30 ตอน ฟิวส์ขาด
โดย Beloved_Moouan
“พี่อิฐเสร็จรึยังครับ” ข้าวปั้นที่เห็นว่าอิฐหายเงียบไปนานจึงเดินเข้ามาตามอิฐที่ห้องแต่งตัว
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกและเมื่อคืนเค้าทั้งสองคนก็กลับมานอนที่คอนโดของข้าวปั้นด้วยกัน เพราะข้าวปั้นต้องกลับมาทำความสะอาดและต้องขนของทั้งของตัวเองและของอิฐกลับมาที่คอนโดบางส่วนด้วย หลังจากที่ช่วงปิดเทอมทั้งคู่ไปอยู่ที่บ้านอิฐกันตลอด
“เสร็จแล้วครับ จุ๊บ!” อิฐตอบและจูบลงไปที่ปากของข้าวปั้นและยิ้มออกมา ข้าวปั้นเองก็ส่งยิ้มกลับไปให้เช่นกัน
ช่วงปิดเทอมเป็นเวลาที่ทั้งคู่มีเวลาอยู่ด้วยกันตลอดเรียกได้ว่าแทบจะ 24 ชั่วโมงเลยก็ว่าได้ ทำให้ทั้งอิฐและข้าวปั้นเองต่างก็ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน บางครั้งอาจจะมีงอนกันบ้างหรือความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ทั้งคู่ก็หันหน้ามาคุยและปรับความเข้าใจกันได้ โดยไม่ยอมปล่อยเวลาให้อีกคนเสียความรู้สึกได้นาน
ทุกครั้งที่อิฐต้องไปทำงานก็จะพาข้าวปั้นไปด้วยทุกครั้งจนเป็นภาพคุ้นชินของพนักงานในห้างและที่บริษัทกันไปแล้ว ซึ่งข้าวปั้นเองก็เริ่มที่จะชินกับสายตาของทุกคนที่มองมาแล้วด้วยเช่นกัน
“งั้นเราไปกันเลยนะครับ ปั้นเริ่มหิวแล้วคิดถึงข้าวราดแกงที่โรงอาหารจะแย่แล้วด้วย” ข้าวปั้นพูดพร้อมกับลูบท้องของตัวเองไปด้วย
“หึๆครับ ไม่ลืมอะไรแล้วใช่มั้ยครับ” อิฐหันมาถามข้าวปั้นก่อนที่จะทำการปิดประตูห้อง
“ไม่แล้วครับ” ข้าวปั้นทำท่านึกและจึงบอกอิฐไป จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องและลงลิฟต์ไปกัน
…
“พี่อิฐสวัสดีครับ / พี่อิฐสวัสดีค่ะ” เมื่อถึงมหาลัยอิฐและข้าวปั้นก็เจอกับเพื่อนของข้าวปั้นทั้งสามคนที่มานั่งรออยู่ก่อนแล้วที่โต๊ะประจำของพวกเค้า
“ไง ไม่ไปรับขนมพายเหรอวะวันนี้” อิฐพยักหน้ารับน้องๆและหันไปถามไนท์
“วันนี้พายมีเรียนบ่าย เดี๋ยวจะมาพร้อมพี่นัทครับ” ไนท์ตอบอิฐออกไปยิ้มๆเมื่อนึกหน้าของอีกคน ที่ช่วงปิดเทอมมานี้ความสัมพันธ์ขอเค้างทั้งสองคนพัฒนาขึ้นมามาก
ตอนแรกขนมพายก็ไม่ยอมที่จะคุยกับไนท์หรอก แต่ไนท์ใช้วิธีไปนั่งเฝ้าที่ร้านเอาหลังเลิกเรียน เพราะแม่ของขนมพายนั้นเปิดเป็นร้านกาแฟพร้อมกับทำขนมเค้กและเบเกอรี่ขายด้วย บางทีนัทก็จะไปส่งขนมพายที่ร้านเพื่อขนมพายจะได้กลับบ้านพร้อมกับแม่ของตัวเองเพื่อเป็นเพื่อนกัน
ไนท์ก็ใช้วิธีถามนัทเอาว่าขนมพายจะเข้าร้านวันไหนบ้างและตัวเองก็ไปดักรอเอา จนกระทั่งขนมพายเริ่มเห็นใจและใจอ่อนคุยด้วยในที่สุด
ในทุกๆวันช่วงปิดเทอมขนมพายจะไปช่วยแม่ที่ร้านคาเฟ่ทุกวัน ไนท์จะไปรับขนมพายจากที่บ้านทุกวันเพื่อไปที่ร้านและจะอยู่ช่วยที่ร้านหากไม่มีธุระที่ไหน บางทีก็เข้าไปเป็นลูกมือให้กับแม่ของขนมพายและขนมพายทำขนมด้วย พอร้านปิดไนท์ก็จะช่วยทุกคนปิดร้านด้วยเหมือนกัน ช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้ไนท์นั้นสนิทกับครอบครัวของขนมพายและทุกคนในร้านมาก ส่วนพ่อและแม่ของขนมพายเองก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ไนท์จะจีบขนมพาย เพราะพวกท่านเป็นคนหัวสมัยใหม่ทั้งยังเป็นคนอารมณ์ดีและใจดีมากอีกด้วย
“ทุกคนกินข้าวมารึยัง” ข้าวปั้นถามเพื่อนขึ้นมาเมื่อตัวเองเริ่มที่จะหิวมากแล้ว
“ยังเลยรอปั้นเนี่ยแหละ งั้นเราไปกินกันเลยมั้ย” นุ่นเป็นคนตอบออกมา และทุกคนก็พร้อมใจกันพยักหน้าและพากันลุกเดินไปที่โรงอาหารด้วยกัน
“ปั้นนั่งรอที่นี่นะครับเดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้ ปั้นอยากกินอะไร” อิฐหันมาถามข้าวปั้นเมื่อได้โต๊ะนั่งแล้ว ตอนนี้ยังเช้าอยู่พอสมควรจึงมีคนไม่มากนัก พวกเค้าจึงเลือกที่จะนั่งโต๊ะที่ออกมานอกๆหน่อยเพื่อที่จะได้นั่งกันได้ชิวๆระหว่างรอขึ้นเรียน
“เอาอะไรก็ได้ครับพี่อิฐเลือกให้ปั้นเลย แต่ขอเป็นข้าวราดแกงนะครับ” ข้าวปั้นตอบออกไปและอิฐก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปที่โรงอาหาร
ระหว่างที่ข้าวปั้นนั่งรออิฐอยู่เจ้าตัวก็หยิบมือถือมาเล่นเกมรอเพื่อฆ่าเวลา และไม่ได้สนใจใครอีกเลย
“สวัสดีครับ น้องข้าวปั้นใช่มั้ยครับ” ข้าวปั้นเงยหน้าขึ้นมาจากจอมือถือของตัวเองและหันไปตามเสียงเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง
“ครับ พี่มีอะไรกับผมรึเปล่าครับ” ข้าวปั้นตอบออกไปอย่างงงๆเพราะคนตรงหน้าน่าจะเป็นรุ่นพี่ในคณะ แต่เค้าก็มั่นใจว่าไม่เคยรู้จักหรือเคยเห็นหน้ามาก่อนเลย
“คือ พี่ชอบน้องน่ะครับ พี่ขอจีบน้องข้าวปั้นได้มั้ยครับ” ผู้ชายตรงหน้าบอกกับข้าวปั้นออกมาอย่างตรงๆจนข้าวปั้นถึงกับอึ้งไปเลย
“เอ่อ ผมมีแฟนแล้วครับคงจะให้พี่จีบไม่ได้” ข้าวปั้นรีบตอบออกไปเพราะดูจากสายตาของอีกคนแล้วดูไม่ค่อยจะน่าไว้ใจเท่าไหร่นัก มันดูแพรวพราวยังไงไม่รู้ข้าวปั้นเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
“มีแล้วก็เลิกได้นี่ครับ เดี๋ยวนี้ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันคบๆกันแล้วก็เลิกกันมีให้เห็นเยอะแยะไป งั้นเราแลกเบอร์โทรกันไว้ก็ได้เผื่อว่าวันไหนน้องเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมานะครับ” ผู้ชายตรงหน้าพูดออกมาอย่างกวนอารมณ์
“ขอโทษทีนะครับ ผมไม่ได้มีแฟนไว้เพื่อจะรอวันเลิกกัน แล้วก็รบกวนพี่ไปหาจีบคนอื่นเถอะครับ เพราะผมไม่มีวันเลิกกับแฟนอย่างแน่นอน แล้วก็อีกอย่างผมก็คงจะไม่มีวันชอบพี่ด้วย” ข้าวปั้นกัดฟันตอบออกไป และเริ่มที่จะโมโหคนตรงหน้าขึ้นมาบ้างแล้วที่อยู่ๆก็มาแช่งให้เค้าเลิกกับอิฐ
“หมับ! น้องอย่ามาเล่นตัวนักเลย เห็นเมื่อก่อนเค้าบอกกันว่าน้องขายไม่ใช่เหรอ พี่เลยแค่อยากจะลอง หรือว่าที่เล่นตัวนี่เพราะจะโก่งค่าตัวกันแน่ห๊ะ” ผู้ชายตรงหน้าเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงที่พูดทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่ข้าวปั้นตอบออกไป และเอื้อมมือมาจับที่ข้อมือของข้าวปั้นเอาไว้และออกแรงบีบอย่างแรงจนข้อมือของข้าวปั้นนั้นแดงไปหมด
“ปั้นเกิดอะไรขึ้น นี่พี่จะทำอะไรเพื่อนหนู ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” นุ่นที่กลับมาจากซื้อข้าวก่อนใคร รีบวางจานข้าวลงทันทีและเดินมาช่วยข้าวปั้นแกะมือของผู้ชายตรงหน้าออก แต่นอกจากไม่ออกแล้วยังจะโดนบีบแน่นเข้าไปอีก เพราะว่าอีกคนทั้งตัวใหญ่และแรงเยอะกว่าพวกเค้าสองคนมาก
ผลั๊วะ!!
เมื่อแกะมือของอีกคนไม่ออกข้าวปั้นก็ต่อยไปที่หน้าของคนตรงหน้าเต็มแรงจนอีกคนถึงกับหน้าหัน และมือก็หลุดจากข้อมือของข้าวปั้นในที่สุด
“นี่มึงกล้าต่อยกูเหรอวะ” ด้วยความโมโหที่โดนข้าวปั้นต่อยจึงทำให้ผู้ชายคนนั้นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
ตอนนี้ทั้งสามคนกลายจุดสนใจของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์และคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เพราะผู้ชายคนนั้นเสียงค่อนข้างที่จะดังอยู่พอสมควร
“เออแล้วจะทำไมวะ มาขอจีบเค้าแล้วเค้าไม่ให้จีบก็มาพาลใส่อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ หน้าตาก็ดีแต่ทำไมถึงได้นิสัยแบบนี้วะ” ข้าวปั้นเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกันเมื่ออีกคนพูดจาไม่ดีมาเค้าก็ไม่ต้องสนมันแล้วไอ้รุ่นพี่รุ่นน้องอะไรเนี่ย
“นึกว่ากูพิศวาสมึงนักรึไงวะ กูก็แค่อยากลองของแปลกก็เท่านั้นแหละโว้ย ปากดีนักใช่มั้ยมึง วันนี้กูจะเอาเลือดปากมึงออกเอง ไอ้ตุ๊ด ไอ้เด็กขาย”
พลั่ก!! ตุ้บ!! ตั้บ!! พลั่ก!! ตุ้บ!! ตั้บ!!
ยังไม่ทันที่ผู้ชายคนนั้นจะได้เข้ามาถึงตัวข้าวปั้นก็โดนอิฐกระโดดถีบเข้าไปเต็มๆ ที่กลางหลังและล้มลงไป จากนั้นอิฐก็เดินเข้าไปเตะซ้ำไปที่ท้องแบบไม่ยั้งแรงโดยไม่พูดไม่จาอะไร อิฐเตะเสยไปที่ปลายคางจนผู้ชายคนนั้นสลบไปในที่สุด แต่อิฐก็ยังไม่ยอมหยุดยังคงทั้งกระทืบไปที่มือที่เคยจับข้าวปั้นและกระทืบไปที่ท้องอย่างโมโหแถมยังเตะไปที่หน้าอีกด้วย คนที่ยืนมุงดูกันอยู่ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามเลยสักคน แม้กระทั่งข้าวปั้นเองที่ไม่เคยเห็นอิฐในโหมดนี้มาก่อนเหมือนกัน คนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับขยาดและกลัวอิฐไปตามๆกันเพราะในตอนนี้หน้าตาของอิฐนั้นดูน่ากลัวมาก
“เฮ้ยไอ้อิฐ อะไรกันวะ พอก่อนมึงเดี๋ยวมันได้ตายพอดี” กลุ่มของทอยที่เพิ่งมาถึงก็ถึงกับต้องอึ้งตะลึงไปตามๆกันเพราะไม่คิดว่าเพื่อนตัวเองจะโมโหร้ายได้ขนาดนี้ แต่พอทุกคนเรียกสติตัวเองกลับมาได้แล้วก็รีบเดินเข้ามาเพื่อจะจับอิฐออกมา
“พวกมึงไม่ต้องยุ่ง กูเคยเตือนแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามายุ่งกับกูแล้วก็คนของกู พลั่ก!! ตุ้บ!!” อิฐหันมาตวาดใส่ทอยด้วยความโมโห และหันมาพูดเสียงดังกับคนที่นอนสลบไม่ได้สติอยู่พร้อมกับเตะเข้าไปตามตัวไม่ยั้ง
หมับ!!
“กูบอกวะ.........” อิฐกำลังจะหันไปด่าเพื่อนตัวเองแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาล็อกคอตัวเองนั้นเป็นใครและก็หยุดนิ่งไปในทันที
“เฮ้อ!!!” ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อมีคนมาหยุดอิฐเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นไอ้คนที่นอนกองอยู่คงจะต้องไปวัดแทนไปโรงพยาบาลเป็นแน่
“โทรแจ้งรถพยาบาล แล้วก็โทรบอกไอ้ไฟด้วย” วายุหันไปบอกกับดินด้วยน้ำเสียงนิ่งๆซึ่งดินก็พยักหน้ารับทันที วายุเดินล็อกคออิฐให้มานั่งลงด้วยกัน โดยที่สายน้ำนั้นก็เดินไปจับมือของข้าวปั้นเอาไว้เพื่อปลอบใจถึงจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่เรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นกับข้าวปั้นอย่างแน่นอนเพราะไม่อย่างนั้นอิฐคงจะไม่โมโหหนักขนาดนี้หรอก
โชคดีที่วันนี้วายุเป็นคนมาส่งสายน้ำและออกัสด้วยตัวเอง เพราะปกติแล้วถ้าไม่ได้มาพร้อมกับอิฐ ออกัสก็จะเป็นคนขับรถมาเองกับสายน้ำ แต่ว่าวันนี้ทั้งวายุและดินจะต้องไปดูที่ดินที่จะทำโครงการใหม่ด้วยกันและไม่ได้เข้าบริษัท จึงกะว่าพอเสร็จธุระกันแล้วจะแวะมารับสายน้ำที่มีเรียนแค่วิชาเดียวและจะเลยไปซื้อของด้วยกันเลย
แต่พอลงมาจากรถและเดินมาส่งสายน้ำที่โรงอาหาร ก็เห็นว่ามีคนยืนมุงดูอะไรกันอยู่เต็มไปหมด ทั้ง 4 คนจึงเดินเข้ามาดู และก็พบว่ารุ่นน้องของตัวเองนั้นกำลังกระทืบผู้ชายที่นอนสลบอยู่ที่พื้นด้วยสภาพที่เลือดนั้นเต็มหน้าไปหมด และทั้งเนื้อตัวนั้นก็แทบจะดูไม่ได้เลยทีเดียว
“ใจเย็นลงแล้วรึยังมึง” ดินเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับอิฐและถามขึ้นเมื่อวายุจับอิฐให้มานั่งเพื่อที่จะได้สงบสติอารมณ์
“อือ....” อิฐยกมือขึ้นมาลูบหน้าลูบตาตัวเอง เค้ารู้ตัวเองดีว่าเมื่อกี๊ตัวเค้านั้นฟิวส์ขาดไปเลย เพราะประโยคท้ายที่ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันใช้เรียกข้าวปั้น มันทำให้เค้าไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้
พอได้สติกลับคืนมาและอารมณ์เริ่มที่จะกลับมาเป็นปกติดีแล้วอิฐก็มองหาข้าวปั้นทันที
“กลัวพี่รึเปล่าครับ พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้ปั้นอยู่คนเดียว เจ็บมากมั้ยครับ” อิฐเดินเข้ามากอดข้าวปั้นเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยขอโทษออกมาพร้อมกับยกมือของข้าวปั้นที่เป็นรอยแดงขึ้นมาดูและลูบลงไปอย่างเบามือ
เค้าน่าจะกลับมาหาน้องให้เร็วกว่านี้จะได้ไม่เกิดเรื่อง ตอนที่เค้าเดินไปสั่งข้าวเรียบร้อยแล้วก็เลยไปเข้าห้องน้ำด้วยเลย เพื่อที่จะได้ขึ้นเรียนเลยทีเดียวจะได้ไม่ต้องแวะเข้าห้องน้ำอีก แต่พอเดินกลับมาก็ได้ยินเสียงดังมาจากทางที่ข้าวปั้นนั่งอยู่ ภาพที่เห็นคือนุ่นและข้าวปั้นพยายามช่วยกันแกะมือของผู้ชายคนนั้นออกจากข้อมือของข้าวปั้นโดยข้าวปั้นนั้นมีหน้าตาเหยเกเพราะคงจะเจ็บอยู่ไม่น้อย เห็นดังนั้นเจ้าตัวก็รีบวิ่งมาทันทีและก็ทันที่จะได้ยินประโยคที่ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันพูดใส่คนรักของเค้า จึงทำให้เค้าถึงกับฟิวส์ขาดและสติหลุดทันที
“ไม่ครับปั้นไม่กลัวพี่อิฐเลย แล้วพี่อิฐก็ไม่ต้องโทษตัวเองเลยนะครับ พี่อิฐไม่ผิดเลยไอ้คนนั้นต่างหากที่ผิด” ข้าวปั้นพูดพร้อมกับกอดอิฐเอาไว้แน่น
“ว่าแต่ไอ้คนนี้มันเด็กคณะเราเหรอวะ ทำไมกูไม่เคยเห็นหน้าเลยวะ” ดินมองหน้าคนที่นอนจมกองเลือดอยู่และหันไปถามกลุ่มของทอย
“ถ้าจำไม่ผิดไอ้นี่มันชื่อวินอยู่ปีสอง มันเพิ่งจะเข้ามาช่วงกลางเทอมที่แล้ว เห็นว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อเลย คอยล่าแต้มเก็บสาวๆแล้วก็ผู้ชายที่หน้าตาน่ารักน่ะ” โจ้เป็นคนตอบข้อสงสัยของดินออกไป เพราะเค้าเคยได้ยินน้องรหัสบอกมาเหมือนกัน
“เอองั้นแม่งก็สมควรโดนไอ้อิฐกระทืบ มันคงจะไปกระตุ้นต่อมอะไรสักอย่างของไอ้อิฐมันไม่งั้นมันคงไม่หลุดขนาดนี้หรอก” ดินพูดพร้อมกับหันไปมองอิฐที่ยืนคุยกับข้าวปั้นอยู่
“เดี๋ยวมึงกับน้องไม่ต้องขึ้นเรียนหรอกนะ เดี๋ยวกูบอกอาจารย์ให้” ทอยเดินมาบอกกับอิฐเมื่อใกล้ได้เวลาขึ้นเรียนแล้ว
“เมื่อกี๊กูขอโทษนะ” อิฐหันไปมองหน้าทอยและเอ่ยขอโทษออกไปที่เค้าตวาดใส่เพื่อนไป
“ไม่เป็นไรพวกกูเข้าใจ ตอนนั้นมึงกำลังฟิวส์ขาดอยู่ พวกกูไปก่อนไว้เจอกันพรุ่งนี้ วันนี้มึงก็พาน้องกลับไปพักเถอะ” ทอยบอกออกมายิ้มๆและเดินมาตบที่ไหล่อิฐเบาๆ อย่างเข้าใจ อิฐเองก็พยักหน้าตอบเพื่อนกลับไป ส่วนเพื่อนของข้าวปั้นทั้งสามคนก็เดินขึ้นเรียนไปพร้อมกับกลุ่มของทอยด้วยเช่นกัน
“ไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวพวกกูไปก่อนนะ นัดเจ้าของที่เค้าไว้เดี๋ยวจะสาย” ดินเดินมาบอกกับอิฐซึ่งอิฐก็พยักหน้าตอบ
“เดี๋ยวถ้ายังไงตัวเล็กส่งข้อความหรือโทรไปบอกพี่นะครับ ว่าจะเรียนหรือว่าจะไปไหนต่อพี่จะได้ไปหาถูกเพราะพี่คงไปไม่นาน แค่ไปดูที่แล้วก็ตกลงซื้อขายกันแค่นั้นเอง” ก่อนไปวายุไม่ลืมที่จะเดินมาบอกกับสายน้ำ
“ได้ครับผม ขับรถดีๆนะครับ เดี๋ยวถ้ายังไงน้องจะส่งข้อความไปบอกนะครับ” สายน้ำตอบกลับวายุและส่งยิ้มหวานไปให้ จึงโดนวายุหยิกแก้มกลับมาด้วยความมันเขี้ยว
“น้ำว่าเราพาน้องปั้นไปทายาก่อนดีกว่ามั้ย และเดี๋ยวเราค่อยไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันเพื่อเยียวยาจิตใจ วันนี้น้ำไม่ขึ้นเรียนแล้ว นะน้องปั้น นะกัสนะ นะอิฐนะ” พอวายุขับรถออกไปแล้วสายน้ำก็รีบเดินมาหาข้าวปั้นและอิฐที่ยืนอยู่ทันที และพูดอ้อนทุกคนขึ้นมา จริงๆแล้วสายน้ำอยากที่จะให้คนทั้งคู่ได้ไปเดินเล่นและหาอะไรกินเพื่อผ่อนคลายมากกว่า ส่วนเรื่องกินนั้นมันเป็นผลพลอยได้ต่างหากล่ะ (จริงๆ นะ^_^)
“หึๆ พอเฮียไม่อยู่ก็หาเรื่องโดดเรียนเลยนะ” อิฐหันมาพูดกับเพื่อนที่กำลังทำหน้าอ้อนส่งมาให้เค้าอยู่ และยื่นมือไปบีบจมูกของสายน้ำส่ายไปส่ายมาเบาๆอย่างเอ็นดู จนข้าวปั้นถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อสายน้ำส่งหน้ายุ่งๆมาให้กับอิฐ
“นี่น้ำหวังดีนะเนี่ย อยากให้น้องปั้นกับอิฐได้ผ่อนคลายนะ น้ำไม่ได้อยากโดดเรียนสักหน่อย อิฐก็รู้ว่าน้ำเป็นคนรักเรียนแค่ไหน ใช่มั้ยกัส” สายน้ำรีบหันไปหาพวกเมื่ออิฐยังคงยิ้มมาให้เค้าอย่างรู้ทันอยู่
“ก็ดีเหมือนกันนะครับ ปั้นอยากไปเดินดูเสื้อผ้าอยู่พอดีเลย นะครับพี่อิฐ” ข้าวปั้นที่ถูกสายน้ำส่งตาปริบๆมาให้ก็เลยต้องช่วยพูดอีกแรงจนอิฐเองก็ต้องตกปากรับคำไปในที่สุด
หลังจากที่พาข้าวปั้นไปทายาที่ข้อมือและที่มือข้างที่ชกหน้าผู้ชายคนนั้นที่ห้องพยาบาลเรียบร้อยแล้ว อิฐก็ขับรถพาทุกคนมาที่ห้างที่อยู่ใกล้กับมหา'ลัยเพื่อหาอะไรกินกันเพราะตั้งแต่เช้าพวกเค้ายังไม่ได้กินอะไรกันเลย พอดีมาเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน
“เดี๋ยวอิฐพาน้องกลับไปพักก่อนก็ได้นะ น้ำกับกัสจะเดินเล่นดูอะไรไปเรื่อยๆรอพี่กายกับพี่ดินน่ะ เห็นบอกว่ากำลังมากันแล้ว” พอกินอะไรกันเสร็จเรียบร้อยและเดินดูของกันได้สักพัก และข้าวปั้นเองก็ได้ทั้งเสื้อและก็รองเท้าแล้ว สายน้ำจึงหันมาบอกกับอิฐ
“น้ำกับกัสอยู่กันได้ใช่มั้ย” อิฐเองก็อยากที่จะพาข้าวปั้นไปพักเหมือนกันหลังจากเจอเรื่องไม่ดีมา แต่ก็อดเป็นห่วงเพื่อนทั้งสองคนไม่ได้อยู่ดี
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าเดี๋ยวเราดูน้ำให้เอง ไม่ให้ไปดื้อไปซนที่ไหนหรอก อีกอย่างพี่วายุกับพี่ดินก็คงใกล้จะถึงแล้วล่ะ อิฐพาน้องกลับไปพักเถอะ” ออกัสเป็นคนพูดออกมา เพราะรู้ว่าอิฐนั้นเป็นห่วงเค้าทั้งสองคน
“ถ้างั้นเดี๋ยวอิฐพาน้องกลับก่อนนะ แล้วก็ถ้าเจอใครเข้ามาทักเข้ามาคุยด้วยก็ไม่ต้องไปคุยด้วยนะให้เดินหนีไปตรงที่คนเยอะๆเลย แล้วก็ถ้าเจอใครที่เดินตามหรือคอยมองมาบ่อยๆแบบไม่น่าไว้ใจก็ให้รีบเดินไปบอก รปภ.เลยนะรู้มั้ย อ้อ..แล้วก็ฝากหอมแก้มน้องของขวัญด้วยนะ” ก่อนไปอิฐยังไม่วายที่สั่งออกมาซะยืดยาว จนสายน้ำกับออกัสถึงกับมองหน้ากันยิ้มๆ เพราะอิฐจะพูดประโยคแบบนี้ประจำถ้าตัวเองไม่ได้อยู่ด้วย ข้าวปั้นเองก็ยังอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะอิฐเหมือนกับพ่อที่กำลังสั่งเพราะหวงลูกสาวซะมากกว่า
...
“เจ็บมากมั้ยครับ” พอทั้งคู่มาถึงห้องที่คอนโดของข้าวปั้นกันแล้ว อิฐก็จับข้าวปั้นมานั่งที่ตักและจับมือทั้งสองข้างของข้าวปั้นขึ้นมาดูทันที
ที่ข้อมือด้านขวาของข้าวปั้นนั้นเป็นรอยแดงช้ำจากแรงบีบ ส่วนตามข้อนิ้วที่นิ้วมือด้านซ้ายนั้นก็แดงและถลอกนิดหน่อยจากที่ข้าวปั้นต่อยหน้าของวินไป
“นิดหน่อยเองครับ ว่าแต่พี่อิฐทำไมถึงได้โมโหขนาดนั้นล่ะครับ” ข้าวปั้นตัดสินใจถามออกไป เพราะเค้าเองก็ไม่เคยเห็นอิฐโมโหขนาดนี้มาก่อนเลยจึงอยากรู้สาเหตุเอาไว้
“พี่ได้ยินที่มันว่าปั้นครับ มันสมควรแล้วที่จะโดน” อิฐบอกข้าวปั้นออกมาตรงๆ ด้วยแววตาที่วาวโรจน์ด้วยความโกรธเมื่อย้อนนึกไปถึงคำพูดของคนที่เค้าเพิ่งจะกระทืบมา
“ไม่เอานะครับไม่ทำหน้าแบบนี้แล้วนะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้วและมันก็ไม่จริงอย่างที่เค้าพูดซะหน่อย อีกอย่างปั้นก็ไม่ได้เป็นตุ๊ดหรือเป็นอะไรทั้งนั้น ปั้นแค่รักพี่อิฐที่เป็นพี่อิฐของปั้นคนนี้คนเดียว อีกอย่างปั้นก็ไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคน ปั้นแค่ชอบและรักพี่อิฐคนเดียวเท่านั้น
ส่วนเรื่องเด็กขายอะไรนั่นเค้าก็แค่พูดให้ปั้นรู้สึกอายก็แค่นั้นเองทุกคนต่างก็รู้ว่าปั้นไม่ได้เป็นแบบนั้น เลิกคิดมากได้แล้วนะครับคนดีของปั้น จุ๊บๆ” ข้าวปั้นพูดจบก็จูบลงไปที่ปากของอิฐย้ำๆอย่างเอาใจจนอิฐเองก็พอจะยิ้มออกมาได้ เมื่อรู้ว่าน้องไม่ได้คิดมากอะไรกับคำพูดของไอ้ผู้ชายคนนั้น
“พี่ดีใจที่ปั้นสามารถปกป้องตัวเองได้ในระดับหนึ่ง เก่งมากเลยรู้มั้ยครับเด็กดีของพี่ ฟอด!” อิฐไม่วายที่จะพูดชมข้าวปั้นออกมาเมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่ข้าวปั้นต่อยไปที่หน้าของไอ้หมอนั่น พร้อมกับหอมแก้มเป็นการให้รางวัลฟอดใหญ่
“ปั้นเท่แล้วก็เก่งมากเลยใช่มั้ยล่ะ นี่ขนาดปั้นใช้หมัดข้างซ้ายนะเนี่ย ถ้าเป็นข้างขวาข้างถนัดของปั้นล่ะก็ไอ้หมอนั่นได้มีปากแตกหรือไม่ก็สลบกันบ้างแหละ” ข้าวปั้นรีบโม้ออกมาทันทีที่ได้รับคำชมจากอิฐ
“หึๆ ขี้โม้เหมือนกันนะเรา ฟอดๆๆ” อิฐอดที่จะมันเขี้ยวไม่ได้จึงฟัดแก้มน้องไปอีกสองทีแรงๆ
“แล้วพี่อิฐรักเด็กขี้โม้คนนี้มั้ยล่ะครับ หืมมม” ข้าวปั้นเอาหัวซบลงไปที่อกของอิฐพร้อมกับอ้อนถามขึ้นมา
“รักสิครับ รักมากที่สุดเลยครับเด็กขี้โม้ของพี่ จุ๊บ!” อิฐพูดออกมาพร้อมกับยิ้มกว้างและกดจูบไปที่กลุ่มผมนุ่มของเด็กขี้โม้ พร้อมกับกอดร่างบางบนตักเอาไว้แน่น
“ปั้นก็รักพี่อิฐครับ รักที่สุดในสามโลกเลยครับ”
Comments (0)