25 ตอน โดนเด็กขอจีบ
โดย Beloved_Moouan
“พี่นพครับ นี่นัทครับ เป็นรุ่นน้องที่มหา'ลัยแล้วก็อยู่กลุ่มเดียวกันกับผม” พอทุกคนนั่งที่กันหมดแล้วอิฐก็แนะนำให้เลขาของตัวเองได้รู้จักกับรุ่นน้อง โดยเจ้าตัวยังดันให้นัทเข้าไปนั่งด้านในซึ่งเป็นฝั่งตรงกันข้ามกับนพพรอีกด้วย
“สวัสดีครับ” นัทเอ่ยทักออกไปก่อนพร้อมกับก้มหัวให้เล็กน้อยด้วยหน้าตานิ่งๆ ตามแบบฉบับของตัวเอง
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” นพพรหันไปทักทายนัทที่มองมายังตนอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็เพียงแว๊บเดียวเท่านั้น เพราะเค้ารู้สึกเหมือนกับว่าสายตาที่อีกคนจ้องมองมานั้นมันสามารถทำให้เค้าไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย
รุ่นน้องของเจ้านายเค้าคนนี้ถือว่าเป็นคนที่หล่อจัดมาก หน้าคมคิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ผิวก็ขาวจัดเผลอๆอาจจะขาวกว่าเค้าซะด้วยซ้ำไป แถมตัวก็ยังสูงใหญ่พอๆกันกับเจ้านายของเค้าอีกด้วย คนอะไรจะหล่อเพอร์เฟคได้ขนาดนี้ กลุ่มของเจ้านายเค้านี่คัดหน้าตากันรึยังไงกันนะ ยิ่งคิดคิ้วของนพพรก็ยิ่งขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
นัทที่นั่งมองนพพรอยู่ไม่วางตาก็ได้ยกยิ้มขึ้นมานิดๆที่มุมปาก เค้ารู้สึกชะตาแล้วก็รู้สึกถูกใจคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก หน้าตาของนพพรไม่ได้ออกไปทางหวานปนสวยเหมือนกับพี่สายน้ำรุ่นพี่ของเค้า และก็ไม่ได้ดูหวานเหมือนวาริกับข้าวปั้นเพื่อนและรุ่นน้องของเค้าด้วย แต่คนตรงหน้าเค้านี้มีหน้าตาที่จะว่าหล่อก็หล่อจะว่าสวยก็สวยออกไปทางติดหวานนิดๆ เหมือนออกไปแนวเกาหลีมากกว่าทำให้มองแล้วดูไม่น่าเบื่อดี ส่วนรูปร่างนั้นน่าจะสูงกว่าข้าวปั้นนิดหน่อย รูปร่างสมส่วนดูเต็มไม้เต็มมือดี
“ไอ้นัทมึงจะนั่งมองเลขากูอีกนานมั้ย นั่งจ้องอยู่แบบนั้นวันนี้มันจะอิ่มมั้ยวะ” อิฐอดที่จะหันมาว่ารุ่นน้องไม่ได้ เพราะนัทเล่นนั่งจ้องนพพรตาแทบจะไม่กะพริบเลย ทำให้นพพรถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว นัทก็ได้แต่ยักไหล่ตอบอิฐไปและก้มลงมาดูเมนูในมือต่อ
นพพรเห็นดังนั้นถึงกับลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นึกขอบคุณเจ้านายของตัวเองอยู่ในใจ คนอะไรแค่นั่งมองเค้าเฉยๆก็ทำให้เค้าใจสั่นได้ถึงขนาดนี้แล้ว
“พี่นพสั่งได้เลยนะครับ นานๆจะได้มากินด้วยกันสักที ไอ้นัทมึงสั่งเลยนะไม่ต้องเกรงใจ” อิฐหันไปบอกทั้งสองคนและหันช่วยข้าวปั้นดูเมนูอาหารต่อ
พอทุกคนสั่งอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะนพพรกับข้าวปั้นที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีตามที่อิฐได้คาดการณ์เอาไว้
“มึงเอาจริง” อิฐหันมาถามรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างๆกันเสียงเบาไม่ให้สองคนที่กำลังคุยกันเม้าท์กันอยู่อย่างเมามันได้ยิน
“พี่เคยเห็นผมสนใจใครรึไง” นัทถามอิฐกลับไปโดยที่อิฐก็ได้แต่พยักหน้าตอบ ซึ่งเป็นอันเข้าใจกันดี
เพราะรุ่นน้องของเค้าคนนี้ไม่ค่อยจะสนใจใครสักเท่าไหร่นัก นอกจากเพื่อนๆและพี่ๆในกลุ่มด้วยกันเอง ออกจะดูเงียบๆไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครซะด้วยซ้ำไป ดูเผินๆบุคลิกจะคล้ายๆกับวายุเพียงแต่ว่าดูจะไม่เย็นชาเท่า
อิฐคิดว่าถ้านพพรจะมีใครสักคนเข้ามาดูแล เค้าก็คิดว่านัทนี่แหละที่นพพรสามารถที่จะพึ่งพาได้ เพราะนัทนั้นดูมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวไม่เหมือนเพื่อนในกลุ่มอีกคนหนึ่งที่ยังดูเหมือนเด็กนั่นก็คือขนมพายนั่นเอง นัทมีกิจการเป็นของตัวเองตั้งแต่อายุ 18 ปี คือคอนโดและสนามแข่งรถแบบถูกกฎหมาย เจ้าตัวใช้เงินมรดกที่ได้จากย่าที่เสียไปแล้วมอบไว้ให้มาสร้างและลงทุนทำเองทั้งหมด เจ้าตัวจึงสามารถดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องแบมือขอเงินที่บ้านมานานแล้ว
ระหว่างทานข้าวก็มีบ้างที่นัทนั้นจะคอยมองนพพรและตักอาหารให้บ้างเวลาที่นพพรเอื้อมไม่ถึง แต่ก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะตัวนัทเองก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรอยู่แล้ว
ส่วนข้าวปั้นเองก็คอยมองสองคนนี้อยู่ยิ้มๆจากที่อิฐได้แอบกระซิบบอกไปว่านัทชอบเละจะจีบนพพร ซึ่งอิฐเองก็ยังไม่รู้เลยว่ารุ่นน้องของเค้าคนนี้นั้นจะลงมือจีบเลขาของเค้านั้นด้วยวิธีไหน เพราะอีกคนหนึ่งก็ไม่ค่อยพูดส่วนอีกคนก็ดูท่าจะเกร็งๆและกลัวอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน เพราะถ้านัทนั่งอยู่เฉยๆหน้านิ่งๆนั้นหน้าจะออกไปในแนวดุมากกว่า
หลังจากที่ทุกคนอิ่มกันเรียบร้อยแล้วอิฐก็เรียกให้พนักงานมาคิดเงิน และพอจ่ายเงินเสร็จต่างคนต่างก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากร้านนั้นนัทก็กำลังตัดสินใจที่จะต้องทำอะไรบางอย่างอยู่
“เดี๋ยวครับ หมับ!” แล้วก็ไวเท่าความคิด เพราะก่อนที่นพพรจะเดินแยกออกไปอีกทางก็ถูกมือใหญ่ของนัทจับไปที่ข้อมือเล็กเอาไว้
“เอ่อ...งั้นเดี๋ยวปั้นขอตัวไปดูหนังสือก่อนนะครับ แล้วเจอกันข้างบนนะครับพี่นพ” พอข้าวปั้นพูดจบก็เดินจูงมือของอิฐชิ่งหนีออกไปทันที ทิ้งให้นพพรยืนอ้าปากค้างอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มลงมามองที่ข้อมือของตนที่ถูกมือใหญ่ของอีกคนจับไว้อยู่
“เอ่อ..น้องนัทมีอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ” นพพรถามออกไปพร้อมกับพยายามบิดข้อมือของตัวเองให้ออกมาจากการจับกุมของอีกฝ่าย เพราะเค้ารู้สึกว่าหัวใจของตัวเองนั้นมันดูเต้นเร็วและแรงผิดปกติเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมที่จ้องมองมาที่เค้าอยู่ ‘จะมาเป็นโรคหัวใจตอนนี้ไม่ได้น่ะโว้ยไอ้นพ’ นพพรได้แต่โอดครวญอยู่คนเดียวในใจ
“เราไปหาที่นั่งคุยกันสัก 10 นาทีได้มั้ยครับ” นัทถามนพพรออกไป และก็ยอมปล่อยมือออกจากข้อมือของอีกคนแต่โดยดี
“เอ่อ..คือว่านี่มันก็เลยเวลาเข้างานมาสักพักแล้ว พี่เกรงว่ามันจะสายไปมากกว่านี้น่ะครับ มันจะดูไม่ดี” นพพรยกนาฬิกาที่ข้อมือมาดูและบอกกับนัทออกไปตามความเป็นจริง
“งั้นเราขึ้นไปคุยกันข้างบนก็ได้ครับ ถ้าใครถามก็บอกว่าผมเป็นแขกของพี่อิฐก็ได้ เดี๋ยวผมส่งไลน์ไปบอกกับพี่อิฐเอาไว้เอง ไปกันครับ” นัทพูดจบก็เดินจูงมือนพพรออกไปทันที โดยที่คนที่ถูกจูงยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย เพราะอีกคนเล่นพูดเองเออเองคนเดียวเสร็จสรรพเลย
ระหว่างทางที่เดินมานัทก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากมือของนพพร นพพรได้แต่ก้มมองมือใหญ่ที่จับกุมมือของเค้าเอาไว้อยู่ นานแค่ไหนแล้วนะที่เค้าไม่เคยได้รู้สึกถึงความอบอุ่นแบบนี้
“เอ่อ ขอโทษนะครับ เราต้องขึ้นลิฟต์ตัวไหนเหรอครับ” นัทที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่รู้ทาง จึงหันมาถามนพพรจึงได้เห็นว่าอีกคนกำลังมองไปที่มือของเค้าและของตัวเองอยู่
“อ๋อ…เอ่อทางนี้เลยครับ” นพพรได้ทีเลยถือโอกาสค่อยๆดึงมือของตัวเองออกมา และเป็นคนเดินนำนัทออกไปอย่างเร็ว
“หึๆ คิดว่าจะหนีพ้นเหรอครับ” นัทได้แต่ยกยิ้มขำกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของอีกคน ที่ดูเหมือนสติจะไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ในตอนนี้
“พี่อิฐว่าพี่นัทจะจีบพี่นพสำเร็จรึเปล่าครับ” ข้าวปั้นถามอิฐขึ้นมาระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินไปที่ร้านหนังสือกัน
“คนอย่างไอ้นัทถ้ามันคิดจะทำอะไรแล้วมันไม่เคยพลาดหรือปล่อยให้หลุดมือไปหรอกครับ” อิฐตอบออกไปและยกมือขึ้นมาลูบผมแฟนเด็กของตัวเองอย่างเบามือ ช่างเป็นภาพที่น่าอิจฉาของสาวๆที่อยู่บริเวณนั้นที่มองดูคนทั้งคู่อยู่ เพราะร้อยวันพันปีอิฐไม่เคยที่จะลงมาเดินให้ใครได้เห็นเลย จะมีก็แต่วันนี้นี่แหละที่ทุกคนได้เห็นว่าที่ท่านประธานได้ชัดๆเต็มๆสักที
“พี่อิฐครับ ปั้นขอทั้งสองเล่มเลยได้มั้ยครับ ปั้นเลือกไม่ถูกอ่ะ” ข้าวปั้นถือหนังสือนิยายแปลอยู่ในมือไว้ข้างละเล่มและพลิกกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะหันมาถามอิฐ
อิฐเองก็ถึงกลับอยากจะกลอกตามองบนซะเหลือเกิน เพราะข้าวปั้นถามเค้าแบบนี้มาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ จนตอนนี้หนังสือที่ข้าวปั้นบอกว่าเลือกไม่ถูกนั้นได้มาอยู่ในตะกร้าที่เค้าถืออยู่จนเต็มและหนักไปหมดแล้ว
“ได้ครับ แต่ว่าสองเล่มนี้ต้องเป็นสองเล่มสุดท้ายแล้วนะครับ ตะกร้าไม่มีที่จะใส่แล้วครับปั้นเห็นมั้ย เอาไว้ปั้นอ่านหนังสือในตะกร้านี่หมดแล้ว เราค่อยมาดูกันใหม่นะครับ แค่นี้ปั้นก็อ่านได้หลายวันแล้ว” อิฐบอกคนที่ยืนยิ้มแหยอยู่ด้วยน้ำเสียงที่น่าฟังและอ่อนโยน จนพนักงานในร้านที่ยืนแอบมองคนทั้งคู่อยู่ใกล้ๆได้แต่ยืนบิดตัวไปมาราวกับว่าอิฐนั้นได้พูดกับตัวเองก็ไม่ปาน
“แฮร่ๆ ขอโทษนะครับปั้นเลือกเพลินไปหน่อย พี่อิฐหนักแย่เลย ไปครับไปคิดเงินกันดีกว่าพี่อิฐจะได้รีบขึ้นไปทำงานเน๊าะ” ข้าวปั้นพูดเสร็จก็เดินกอดหนังสือสองเล่มที่อยู่ในมือเดินนำอิฐไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
“น้องนัทมีอะไรจะคุยกับพี่เหรอครับ” เมื่อทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นที่นพพรทำงานและเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะกันแล้ว นพพรก็หันไปถามนัททันที
“ผมขอจีบพี่นพได้มั้ยครับ ผมชอบพี่นพชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลยก็ว่าได้” ทันทีที่ได้ยินนพพรถามออกมานัทก็ตอบออกไปตามตรงกับที่ใจเค้าคิด เพราะตัวเค้าเองก็ไม่เคยจีบใครมาก่อนเหมือนกัน จึงไม่รู้ว่ามันจะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ก็เลยตัดสินใจบอกออกมาตรงๆโต้งๆแบบนี้นี่แหละ ที่ผ่านมาชีวิตของนัทนั้นมีแต่เรียนแล้วก็งานเท่านั้น ยิ่งสามปีหลังมานี้เค้าทุ่มเทเวลาให้กับงานเพียงอย่างเดียวเลย และตัวเค้าเองไม่เคยคิดที่จะสนใจเรื่องรักๆใคร่ๆมาก่อนเลยจนได้มาเจอกับนพพรนี่แหละ
“หืออ…ดะ เดี๋ยวนะครับ ตะ แต่ว่าน้องนัทอายุน้อยกว่าพี่ตั้งสามปีเลยนะครับ” นพพรถึงกับนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ก่อนที่จะหาเสียงของตัวเองเจอ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมาโดนเด็กขอจีบ
“มีกฎหมายข้อไหนระบุไว้เหรอครับ ว่าห้ามเด็กจีบหรือว่าชอบคนที่มีอายุมากกว่า” นัทถามออกมาด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ ไม่เหมือนกับคนที่กำลังจะจีบอีกคนอยู่เลย
“แต่ว่าน้องนัทยังเด็กอยู่เลย น้องนัทยังมีโอกาสที่เจอคนที่ดี ยังมีโอกาสเจอคนที่อาจจะใช่หรือเหมาะสมกับน้องนัทมากกว่าพี่ก็ได้นะครับ” นพพรพูดออกมาโดยไม่กล้าที่จะสบตากับดวงตาคมกริบที่กำลังจ้องมองมาทางเค้าอยู่
เมื่อตอนระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟอยู่นั้น เค้าได้ยินอิฐถามถึงกิจการของนัทที่มีทั้งคอนโดพี่เพิ่งเปิดตัวใหม่และยังจะสนามแข่งรถนั่นอีก ซึ่งพอหันกลับมาดูตัวเองเค้าเองเป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนธรรมดาๆแค่นั้นเอง มันไม่มีอะไรเหมาะสมหรือเทียบกันได้เลยทั้งเรื่องอายุแล้วก็เรื่องฐานะ ถึงแม้ว่าตัวเค้าเองจะรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับคนตรงหน้านี้ก็ตามที
“พี่นพตอบคำถามผมสักข้อได้มั้ยครับ” นัทถามคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ ส่วนนพพรเองก็พยักหน้ารับเป็นการตอบ
“พี่นพรังเกียจผมมั้ยครับเวลาที่ผมเข้าใกล้พี่แบบนี้” นัทถามออกมาและเดินขยับตัวเข้ามาจนตัวแทบจะติดกับนพพรที่ถอยหลังไปจนชนกับขอบโต๊ะแล้ว
นพพรถึงกับใจเต้นสั่นระรัวทั้งเร็วและแรงจนเกรงว่าอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง เมื่ออีกคนขยับตัวเข้ามาใกล้จนแทบจะชิดกันอยู่แล้ว มันใกล้ซะจนเค้าเองได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของอีกคน
“ว่ายังไงล่ะครับหรือว่าพี่นพรังเกียจผม” นัทยังคงเร่งเร้าเอาคำตอบเมื่อเห็นว่าอีกคนดูนิ่งไป เค้ามั่นใจว่าอีกคนน่าจะมีใจตรงกันกับเค้าบ้างไม่มากก็น้อย ดูได้จากสายตาที่สั่นไหวเวลาที่ต้องมองสบตาเค้า
“ไม่นะครับ พี่ไม่ได้รังเกียจนัทนะครับ เพียงแต่ว่าพี่คิดว่า....” นพพรรีบตอบออกไปอย่างเร็วเมื่ออีกคนทำท่าว่าจะคิดไปเองว่าโดนเค้ารังเกียจ แต่เจ้าตัวก็ยังคงอ้ำๆอึ้งๆอยู่เมื่อกำลังคิดว่าตัวเองนั้นดูไม่เหมาะสมกับอีกคนเอาซะเลย
“หึๆ งั้นก็ตามนี้นะครับ ตกลงว่าผมจะเริ่มจีบพี่ตั้งแต่วันนี้ แล้วก็เดี๋ยวนี้เป็นต้นไปเลย ส่วนเรื่องอายุหรือเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้พี่ต้องคิดมากอยู่ตอนนี้ ผมขอให้พี่เลิกคิดไปก่อนจะได้มั้ยครับ ขอให้พี่รู้ไว้แค่ว่าผมไม่ได้ต้องการอะไรจากพี่ ผมมีครบทุกอย่างหมดแล้ว จะขาดก็แค่อย่างเดียวคือคนที่จะมายืนเคียงข้างกันและคนที่จะเข้ามาทำให้ผมมีความสุข ซึ่งผมคิดว่าคนคนนั้นน่าจะเป็นพี่
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงได้มั่นใจว่าจะต้องเป็นพี่นักล่ะก็ ผมคงจะตอบได้แค่ว่ามันเป็นไปตามความรู้สึกและสัญชาตญาณของผมเองล้วนๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจได้อย่างหนึ่งก็คือ เพราะพี่เป็นเลขาของพี่อิฐ” นัทพูดออกมาเสียยืดยาวจนเค้าก็คิดว่านี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตของเค้าเลยก็ว่าได้ที่เค้าพูดออกมาได้ยืดยาวซะขนาดนี้ เค้าเพิ่งจะเข้าใจพี่วายุก็ตอนนี้นี่เอง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่พี่เป็นเลขาของคุณอิฐด้วยล่ะครับ” พอฟังมาถึงตรงนี้นพพรก็ถึงกับงงและเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอดเอาไว้ไม่อยู่
“ก็เพราะถ้าพี่อิฐเป็นคนที่เลือกพี่มาด้วยตัวเอง นั่นก็ย่อมหมายความว่าพี่มีดีพอแล้วน่ะสิครับ เพราะคนอย่างพี่อิฐใช่ว่าจะทำงานกับใครก็ได้” นัทตอบออกไปยิ้มๆและมันก็เป็นยิ้มแรกที่นพพรได้เห็น ซึ่งพอคนตรงหน้าของเค้ายิ้มออกมาแล้วมันยิ่งดูมีเสน่ห์และยิ่งทำให้หล่อมากขึ้นไปอีก
“เอาเป็นว่าพี่นพยอมให้ผมจีบแล้วนะครับ แล้วตอนนี้ผมก็ขอโทรศัพท์ของพี่ด้วยครับ” นัทเป็นฝ่ายพูดสรุปขึ้นมาเองอีกรอบ เมื่อเห็นว่าอีกคนยังคงก้มหน้านิ่งอยู่ และใบหน้านั้นก็เริ่มที่จะขึ้นสีให้ได้เห็นแล้วด้วย แสดงว่าเค้ายังพอที่จะมีหวังอยู่ใช่มั้ย
“น้องนัทจะเอาไปทำอะไรเหรอครับ” นพพรถามออกไปแต่มือก็ล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของตัวเองไปแล้ว
พอได้โทรศัพท์ของอีกคนมาอยู่ในมือแล้วนัทไม่ตอบอะไรกลับมา ได้แต่ก้มหน้าก้มตากดอะไรยุ๊กยิ๊กอยู่กับโทรศัทพ์ของนพพร โดยนพพรเองก็เขย่งเท้าและชะโงกหน้ามาดูด้วยเหมือนกันอย่างลืมตัว
นัทถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อนพพรชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นตัวหอมและกลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูของอีกคน
“ตัวพี่หอมจังนะครับ” อยู่ๆนัทก็พูดขึ้นมาหน้าตาเฉย ทำให้นพพรถึงกับชะงักไปในทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นอยู่ใกล้กับอีกคนมากแค่ไหน
“เอ่อ..พี่ขอตัวทำงานก่อนนะครับ น้องนัทตามสบายเลยครับ หรือว่าถ้าจะรอคุณอิฐก็นั่งรอตรงนั้นได้เลยนะครับ” นพพรรีบพูดและถอยตัวออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับชี้ไปที่โซฟาที่อยู่ถัดไปอีกด้านให้นัทได้เดินไปนั่ง
นัทเองก็ไม่พูดตอบอะไรออกมาได้แต่ยกยิ้มมุมปาก เมื่อรู้ว่าอีกคนกำลังเขินเค้าอย่างหนักถึงขนาดหยิบจับอะไรไม่ค่อยถูกและดูรนไปหมด แถมหน้าใสๆนั้นยังดูแดงมากขึ้นไปอีก
“เสร็จแล้วครับ ถ้าผมโทรหรือไลน์มาหาพี่ รบกวนรับหรือตอบผมด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะตามถึงที่เลย” นัทส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้กับนพพรและพูดขู่ออกมายิ้มๆ นพพรก็ได้แต่ก้มหน้าและพยักหน้าตอบรับเพียงอย่างเดียว ‘เด็กบ้าอะไรทั้งรุกเร็วทั้งทำให้เขินเก่งแถมยังขู่เก่งอีกต่างหาก นี่หัวใจเค้าจะรับไหวมั้ยเนี่ย’ นพพรได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจ
“พี่อิฐครับ เมื่อไหร่พี่อิฐจะกลับขึ้นไปทำงานซะทีล่ะครับ นี่ปั้นเดินจนจะรอบห้างแล้วนะครับ ปั้นเมื่อยมากแล้วด้วยอยากอ่านหนังสือแล้ว” ข้าวปั้นพูดออกมาหน้างอเมื่ออิฐพาเค้าเดินมาจนจะชั่วโมงหนึ่งได้แล้ว
เหตุผลที่อิฐต้องพาข้าวปั้นเดินนานขนาดนี้นั่นก็เป็นเพราะไอ้รุ่นน้องตัวดีมันดันส่งข้อความมาหาเค้า และบอกว่าขอเวลาทำคะแนนและขอเวลาจีบนพพรสักชั่วโมงก่อนแล้วเค้าค่อยขึ้นไป เลยทำให้เค้าต้องมาเดินขาลากอยู่แบบนี้นั่นเอง
“ครับๆขึ้นเดี๋ยวนี้แหละครับ เมื่อยมากมั้ยครับเดี๋ยวคืนนี้พี่นวดให้เน๊าะแถมนาบให้ด้วยเลย” ประโยคท้ายอิฐก้มลงมากระซิบกับข้าวปั้นเบาๆแถมยังเป่าลมใส่ใบหูของข้าวปั้นอีกด้วย
“พี่อิฐทะลึ่ง พี่อิฐคนหื่น ปั้นไม่คุยด้วยแล้ว” ข้าวปั้นกัดฟันพูดว่าอิฐออกมาเบาๆให้ได้ยินกันสองคนก่อนที่จะเดินหนีอิฐไป อิฐก็ได้แต่ยกยิ้มและเดินตามแฟนเด็กของตัวเองไปติดๆ
หลังจากที่นัทขอตัวกลับไปก่อนเพราะเห็นว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปดูที่สนามแข่งรถ นพพรก็มานั่งคิดทบทวนกับคำพูดของนัทที่พูดกับเค้า หรือว่าเค้าควรให้โอกาสกับตัวเองดีนะ นพพรได้แต่คิดกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น
จนเจ้าตัวนึกขึ้นได้ว่าอีกคนทำอะไรกับมือถือของตัวเอง คิดได้ดังนั้นนพพรจึงหยิบมือถือขึ้นมาและเปิดดูไปเรื่อยๆจนพบว่าอีกคนนั้นแอดไลน์ แอดเฟส แอดไอจี และรวมทั้งทวิตเตอร์ของเค้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
พอนพพรเปิดไปดูที่รายชื่อและบันทึกการโทรเข้าออกก็พบว่าอีกคนก็ทำการเมมชื่อไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน โดยชื่อที่เมมไว้นั้นคือ
‘ว่าที่แฟนของนพ’ นั่นเอง
พอเห็นดังนั้นหน้าของนพพรก็เริ่มที่จะร้อนและแดงขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเขินอาย เด็กอะไรขยันทำให้เค้าเขินได้ขนาดนี้
Comments (0)