3 ตอน เลขาคนใหม่
โดย Beloved_Moouan
“สวัสดีค่ะ คุณภูวดล” ระหว่างทางที่ดินเดินเข้ามาในโรงแรมพนักงานที่เดินผ่านมาก็ได้หยุดและยกมือขึ้นไหว้กล่าวสวัสดีรองประธานคนใหม่ที่เพิ่งถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่ผ่านมานี่เอง โดยที่ดินนั้นได้เข้ามาทำงานเต็มตัวตั้งแต่ปีที่แล้วตั้งแต่ตอนที่ฝึกงาน
ชายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยบุคลิกที่ดูสง่างามและดูน่าเกรงขามผิดกับตอนที่อยู่กับเพื่อนๆและน้องๆอย่างสิ้นเชิง ดินได้แต่พยักหน้ารับไหว้พนักงานทุกคนที่สวัสดีเค้า และเดินตรงเข้าไปในลิฟท์ที่มีไว้สำหรับผู้บริหารเท่านั้น
“สวัสดีค่ะ คุณดิน” เจนเนตรเลขาชั่วคราวของดินลุกขึ้นจากโต๊ะมาทักทายทันทีที่เห็นดินเดินมา
“วันนี้จะมีเลขาที่คุณพิมพ์ทองหามาให้เข้ามาแนะนำตัวและก็เริ่มทำงานในวันพรุ่งนี้นะคะ” ทันทีที่ดินเปิดประตูและเข้ามานั่งที่นั่งเก้าอี้เจนเนตรเลขาของแม่เค้าที่ถูกยืมตัวมาก็เข้ามารายงานทันที
“ครับ แล้ววันนี้ผมมีประชุมกี่โมง” ดินตอบรับและถามขึ้นมามือก็เปิดดูเอกสารบนโต๊ะดูไปด้วย ใจจริงเค้าอยากที่จะเลือกเลขาเองมากกว่า แต่ติดที่แม่ของเค้าได้ขอไว้ว่าขอเลือกเองนี่สิ เค้าก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันก็เลยปล่อยเลยตามเลยเพราะเค้าเองก็ไม่อยากที่จะขัดใจแม่อยู่แล้วถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
“วันนี้คุณดินมีประชุมตอน 10 โมงเช้าค่ะ และเลขาจะเข้ามาแนะนำตัวตอนบ่ายโมงครึ่งค่ะ” เจนเนตรพูดจบดินก็พยักหน้าเข้าใจด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เจนเนตรจึงขอตัวออกไปจัดเตรียมเอกสารการประชุมต่อ ส่วนดินก็นั่งดูเอกสารที่เค้าต้องเซ็นต่อเพราะเมื่อวานเค้ากลับบ้านเร็วเพื่อที่จะไปหาน้องของขวัญหลานสาวตัวน้อยของเค้า
ดินยกยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงหลานสาวตัวน้อยที่ตอนนี้กลายเป็นขวัญใจของลุงๆ ไปแล้ว แถมยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ลุงๆโดดงานกันเป็นว่าเล่นเพื่อที่จะไปเล่นด้วย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คุณดินคะได้เวลาเข้าประชุมแล้วค่ะ” เจนเนตรเดินเข้ามาบอกเมื่อใกล้จะได้เวลาประชุมแล้ว
“ครับ” ดินตอบรับและวางปากกาในมือลงทันทีพร้อมกับลุกขึ้นยืนและดึงกระชับสูทของตัวเองให้เข้าที่ หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางที่สง่าและมั่นใจ
การประชุมล่วงเลยมาจนถึงเวลาเกือบจะบ่ายโมง เพราะเป็นการประชุมสรุปเรื่องโปรโมชั่นที่จะทำการโปรโมทก่อนที่จะถึงช่วงไฮซีซั่นและยังมีบางรายการที่ยังสรุปและตกลงกันไม่ลงตัวทำให้จากที่คิดว่าจะประชุมกันไม่นานเท่าไหร่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้กินเวลาไปเกือบจะ 3 ชั่วโมงแล้ว
“คุณดินจะรับอาหารกลางวันเลยมั้ยคะ ดิฉันจะได้สั่งให้เลย” เจนเนตรถามเจ้านายขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาในห้องเพราะนี่ก็เกือบจะบ่ายโมงครึ่งแล้ว
“เอาไว้ก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวเลขาคนใหม่จะมาแล้วใช่มั้ยครับ ถ้าเค้ามาแล้วก็ให้เข้ามาได้เลยนะครับ” ดินพูดขึ้นเมื่อเหลือบไปดูนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกเป็นเวลาบ่ายโมงยี่สิบแล้ว
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อเจนเนตรขอตัวออกไปแล้วดินก็ยกมือขึ้นมาใช้นิ้วคลึงนวดไปที่ระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้าง เพราะการประชุมที่เพิ่งผ่านมานั้นเล่นกินแรงสมองเค้าไปมากอยู่ทีเดียว
“สวัสดีค่ะ คุณนภดลใช่มั้ยคะ” เจนเนตรที่เห็นมีคนเดินตรงเข้ามาหาเธอก็เอ่ยทักขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ประชาสัมพันธ์ด้านล่างได้โทรมาแจ้งเธอไว้ก่อนแล้ว
เธอมองพิจารณาผู้ชายตรงหน้าอย่างละเอียดและรวดเร็วตามประสบการณ์ของเธอ ผู้ชายหรืออาจจะเป็นผู้หญิงในร่างผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอนั้นจัดว่าสวยมาก ผู้ชายอะไรจะหน้าสวยได้ถึงเพียงนี้ เจนเนตรรีบสะบัดไล่ความคิดตัวเองทันทีที่รู้ตัวว่าเริ่มคิดจินตนาการไปไกลแล้ว
“สวัสดีครับผมนภดล โชติบรมกานต์ ครับ” ฟ้าครามเอ่ยแนะนำตัว
“ค่ะ งั้นเชิญทางนี้เลยนะคะ คุณภูวดลรอพบอยู่ค่ะ” เจนเนตรผายมือและเดินนำไปที่ห้องที่มีป้ายติดไว้ว่ารองประธาน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ขออนุญาตค่ะ คุณดิน เอ่อคุณดินคะ” พอเจนเนตรเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเจ้านายของเธอนั้นนั่งหลับตาพิงอยู่บนเก้าอี้อยู่
ฟ้าครามได้แต่มองผู้ชายตรงหน้าที่นั่งหลับตาอยู่ นี่หรือลูกชายของคุณลุงคุณป้าที่เค้านับถือ ฟ้าครามมองใบหน้าหล่อของดินด้วยใจที่เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้ชายตรงหน้าเค้าจัดว่าหล่อมากเลยทีเดียวถึงจะไม่เท่ากับนายแบบหรือดาราบางคนที่เคยมาตามจีบเค้าก็ตามที แต่คนตรงหน้าของเค้านั้นดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ฟ้าครามมองพิจารณาสันกรามที่ขึ้นให้เห็นชัดเมื่อใบหน้านั้นแหงนขึ้นเล็กน้อยเพื่อพิงที่เก้าอี้ แต่แล้วก็ต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อคนตรงหน้าเริ่มขยับตัวและกำลังจะลืมตาขึ้นมาเค้าจึงรีบไปยืนหลบอยู่ด้านหลังของเจนเนตรซึ่งก็บังเค้าได้เกือบจะทั้งตัวเลยทีเดียว
“มาแล้วเหรอครับ ขอโทษทีนะครับผมพักสายตาเพลินไปหน่อย” ดินรู้สึกตัวตั้งแต่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องแล้วแต่เค้ารู้สึกตาลายเลยหลับตาต่ออีกสักพัก เค้าพูดพร้อมกับใช้นิ้วเรียวยาวนวดคลึงไปที่หัวคิ้วทั้งสองข้าง
“คุณดินเป็นอะไรรึเปล่าคะ” เจนเนตรเห็นอย่างนั้นจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับแค่ตาลายนิดหน่อย คุณเจนไปทานข้าวได้เลยนะครับไม่ต้องรอผม” ดินหันไปตอบเจนเนตรโดยที่ยังไม่ทันได้สังเกตคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเจนเนตร
“ได้ค่ะคุณดิน แล้วก็นี่คุณนภดลเลขาของคุณดินค่ะ” เจนเนตรเบี่ยงตัวเองมายืนหลบด้านข้างทำให้ดินเห็นคนที่เจนเนตรแนะนำได้ชัดขึ้น ดินชะงักไปนิดหนึ่งก่อนที่จะดึงสติตัวเองให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับ ผมนภดล โชติบรมกานต์ครับ” ฟ้าครามพูดสวัสดีและยกมือขึ้นไหว้อย่างเกร็งๆ
“เชิญนั่งก่อนครับ” ดินผายมือให้คนตรงหน้านั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเค้า เค้ารู้สึกใจเต้นแปลกๆ เมื่อคนตรงหน้าเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ทำให้เค้าเห็นหน้าได้ชัดขึ้น ทางด้านฟ้าครามเองก็แทบจะไม่กล้ามองหรือสู้สายตาคมกริบคู่นั้นที่จ้องมองมาได้เลย
ดินสะบัดหัวเบาๆเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา
“เอ่อคุณ...”
“เรียกผมว่าฟ้าครามหรือว่าฟ้าอย่างเดียวก็ได้นะครับถ้าคุณภูวดลไม่ถือ” ฟ้าครามเอ่ยบอกอีกคนออกไปเมื่ออีกคนทำท่าอยากจะถามชื่อเล่นของเค้า
“ครับคุณฟ้า เรียกผมว่าดินอย่างที่คุณเจนเนตรเรียกก็ได้นะครับจะได้สะดวก” ดินพูดด้วยท่าทางที่สุภาพแต่ยังคงวางสีหน้าเรียบนิ่งเอาไว้ ฟ้าครามเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เห็นคุณแม่บอกว่าคุณเพิ่งจบมาจากประเทศอังกฤษและเพิ่งบินกลับมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง และผมก็อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงสนใจที่จะทำงานเลขาทั้งๆที่บ้านของคุณก็มีกิจการให้ต้องดูแลอยู่แล้ว” ดินถามออกไปด้วยท่าทีนิ่งๆไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์อะไรมากนัก
“ครับผมเพิ่งเรียนจบมาครับแล้วก็จบก่อนหนึ่งปีด้วย ตอนแรกคือกะว่าอยากเรียนให้จบเร็วๆเพื่อที่จะได้พักผ่อนอยู่เฉยๆ หรือหาอะไรทำสักหนึ่งปีก่อนค่อยเข้าไปช่วยพี่สาวกับพี่ชายน่ะครับ แต่พอดีว่าคุณลุงกับคุณป้าเอ่อท่านประธานและภรรยาของท่านน่ะครับทราบเรื่องเข้าเลยขอผมให้มาช่วยเป็นเลขาให้คุณดิน เพราะท่านเห็นว่าผมจบด้านนี้มาโดยตรงน่ะครับ และอีกอย่างท่านก็อยากหาคนที่ไว้ใจได้มาดูแลคุณดินด้วยครับ” ฟ้าครามพูดความจริงทั้งหมดให้ดินฟังโดยที่ไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าจะทำงานด้วยกันก็ต้องเริ่มจากการไม่พูดโกหกกันถึงจะถูก ทางด้านดินก็ได้แต่พยักหน้าตาม
“แล้วการที่คุณต้องมาทำงานที่คุณไม่ได้เลือกเองคุณอึดอัดหรือไม่ได้เต็มใจรึเปล่าครับ เพราะถ้าหากคุณอึดอัดหรือไม่เต็มใจผมจะเป็นคนคุณกับคุณพ่อคุณแม่ให้เองโดยไม่ให้เดือดร้อนมาถึงคุณ” ฟ้าครามส่ายหน้าเป็นพัลวันทันทีที่ดินพูดจบ จนดินนึกเอ็นดูกับท่าทางน่ารักนั่น ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าของเค้านั้นจะวางตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่ได้รับมากเพียงใดแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักนั้นหายไปเลยสักนิดเดียว
“ไม่เลยครับผมเต็มใจและก็ไม่ได้อึดอัดเลยครับที่จะต้องมาทำงานที่นี่ ตอนแรกที่คิดไว้ว่าอยากจะอยู่เฉยๆสักหนึ่งปีก่อนแต่พอมาคิดๆดูแล้วคงจะน่าเบื่อน่าดู หากได้งานที่ดีที่ตรงมากับสาขาที่เรียนมาเลยก็ยิ่งดีครับ ส่วนงานของที่บ้านก็มีพี่สาวกับพี่ชายคอยดูให้อยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาอะไรครับ ผมจะทำงานที่ไหนก็ได้” ฟ้าครามตอบออกมายิ้มๆหากได้งานที่ดีและเจ้านายที่หล่อดูดีและมีเสน่ห์มากขนาดนี้มีเหรอที่เค้าจะปฏิเสธถึงแม้ว่าตอนแรกจะอิดออดอยู่บ้างก็ตามที ฟ้าครามได้แต่คิดอยู่ในใจอยู่คนเดียว
ดินนั่งมองหน้าคนที่นั่งยิ้มอยู่กับตัวเองอย่างพิจารณา ผู้ชายตรงหน้าของเค้านั้นจัดอยู่ในประเภทที่สวยมาก ใช่ฟังไม่ผิดสวยมากจริงๆ ถ้าผมยาวกว่านี้อีกสักหน่อยหรือเอาวิกผมยาวมาใส่นี่คงจะคิดว่าเป็นดาราหรือนางแบบด้วยซ้ำไป ดินไล่มองไปตั้งแต่ผิวที่ขาวอมชมพูที่ดูเนียนและนุ่มตามแบบฉบับของคนที่มีสุขภาพดี ใบหน้าของคนตรงหน้าของเค้านั้นใสจนเห็นเลือดฝาด สายตาคมไล่มองไปยังคิ้วที่โก่งและเข้มได้รูป ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนนั้นเรียวยาวตามด้วยขนตาที่ออกไปทางงอนและยาว จมูกโด่งรั้นกำลังพอดี ไหนจะยังปากรูปกระจับสีสดน่าจับมาจูบนั่นอีก พอคิดมาถึงตรงนี้ดินก็สะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดที่เริ่มเตลิดออกไปโดยเร็ว มึงเป็นอะไรไปวะไอ้ดินมึงไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนี่หว่า
ไม่บ่อยนักที่เค้าจะเสียอาการมากขนาดนี้ เค้าจำได้ว่าไอ้อาการแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นตอนที่เค้าเจอน้องสายน้ำแฟนของไอ้วายุเพื่อนสนิทของเค้าครั้งแรก แต่นั่นก็แค่เอ็นดูที่น้องนั้นดูน่ารักและมีใบหน้าที่หวานกว่าผู้หญิงเสียอีก แต่กับคนตรงหน้าเค้านี้มันไม่ใช่ เพราะคนตรงหน้าของเค้านั้นดูสวยและดูมีเสน่ห์ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยแค่นั่งพูดคุยกันเฉยๆแค่นั้นเอง เค้าคิดว่าเค้าคงจะเจอคนที่ใช่เข้าแล้วล่ะ
หลังจากที่ทั้งคู่ดึงสติตัวเองกลับมายังปัจจุบันกันได้แล้ว ก็นั่งคุยกันต่อไปสักพักโดยส่วนมากก็จะเป็นวิธีการและระบบการทำงานของดินที่ฟ้าครามต้องรู้ ส่วนในเรื่องของรายละเอียดของงานนั้นฟ้าครามจะต้องมาเรียนรู้จากเจนเนตรอีกทีหนึ่ง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คุณดินคะ จะให้ดิฉันสั่งข้าวให้เลยมั้ยคะนี่ก็บ่ายสองครึ่งแล้วเมื่อเช้าคุณดินก็ไม่ได้ทานอะไรเลยนอกจากกาแฟดำแก้วเดียว” เจนเนตรเคาะประตูเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่เธอกลับมาจากทานข้าวแล้ว
“นี่คุณดินยังไม่ได้ทานข้าวหรอกเหรอครับ” ฟ้าครามหันมาถามดินทันทีอย่างลืมตัว มิน่าถึงได้ตาลายและนั่งหลับตาตอนที่เค้าเดินเข้ามาในห้องตอนแรก
“บ่ายนี้มีอะไรด่วนมั้ยครับ ถ้าไม่มีผมว่าจะกลับเลยแล้วเดี๋ยวจะหาอะไรกินข้างนอกเลย” ดินหันไปถามเจนเนตรโดยไม่ได้ตอบคำถามของฟ้าครามที่นั่งคิ้วขมวดอยู่
“บ่ายนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะคุณดิน งานด่วนคุณดินก็เซ็นให้หมดแล้วเมื่อเช้า ถ้าคุณดินจะกลับก็กลับได้เลยนะคะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ งั้นผมคงจะกลับเลยว่าจะแวะไปหาเพื่อนด้วย”
“ฟ้าทานข้าวมารึยังครับ” ฟ้าครามถึงกับชะงักไปนิดหนึ่งที่ดินเรียกชื่อเค้าโดยที่ไม่มีคุณนำหน้าเหมือนอย่างตอนแรก จนเค้ารู้สึกว่าหน้าเริ่มที่จะร้อน ดินก็ได้แต่ยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกคน
“อะ เอ่อยังครับ แต่ว่าฟ้าเอ๊ยผมทานอะไรรองท้องมาบ้างแล้วครับ” ยิ่งได้มองสบตาคู่คมที่ฉายแววขี้เล่นถ้าเค้าดูไม่ผิด ฟ้าครามก็ยิ่งพูดและทำตัวไม่ถูก คนอะไรเปลี่ยนโหมดได้ไวชะมัดเมื่อกี๊ยังสวมบทบาทเป็นเจ้านายมาดนิ่งอยู่เลย แถมยังมาเรียกชื่อเค้าเฉยๆให้หัวใจเต้นเล่นไปอีก
“งั้นฟ้าไปทานข้าวพร้อมกับพี่เลยนะครับ พี่จะได้มีเพื่อนทานข้าวด้วย” ดินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนผิดกับตอนแรกๆที่นั่งคุยกันเมื่อกี๊ที่ดูเป็นการเป็นงาน
“คะ คุณดินว่าอะไรนะครับเมื่อกี๊ผมฟังไม่ถนัด” ฟ้าครามถึงกับหูอื้อตาลายไปหมดเมื่อได้ยินประโยคเมื่อกี๊ นี่เพิ่งผ่านไปแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ แต่ว่าคนตรงหน้าของเค้านั้นทำให้เค้านั้นหัวใจเต้นแรงและหน้าขึ้นสีไปได้หลายครั้งแล้ว
“พี่บอกว่าฟ้าไปทานข้าวด้วยกันกับพี่นะครับ แล้วพี่ก็ขอเรียกฟ้าว่าฟ้าเฉยๆและแทนตัวเองว่าพี่นะครับยังไงเราก็คนกันเองทั้งนั้น แล้วก็อีกอย่างเราจะได้สนิทกันเร็วๆ เพราะเราคงต้องทำงานด้วยกันไปอีกนาน” หรืออาจจะตลอดชีวิต ดินได้แต่คิดในใจอยู่คนเดียวยิ้มๆ
“ได้ครับคุณดิน” ฟ้าครามตอบออกไปอย่างลอยๆตอนนี้สมองเค้าเบลอไปหมดแล้วเมื่อดินยื่นหน้าเข้ามาใกล้และบอกเค้าเน้นย้ำชัดเจนทุกคำ
“พี่ดินครับ ไม่ใช่คุณดิน”
“อะไรนะครับ”
“หึๆ ไหนลองเรียกสิครับ พี่ดิน” ดินนั่งเอามือเท้าคางและรอฟังคงตรงหน้าเรียกเค้าอย่างใจเย็น แม้ว่าคนสวยตรงหน้าของเค้านั้นจะดูสติหลุดไปแล้วก็ตาม
“เอ่อ พะ พี่ดิน” ฟ้าครามที่เรียกชื่อคนตรงหน้าออกมาอย่างเขินๆด้วยใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีชมพูระเรื่อ นี่เค้าควรจะถอนตัวออกจากการเป็นเลขาดีมั้ยเนี่ย เค้าคิดว่าเค้าอาจจะหัวใจวายตายไปซะก่อนที่จะได้เริ่มงานในวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้
“ดีมากครับ งั้นไปกันครับพี่หิวจนตาลายไปหมดแล้ว” ดินพูดจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จนฟ้าครามถึงกับตะลึงงัน เพราะดินนั้นสูงมากเมื่อเทียบกับเค้าถึงแม้เค้าจะสูงถึง 170 ตามมาตรฐานชายไทยก็ตาม
ฟ้าครามเดินตามหลังคนตัวใหญ่ที่มีส่วนสูงน่าจะเฉียดๆ 190 ซม.เลยทีเดียว ท่าทางการเดินนั้นดูสง่างามอกผายไหล่ผึ่งบวกกับรูปร่างที่ดูดีสมส่วน ไหนจะแผ่นหลังกับไหล่ที่ดูกว้างนั่นอีก
ปึก!!
“โอ๊ย!!”
“หืออ!!” ดินหันหลังกลับมามองทันทีเมื่อฟ้าครามเดินชนกลางหลังเค้าเข้าเต็มๆ เมื่อเค้าเดินมาหยุดอยู่หน้าลิฟต์
“เป็นอะไรมั้ยครับ” ดินดึงมือฟ้าครามที่จับจมูกรั้นไว้อยู่ให้ออก และก้มลงไปดูที่จมูกแดงๆนั่นจนหน้าเค้าห่างกับหน้าของฟ้าครามแค่คืบเท่านั้น
“เอ่อ ไม่เป็นผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ขอโทษคุณดินด้วยนะครับที่เดินไม่ระวังและไม่ทันดู” ฟ้าครามรีบถอยออกมาทันทีเมื่อตั้งสติตัวเองได้แล้ว เพราะหัวใจเค้ามันเต้นแรงจนจะหลุดออกมาให้ได้ทีเดียว
“เมื่อกี๊เรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” ดินยืดตัวตรงเต็มความสูงอีกครั้งที่ฟ้าครามเรียกเค้าว่าคุณและถามด้วยน้ำเสียงติดนิ่ง
“เอ่อขอโทษครับพี่ดินพอดีผมยังไม่ชิน” ฟ้าครามพูดขึ้นเสียงอ่อยๆคนอะไรเอาแต่ใจชะมัดแถมยังเปลี่ยนอารมณ์เร็วอีกต่างหาก
ส่วนดินเองก็รู้สึกหงุดหงิดตัวเองอยู่เหมือนกันที่อยู่ๆก็กลายเป็นคนงี่เง่าขึ้นมาซะอย่างนั้นทั้งๆที่เค้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“พี่ขอโทษนะครับ พี่คงเริ่มที่จะโมโหหิวแล้วล่ะ พี่ว่าเรารีบไปหาอะไรทานกันดีกว่า” ดินพูดจบก็ยื่นมือไปกดลิฟต์พร้อมกับพยายามที่จะปรับอารมณ์ตัวเองให้คงที่ไปด้วย ฟ้าครามเองก็ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังกว้างอยู่อย่างนั้น
….
“ลมอะไรหอบมึงมาถึงที่นี่ได้วะ ไม่ทำงานทำการหรือไง” หินผาถามเพื่อนสนิทที่อยู่ๆก็โผล่มาหาเค้าที่บริษัทแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ทำเสร็จแล้ว” ดินตอบหินผาออกไปพร้อมกับยักไหล่ไปให้เพื่อน
“กูถามอะไรมึงหน่อยดิวะ”
“ถามอะไรวะ ดูท่าทางซีเรียส”
“ตอนที่มึงเจอน้องวาครั้งแรกมึงรู้สึกยังไงวะ แล้วมึงรู้ได้ยังไงวะว่าน้องวาคือคนที่ใช่สำหรับมึง” ทีแรกดินกะว่าจะไปหาวายุเพื่อถามเรื่องนี้ แต่พอคิดไปคิดมาบริษัทของหินผาอยู่ใกล้กว่าโรงแรมของวายุ เค้าเลยเลือกที่จะมาปรึกษาเพื่อนคนนี้แทน เพราะกรณีของวายุและหินผานั้นคล้ายกันคือเจอคนที่ใช่และจีบเลยโดยไม่ยอมปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดมือไป
หินผาพอได้ฟังเพื่อนพูดถึงกับต้องเงยหน้าและวางปากกาที่จับไว้และเปลี่ยนมาเป็นกอดอกและเอนตัวไปกับเก้าอี้พร้อมหรี่ตามองเพื่อนแทน
“มึงเจอแล้วเหรอวะ” หินผาถามเพื่อนออกมาพร้อมกับยิ้ม
“กูก็ไม่แน่ใจว่ะกูถึงได้มาหามึงนี่ไง”
“ตอนที่กูเจอน้องวาครั้งแรกกูรู้สึกเหมือนกับว่าโลกมันหยุดหมุนได้ว่ะ เหมือนกับว่าที่ตรงนั้นมีแค่กูกับน้องอยู่กันแค่สองคน กูรู้สึกอยากหยุดเวลาไว้เพื่อที่อยากจะทำความรู้จักและพูดคุยกับน้องให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ กูรู้สึกไม่อยากที่จะละสายตาไปจากใบหน้าของน้องอยากที่จะจ้องมองอยู่ตลอดเวลา กูก็ไม่รู้ว่ะว่ามันจะต้องรู้สึกยังไงแต่ที่กูรู้ก็คือกูอยากให้คนคนนี้เข้ามาอยู่ในชีวิตของกูนับจากวินาทีที่เราเจอกัน กูอยากครอบครองทั้งตัวและหัวใจของน้อง สายตามึงจะไม่สามารถมองใครได้อีกเลยถ้ามึงได้เจอคนคนนั้นแล้ว ความรู้สึกของเรามันจะบอกเราเองเมื่อถึงเวลานั้น” หินผาพูดพร้อมกับยิ้มไปด้วยเมื่อนึกถึงคู่หมั้นตัวน้อยของตัวเอง
ดินได้แต่นั่งเงียบและคิดตามในสิ่งที่เพื่อนพูด ใช่นับจากวินาทีแรกที่เค้าได้เห็นฟ้าครามมันเหมือนกับว่าทุกอย่างรอบตัวมันหยุดหมุนไปหมดจนกระทั่งเค้าต้องดึงสติตัวเองกลับมา ใช่เค้ารู้สึกอยากให้คนคนนี้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเค้านับตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เค้าอยากที่จะครอบครองตรงหน้าของเค้าในตอนนั้นไปทั้งตัวและคงจะรวมถึงหัวใจด้วย ความรู้สึกเค้ามันบอกแบบนั้นจริงๆ
Comments (0)