21 ตอน ทำบุญขึ้นบ้านใหม่
โดย Beloved_Moouan
“ใกล้เสร็จแล้วหรือยังครับ มีอะไรให้พี่ช่วยรึเปล่า” อิฐเดินเข้ามาถามข้าวปั้นที่กำลังเก็บเสื้อผ้าแล้วก็ของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋าอยู่ เพื่อไปนอนค้างที่บ้านของสายน้ำในคืนนี้
เนื่องจากพรุ่งนี้เช้าซึ่งตรงกับวันเสาร์ ทั้งอิฐและดินได้ฤกษ์ทำบุญขึ้นบ้านใหม่พร้อมกัน และตอนนี้ทุกคนก็ปิดเทอมกันเรียบร้อยแล้วด้วย อิฐและดินจึงถือโอกาสนี้ขึ้นบ้านใหม่ด้วยซะเลย
“เหลือแค่เสื้อผ้าอีกนิดหน่อยเองครับ ที่เหลือปั้นเก็บเสร็จหมดแล้ว” ข้าวปั้นหันมาบอกกับอิฐพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ เพราะเค้าจะไปนอนที่บ้านอิฐในช่วงที่ปิดเทอมนี้ด้วย เลยต้องเอาเสื้อผ้าไปเยอะหน่อย
“เมื่อคืนนอนคนเดียวเหงารึเปล่าครับ ฟอด!” อิฐเดินไปสวมกอดข้าวปั้นเอาไว้จากทางด้านหลังและถามขึ้นพร้อมกับหอมไปแก้มนุ่มที่เค้านอนคิดถึงเมื่อคืน
เมื่อคืนตัวเค้าเองไปนอนที่บ้านของสายน้ำเพื่อจัดเตรียมสถานที่และดูแลความเรียบร้อยต่างๆเพื่อวันนี้จะได้ไม่ยุ่งมาก แต่เค้าไม่ได้ให้ข้าวปั้นไปด้วยเนื่องจากน้องเพิ่งจะสอบเสร็จเมื่อสองวันก่อนนี่เอง เลยอยากให้น้องได้นอนพักผ่อนให้เต็มที่มากกว่า
“ฟอด! เหงามากเลยครับ แล้วก็คิดถึงพี่อิฐมากด้วย” ข้าวปั้นหันมาหอมแก้มของอิฐและตอบคนรักกลับไปอย่างเอาใจ
“หึๆ ปากหวาน” อิฐยกยิ้มขึ้นมานิดๆที่นับวันแฟนเด็กของเค้าจะยิ่งร้ายขึ้นทุกวัน
“อยากชิมหรือเปล่าครับว่าหวานแค่ไหน” ข้าวปั้นเอนตัวไปพิงที่อกของอิฐและเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับพูดเชิญชวนและเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อย
“เด็กแก่แดด จะทำให้พี่หลงไปถึงไหนครับ จ๊วบๆ” พูดจบอิฐก็ก้มลงไปใช้ริมฝีปากของตัวเองดูดและเลียไปที่ริมฝีปากบางของข้าวปั้นตามคำเชิญชวนทันที
“อ่าา...หวานจริงๆด้วยสิ พี่ชักจะติดใจแล้วสิครับ” อิฐพูดจบก็ก้มลงไปประกบปากกับน้องอีกรอบแต่ครั้งนี้เค้าใช้ลิ้นสอดแทรกเข้าไปด้านในและกวาดต้อนชิมความหวานไปจนทุกซอกทุกมุม
ข้าวปั้นเองก็หลับตาพริ้มลงด้วยความเคลิบเคลิ้มและหลงใหลในรสจูบที่คนพี่มอบให้ พร้อมกับใช้ลิ้นเล็กตวัดเกี่ยวพันหยอกล้อเล่นกับลิ้นหนาไปด้วย
มือหนาค่อยๆสอดเข้ามาในเสื้อของข้าวปั้นและลูบวนอยู่ที่หน้าท้องแบบราบ ส่วนอีกมือก็คอยประคองท้ายทอยของข้าวปั้นเอาไว้เพื่อปรับองศาไปตามทิศทางที่ตัวเองต้องการ
“อ่าา…แฮ่กๆ” พออิฐถอนจูบออกข้าวปั้นก็ถึงกับหอบเหนื่อย และสูดลมหายใจเข้าปอดของตัวเองอย่างเร็ว เพราะแค่เพียงครู่เดียวตัวเขาเองรู้สึกว่าถูกคนพี่สูบพลังงานชีวิตไปจนเกือบจะหมดแล้ว
“อยากให้พี่ชิมตรงไหนอีกมั้ยครับ พี่ยังอยากของหวานอยู่เลย” อิฐพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า พร้อมกับมือที่ยังวนลูบอยู่ที่หน้าท้องแบนราบของข้าวปั้นด้านในเสื้อไปด้วย
“เอาไว้ชิมวันอื่นได้รึเปล่าครับ เดี๋ยวจะช้าไปกันใหญ่” ข้าวปั้นพูดออกมาไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะตัวเองแท้ๆที่บังอาจไปเชิญชวนคนพี่ถึงได้มานั่งหมดแรงอยู่แบบนี้
“หึๆ อยากให้พี่ชิมตอนไหนก็บอกได้ตลอดนะครับ พี่พร้อมเสมอ จุ๊บ!” อิฐพูดบอกยิ้มๆและก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากบางของน้องที่ตอนนี้มันบวมเจ่อขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
...
“พี่ดินครับเดี๋ยวฟ้าขอแวะที่ร้านคาเฟ่ประจำของฟ้าก่อนได้รึเปล่าครับ ฟ้าอยากซื้อขนมเค้กไปฝากน้องๆแล้วก็ทุกคนน่ะครับ” ฟ้าครามหันไปถามดินเมื่อทั้งคู่เดินออกมาจากห้องประชุมกันแล้ว โดยมีมือของดินคอยโอบอยู่ที่เอวบางของฟ้าครามอยู่ตลอดเวลา
สถานะของคนทั้งคู่เป็นที่เปิดเผยและทุกคนในบริษัทก็รู้กันเป็นอย่างดี เพราะดินได้ให้ทางฝ่ายบุคคลแจ้งไปยังทุกแผนกว่าฟ้าครามมาทำงานที่นี่ในฐานะว่าที่คู่หมั้นของเขาและควบคู่กับตำแหน่งเลขาด้วย ซึ่งเป็นการตอกย้ำในสิ่งที่ทุกคนเคยสงสัยกันมาตลอด เพราะทุกคนจะรู้กันว่าท่านประธานเป็นคนเลือกเลขาให้กับคุณดินเองเลยกับมือ จึงทำให้ทุกคนให้ความเคารพและความร่วมมือกับฟ้าครามเป็นอย่างดีไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่ฟ้าครามร้องขอความร่วมมือออกไป
แต่ฟ้าครามเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าตำแหน่งว่าที่คู่หมั้นของตัวเองได้ถูกประกาศออกไปแล้วโดยท่านรองประธาน เจ้าตัวรู้แต่ว่าที่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกแผนกและทุกๆคนคงเป็นเพราะเค้าเป็นเลขาของดินนั่นเอง
“ได้สิครับ พี่ก็กำลังอยากดื่มกาแฟเข้มๆอยู่พอดีเลย” ดินตอบออกมายิ้มๆและเปิดประตูให้ฟ้าครามได้เดินเข้ามาในห้องก่อน
“เมื่อคืนพี่ดินนอนดึกเหรอครับ” ฟ้าครามเดินมานั่งลงที่ตักของดินอย่างว่าง่ายเมื่อดินอ้าแขนรอรับเค้าไว้อยู่แล้ว
“ก็พอสมควรครับ พี่ตรวจดูความเรียบร้อยอยู่น่ะครับ เดี๋ยวพอพรุ่งนี้ทำบุญบ้านเสร็จแล้ว วันอาทิตย์ฟ้าไปช่วยพี่เลือกดูเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านกับพี่นะครับ” ดินพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบที่แก้มใสของคนรักเบาๆอย่างทะนุถนอม
“ได้สิครับ มาครับเดี๋ยวฟ้านวดให้นะครับพี่ดินจะได้หายเครียด” ฟ้าตอบดินออกไปยิ้มๆและยกมือขึ้นมานวดขมับทั้งสองข้างให้กับดิน เพราะการประชุมที่เพิ่งผ่านมาเมื่อสักครู่ค่อนข้างที่จะเครียดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“สบายมั้ยครับ” พอนวดไปได้สักพักฟ้าครามก็ถามดินขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าที่ดีขึ้นของอีกคน
“ดีขึ้นเยอะเลยล่ะครับ ขอบคุณมากนะครับที่รัก จุ๊บ!” ดินพูดตอบกลับมายิ้มๆและจับมือของฟ้าครามไปจูบ
“ไปกันเลยมั้ยครับ จะได้ทันไปกินข้าวกับทุกคนด้วย” ฟ้าครามถามดินขึ้นมาเมื่อหันไปดูนาฬิกาบอกเวลาบ่าย 3 โมงครึ่งแล้ว
“ไปครับเดี๋ยวพี่ขอเก็บของ 5 นาทีนะครับ”
“เดี๋ยวฟ้าช่วยครับ” พูดจบฟ้าครามก็ลุกขึ้นมาจากตักของดินและเดินไปที่โต๊ะเพื่อเก็บของบนโต๊ะเข้าที่ให้เรียบร้อย ส่วนดินเองก็เก็บเอกสารสำคัญที่เขาต้องเอากลับไปดูลงกระเป๋า
ตลอดทางที่ดินและฟ้าครามเดินผ่านพนักงานทุกคนพากันหยุดเดินและไหว้ทำความเคารพและยังยิ้มเหมือนกับเขินอายอีกด้วย
“พี่ดินครับ ฟ้าขอถามอะไรอย่างได้รึเปล่าครับ” อยู่ๆฟ้าครามก็หยุดเดินเอาดื้อๆจนคนที่เดินกอดเอวบางอยู่จำต้องชะงักลงไปด้วย
“หืออ อะไรเหรอครับ เรื่องซีเรียสเหรอครับ ทำไมถึงทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับ” ดินพูดพร้อมกับจับจูงมือฟ้าครามให้มานั่งที่โซฟาในโซนล็อบบี้ของโรงแรม
“ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรหรอกครับ เพียงแต่ว่าฟ้าสงสัยมาสักพักหนึ่งแล้วน่ะครับฟ้าว่าจะถามพี่ดินหลายครั้งแล้วแต่ฟ้าก็ลืมทุกทีเลย”
“งั้นก็ถามมาได้เลยครับพี่พร้อมจะตอบแล้ว พี่ไม่มีอะไรต้องปิดบังฟ้าอยู่แล้ว” ดินพูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นเมื่อเห็นคิ้วที่เริ่มขมวดเป็นปมของคนรัก
“คือ...ฟ้าจะถามว่า ทำไมเวลาที่ฟ้าเดินผ่านพนักงานทุกคนขอย้ำว่าทุกคนเลยนะครับ ทำไมทุกคนต้องยกมือไหว้ฟ้าด้วยล่ะครับ ฟ้าไม่ได้หมายถึงตอนที่ฟ้าเดินมากับพี่ดินนะครับ แต่ฟ้าหมายถึงทุกๆตอนที่ฟ้าเดินไปไหนมาไหนคนเดียวด้วยทั้งๆที่ฟ้าก็อายุน้อยกว่าทุกคนอีก จะว่าเพราะว่าฟ้าเป็นเลขาของพี่ดินก็ไม่น่าจะใช่ แล้วไหนจะยังยิ้มที่ดูมีอะไรๆนั่นอีก” ฟ้าครามถามดินออกมาเป็นชุดด้วยความสงสัย และความสงสัยนี้ก็มีมาตั้งแต่เขาทั้งคู่กลับมาจากทะเลกันแล้ว
“หึๆ ก็ไม่เห็นน่าแปลกนี่ครับ ก็ฟ้าเป็นว่าที่คู่หมั้นของพี่นั่นก็เท่ากับว่าฟ้าเป็นเจ้าของที่นี่ส่วนหนึ่งด้วยเหมือนกัน ก็ไม่แปลกที่ทุกคนจะให้ความเคารพฟ้าเหมือนกับที่ให้ความเคารพพี่” ดินพูดอธิบายออกมาด้วยท่าทีนิ่งๆแต่ยังแอบอมยิ้มไว้อยู่
“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง ห๊ะ!!! อุ๊บ! พี่ดินว่ายังไงนะครับ ใครเป็นว่าที่คู่หมั้นนะครับฟ้าฟังไม่ถนัด” ฟ้าครามถึงกับอุทานออกมาเสียงดังก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองเอาไว้และกระซิบถามดินด้วยเสียงที่เบาผิดกับเมื่อครู่
“ฟังพี่ดีๆนะครับที่รัก” ดินพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาแนบไปที่แก้มทั้งสองข้างของฟ้าคราม ฟ้าครามก็พยักหน้าตอบหงึกๆ
“พี่ให้ทางฝ่ายบุคคลแจ้งไปให้ทุกแผนกและทุกคนได้ทราบกันหมดแล้วครับ ว่าฟ้าน่ะเป็นว่าที่คู่หมั้นของพี่และก็เป็นว่าที่ภรรยาของพี่ด้วย ทีนี้เข้าใจหรือยังครับว่าทำไมทุกคนถึงปฏิบัติกับฟ้าแบบนั้น” ดินถามขึ้นยิ้มๆเมื่ออีกคนดูจะตั้งใจฟังที่เค้าพูดทุกคำเป็นอย่างดี
“หืออ! ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ฟ้าครามถามดินออกมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างกว่าเดิม จนหลุดมาดเลขาของเค้าไปเลย ดินที่มองดูความน่ารักของแฟนตัวเองอยู่ถึงกับต้องอั้นหัวเราะเอาไว้
“ก็วันรุ่งขึ้นหลังจากที่พี่ขอฟ้าหมั้นนั่นแหละครับ เป็นยังไงครับรวดเร็วทันใจดีรึเปล่าครับ” ดินถามออกมายิ้มๆในขณะที่ฟ้าครามยังคงดูอึ้งๆกับความรวดเร็วของท่านรองประธานอยู่
พนักงานที่อยู่แถวนั้นถึงกับยืนบิดยืนม้วนตัวกันอยู่เป็นแถว เมื่อพวกเธอยืนดูตั้งแต่ท่านรองประธานเดินจูงมือว่าที่คู่หมั้นไปนั่งที่โซฟาแล้ว และยิ่งได้เห็นสายตาและรอยยิ้มที่ท่านรองฯส่งไปให้กับว่าที่คู่หมั้นแล้ว ก็ยิ่งพากันขวยเขินไปกันใหญ่อย่างกับว่าตัวเองเป็นว่าที่คู่หมั้นของท่านรองฯกันซะเองก็ไม่ปาน
เพราะปกติแล้วถ้าดินไม่ได้อยู่กับฟ้าครามก็จะไม่ค่อยมีใครได้เห็นท่านรองฯยิ้มหรืออยู่ในท่าทีสบายๆเท่าไหร่นัก พวกเธอจึงถือโอกาสนี้ได้ดูและได้เห็นท่านรองฯในมุมที่ต่างออกไปก็ตอนนี้นั่นเอง
“วันนี้พี่จะได้ดื่มกาแฟเข้มๆของพี่รึเปล่าครับเนี่ย” ดินถามคนที่ดูนั่งเหม่อจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่ และดูท่าว่าจะอีกนานหากเขาไม่ทักขึ้น
“ห๊ะ!! ครับ อ๋ออ..ไปครับไป” ฟ้าครามพอได้ยินดินถามขึ้นมาก็ได้สติขึ้นมาทันทีแต่ก็คงจะไม่เต็มร้อยมากนัก
“เด็กบ๊องตั้งสติก่อนดีมั้ยครับ เดี๋ยวก็เดินสะดุดขาตัวเองพอดี” ดินดีดไปที่หน้าผากของฟ้าครามเบาๆเพื่อเรียกสติ
“แหะๆ ครับๆ สติมาแล้วครับ ป่ะไปกันครับเดี๋ยวจะถึงบ้านน้องน้ำเย็นซะก่อน” ฟ้าครามพอดึงสติตัวเองกลับมาได้แล้วก็ลุกขึ้นและชวนดินทันที ดินก็ลุกขึ้นตามอย่างว่าง่ายและเดินโอบเอวของฟ้าครามเดินออกไป ทิ้งให้แต่พนักงานสาวๆที่คอยกรี๊ดตามหลังไปเมื่อเห็นช็อตที่ท่านรองฯดีดนิ้วไปที่หน้าผากของว่าที่คู่หมั้นและยิ้มออกมา ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ทำให้สาวๆที่อยู่แถวๆนั้นใจละลายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
…
“มากันแล้วเหรอวะ แล้วนั่นหอบอะไรกันมาเยอะแยะ” ไฟถามขึ้นพร้อมกับเดินไปช่วยรับของที่อยู่เต็มไม้เต็มมือของฟ้าครามไปด้วย
“เค้กกับขนมหวานน่ะครับ ฟ้าอยากเอาไว้ใส่บาตรและก็เลี้ยงพระพรุ่งนี้ตอนเช้าด้วย ขอบคุณครับ” ฟ้าครามบอกไฟออกไปและขอบคุณที่ไฟมาช่วยถือของให้
“ใช่ร้านที่พี่ฟ้าบอกว่าอร่อยมากแล้วก็เป็นร้านประจำของพี่ฟ้าใช่หรือเปล่าครับ” ออกัสที่เดินตามหลังไฟมาติดๆถามฟ้าครามขึ้นมา
“ใช่แล้วครับ พี่ซื้อมาฝากทุกคนด้วยนะครับอยู่ที่พี่ดินน่ะ” ฟ้าครามบอกออกัสออกไปเมื่อออกัสถามเค้าด้วยดวงตาที่เป็นประกายและเต็มไปด้วยความหวัง
“เก็บอาการหน่อยครับเมีย อยากกินขนาดนั้นเลยเหรอครับ ฟอด!” ไฟไม่วายหันไปแซวเมียตัวน้อยของตัวเอง และก้มลงไปหอมแก้มฟอดใหญ่ เมื่อเห็นอีกคนทำหน้าทำตาอ้อนฟ้าครามซะขนาดนั้น
“แหะๆ ก็พี่ฟ้าเล่นพูดให้ฟังทุกครั้งเลยนี่ครับ ว่าอร่อยอย่างนั้นอร่อยอย่างนี้แต่กัสยังไม่เคยมีโอกาสได้ชิมสักที”
“ไปครับงั้นเราไปช่วยกันเอาเค้กจัดใส่จานกันดีกว่าครับ จะได้มากินกัน” ฟ้าครามเอ่ยชวนออกัสให้เดินเข้าไปในครัวด้วยกันโดยมีดินและไฟเดินตามเข้าไปด้วย
“มาแล้วคร้าบบ เค้กที่อร่อยที่สุดในสามโลก” ออกัสเดินตามหลังไฟที่เดินถือถาดที่มีจานเค้กอยู่ และร้องบอกออกมาเมื่อเดินมาถึงสวนน้ำตกที่ทุกคนนั่งคุยกันอยู่
“ว้าวๆในที่สุดก็ได้กินสักที” สายน้ำที่อุ้มน้องของขวัญอยู่ก็รีบดีดตัวขึ้นทันทีจนวายุแทบจะช่วยประคองไม่ทัน
“เอิ้กๆๆๆ” น้องของขวัญที่คิดว่าแม่เล่นกับตัวเองก็หัวเราะชอบใจใหญ่ จนโชว์ฟันน้ำนม 2 ซี่ล่างที่ขึ้นแล้ว
ตอนนี้น้องของขวัญอายุได้ 6 เดือนนิดๆแล้ว และเริ่มมีฟันน้ำนมขึ้นมาให้เห็น 2 ซี่แล้วด้วย ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกคนในบ้านจะต้องระวังเป็นพิเศษเพราะว่าน้องของขวัญเริ่มลุกขึ้นนั่งเองได้แล้วแต่ยังคงต้องใช้มือช่วยค้ำยันไว้อยู่ หรือไม่บางทีที่เผลอๆน้องของขวัญก็จะใช้ตัวกลิ้งไปมาหรือใช้ก้นค่อยๆถูกระถัดไปเรื่อยๆเพื่อให้ตัวเองได้ไปถึงจุดหมายที่ได้หมายตาเอาไว้
ทุกคนคาดว่าอีกไม่นานคงจะได้ปวดหัวกันเป็นแน่ถ้าน้องของขวัญคลานหรือว่าเริ่มที่จะเดินได้แล้ว แต่ความปวดหัวนั้นก็นำมาซึ่งความสุขเช่นเดียวกัน เมื่อทุกคนได้เห็นพัฒนาการของหลานสาวตัวน้อยไปพร้อมๆกัน ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปไวขนาดนี้
“หืมม อร่อยมากเลยค่ะพี่ฟ้า เนื้อเค้กนุ่มแล้วก็หอมมากเลยค่ะ ครีมนี่ก็ละมุ้นละมุน อร่อยสมกับที่พี่ฟ้าคุยเอาไว้เลยค่ะ” เบลที่ได้ชิมเป็นคนแรกถึงกับร้องออกมาตาโตและทำหน้าฟินไปด้วย
“ใช่ครับนุ่มมากแล้วก็หอมมากด้วย อร่อยสมคำร่ำลือเลยครับ” ข้าวปั้นที่ได้ชิมแล้วก็หันมาบอกกับฟ้าครามสมทบกับเบลอีกที ซึ่งทั้งสายน้ำและออกัสก็ถึงกับพยักหน้าตามทันที โดยที่มือยังคงตักเค้กเข้าปากกันไม่หยุด จนฟ้าครามถึงกับยิ้มไม่ยอมหุบเมื่อเห็นว่าน้องๆชอบกัน
“เออ เย็นนี้ไม่ต้องกินมันแล้วข่งข้าวอะไรเนี่ย” เหนือพูดพร้อมกับส่ายหัวไปมายิ้มๆเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังเอ็นจอยอยู่กับเค้กตรงหน้า
“พี่กายลองชิมดูสิครับ อร่อยมากเลยนะครับ ไม่ค่อยหวานเท่าไหร่ด้วย” สายน้ำตักให้วายุได้ชิมคำเล็กๆขนาดพอดีคำ เพราะวายุนั้นไม่ค่อยชอบกินของหวานเท่าไหร่นัก แต่อะไรที่เมียตัวเองป้อนเขาก็พร้อมที่จะกินเหมือนกัน
“ไอ้นี่ก็เชื่องเกิ๊น เมียป้อนอะไรให้ก็กิน นี่ถ้าน้องน้ำให้ป้อนยาพิษให้กินมันคงได้ตายแบบไม่รู้ตัว” เหนือที่นั่งอยู่ข้างๆวายุพูดใส่วายุไม่ดังมากนักเพราะกลัวว่าสายน้ำจะได้ยินไปด้วย วายุก็ได้แต่หันไปทำตาดุใส่เพื่อนตัวเอง
“พี่เหนือลองชิมดูสิคะ อร่อยมากเลยนะคะ มาค่ะเดี๋ยวเบลป้อน” เบลพูดพร้อมกับเหนือที่รีบรับเค้กเข้าปากโดยทันที
“ฮ่าๆๆๆ” พอสิ้นสุดคำพูดของเบลทั้งดินและอิฐก็หัวเราะออกมาจนเสียงดังอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่ทันที โดยที่ทั้งคู่ตอนนี้ได้แต่นั่งหัวเราะหน้าดำหน้าแดง จนทุกคนถึงกับงงงวยกันไปหมดว่าทั้งดินและอิฐจะหัวเราะอะไรกันนักหนา
จะมีก็แต่วายุที่ยกยิ้มมุมปากขึ้นหน่อยๆและหันไปหอมแก้มลูกสาวตัวน้อยในอ้อมกอดที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามลุงทั้งสองคนไปด้วย
ส่วนเหนือนั้นก็ได้แต่มองค้อนไปที่เพื่อนและรุ่นน้องทั้งสองคนอย่างแค้นๆแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“พี่อิฐหัวเราะอะไรกันเหรอครับ” ข้าวปั้นหันมาถามอิฐที่นั่งหัวเราะอยู่ด้านหลังของตัวเองด้วยความสงสัย
“เปล่าหรอกครับ พี่กับเฮียนั่งดูหนังที่พระเอกกำลังกินยาพิษฆ่าตัวตายอยู่น่ะครับแต่มันหักมุมไปหน่อยเลยขำน่ะครับ ใช่มั้ยเฮีย” อิฐพูดอธิบายให้ข้าวปั้นฟังและหันไปถามดิน
“เออๆใช่ๆกูนี่โคตรขำเลยว่ะ เสือกปากดีซะด้วย ฮ่าๆๆ” ดินพูดออกมาแต่ก็ยังคงหัวเราะอยู่ ข้าวปั้นกับทุกคนก็พยักหน้าตามอิฐและดินอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก และพร้อมใจกันหันกลับไปกินเค้กในจานของตัวเองกันต่อ
…
เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนพร้อมใจกันตื่นขึ้นมาแต่เช้า โดยที่พ่อกับแม่ของดินและอิฐรวมทั้งพ่อกับแม่ของฟ้าครามและข้าวปั้นก็มาถึงกันแล้วแต่เช้าด้วยเช่นกัน ส่วนป๊าม๊าของหินผาและสายน้ำก็มาด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อคืนหินผาไปนอนค้างที่บ้านมาจึงลองเอ่ยชวนดูเพราะท่านทั้งคู่ก็คุ้นเคยกับดินและอิฐเป็นอย่างดี
พ่อแม่ของทุกๆคนนั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะใหญ่ที่ดินและอิฐจัดไว้ให้ โดยที่พ่อแม่ของทุกคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว ด้วยแวดวงธุรกิจที่ค่อนข้างเจอกันที่งานบ่อยๆโชคดีที่บ้านของทั้งดินและอิฐปลูกติดกัน ไม่เหมือนกับบ้านของไฟที่ปลูกอยู่อีกด้านถัดไปจากบ้านของวายุ จึงทำให้ง่ายต่อการจัดสถานที่ให้ผู้ใหญ่ได้นั่งคุยกันโดยที่ไม่ต้องแยกกันไปคนละฝั่ง
พอได้เวลาฤกษ์งามยามดี บ้านทั้งสองหลังก็ทำพิธีพร้อมๆกันโดยที่พ่อและแม่ของแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปที่บ้านของลูกๆตนเอง ส่วนเพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันไปด้วยเหมือนกัน โดยที่สายน้ำ เบล ออกัส วาริ และข้าวปั้นนั้นจะมาอยู่ที่บ้านของอิฐ ส่วนวายุ ไฟ เหนือ หินผาและฟ้าคราม จะมาอยู่ที่บ้านของดินกัน
ต่อจากนั้นทั้งดินและอิฐเองก็ได้ให้พ่อของตัวเองทั้งสองคนเป็นคนถือพระพุทธรูปเข้าไปไว้ที่หิ้งพระประจำบ้าน โดยให้คนที่เหลือเดินตามเข้าไป จากนั้นก็ถวายดอกไม้ จุดธูป เทียน และไหว้พระพุทธรูปเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย
จนกระทั่งพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่และพิธีเข้าบ้านใหม่เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ทุกคนก็มารวมตัวกันรับประทานอาหารตรงโต๊ะที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ โดยมีแม่ครัวและคนงานที่บ้านของวายุและไฟมาคอยช่วยกัน
“เดี๋ยวเย็นนี้พ่อกับแม่ต้องบินกลับแล้วนะจ๊ะ มาอยู่ที่นี่ได้เกือบจะอาทิตย์แล้ว แม่เป็นห่วงทางนู้นเลยอยากรีบกลับ ส่วนฤกษ์หมั้นเดี๋ยวแม่ของหนูฟ้าจะเป็นคนหาดูให้ แล้วเดี๋ยวถ้าได้ฤกษ์มาเมื่อไหร่พ่อกับแม่จะบินขึ้นมาคุยเรื่องงานหมั้นกันอีกทีนะ” แม่ของดินเอ่ยขึ้นกับลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ของตัวเอง หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ..จะลำบากคุณลุงกับคุณป้ารึเปล่าครับ บินไปบินมาเหนื่อยแย่เลย” ฟ้าครามพูดขึ้นมาอย่างเกรงใจ
“ไม่ลำบากเลยจ้ะหนูฟ้าเมื่อก่อนตอนที่ดินยังไม่ได้เข้ามาบริหารงานที่โรงแรม พ่อกับแม่บินถี่ยิ่งกว่านี้หลายเท่าค่ะ เรียกว่าบินจนแทบจะเป็นหุ้นส่วนของสายการบินไปแล้วก็ว่าได้ แค่นี้เองจิ๊บๆมาก แล้วก็เลิกเรียกว่าคุณลุงคุณป้าได้แล้วนะคะ ต้องเปลี่ยนเป็นเรียกพ่อกับแม่เหมือนพี่ดินได้แล้วนะ” แม่ของดินพูดขึ้นยิ้มๆอย่างนึกเอ็นดูว่าที่ลูกสะใภ้
“ครับคุณพ่อคุณแม่ ขอบคุณนะครับที่เอ็นดูฟ้า แล้วก็ทำให้ฟ้าได้มาเจอกับพี่ดินด้วย” ฟ้าครามพูดพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณพ่อและแม่ของดิน
“ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากนะครับ ที่ยอมให้ฟ้ามาช่วยงานผมที่บริษัทแล้วก็อนุญาตให้น้องได้หมั้นกับผมด้วย ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลฟ้าอย่างดีครับ” ดินเองก็หันไปยกมือไหว้ขอบคุณพ่อกับแม่ของฟ้าครามด้วยเหมือนกัน
“ถ้าดินรับปากแบบนี้พ่อเองก็สบายใจ เพราะก็เหลือแต่เจ้าฟ้านี่แหละที่พ่อยังเป็นห่วงอยู่ พอมีดินมาคอยดูแลให้พ่อกับแม่ก็พลอยหมดห่วง” พ่อของฟ้าครามพูดขึ้นยิ้มๆ และมองไปที่ลูกชายคนเล็กของตัวเอง
ฟ้าครามเองก็ลุกขึ้นไปนั่งระหว่างกลางของพ่อกับแม่และกอดท่านทั้งสองเอาไว้ ซึ่งเป็นภาพที่ดูอบอุ่นและทำให้ทุกคนถึงกับต้องยิ้มตาม
“แม่กลับก่อนนะลูก พ่อกับแม่ฝากน้องด้วยนะอิฐน้องยังเด็กอยู่ทำอะไรอาจจะยังไม่ทันได้คิดหรือยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปบ้างอิฐก็อย่าถือสาน้องหรือโกรธน้องเลยนะ” แม่ของข้าวปั้นพูดขึ้นหลังจากที่อิฐและข้าวปั้นเดินมาส่งที่รถ โดยที่พ่อและแม่ของอิฐขอตัวกลับไปก่อนหน้านี้ได้สักพักแล้ว เพราะว่าวันนี้ทั้งคู่ต้องไปต้อนรับลูกค้า VIP ที่บริษัทเรือสำราญ
“ครับคุณแม่ผมจะดูแลน้องอย่างดีให้สมกับคุณพ่อและคุณแม่ไว้ใจให้ผมได้เป็นคนดูแลน้องครับ” อิฐพูดขึ้นและหันไปยิ้มให้กับข้าวปั้น
“ขอบใจตาอิฐมากนะ พ่อกับแม่ต้องไปก่อนนะพ่อฝากดูน้องด้วยล่ะ” พ่อของข้าวปั้นพูดขึ้นมาและตบไปที่ไหล่ของอิฐเบาๆ พ่อของข้าวปั้นเองก็รู้ตัวดีว่าตนและภรรยานั้นไม่ค่อยจะได้มีเวลาให้กับลูกสักเท่าไหร่ ด้วยธุรกิจที่ต้องบินไปบินมาระหว่างประเทศบ่อยๆ แต่ถือว่าข้าวปั้นนั้นโชคดีมากที่ได้มาเจอกับอิฐคนหนุ่มที่อนาคตดีและมีความก้าวหน้า และยังเป็นถึงว่าที่ประธานบริหารของห้างดังอีกด้วย
“ขอให้พ่อกับแม่เดินทางปลอดภัยนะครับ แล้วก็ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วย ปั้นรักพ่อกับแม่นะครับ ฟอดๆ” ข้าวปั้นพูดพร้อมกับเดินเข้าไปกอดและหอมพ่อกับแม่ของตัวเองเอาไว้ ก่อนที่ท่านทั้งสองจะขึ้นรถที่มีคนขับยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ไปครับเราเข้าไปดูบ้านของเรากันครับว่ายังขาดเหลืออะไรอยู่บ้าง พรุ่งนี้จะได้ไปดูซื้อเฟอร์นิเจอร์กับของใช้ที่จำเป็นพร้อมกับเฮียเลย” อิฐพูดชวนข้าวปั้นเข้าไปในบ้านและเดินโอบเอวบางไปตลอดทาง ข้าวปั้นเองก็ตอบรับและส่งยิ้มหวานไปให้กับอิฐด้วยเช่นเดียวกัน
Comments (0)