24 ตอน เลขาคนสวย
โดย Beloved_Moouan
“พร้อมหรือยังครับ” อิฐถามข้าวปั้นขึ้นมาเมื่อตอนนี้เค้าขับรถเข้ามาจอดอยู่ตรงที่จอดรถของผู้บริหารของห้างแล้ว
“แป๊บนะครับ ขอปั้นตั้งสติแป๊บนะครับ” ข้าวปั้นตอบออกไปพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกความมั่นใจและสติให้กับตัวเอง
“หึๆ เรามาที่ทำงานพี่นะครับไม่ได้ไปออกรบที่ไหน” อิฐยิ้มขำและเอ็นดูให้กับท่าทางของอีกคนที่ดูท่าจะตื่นเต้นเสียเหลือเกิน
เมื่อคืนน้องก็ถามถึงพ่อกับแม่ของเค้าไม่ขาดปาก ว่าท่านเป็นยังไงบ้างใจดีมั้ยดุมั้ย ชอบอะไรไม่ชอบอะไร ถึงแม้จะว่าเคยเจอกันแล้วตอนงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่แต่ก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากเพียงแค่ทักทายกันปกติเท่านั้น เพราะด้วยความที่ทุกคนยุ่งๆกันอยู่ และวันนั้นเองพ่อกับแม่ของอิฐก็รีบกลับอีกด้วย
“จุ๊บ! ไปกันได้แล้วครับไม่มีอะไรหรอกครับเชื่อพี่” อิฐจับหน้าข้าวปั้นให้หันมาทางเค้าและกดจูบไปที่ริมฝีปากบางเป็นการให้กำลังใจ ข้าวปั้นเองก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้ารับ
พอทั้งคู่เดินเข้ามาในห้าง รปภ.ก็ทำความเคารพตามปกติ ตลอดทางที่อิฐและข้าวปั้นเดินมาก็มีแต่คนมองมาตลอดทาง อิฐก็ได้แต่ส่งสายตาคมดุออกไปเป็นการปรามไปในตัวโดยที่ข้าวปั้นเองก็ไม่รู้
วันนี้อิฐอยู่ในชุดสูททำงานเต็มยศเพราะช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมทำให้เค้าต้องเข้ามาทำงานทุกวัน ด้วยความที่อิฐเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่เหมือนพ่อ พอมาใส่ชุดนี้แล้วจึงดูดีและดูน่าเกรงขามและดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ถึงแม้บางคนจะไม่ใช่พนักงานของเค้าโดยตรงแต่ต่อไปเค้าก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจหรืออนุมัติว่าจะให้ร้านค้าไหนที่เหมาะจะอยู่ต่อหรือจะต้องไปจากที่นี่ จึงทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเอาเรื่องของเค้าไปพูดมากนัก เพราะห้างของเค้านั้นไม่ได้เซ็นสัญญาในระยะยาวนั่นเอง
“เดี๋ยวตอนกลางวันเราไปทานข้าวกับพ่อและแม่ของพี่นะครับ ท่านอยากคุยกับว่าที่ลูกสะใภ้ของท่านครับ เมื่อวันทำบุญขึ้นบ้านใหม่ท่านต้องรีบกลับเลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก” อิฐหันมาบอกกับข้าวปั้นเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาในลิฟต์สำหรับผู้บริหารแล้ว
“ครับ ปั้นยังไงก็ได้ครับปั้นแล้วแต่พี่อิฐเลย” ข้าวปั้นยิ้มและบอกอิฐออกกลับไป
“สวัสดีครับคุณอิฐ คุณข้าวปั้น” นพพรเลขาของอิฐลุกขึ้นทักทายเจ้านายที่อายุน้อยกว่าและทักทายแฟนของเจ้านายทันทีที่เห็นทั้งคู่เดินมา
“เอ่อ สวัสดีครับ ไม่ต้องเรียกปั้นว่าคุณก็ได้นะครับ มันดูทะแม่งๆยังไงก็ไม่รู้ครับปั้นไม่ชิน เรียกปั้นว่าปั้นเฉยๆก็ได้ครับ” ข้าวปั้นพูดออกมายิ้มๆซึ่งอิฐก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ได้ครับ งั้นผมขอเรียกว่าน้องปั้นได้มั้ยครับคุณอิฐ” นพพรหันมาถามอิฐก่อนเพราะว่ากลัวจะมีปัญหาตามมาทีหลัง
“ได้สิไม่มีปัญหา ปั้นครับนี่พี่นพพร หรือเรียกสั้นๆว่าพี่นพก็ได้ครับ พี่นพเป็นเลขาของพี่” อิฐแนะนำเลขาของตัวเองให้ข้าวปั้นได้รู้จัก เพราะอีกหน่อยข้าวปั้นอาจจะต้องมาที่นี่บ่อยๆจึงต้องให้รู้จักและสนิทสนมกันไว้เพื่อนพพรจะได้เป็นหูเป็นตาแทนเค้าด้วย
นพพรเป็นรุ่นพี่เค้าสองปี ก็เท่ากับว่ารุ่นเดียวกันกับกลุ่มของวายุนั่นเอง นพพรนั้นเข้ามาทำงานกับเค้าได้ปีกว่าแล้วเริ่มตั้งแต่เค้าเข้ามาฝึกงาน เค้าและนพพรทำงานเข้าขากันได้ดีคุยกันได้เหมือนพี่น้องและรู้สึกถูกชะตาด้วยจึงรับเข้ามาทำงานต่อเลย ซึ่งนพพรก็ไม่ทำให้อิฐต้องผิดหวังเพราะเลขาของเค้าคนนี้ไม่ว่าเค้าต้องการอะไรหรือสั่งอะไรออกไปก็ไม่เคยทำให้เค้าต้องผิดหวังเลยสักครั้ง
“ทำไมเลขาของพี่อิฐเป็นผู้ชายล่ะครับ ปั้นคิดว่าจะเป็นเลขาสาวๆสวยๆหุ่นอึ๋มๆซะอีก นี่ปั้นเตรียมรับมือมาเต็มที่เลยนะครับเนี่ย” ข้าวปั้นพูดออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเข้ามาในห้องกับอิฐแล้ว
“หึๆ ดูละครมากไปเหรอเราน่ะ” อิฐเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองและพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหัวไปมายิ้มๆ
“แหะๆ สงสัยมั้งครับ จะว่าไปหน้าพี่เค้าก็ดูจะออกไปทางหวานๆสวยๆมากกว่าหล่อนะครับเนี่ย อย่างนี้ปั้นก็เรียกพี่นพว่าเลขาคนสวยได้น่ะสิ คิกๆ” ข้าวปั้นตอบออกมายิ้มๆพร้อมกับวิเคราะห์ใบหน้าของเลขาของอิฐไปด้วย แล้วก็นั่งพูดนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว
“หึๆ ปั้นเล่นเกมหรือหาอะไรทำไปก่อนนะครับโน้ตบุ๊คพี่วางไว้ให้ตรงนั้นแล้ว เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่จะพาลงไปกินข้าวและเดี๋ยวจะเลยพาไปซื้อหนังสือมาไว้อ่านด้วยปั้นจะได้ไม่เบื่อ” อิฐได้แต่ยิ้มขำในคำพูดของข้าวปั้นที่มานั่งวิเคราะห์หน้าตาของเลขาของเค้า พร้อมกับบอกเอาใจแฟนเด็กเพื่อที่ว่าอีกคนจะได้มีอะไรทำไม่เบื่อที่จะต้องมาที่นี่กับเค้า เค้ารู้ว่าข้าวปั้นนั้นชอบอ่านนิยายแปลเป็นที่สุด บางคืนอ่านจนไม่ยอมหลับยอมนอนกันเลยทีเดียว แต่พอมาช่วงสอบบวกกับที่เค้าพาไปนู่นมานี่เลยไม่ค่อยได้อ่านสักเท่าไหร่
“อ้าวแล้วเราไม่ต้องไปทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ของพี่อิฐแล้วเหรอครับ” ข้าวปั้นถามขึ้นทันทีที่ได้ยินอิฐพูด
“แม่พี่เพิ่งส่งข้อความมาบอกน่ะครับว่าน่าจะเข้ามาไม่ทัน ให้พาปั้นไปทานข้าวเย็นที่บ้านเลย จะได้เจอกับพี่อาร์มด้วย”
“อ๋อครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวปั้นเล่นเกมรอนะครับพี่อิฐไม่ต้องห่วงปั้นนะครับ ตั้งใจทำงานนะครับ ฟอด!” ข้าวปั้นพูดจบก็เดินมาหอมแก้มอิฐฟอดใหญ่และเดินไปนั่งที่โซฟาจากนั้นจึงหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาเปิดเพื่อโหลดเกมมาเล่น
อิฐเองนั่งมองข้าวปั้นที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการเล่นเกมอยู่สักพัก ก็หันมาสนใจงานของตัวเองบ้าง เพราะมัวแต่นั่งมองหน้าแฟนเด็กของตัวเองงานคงจะไปไม่ถึงไหนเป็นแน่ ไหนๆก็ได้กำลังใจมาฟอดใหญ่แล้ว
พอทำงานไปได้สักพักอิฐก็เงยหน้าขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเสียงกดคีย์บอร์ดได้เงียบหายไป ปรากฏว่าแฟนเด็กของเค้านั้นนั่งหลับพิงไปกับโซฟาเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งๆที่มือยังคาอยู่ที่แป้นคีย์บอร์ดและหูฟังก็ยังเสียบคาอยู่ที่หูอยู่เลย
อิฐหันไปมองดูนาฬิกาปรากฏว่ายังเพิ่งจะ 10 โมงครึ่งเท่านั้นเอง เหลืออีกตั้ง 1 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะเที่ยง คิดได้ดังนั้นเจ้าตัวจึงลุกขึ้นและเดินไปหาร่างบางที่นั่งหลับอยู่ในท่าที่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก เค้าจัดการปิดเกมปิดโน๊ตบุ๊คและดึงหูฟังมาม้วนเก็บให้เป็นระเบียบ
จากนั้นจึงอุ้มคนที่กำลังหลับอยู่ขึ้นมา และเดินไปด้านหลังของโต๊ะทำงานของเค้า ซึ่งพอเปิดประตูเข้าไปจะเป็นห้องนอนที่เค้าเพิ่งสั่งให้ทำขึ้นมาใหม่เมื่อไม่กี่เดือนมานี่เอง ไม่คิดว่าพอมาวันแรกเด็กแสบของเค้าก็ได้ใช้งานมันเลย
อิฐค่อยๆวางร่างบางลงบนที่นอนอย่างเบามือเพราะกลัวว่าอีกคนจะตื่น คงเป็นเพราะเมื่อคืนเจ้าตัวอ่านหนังสือจนดึกดื่นแถมตอนเช้ายังต้องมาตื่นแต่เช้าอีกเลยทำให้ง่วง จึงทำให้หลับไปแบบง่ายดายอย่างนี้ จากนั้นเค้าจึงเดินไปเปิดแอร์และมานั่งข้างๆของคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่
“พี่รักปั้นนะครับเด็กดีของพี่ จุ๊บ!” อิฐพูดพร้อมกับก้มจูบที่หน้าผากของอีกคน จากนั้นจึงเดินออกไปเพื่อทำงานของตัวเองต่อ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เข้ามาได้ครับ” พอได้ยินเสียงเคาะประตูอิฐก็เอ่ยอนุญาตให้เข้ามาได้
“คุณอิฐครับนี่ยอดของเดือนที่แล้วที่ทางบัญชีสรุปมาให้ดูครับ แล้วนี่น้องปั้นไปไหนซะล่ะครับ” พอนพพรเดินเข้ามาก็ยื่นแฟ้มเอกสารของทางบัญชีส่งมาให้อิฐ พร้อมกับถามถึงข้าวปั้นเมื่อไม่เห็นว่าอยู่ในห้อง
“ขอบคุณครับ รายนั้นหลับไปแล้วน่ะครับ ผมเลยให้ไปนอนในห้อง เอ้อ..พี่นพครับ กลางวันนี้ไม่ต้องสั่งข้าวให้ผมนะครับเดี๋ยวผมจะพาน้องลงไปหาอะไรกินข้างล่าง แล้วก็อาจจะขึ้นมาช้าสักหน่อยเพราะจะพาน้องไปเดินดูหนังสือด้วย” อิฐเงยหน้าขึ้นมาบอกกับนพพรเมื่อนึกขึ้นได้ เพราะปกติแล้วอิฐจะไม่ลงไปกินข้าวข้างล่างแต่จะเป็นนพพรที่สั่งมาให้เค้าซะมากกว่า
“ได้ครับ ว่าแต่ว่าน้องปั้นตัวจริงน่ารักสมกับที่คุณอิฐได้บอกไว้เลยนะครับ” นพพรบอกกับอิฐยิ้มๆ เพราะอิฐเคยเล่าให้เค้าฟังว่าแฟนของตัวเองนั้นน่ารักยังไงบ้าง แต่พอมาเจอตัวจริงแล้วเค้าจึงได้รู้ว่าทำไมเจ้านายของเค้าจึงดูรักและดูหลงมากนัก อิฐเองก็ได้แต่ยิ้มรับที่มีคนชมแฟนของตัวเองว่าน่ารัก
ตอนแรกที่รู้ว่าเจ้านายของตัวเองมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันก็แอบตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าหนุ่มหล่อมาดเทหุ่นสมาร์ตและมีดีพร้อมทุกอย่างอย่างเจ้านายของเค้าจะหันไปคบกับผู้ชายด้วยกันได้ แต่พอคุยกันไปคุยกันมาก็พบว่าเจ้านายของเค้าไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน แต่เพียงเพราะว่าเป็นน้องปั้นต่างหากที่เจ้านายของเค้าชอบ
ภาพในหัวที่เค้าคิดมาตลอดว่าจะเป็นยังไงเมื่อเจ้านายของเค้านั้นเดินควงผู้ชายด้วยกัน แต่พอได้มาเห็นในวันนี้ทั้งคู่นั้นดูเหมาะสมกันมาก ข้าวปั้นถึงแม้จะไม่ได้ตัวเล็กแต่พอมาเทียบกับอิฐแล้วจึงดูตัวเล็กลงไปถนัดตา ร่างกายนั้นดูบอบบางและดูน่าทะนุถนอมมากอีกด้วย และยิ่งพอมาเดินคู่กับอิฐด้วยแล้วก็ยิ่งดูน่าปกป้องเข้าไปกันใหญ่ โดยรวมแล้วทั้งคู่ดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก
นพพรได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะได้เจอคนที่ใช่และคนที่ถูกใจกับเค้าบ้าง เพราะพอเห็นสายตาที่ทั้งคู่มองกันก็ยิ่งทำให้เค้านั้นอยากมีคนที่คอยอยู่เคียงข้างกับเค้าบ้างเหมือนกัน
“พี่นพครับ ได้ฟังที่ผมพูดอยู่หรือเปล่าครับ” อิฐเรียกนพพรอยู่หลายครั้งแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเองซะมากกว่า
“คะครับ คุณอิฐว่าอะไรนะครับ ขอโทษทีนะครับผมไม่ทันฟังพอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย” นพพรที่เพิ่งได้ยินที่อิฐเรียกก็เอ่ยขอโทษอิฐขึ้นมาทันที ที่เค้ามัวแต่มายืนเพ้ออยู่ได้
“พี่นพเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” อิฐถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เพราะไม่เคยเห็นเลขาของตัวเองเป็นแบบนี้มาก่อน
“อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเมื่อไหร่ผมจะเจอเนื้อคู่เหมือนที่คุณอิฐเจอสักทีน่ะครับ ผมแค่อยากจะมีคนคุยบ้างสักคนเวลาที่ผมเหงาๆสงสัยเนื้อคู่ผมจะยังไม่เกิด หึๆ” นพพรพูดและยิ้มออกมาแห้งๆไม่ขำเหมือนคำพูด
นพพรตอนนี้อยู่ตัวคนเดียวไม่ญาติพี่น้องที่ไหนตั้งแต่จำความได้ พ่อกับแม่ของเค้าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 4 ปีก่อน ตั้งแต่ตอนที่นพพรกำลังเรียนอยู่ปี 2 แต่ยังดีที่พ่อและแม่ได้ทิ้งเงินประกันไว้ให้เค้าได้ใช้จ่ายและเรียนจนจบได้อย่างสบาย หลังจากนั้นนพพรจึงตัดสินใจขายบ้านที่เต็มไปด้วยอดีตอันแสนเจ็บปวดและไปซื้อคอนโดอยู่แทน นับจากวันนั้นเค้าก็ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด
แต่ก็ถือว่าเค้าโชคดีมากที่ได้มาฝึกงานที่นี่เพราะว่าอิฐเป็นคนเลือกเค้าด้วยตัวเอง และก็เป็นอิฐอีกนั่นแหละที่เสนอให้เค้าได้เข้ามาทำงานที่นี่ในตำแหน่งเลขาของอิฐ ซึ่งเค้าก็ตอบรับทันทีเพราะด้วยค่าตอบแทนที่สูงและคุ้มค่าเค้าจึงไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเลย นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เค้ารักและเคารพอิฐมากถึงแม้ว่าอีกคนจะอายุน้อยกว่าเค้าถึงสองปีก็ตาม
“ไม่แน่วันนี้พี่นพอาจจะเจอคนที่จะมาดูแลพี่ก็ได้นะครับ เดี๋ยวกลางวันนี้ไปหาอะไรกินด้วยกันนะครับเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง เรายังไม่เคยได้กินข้าวด้วยกันสักครั้งเลย” อิฐตัดสินใจชวนนพพรออกไปเพราะเค้าเห็นแววตาที่ฉายแววเศร้าของอีกคนก็นึกสงสารขึ้นมาจับใจ อิฐพอที่จะรู้ประวัติและชีวิตส่วนตัวของนพพรมาบ้าง
“จริงเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมขอไปเคลียร์งานก่อนนะครับจะได้ไม่ค้างไปถึงช่วงบ่าย อ้อ...แล้วก็อีกอย่างผมขอแก้ก่อนได้มั้ยครับว่า ต้องเป็นผมต่างหากล่ะครับที่จะต้องไปดูแลคนอื่นไม่ใช่ให้คนอื่นมาดูแลผม คุณอิฐกรุณาเข้าใจใหม่ซะด้วยนะครับ” พออิฐพูดจบนพพรก็ยิ้มออกมาทันที แววตาที่เคยเศร้าก็ได้จางหายไปจนแทบจะหมดสิ้น แต่ก่อนจะออกจากห้องไปก็ยังไม่วายหันมาต่อว่าอิฐอย่างไม่ค่อยจะพอใจมากนัก
“ครับๆแล้วผมจะรอดูนะครับคุณนพพร” อิฐตอบออกไปอย่างขำๆคุณเลขาของเค้าไม่เคยส่องกระจกดูเบ้าหน้าตัวเองเลยหรือยังไงกันนะ ว่าหน้าของตัวเองนั้นออกจะติดหวานมากกว่าหล่อซะขนาดนั้นถึงจะไม่หวานเท่ากับข้าวปั้นและบรรดาเพื่อนๆของเค้าก็ตาม แล้วผู้หญิงคนไหนจะมาชอบคนที่สวยกว่าตัวเองกัน
แกร็ก!!
“ตื่นแล้วเหรอครับ มานี่มา” พอผ่านไปได้สักพักหลังจากที่อิฐกำลังนั่งดูเอกสารที่ทางบัญชีส่งมาให้ตรวจสอบอยู่ ข้าวปั้นก็เปิดประตูและเดินออกมาด้วยผมที่เปียกเล็กน้อยแสดงว่าเจ้าตัวจัดการล้างหน้าล้างตามาเรียบร้อยแล้ว อิฐเรียกข้าวปั้นที่ยังคงดูงัวเงียอยู่และตบที่ตักของตัวเอง
“ปั้นเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนครับ” ข้าวปั้นถามอิฐขึ้นมาและเดินลงมานั่งที่ตักของแฟนตัวเองพร้อมกับฟุบหน้าลงที่ไหล่กว้างทันที อิฐเองก็รีบกอดเอวบางของข้าวปั้นเอาไว้เพื่อกันตก
“จุ๊บ! ตั้งแต่ 10 โมงครึ่งน่ะครับ พี่บอกแล้วว่าเมื่อคืนอย่าอ่านหนังสือดึกก็ไม่เชื่อกัน” อิฐจูบลงไปที่หน้าผากมนและพูดบ่นออกมา
“จุ๊ๆ ไม่บ่นนะครับ เดี๋ยวแก่เร็วปั้นไม่รู้ด้วยน๊า คิกๆ” ข้าวปั้นพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
“เดี๋ยวเหอะมาว่าพี่แก่ กลับไปจะโดนคนแก่ทำโทษไม่ใช่น้อยนะครับเด็กแสบ” อิฐกัดฟันพูดออกมาด้วยความมันเขี้ยว
“โอ๋ๆใครว่าพี่อิฐของปั้นแก่กันล่ะครับ พี่อิฐของปั้นทั้งหล่อทั้งเท่หุ่นก็ดีออกจะขนาดนี้ จุ๊บๆ” ข้าวปั้นพูดอย่างเอาใจอีกคนที่กำลังทำหน้าตาบูดบึ้งอยู่ พร้อมกับจูบไปที่ปากย้ำๆอย่างเอาใจ
“หึๆ เด็กแสบเอ๊ย มาให้พี่ทำโทษซะดีๆเลยครับมา” อิฐพูดพร้อมกับจับหน้าของข้าวปั้นให้หันมาทางเค้า และใช้ปากของเข้าประกบปากของน้องอย่างมันเขี้ยวเต็มทีโดยที่ข้าวปั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
ริมฝีปากหยักร้อนค่อยๆละเมียดชิมความหวานจากริมฝีปากบางไปเรื่อยๆ ต่อจากนั้นเค้าก็ค่อยๆใช้ลิ้นไล่เลียไปที่ริมฝีปากล่างของน้องพร้อมกับดูดลงไปเบาๆ ซึ่งข้าวปั้นเองก็ค่อยๆเผยอริมฝีปากออกเพื่อรอรับลิ้นร้อนของคนพี่จากนั้นทั้งสองก็ผลัดกันป้อนความสุขให้แก่กันและกันจนลืมไปว่าที่นี่เป็นที่ทำงานและตอนนี้ก็เลยเที่ยงมานิดๆแล้วด้วย
ด้านนพพรที่เห็นว่าอิฐยังไม่ออกมาสักทีเพราะเลยเวลาเที่ยงมาสักพักแล้ว ก็เลยตัดสินใจลุกขึ้นไปเคาะประตูห้องดูแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ เจ้าตัวยืนรออยู่อีกสักพักจากนั้นจึงถือวิสาสะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปทันทีตามความเคยชิน เพราะอิฐนั้นชอบลืมเวลากินข้าวกลางวันจนเค้าต้องคอยเข้ามาเตือนอยู่บ่อยๆ
“คุณอิ........” ยังไม่ทันที่นพพรจะได้เรียกชื่อเจ้านายออกไปก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้าที่เห็นทันที เพราะเจ้านายกับคนรักนั้นกำลังป้อนจูบรสหวานซึ่งกันอยู่จนเกิดเสียงดังน่าอายขึ้นมา พอนพพรตั้งสติได้ก็รีบหันหลังให้กับคนทั้งสองที่ยังไม่รู้ตัวว่าเค้านั้นได้เข้ามาอยู่ในห้องนี้ด้วยแล้ว ใจจริงเค้าอยากจะก้าวออกไปจากห้องนี้โดยเร็วเสียด้วยซ้ำไปถ้าไม่ติดว่าไอ้ขาไม่รักดีนี้มันไม่ยอมก้าวตามใจเค้าออกไปนี่สิ นพพรในตอนนี้ทั้งหน้าแดงหูแดงไปจนหมดแล้ว เพราะเค้าดันตาดีเหลือบไปเห็นมือของอิฐที่กำลังล้วงเข้าไปในเสื้อของข้าวปั้นอยู่ด้วยนี่สิ
“เอ่อ แฮ่มๆ คะ คุณอิฐครับ ได้เวลาทานข้าวกลางวันแล้วครับ” นพพรที่พอดึงสติตัวเองกลับมาได้แล้วก็กระแอมไอให้ทั้งสองคนได้รู้ตัวว่ายังมีเค้าอยู่ในห้องนี้ด้วย โดยที่เจ้าตัวยังคงยืนหันหลังให้คนทั้งคู่อยู่
พอข้าวปั้นได้ยินเสียงนพพรพูดออกมาก็ถึงกับชะงักและถอนจูบออกมาทันทีด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและหน้าที่ขึ้นสีแดงเข้มอย่างเขินอาย เพราะไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่มีบุคคลที่สามเข้ามาอยู่ในห้องโดยที่พวกเค้าไม่รู้ตัวกันเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินอาย จนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปซุกไปที่ไหนดี แล้วอย่างนี้จะกล้ามองหน้าเลขาของแฟนตัวเองได้ยังไงกัน
“หึๆ หันมาได้แล้วครับพี่นพ ผมเสร็จแล้วครับ” พออิฐพูดจบข้าวปั้นก็ใช้กำปั้นทุบลงไปที่อกของอิฐโดยทันทีทั้งที่ยังคงซุกหน้าอยู่ที่อกของอิฐอยู่ ก็ดูเจ้าตัวพูดออกมาเข้าสิมันน่านัก
อิฐเองก็ได้แต่ยิ้มขำเพราะทั้งคนรักและเลขาของเค้านั้นอย่างกับว่ากำลังแข่งกันหน้าแดงหูแดงอย่างไงอย่างนั้นแหละ
“คะ ครับ เดี๋ยวขอผมไปห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ” นพพรจำต้องทำใจให้หันมามองหน้าเจ้านายที่นั่งยกยิ้มอยู่อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน ผิดกับอีกคนที่นั่งซุกอยู่ที่อกของเจ้านายเค้า โดยที่หูนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มไปแล้ว เค้าคิดว่าตัวเค้าเองก็คงจะต้องไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำสักหน่อยเผื่อว่าไอ้หน้าที่ร้อนๆอยู่นี้มันจะดีขึ้นมาบ้าง
“เชิญครับ งั้นเดี๋ยวผมพาน้องไปรอที่หน้าลิฟต์นะครับ” อิฐพูดออกมายิ้มๆ เค้าอดที่จะขำกับท่าทางของเลขาของเค้าไม่ได้เลย ไม่เคยมีสักครั้งที่เลขาคนนี้ของเค้าจะหลุดมาด เห็นจะมีก็แต่ครั้งนี้นี่แหละที่เข้ามาได้จังหวะจนเจอของดีเข้า
ตุ้บ!!
“เพราะพี่อิฐคนเดียวเลย แล้วอย่างนี้ปั้นจะมองหน้าพี่นพได้ยังไงล่ะครับ ฮือออ!!” พอนพพรเดินออกไปแล้วข้าวปั้นก็เงยหน้าขึ้นมาและทุกไปที่อกของอิฐ พร้อมกับโวยวายขึ้นมาและทำหน้าตาเหมือนกับจะร้องไห้
“อ้าว!! ที่เมื่อกี๊ปั้นยังดูดลิ้นพี่อยู่เลยนะครับ ไหนมาโทษว่าเป็นความผิดพี่คนเดียวล่ะครับ หืมม” อิฐพูดออกมายิ้มๆเมื่อเห็นหน้าอีกคนเป็นแบบนี้เค้าก็ยิ่งอยากแกล้ง
“ย๊าส์~ พี่อิฐนิสัยไม่ดี ปั้นไม่พูดด้วยแล้ว เรื่องอย่างนี้ใครเค้าเอามาพูดกันเล่า ทีหลังปั้นจะไม่ให้พี่อิฐจูบปั้นอีกเลย” ข้าวปั้นร้องออกมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของอีกคน เจ้าตัวนั่งหันหลังให้อิฐพร้อมกับหน้าที่งอง้ำและยกมือขึ้นมากอดอกเอาไว้ จนอิฐต้องรีบกอดเอวบางเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าน้องจะตกลงไป
“โอ๋ๆ พี่ขอโทษนะครับ พี่ผิดคนเดียวก็ได้ครับ ก็ปั้นอยากน่ากินเองทำไมล่ะครับ พี่ก็อดใจเอาไว้ไม่อยู่น่ะสิ ไม่งอนนะครับคนดี เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงไอศกรีมที่เรากินกันเมื่อวานด้วยดีมั้ยครับ” อิฐพูดออกมาอย่างเอาใจเพราะดูท่าว่าแฟนของเค้าจะงอนเข้าจริงๆซะแล้ว
“นี่พี่อิฐเห็นปั้นเป็นคนเห็นแก่กินรึยังไงกันครับ” ข้าวปั้นยังไม่วายหันมาแหวใส่อิฐ
“ไม่กินก็ไม่กินครับ งั้นเดี๋ยวพี่ไถ่โทษด้วยการซื้อหนังสือให้หลายๆเล่มเลยดีมั้ยครับ ดีกันนะครับคนดีของพี่อิฐ” อิฐพูดออกมาอย่างเอาใจ เค้ารู้ว่าอีกคนคงไม่ได้งอนเค้าจริงๆจังๆอะไรหรอกแต่ว่าคงจะเขินมากกว่า
“ได้ยังไงกันล่ะครับ พี่อิฐพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้นสิครับ ตอนแรกบอกว่าจะพาปั้นไปเลี้ยงไอศกรีมก็ต้องพาไปสิครับ แล้วก็ต้องซื้อหนังสือให้ปั้นหลายๆเล่มอย่างที่บอกด้วยนะครับ” ข้าวปั้นรีบหันมาทวงสัญญาทันทีที่อีกคนคิดจะเปลี่ยนคำพูด
“หึๆ ครับๆ ทั้งกินทั้งซื้อเลยเน๊าะ งั้นเราไปกันเถอะครับป่านนี้พี่นพคงมารอแล้ว” อิฐพูดขึ้นยิ้มๆกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของแฟนตัวเอง ตั้งแต่ได้รู้จักกับข้าวปั้นมาเค้ารู้สึกว่าชีวิตเค้ามีสีสันขึ้นมาเยอะเลย
ระหว่างทางที่ลงลิฟต์มาด้วยกัน ทั้งนพพรและข้าวปั้นเองต่างก็ไม่ค่อยกล้ามองหน้ากันเท่าไหร่นัก เพราะต่างคนก็ยังเขินอยู่กับเหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่
“เฮ้ย! ไอ้นัท” อยู่ๆอิฐก็ร้องเรียกรุ่นน้องออกมาเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะเดินไปอีกทาง
“ไม่นึกว่าจะเจอ เห็นวาบอกอยู่เหมือนกันว่านี่เป็นห้างของที่บ้านพี่” นัทที่พอเห็นอิฐก็เดินเข้ามาหาทันที และก็พูดทักรุ่นพี่ออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆตามบุคลิกของเจ้าตัว
“แล้วนี่มาคนเดียว ขนมพายล่ะวะ” อิฐถามถึงรุ่นน้องอีกคนที่อยู่ในกลุ่มของวาริที่ปกติจะต้องไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
“ไอ้ไนท์มันไปดักรอรับที่บ้านตั้งแต่เช้าแล้ว” พอนัทพูดบอกอิฐกับข้าวปั้นก็พยักหน้าเข้าใจได้ทันที เพราะไนท์เพื่อนในกลุ่มของข้าวปั้นนั้นตามจีบขนมพายมาหลายเดือนแล้ว
“แล้วนี่มึงกินอะไรหรือยังไปกินด้วยกันมั้ย กูกำลังจะไปหาอะไรกินกัน” อิฐเอ่ยชวนรุ่นน้องในกลุ่มที่ไม่ค่อยจะได้เจอกันสักเท่าไหร่นักในช่วงนี้ เพราะว่าขนมพายนั้นพยายามหนีหน้าไนท์อยู่จึงทำให้ทั้งคู่ไม่ค่อยได้มาให้ทุกคนเห็นหน้าสักเท่าไหร่
“ตามสบายเลยพี่ ผมเรียบร้อยมาแล้วว่าจะเดินเล่นอีกสักพักค่อยกลับ” นัทตอบอิฐออกไป
“เอ่อ...ขอโทษทีนะครับ คุณอิฐครับ เดี๋ยวผมขอไปจองโต๊ะไว้ก่อนนะครับเดี๋ยวโต๊ะจะเต็มซะก่อน” นพพรที่ยืนฟังบทสนทนาของรุ่นพี่รุ่นน้องคุยกันอยู่ก็เดินออกมาจากด้านหลังของอิฐและบอกขึ้นมา เพราะตอนที่เดินมานพพรเดินตามหลังอิฐและข้าวปั้นมา ซึ่งตัวอิฐเองก็บังเลขาเอาไว้ซะมิดเลย พอนพพรบอกออกไปอิฐเองก็พยักหน้าเข้าใจ จากนั้นนพพรจึงเดินออกไปทันที
“เลขากูเองชื่อนพพร ไงเปลี่ยนใจมั้ยวะ” อิฐที่เห็นนัทมองตามเลขาของตัวเองไปอย่างไม่วางตาจึงเอ่ยชวนขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมรักพี่ว่ะ” นัทยื่นมือมาตบที่ไหล่ของอิฐเบาๆ อิฐก็ยกยิ้มให้อย่างไม่ต้องพูดอะไรกันมาก หลังจากนั้นทั้งสามจึงเดินตามหลังนพพรออกไป โดยที่มือของอิฐยังคงจับจูงมือของข้าวปั้นเอาไว้อยู่
ข้าวปั้นเองก็เดินตามแรงจูงไปอย่างงงๆเช่นกัน เพราะเค้าก็ไม่ค่อยจะเข้าใจที่แฟนเค้าและรุ่นพี่สื่อสารพูดคุยกันสักเท่าไหร่นัก ที่อยู่ๆก็มาบอกรักกันทั้งๆที่ทั้งคู่ก็ตัวใหญ่พอๆกัน ข้าวปั้นล่ะเป็นงง
Comments (0)