วก็มีมือของใครบางคนมาจับกระชากตัวเค้าจากด้านหลังอย่างแรงจนตัวของเค้าเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแกร่งและอุ่นของใครอีกคน ใครคนนั้นที่ทำให้เค้ารอดจากเงื้อมมือของยมทูตมาได้อย่างหวุดหวิด

ขวัญเอยขวัญมาไม่มีอะไรแล้วนะครับ คราวหน้าคราวหลังจะข้ามถนนก็ดูรถให้ดีๆก่อนนะครับรู้มั้ยมือใหญ่ของรุ่นพี่คนนั้นยีลงที่ผมนุ่มของเค้าอย่างอ่อนโยน พอดีที่เพื่อนของรุ่นพี่คนนี้ตะโกนเรียกออกมาจากรถเพราะรถของพวกเค้านั้นจอดขวางอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนอยู่ รุ่นพี่คนนั้นจึงรีบวิ่งออกไปโดยที่ไม่หันมามองเค้าอีกเลย

ข้าวปั้นยืนมองด้านหลังของรุ่นพี่คนที่ช่วยชีวิตเค้าไว้จนรุ่นพี่คนนั้นเดินขึ้นรถไปกับเพื่อนๆ ข้าวปั้นยกมือขึ้นมาสัมผัสที่เส้นผมที่มันยังคงให้ความรู้สึกอบอุ่นอยู่อย่างยิ้มๆ ทำไมนะทำไมเค้าถึงไม่รู้สึกตกใจหรือขวัญเสียเลยทั้งๆที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาแท้ๆ นั่นคงเป็นเพราะคำพูดของใครคนนั้นกระมัง ทั้งคำพูดเรียกขวัญและปลอบใจรวมถึงรอยยิ้มที่ยกยิ้มขึ้นมานิดๆและดวงตาคู่คมคู่นั้นมันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่เค้าจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

และพอวันรุ่งขึ้นข้าวปั้นก็ได้ไปเล่าให้เพื่อนในกลุ่มอีก 3 คนได้ฟัง และมารู้ทีหลังว่ารุ่นพี่คนนั้นเป็นถึงประธานนักชั้น ม.4 เป็นรุ่นพี่ตัวเอง 2 ปี หลังจากนั้นในทุกๆเย็นข้าวปั้นจะไปยืนแอบดูรุ่นพี่คนนั้นเล่นบาสกับเพื่อนๆ โดยจะบอกให้คนขับรถที่บ้านมารับกลับบ้านเย็นหน่อยในทุกๆ วัน

จากวันกลายเป็นเดือน จากเดือนกลายเป็นปี จาก 1 ปี กลายเป็น 5 ปี จากคำว่าแอบชอบกลายเป็นคำว่าแอบรัก ข้าวปั้นไม่เคยเลยแม้เต่สักครั้งเดียวที่จะมีความกล้าที่จะเข้าไปพูดคุยกับรุ่นพี่คนนั้น แม้แต่จะเข้าไปเอ่ยคำขอบคุณก็ยังไม่มีความกล้ามากพอ ด้วยรุ่นพี่คนนั้นเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลาเอามากๆ และยังเป็นคนดังและเป็นขวัญใจของทุกคนในโรงเรียนแถมยังพ่วงด้วยตำแหน่งประธานนักเรียนของชั้นอีก ทำให้มีทั้งสาวๆรุ่นน้องและรุ่นพี่ที่ต่างเข้าไปสารภาพรักเกือบทุกวัน แต่ทุกคนก็โดยปฏิเสธกลับมาทุกคน รุ่นพี่คนนั้นไม่เคยรับรักใครเลย จนมีคนต่างตั้งข้อสงสัยกันว่ารุ่นพี่อาจจะเป็นเกย์ จนกระทั่งมีรุ่นน้องผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกล้าที่จะเข้าไปสารภาพรักแต่จนแล้วจนรอดก็ถูกปฏิเสธกลับมาอีกจนได้

เค้าได้แต่ก้มมองตัวเองแล้วเค้าล่ะเค้าเป็นใครกัน เค้าก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับรุ่นพี่คนนี้เลย ถึงแม้ใครต่อใครจะชอบบอกกับเค้าว่าเค้านั้นมีใบหน้าที่หวานคล้ายกับผู้หญิงรวมทั้งผิวพรรณที่นุ่มและขาวเนียนก็ตาม

จนกระทั่งวันที่รุ่นพี่คนนี้ต้องจบการศึกษาชั้น ม.6 เพื่อไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย มันเป็นวันที่ข้าวปั้นเศร้าและเสียใจที่สุด ที่ตัวเองไม่เคยมีความกล้าพอที่จะเข้าไปทักหรือเข้าไปพูดคุยเค้าได้แต่คอยเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ

ข้าวปั้น ข้าวปั้น

ฮะ ครับๆนุ่นร้องเรียกเพื่อนของตัวเองเสียงดังพอสมควร จนข้าวปั้นถึงกับสะดุ้งตัวโยนหลุดออกมาจากความคิดของตัวเอง เพราะข้าวปั้นนั้นเหม่อลอยตั้งแต่เธอถามประโยคนั้นออกไป จนกระทั่งไนท์กอดคอพาเดินมาที่จุดลงทะเบียนแล้วข้าวปั้นก็ยังไม่รู้สึกตัวอีก

นุ่นขอโทษที่ถามขึ้นมานะนุ่นรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมาในรั้วโรงเรียนหลังจากที่รุ่นพี่คนนั้นจบออกไปแล้วพวกเค้าพยายามที่จะไม่พูดถึงรุ่นพี่คนนั้นให้ข้าวปั้นได้ยินอีก จนกระทั่งข้าวปั้นบอกกับพวกเค้าว่าจะสอบเข้ามหาลัยเดียวกันกับรุ่นพี่คนนั้นให้ได้

เราไม่เป็นอะไรหรอกแค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ อีกอย่างพี่เค้าก็คงจำเราไม่ได้แล้วด้วยมันผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้วข้าวปั้นตอบเพื่อนไปด้วยใบหน้าที่พยายามที่ฝืนยิ้ม

เอาน่าไม่แน่นะ ข้าวปั้นอาจจะได้เจอพี่เค้าเร็วๆนี้ก็ได้ ถึงตอนนั้นพี่เค้าอาจจะตกหลุมรักข้าวปั้นของเราเองก็ได้นะ ก็ข้าวปั้นของพวกเรานั้นทั้งสวยแล้วก็น่ารักออกจะตายไปไออุ่นพูดปลอบเพื่อนขึ้นมา แต่เค้าก็ไม่ได้พูดเกินความจริงเลยสักนิดเดียว ก็เพื่อนเค้าคนนี้นั้นมีใบหน้าที่ทั้งสวยและน่ารักอยู่ในใบหน้าเดียวกันเรียกว่ามองกันไม่เบื่อเลยทีเดียว ไหนจะใบหน้าที่เรียวรูปไข่รับกับคิ้วเข้มที่โก่งเป็นเส้นโค้งได้รูป ดวงตาสวยที่ออกไปทางกลมโต จมูกโด่งรั้นและยังจะริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูสดนั่นอีก ไหนรูปร่างที่ยังจะออกไปทางโปร่งบาง ถึงแม้ว่าข้าวปั้นจะมีส่วนสูงถึง 170 แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ข้าวปั้นนั้นดูดีและดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีกด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างจะสมส่วน

ที่ผ่านมาใช่ว่าจะไม่มีใครมาจีบเพื่อนของเค้า ตอนที่เรียนอยู่นั้นต่างมีรุ่นพี่และรุ่นน้องผลัดกันเข้ามาขายขนมจีบกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่เพื่อนของเค้าก็ปฏิเสธไปซะทุกรายและไม่เคยชายตามองใครเลยนอกจากรุ่นพี่คนนั้นคนเดียว เค้าคิดว่าหากข้าวปั้นได้เจอกับรุ่นพี่คนนั้นเข้าเต็มๆจังๆสักครั้งก็น่าจะดีไม่น้อย รุ่นพี่คนนั้นอาจจะตกหลุมรักเพื่อนของเค้าในทันทีเลยก็ได้ เพราะที่ผ่านมาข้าวปั้นมัวแต่คอยหลบหน้าหลบตาเวลาที่รุ่นพี่คนนั้นเดินผ่าน หรือเรียกง่ายๆว่าไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะได้เจอกันหน้ากับแบบจังๆสักที แล้วอย่างนี้มันจะไปสมหวังได้ยังไงกัน

พอพวกเค้าลงทะเบียนและรับป้ายชื่อมาคล้องคอกันเรียบร้อยแล้วก็มานั่งรวมแถวกับเพื่อนๆ ทุกคน

น้องๆคะเดี๋ยววันนี้เราจะมาแนะนำตัวกันก่อนนะคะ วันนี้คงจะยังไม่มีอะไรมากค่ะ แต่พี่อยากให้น้องๆได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆที่นั่งอยู่ข้างๆและรวมถึงที่นั่งอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของตัวเองกันทุกคนนะคะ ต่อจากนี้ไปในรั้วมหาลัยของเราจะได้เจอกับเพื่อนๆที่นั่งกันอยู่ตรงนี้ตลอด 4 ปีที่เราต้องเรียนอยู่ที่นี่ ดังนั้นทางที่ดีทุกคนควรที่จะผูกมิตรและทำความรู้จักกันไว้นะคะเบลได้พูดขึ้นแบบรวดเดียวจบโดยมีน้องๆที่นั่งอยู่ตรงหน้าฟังอย่างตั้งใจ เพราะรุ่นพี่ของพวกเค้านั้นทั้งสวยและดูท่าจะใจดีมากเลยทีเดียวด้วยใบหน้ายิ้มตลอดการพูด

ความจริงแล้วหน้าที่ที่จะต้องออกมาพูดกับน้องๆตรงด้านหน้านี้จะต้องเป็นของรุ่นน้องรองเฮดสันปี 2 อีกคนหนึ่งแต่ด้วยรุ่นน้องคนนี้เกิดป่วยเข้าโรงพยาบาลขึ้นมากะทันหัน หน้าที่นี้จึงตกมาเป็นของเบลที่รับหน้าที่รองเฮดสันเมื่อปีที่แล้วแทน จึงทำให้เธอพูดได้คล่องและไม่มีติดขัดเลย

วันนี้พวกเราต้องลงมั้ยวะเดย์ถามอิฐขึ้นมาเมื่อพวกเค้าพากันมานั่งอยู่ข้างด้านหลังของตึกที่น้องๆ นั่งกันอยู่

คงยังไว้พรุ่งนี้ก่อนค่อยลงวันนี้แค่วันแรกให้น้องๆได้ผ่อนคลายสบายๆกันก่อนอิฐตอบกลับเดย์ไปทำให้ทุกคนต่างพยักหน้าเข้าใจ เค้าไม่อยากให้น้องๆต้องรู้สึกกดดันตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นนักศึกษาปี 1 ในรั้วมหาวิทยาลัย เค้าเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเพระเค้าก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้วเหมือนกัน แต่ด้วยหน้าที่ที่ต้องทำแล้วเค้าก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เหมือนกัน

กลุ่มพี่ว๊ากของพวกเค้ามีด้วยกันทั้งหมด 5 คนด้วยกัน คือ อิฐ ตำแหน่งเฮดว๊าก ทอย รองเฮดว๊าก ตามด้วย เดย์ โจ้ และเต็ม พวกเค้าทั้งหมดเรียนอยู่สาขาเดียวกันและห้องเดียวกันทั้งหมด แรกๆกลุ่มของพวกเค้าทั้ง 4 คนก็ไม่ค่อยจะสนิทกับอิฐกันสักเท่าไหร่หรอก เพราะอิฐในสายตาของคนอื่นๆนั้นจะดูนิ่งๆหยิ่งๆไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครนอกจากกลุ่มเพื่อนสนิทของตัวเอง แต่พอได้เจอกันเข้าบ่อยๆตอนช่วงปิดเทอมที่ต้องมาวางแผนเรื่องการรับน้องด้วยกันก็ทำให้ได้รู้จักได้รู้นิสัยกันมากขึ้น ว่าไอ้มาดที่ดูนิ่งๆหยิ่งๆนั้นเป็นเพราะว่าอิฐนั้นไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของตัวเองมากนักและยิ่งผู้หญิงที่คอยจะเข้ามาเสนอตัวให้ด้วยแล้วล่ะก็อิฐยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่อิฐจะตีตัวออกห่างทันทีหรือไม่ก็โดนตอกกลับจนหาทางกลับบ้านกันแทบไม่เจอกันเลยทีเดียว แต่เห็นทีก็จะมีแต่พวกกลุ่มพี่ว๊ากนี่แหละที่หน้าด้านหน้าทนคอยตามตื๊อให้มาประชุมให้มาทำนู่นทำนี่จนได้สนิทกันในที่สุด ถึงแม้ว่าจะถูกอิฐบ่นและต่อว่าไปซะทุกครั้งที่โทรตามมาก็ตามที เพราะช่วงนี้อิฐกำลังเห่อน้องของขวัญหลานสาวตัวน้อยของตัวเองมากชนิดที่ว่าพอใครมาจับแยกออกมาจากหลานสาวอิฐก็จะโวยวายขึ้นและหงุดหงิดขึ้นมาทันทีถึงขนาดที่ว่ายอมโดดงานที่บริษัทฯโดดการประชุมรับน้องและปิดเครื่องหนีทุกคนก็ยังทำมาแล้วเพื่อที่จะได้ไปอยู่เล่นกับหลานสาวตัวน้อยทั้งวัน (น้องของขวัญเป็นลูกสาวตัวน้อยของพี่วายุและน้องสายน้ำจากเรื่องพี่ว๊ากเย็นชากับน้องลักยิ้มนะคะ)

กาแฟเข้มๆหอมๆมาส่งแล้วคร้าบสายน้ำเดินเข้ามาพร้อมกับออกัสที่เดินถือถุงกาแฟกันมาเต็มสองไม้สองมือทั้งสองคน

ขอบคุณครับผม น้ำกับกัสนี่ทั้งสวยทั้งน่ารักแถมยังใจดีอีกต่างหากเต็มลุกขึ้นมารับถุงกาแฟในมือของออกัสพร้อมกับพูดชมเพื่อนร่วมห้อง โดยมีอิฐที่รับถุงกาแฟจากสายน้ำด้วยเหมือนกัน

สายน้ำและออกัสได้แต่ส่ายหน้าไปมายิ้มๆ กับความขี้เล่นของเต็ม

แล้ววันนี้อิฐกับทุกคนได้ลงกันรึเปล่าสายน้ำถามขึ้นมาระหว่างที่ก้มลงดูดโกโก้เย็นในแก้วโปรดต่อด้วยการตักเค้กเข้าปากไปด้วย

วันนี้ไม่ได้ลงอิฐอยากให้วันแรกของน้องๆสบายๆไม่รู้สึกกดดันน่ะอิฐพูดพร้อมกับใช้กระดาษทิชชูเช็ดไปที่มุมปากของสายน้ำที่มีครีมเค้กติดอยู่

นี่ถ้ากูไม่รู้จักกับมึงกับน้ำมาก่อน กูคงคิดว่ามึงกับน้ำต้องเป็นแฟนกันแน่ๆเลยว่ะเดย์พูดขึ้นมาเมื่อเห็นการการกระทำของอิฐที่มีต่อสายน้ำทั้งยังน้ำเสียงและแววตาที่ติดอ่อนโยนนั่นอีกใช่ว่าทุกคนจะได้รับจากมัน

ถ้าใครไม่รู้จักทั้งสองคนนี้ก็คงคิดเช่นเดียวกันกับเค้ากันทุกคน เพราะแต่ตั้งแต่ปี 1 จนถึงทุกวันนี้เค้าก็จะเห็นอิฐปฏิบัติกับสายน้ำเช่นนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลังพี่วายุที่เป็นทั้งสามีและพ่อของลูกของสายน้ำก็ตามที

พวกเค้าเองเคยได้ยินกับหูว่าวายุนั้นฝากให้อิฐคอยดูแลสายน้ำระหว่างที่พี่วายุต้องไปฝึกงานหรือจบจากที่นี่ไปแล้ว และอิฐก็ทำหน้าที่ดูแลสายน้ำได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด เมื่อเช้าเบลยังบอกกับพวกเค้าด้วยว่าอิฐนั้นรักสายน้ำเหมือนน้องชายแท้ๆก็ไม่ปานและพี่วายุเองก็ไม่ติดถ้าทุกคนจะเข้าใจผิดว่าอิฐเป็นแฟนกับสายน้ำเพราะดีซะอีกที่จะได้ไม่มีใครกล้าเข้ามาจีบเมียคนน่ารักของตัวเอง พวกเค้าฟังก็ได้แต่นั่งขำแต่พอมาคิดตามที่เบลเล่าให้ฟังแล้วมันก็คงจะดีกว่าที่ทุกคนเข้าใจว่าเพื่อนตัวเล็กของพวกเค้าคนนี้นั้นยังโสดอยู่ เพราะสายน้ำนั้นเรียกได้ว่าทั้งสวยทั้งน่ารักแถมยังตัวเล็กและน่าถนุถนอมเป็นที่สุด ถึงขนาดที่ว่าทุกคนในคณะต่างตั้งให้สายน้ำนั้นเป็นของสูงประจำคณะไปเลย ของสูงที่ทุกคนมีสิทธิ์ได้แต่มองแต่ว่าห้ามแตะต้องอย่างเด็ดขาดถ้ายังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ เพราะพี่วายุแฟนของสายน้ำนั้นได้ขึ้นชื่อว่าโหดมากขนาดกระทืบคนที่เข้ามาจีบสายน้ำเกือบตายยังทำมาแล้วเลย

หึๆอิฐได้แต่หัวเราะในลำคอและยกมือใหญ่ขึ้นไปโยกหัวเพื่อนตัวเล็กของเค้าที่ตั้งหน้าตั้งตากินเค้กอยู่แบบไม่สนใจใคร

อิฐเดี๋ยวเบลจะปล่อยน้องๆให้ไปกินข้าวแล้วนะ แล้วนี่สรุปว่าช่วงบ่ายได้ลงกันป่ะเบลเดินเข้ามาถามลูกพี่ลูกน้องของตัวเองเมื่อใกล้จะเที่ยงแล้ว โดยมีสายน้ำยื่นแก้วคาปูชิโน่ให้กับเบลได้ดูดด้วย

ไม่ได้ลงเอาไว้ลงพรุ่งนี้ ช่วงบ่ายก็เล่นกิจกรรมแล้วก็แจกสมุดให้ไปตามล่าลายเซ็นรุ่นพี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวเราว่าจะแอบไปดูสักหน่อยด้วย

งั้นรอเบลแป๊บนะเดี๋ยวเบลมาขอไปปล่อยน้องก่อน แล้วนี่ยังจะกินข้าวต่อได้รึเปล่าเนี่ยน้ำกินเค้กไปกี่ชิ้นแล้วเนี่ยก่อนจะไปเบลยังไม่วายหันมาโวยเพื่อนตัวเล็กของตัวเองที่ยังก้มหน้าก้มตากินเค้กอยู่ ทำให้ทุกคนพากันหัวเราะที่สายน้ำส่งยิ้มแหยๆไปให้กับเบลก่อนที่เบลจะเดินส่ายหัวกลับไป

...

นี่ๆอุ่นว่าจะมีพวกพี่ว๊ากลงมาว๊ากน้องๆมั้ยอ่ะระหว่างที่พวกเค้ากำลังเดินมาที่โรงอาหารนุ่นก็ถามไออุ่นขึ้นมา

เราก็ไม่รู้สิแต่ว่าน่าจะมีนะเพราะเห็นว่าปีที่แล้วก็มีอุ่นตอบออกไปเพราะเค้าได้ยินเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลังคุยกัน

ตื่นเต้นอ่ะ พี่ว๊ากต้องหล่อมากแน่ๆเลยใช่มั้ยปั้น ชักอยากเห็นเร็วๆแล้วสินุ่นทำท่าทางกระทืบเท้าน้อยๆและเดินมากอดแขนของข้าวปั้นเอาไว้อย่างเขินๆ

ผลั๊วะ!!!

โอ้ย! ไนท์นุ่นเจ็บนะฟาดลงมาได้นุ่นยกมือขึ้นไปคลึงๆที่หัวตรงตำแหน่งที่โดนไนท์ฟาดฝ่ามือใหญ่ลงมา

เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว แล้วก็ไปหาข้าวกินเดี๋ยวก็หมดเวลาพักซะก่อนหรอกไนท์พูดจบก็เดินออกไปทิ้งให้นุ่นได้แต่ยืนกระฟัดกระเฟียดเพื่อนตัวใหญ่อยู่ ส่วนข้าวปั้นกับไออุ่นก็ได้แต่ยิ้มขำเพราะคู่นี้เค้าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

ปั้นก็ไม่ช่วยนุ่นเลยอ่ะ เอาแต่หัวเราะอยู่นั่นแหละอุ่นก็เหมือนกัน นุ่นงอนแล้วด้วยพูดจบนุ่นก็เดินสะบัดก้นออกไปทันที ข้าวปั้นกับไออุ่นก็ได้แต่เดินตามเพื่อนไปติดๆ และยิ้มขำไปด้วย

หืออ!! พี่คนนั้นโคตรของโคตรน่ารักเลย พี่เค้าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะระหว่างที่นั่งกินข้าวกันอยู่จู่ๆนุ่นก็พูดขึ้นมา ทำให้ทุกคนที่นั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวกันอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมาและหันไปมองตามสายตาของนุ่นที่มองอยู่

แค่กๆ แค่กๆ

ไนท์ที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มถึงกับสำลักเมื่อเจอรอยยิ้มกว้างจนตาหยีพร้อมลักยิ้มบุ๋มสองข้างของรุ่นพี่คนนี้เข้าไป

โคตรทำลายล้างว่ะ ดูทุกคนในโรงอาหารดิไนท์ได้แต่พูดเบาๆอยู่ในลำคอด้วยท่าทางเหม่อลอย

ทั้งสามคนหันไปมองรอบๆ ตัวตามที่ไนท์พูดก็เห็นว่าทุกคนในโรงอาหารต่างก็จ้องมองไปที่จุดๆเดียวกันกับที่พวกเค้ากำลังมองอยู่เหมือนกัน

เอาจริงนะ นุ่นไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนสวยแล้วก็น่ารักเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิตสาบานได้นุ่นพูดขึ้นมาแต่ตาก็ยังมองไปที่ที่รุ่นพี่คนนั้นที่กำลังรับข้าวกล่องจากแม่ค้ากับเพื่อนอีกสองคน

อืมม เหมือนจะคุ้นๆเลยนะแต่เรานึกไม่ออกว่าเคยเห็นพี่คนนี้ที่ไหนไออุ่นทำท่านึกพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าหวานไปด้วย

หรือว่าพี่เค้าจะเป็นดาราข้าวปั้นพูดออกมาแต่ก็เหมือนบ่นๆมากกว่าเพราะเค้าเองก็คุ้นอยู่เหมือนกัน

ปั้น อุ่น ไนท์พี่เค้ายิ้มให้พวกเราด้วยนุ่นถึงกับกระทืบเท้าอยู่ใต้โต๊ะเมื่อรุ่นพี่คนนั้นหันมาส่งยิ้มหวานให้เมื่อเห็นว่าพวกเค้านั้นมองอยู่

ฮืออ น่ารักอ่ะข้าวปั้นพูดออกมาเพ้อๆเพราะเค้าแพ้รอยยิ้มเมื่อกี๊เป็นอย่างมาก

นี่ๆคิดจะนอกใจพี่คนนั้นเหรอจ๊ะนุ่นอดที่จะแซวเพื่อนรักไม่ได้ที่เห็นท่าทางเคลิ้มๆนั่น ทางด้านข้าวปั้นก็หุบยิ้มลงทันทีที่นุ่นพูดจบ

นอกจงนอกใจอะไรกันเล่าไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยคุยก็ยังไม่เคยคุยด้วยเลยข้าวปั้นตอบเพื่อนไปหน้าแดงๆ

แอ๊ะๆ หน้าแดงนะเราน่ะร้อนเหรอจ๊ะนุ่นยกมือขึ้นไปเขี่ยแก้มนุ่มของเพื่อนเล่นเบาๆอย่างล้อๆ

ไนท์จัดการนุ่นให้เราทีสิเมื่อช่วยตัวเองไม่ได้ก็ต้องหันไปเพิ่งคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามนี่แหละ

หึๆ รีบๆกินกันเถอะเดี๋ยวถ้าเข้าสายจะโดนทำโทษเอาพอไนท์พูดจบนุ่นก็หันไปยักคิ้วส่งให้กับข้าวปั้นอีกทีหนึ่งก่อนที่จะโดนข้าวปั้นตีกลับมาไม่แรงมากนัก

ไนท์กับไออุ่นได้แต่ส่ายหัวให้กับเพื่อนทั้งสองคนที่อีกคนหนึ่งก็ขี้เขินส่วนอีกคนหนึ่งก็ขี้แกล้งขี้แหย่ไม่รู้ว่าเกิดมาสลับเพศกันรึเปล่าก็ไม่รู้

...

ตอนนี้อิฐและกลุ่มพี่ว๊ากทั้งหมดกำลังมายืนแอบดูน้องๆอยู่ด้านหลัง โดยมีรุ่นน้องปี 2 ที่ยืนอยู่ด้านหน้าช่วยบังไว้ให้ แต่ก็อย่าเรียกว่าบังเลยจะดีกว่าเพราะด้วยขนาดความสูงของพี่ว๊ากแต่ละคนแล้วทำให้ไม่น่าจะบังมิด แต่น้องๆที่นั่งอยู่คงมีใครได้ทันสังเกตเห็นกันมากกว่าเพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับกิจกรรมด้านหน้ากันอยู่

สายตาคมค่อยๆมองสำรวจไปเรื่อยๆเพื่อสังเกตพฤติกรรมของน้องๆที่เค้าจะต้องรับมือในวันพรุ่งนี้ระหว่างที่น้องๆทำกิจกรรมกันอยู่

แต่แล้วสายตาคมก็ต้องชะงักและหยุดลงทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งหัวเราะเพื่อนๆที่ลุกขึ้นไปเต้นอยู่ด้านหน้า เค้ายกยิ้มมุมปากขึ้นมานิดๆพร้อมกับสายตาคมที่จับจ้องไปที่คนคนนั้นอย่างไม่วางตา

เจอกันสักทีนะ