45 ตอน อนาคตที่…
โดย Beloved_Moouan
“ว้าว!!!! สวยจังครับ อากาศก็ดีมากด้วย” ฟ้าครามพูดออกมาเสียงดังพร้อมกับยิ้มกว้างเมื่อได้มาเห็นสวนส้มเต็มๆตาในตอนเช้าแบบนี้และยังมีหมอกปกคลุมอยู่บางๆอีกด้วย มันช่างเหมือนภาพวาดไม่มีผิดเพี้ยนเลย
วันแรกที่นั่งรถกอล์ฟผ่านสวนส้มเจ้าตัวเองก็ไม่ทันได้สังเกต เพราะไม่มีกะจิตกะใจที่จะดูอะไรสักเท่าไหร่มัวแต่กังวลว่าดินจะโกรธหรือเคืองตัวเองอยู่นั่นเอง
“พี่ฟ้า พี่นพ มาถ่ายรูปกันเร็วครับ” สายน้ำตะโกนเรียกฟ้าครามกับนพพรที่มัวแต่ยืนมองบรรยากาศรอบๆตัวอยู่โดยที่ทุกคนเข้าไปประจำที่กันหมดแล้ว
“เอาแล้วไงมหกรรมการถ่ายรูป ไอ้ไนท์มึงเด็กสุดมึงคอยไปเป็นตากล้องให้กับนางแบบนายแบบเลย พวกกูจะนั่งรออยู่ตรงนี้นี่แหละ” เหนือพูดขึ้นมาและเดินมานั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เดิมที่เดียวกันกับเมื่อครั้งที่แล้ว เมื่อเห็นว่าสายน้ำนั้นเริ่มลงมือกดชัตเตอร์แล้ว
“พี่กายครับ พาน้องของขวัญมาถ่ายรูปด้วยกันสิครับ” สายน้ำหันมาขวักมือเรียกคนรักของตัวเองเมื่อไม่เห็นว่าวายุเดินตามตัวเองไป เพราะเจ้าตัวเองก็อยากให้มีรูปครอบครัวตอนมาเที่ยวด้วยกันเยอะๆด้วยเหมือนกัน
“เดี๋ยวมึงเอาหมวกใส่ให้หลานกูอีกใบก่อน อากาศมันเย็นเดี๋ยวหลานกูจะไม่สบายเอา” ก่อนที่วายุจะเดินไปดินก็เรียกเอาไว้ก่อนพร้อมกับเดินไปเอาหมวกไหมพรมที่อยู่ในเป้มาสวมให้กับหลานสาวสุดที่รักพร้อมกับเสื้อคลุมอีกตัวด้วยหนึ่งด้วย
“หึๆ ขอบใจ” วายุหัวเราะชอบใจออกมาให้กับท่าทางของเพื่อนตัวเองที่ค่อยๆบรรจงสวมหมวกและเสื้อให้กับหลานสาวอย่างเบามือ ‘ถ้ามันมีลูกเองคงจะเห่อน่าดู’ วายุได้แต่คิดในใจ
หลังจากนั้นผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าๆเหล่าบรรดานางแบบนายแบบก็พากันเดินกลับมาด้วยสภาพที่แข้งขาอ่อนแรงไม่ต่างกันมากนัก จะยกเว้นก็แต่สายน้ำคนเดิมที่ไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยล้าเอาเสียเลยเคยดีดยังไงก็ยังคงดีดอยู่อย่างนั้น
ส่วนตากล้องอย่างไนท์ที่พอมาถึงก็ถึงกับนอนแผ่หลากางแข้งกางขาออกมาอย่างหมดแรง จนพวกพี่ๆอดที่จะขำไม่ได้ ทำให้หวนนึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่แล้วที่นัทกับอิฐรับเป็นตากล้องแต่พอกลับมาสภาพก็ไม่ต่างจากไนท์ในตอนนี้สักเท่าไหร่นัก
“หึๆ เหนื่อยเหรอครับ จุ๊บ!” ขนมพายก้มลงมาถามไนท์ที่ยังคงนอนหลับตาอยู่และก้มลงไปจูบที่ปลายจมูกโด่งของไนท์ พร้อมกับใช้นิ้วเรียวสางผมของไนท์เล่นเบาๆด้วย
“ถ้าได้อีกครั้งจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะครับ” ไนท์ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มกว้างมาให้กับขนมพาย
“จุ๊บ! หายเหนื่อยรึยัง” ขนมพายก้มลงไปจูบที่หน้าผากของไนท์อีกหนึ่งที จนไนท์ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งและจับขนมพายให้มานั่งที่ตักของตัวเอง
“หายเหนื่อยทันทีเลยล่ะครับ ไนท์รักพายนะครับ ฟอด!” ไนท์หอมลงไปที่แก้มของขนมพายฟอดใหญ่จนลืมไปว่าไม่ได้มีแค่เค้าทั้งสองคนที่อยู่ตรงนี้ แต่ยังมีสายตาอีกนับสิบคู่ที่กำลังมองมาอยู่อย่างยิ้มๆ
“หนึ่ง-สอง-สาม โอ๊ยๆๆๆ มดกัดๆๆๆ” ทันทีที่สายน้ำนับจบ ทั้งสายน้ำ เบล ออกัส และข้าวปั้นต่างก็ร้องบอกออกมาเสียงดัง พร้อมกับทำท่ากระทืบเท้าและเกาตามแขนขาไปด้วย
“ฮ่าๆๆๆๆ” ทุกคนที่เห็นอย่างนั้นถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังให้กับเหล่านางแบบนายแบบที่ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงชั่วคราวแทน ไม่เว้นแม้กระทั่งน้องของขวัญที่นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามบรรดาลุงๆและป้าๆไปด้วย จนไนท์กับขนมพายถึงกับหน้าแดงด้วยความอายขึ้นมาทันทีที่ถูกล้อ
“พี่เหนือเหนื่อยมากมั้ยคะ จุ๊บ!” เบลเดินไปนั่งลงบนตักของเหนือและจูบไปที่ปลายจมูกของเหนือและถามขึ้น
“ถ้าได้อีกสักครั้งพี่จะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ” เหนือเองก็รีบรับมุกและเล่นละครตามคู่หมั้นของตัวเองในทันทีเช่นเดียวกัน
“จุ๊บๆๆ หายเหนื่อยรึยังคะ” เบลกดจูบไปที่ริมฝีปากหนาของเหนือแบบย้ำๆสามรอบและถามขึ้นมาด้วยใบหน้าที่แดง เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยจะได้แสดงความรักแบบนี้กับคนรักให้ใครได้เห็นเหมือนกัน แต่ด้วยความที่อยากล้อรุ่นน้องนั้นมันมีมากกว่าจึงทำให้กล้าที่จะแสดงออกมา
“หายเหนื่อยทันทีเลยล่ะค่ะ พี่เหนือรักหนูเบลมากนะคะ ฟอดๆ” เหนือบอกออกมายิ้มๆแล้วมองมาที่เบลด้วยสายตาที่สื่อความหมายบ่งบอกว่ารู้สึกแบบนั้นจริงๆไม่ใช่แค่จะแกล้งรุ่นน้องเล่น พร้อมกับหอมแก้มเบลไปสองฟอดใหญ่ จนเป็นเบลเองที่อายม้วนหน้าแดงก่ำพร้อมซุกหน้าลงไปที่อกของเหนือ
“หึๆ จะแกล้งเค้าแต่มาอายซะเองอย่างนี้ก็มีด้วยเหรอคะ หืมม จุ๊บ!” เหนือพูดแซวคู่หมั้นของตัวเองด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะจูบไปที่ผมของเบลอีกครั้งพร้อมกับกอดเบลเอาไว้และจับตัวโยกไปมาเหมือนกล่อมเด็ก
“พวกมึงว่ากลับไปกูต้องไปตรวจเบาหวานรึเปล่าวะ” ไฟพูดขึ้นมาลอยๆอย่างล้อๆ ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังมีออกัสนั่งอยู่บนตักไม่ห่าง
“กลับไปนี่เดี๋ยวมึงไปพร้อมกูแล้วกัน กูก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วว่ะมันเลี่ยนๆยังไงก็ไม่รู้ใช่มั้ยครับที่รัก” ดินหันไปเล่นสมทบด้วยกับไฟ แต่ก็ไม่วายหันมาจบด้วยการเรียกฟ้าครามด้วยคำว่าที่รักจนฟ้าครามนั้นหน้าแดงขึ้นมาทันที ‘นี่จะมาแข่งกันหวานรึยังไงกันนะ’ ฟ้าครามได้แต่คิดบ่นอยู่ในใจ
หลังจากที่ล้อกันไปหวานกันมาอยู่ได้พักใหญ่ทั้งหมดก็พากันเดินเข้ามาในไร่โดยการนำของวาริเพื่อที่จะมาเก็บส้มกัน เพราะพรุ่งนี้ทุกคนก็จะกลับกันแล้ว
“แอ๊ๆๆ อื้อๆ” น้องของขวัญที่เห็นว่าแม่ของตัวเองกำลังเก็บส้มอยู่จึงอยากที่จะเก็บบ้างจึงร้องออกมา ทำให้วายุต้องอุ้มลูกให้เข้าไปใกล้ๆกับที่สายน้ำอยู่
“อยากกินส้มเหรอคะ เดี๋ยวแม่แกะให้หนูนะ” ว่าจบสายน้ำก็เก็บส้มจากต้นมาหนึ่งลูกและเอามาล้างน้ำก่อน จากนั้นก็ค่อยๆแกะป้อนให้น้องของขวัญได้ดูดน้ำจากส้มสดๆ
“แปะๆๆ เอิ๊กๆ แอ๊ะๆ” น้องของขวัญที่ได้ชิมรสชาติเปรี้ยวๆหวานๆของส้มก็ปรบมือชอบใจใหญ่ จนคนงานที่เก็บส้มอยู่ยังยิ้มให้กับความน่ารักของหนูน้อยลูกของสายน้ำขวัญใจของคนงานเมื่อครั้งที่แล้วที่มา ไม่คิดว่ากลับมาคราวนี้คุณหนูจอมแก่นคนนี้จะมีลูกน้อยกลับมาให้พวกเค้าได้ชื่นชมกันซะแล้ว
“น้องของขวัญไปเดินเล่นกับลุงกับน้าปั้นดีกว่าค่ะป่ะ” พอเห็นว่าน้องของขวัญกินน้ำส้มจนอิ่มแล้ว อิฐจึงเดินมาหาหลานสาวเพื่อที่จะให้วายุและสายน้ำได้มีเวลาส่วนตัวกันบ้าง เพราะตั้งแต่มาทั้งสองก็ยังไม่ได้มีเวลาส่วนตัวกันเลย
“ขอบใจ” วายุส่งลูกสาวตัวน้อยให้กับอิฐและพูดขอบใจออกไป เค้ารู้ดีว่าอิฐนั้นคงจะอยากให้ตัวเองและเมียตัวเล็กได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังบ้าง
“ไปนั่งกันตรงนั้นดีกว่าครับ ปั้นจะได้พักบ้างยังไม่หายดีด้วย” อิฐชี้ไปตรงที่มีแคร่ไม้ไผ่อยู่และยังมีหลังคามุงไว้อย่างดีอีกด้วย คงจะเป็นคนงานที่มาสร้างไว้นั่นเอง
หลังจากที่มานั่งกันแล้วอิฐก็จัดการเปลี่ยนแพมเพิสให้กับหลานสาวโดยใช้เสื้อคลุมของตัวเองถอดรองให้หลานสาวได้นอนและได้นั่งเล่นของเล่นที่เอาติดมาในเป้ด้วย
ข้าวปั้นนั่งมองการกระทำของอิฐด้วยใบหน้ายิ้มๆ เวลาที่อิฐเล่นกับหลานสาวหรือเวลาที่อิฐทำอะไรให้กับหลานสาวนั้นมันช่างดูอ่อนโยนเสียเหลือเกิน ซึ่งเค้าเองก็ไม่คิดว่าอิฐจะมีมุมนี้ให้เห็นด้วยเหมือนกัน
“พี่อิฐอยากมีลูกเป็นของตัวเองมั้ยครับ” อยู่ๆข้าวปั้นก็ถามอิฐออกมาเมื่อเห็นว่าอิฐจัดการเปลี่ยนแพมเพิสให้กับหลานสาวเรียบร้อยแล้ว
“อยากสิครับ อนาคตพี่อยากมีลูกสักสองคน ลูกๆจะได้เป็นเพื่อนเล่นกัน และอีกอย่างจะได้มาช่วยกันบริหารงานที่ห้างช่วยพี่ด้วย” อิฐตอบออกมาทั้งๆที่ตายังคงมองไปที่หลานสาวสุดที่รักที่กำลังมีสมาธิกับการเล่นของเล่นข้างหน้าของตัวเองอยู่อย่างยิ้มๆ จนไม่ได้สังเกตสีหน้าของข้าวปั้นเลย
หลังจากที่ได้รู้คำตอบของอิฐแล้วข้าวปั้นก็ถึงกับนิ่งไปในทันทีเค้าแค่กะจะถามเล่นๆไปอย่างนั้นเอง ในหัวสมองของข้าวปั้นในตอนนี้คิดสับสนและตีกันให้ยุ่งไปหมด เพราะถ้าอิฐอยากที่จะมีลูกแล้วตัวเค้าล่ะจะไปอยู่ตรงไหน เพราะเค้าคงจะไม่สามารถตั้งท้องได้แบบสายน้ำเป็นแน่ เคสอย่างสายน้ำนั้นมีแค่หนึ่งในล้านเท่านั้นเองซึ่งหนึ่งในล้านนั้นก็รวมไปถึงวาริด้วยที่โชคดีได้อยู่เป็นหนึ่งในนั้นแม้ตอนนี้มดลูกของวาริจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ก็ตาม
แต่หากจะให้อิฐรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกเค้าคิดว่าคนอย่างอิฐคงจะไม่เอาเป็นแน่ด้วยนิสัยหลายๆอย่างของอิฐที่เค้าค่อนข้างที่จะรู้จักดี อิฐจะไม่ยอมรับเลี้ยงลูกของคนอื่นที่ตัวเองไม่รู้จักเป็นแน่ และอีกอย่างถ้าจะต้องมาบริหารห้างต่อจากอิฐก็คงจะต้องเป็นสายเลือดแท้ๆของอิฐเองสินะ พ่อกับแม่ของอิฐคงจะไม่ยอมให้คนที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองต้องมาสืบทอดกิจการและรับมรดกไปอย่างหน้าตาเฉยหรอก
และถ้าเป็นอย่างนั้นที่เค้าคิดไว้จริงๆก็คงจะเหลืออยู่แค่วิธีเดียวเท่านั้นคืออิฐจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงหรือไม่ก็กับผู้ชายที่สามารถตั้งท้องลูกของอิฐได้เท่านั้น
“ปั้นครับ ปั้น” อิฐยื่นมือไปเขย่าที่แขนของข้าวปั้นเบาๆ เมื่อเค้าเรียกตั้งนานแล้วแต่ข้าวปั้นกลับไม่ได้ยินหรือขานรับเค้าเลย
“คะ ครับ พี่อิฐมีอะไรรึเปล่าครับ” ข้าวปั้นที่ตื่นจากภวังค์ความคิดของตัวเองก็หันไปถามอิฐและพยายามปรับสีหน้าของตัวเองให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ไม่สบายรึเปล่าครับ ทำไมดูหน้าซีดๆ” อิฐรีบเอามือมาอังหน้าผากของข้าวปั้นทันทีที่เห็นว่าอีกคนสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะผ่านมาสองวันแล้วก็ตามหลังจากที่พวกเค้าไปเที่ยววัดกันมาแต่เจ้าตัวก็อดห่วงคนรักไม่ได้อยู่ดี
“ปั้นไม่ได้เป็นอะไรครับ แค่เหนื่อยๆแค่นั้นเอง นั่งพักต่ออีกหน่อยก็คงหายครับ” ข้าวปั้นตอบอิฐออกไปยิ้มๆและหันหน้าไปมองทางที่ทุกคนกำลังเก็บส้มกันอยู่อย่างสนุกสนาน แต่แววตาของข้าวปั้นในตอนนี้นั้นกลับเศร้าลงอย่างถนัดตา และไม่ได้มองภาพตรงหน้าอยู่เลยแต่กลับนึกถึงภาพอนาคตของอิฐกับลูกที่ไม่มีเค้าอยู่ในนั้นด้วยกัน
“ไงมึงซ้อมเลี้ยงลูกเหรอวะ” ดินที่เดินมาหาอิฐตรงแคร่ไม้และพูดแซวขึ้นขำๆ เค้าปล่อยให้ฟ้าครามยังคงสนุกอยู่กับการเก็บส้มอยู่ เพราะพรุ่งนี้พวกเค้าก็ต้องกลับกันแล้วเลยอยากให้คนรักได้สนุกให้เต็มที่ก่อนกลับ
“อืออ...กะว่าจะมีสักสองคนน่ะ เลยต้องซ้อมมือเลี้ยงไว้ก่อน” อิฐเองก็ตอบออกไปอย่างขำๆโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก
ข้าวปั้นที่ได้ยินอิฐตอบดินออกไปก็ถึงกับยิ้มเยาะให้กับตัวเองในทันที พร้อมกับน้ำตาที่มันกำลังพร้อมที่จะเอ่อล้นออกมา โดยที่อิฐและดินก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นเพราะมัวแต่หยอกล้อเล่นกับหลานสาวอยู่
ระหว่างทางที่นั่งรถกอล์ฟกลับมาที่รีสอร์ตข้าวปั้นนั้นเงียบมาตลอดทางจนผิดสังเกต จนอิฐและทุกคนต่างหันมามองหน้าและส่งสายตาถามกันไปมา เพราะปกติแล้วข้าวปั้นจะร่าเริงกว่านี้มากเลยทีเดียวเรียกว่าดีดพอๆกับสายน้ำเลยก็ว่าได้
จนเมื่อทุกคนได้มานั่งทานข้าวเย็นด้วยกัน ทุกคนที่เห็นว่าข้าวปั้นผิดสังเกตไปก็พยายามที่จะชวนคุย แต่ข้าวปั้นก็ยังถามคำตอบคำอยู่นั่นเอง และอีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือแววตาที่ฉายแววเศร้าอยู่ตลอดเวลาที่ทำให้ทุกคนที่เห็นก็พลอยไม่สบายใจไปด้วยโดยเฉพาะอิฐ
“ปั้นเป็นอะไรรึเปล่าครับทำไมเงียบจัง มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าบอกพี่ได้มั้ยครับ” พอมาถึงห้องอิฐก็ถามข้าวปั้นออกมาด้วยความไม่สบายใจทันที เพราะปกติข้าวปั้นไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนต่อให้เจ้าตัวจะไม่สบายยังไงหรือมีเรื่องอะไรในใจเจ้าตัวก็จะยิ้มให้เค้าเสมอหรือไม่ก็ทำตัวร่าเริงจนเค้าแทบจะจับสังเกตไม่ได้เลย แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา
“หืมม เปล่านี่ครับ ปั้นแค่รู้สึกเหนื่อยๆแค่นั้นเอง สงสัยแบตในตัวปั้นจะหมดน่ะครับ ปั้นไม่ได้เตรียมแบตสำรองไป ฮ่าๆๆ” พอรู้ว่าตัวเองทำให้คนรอบข้างไม่สบายใจโดยเฉพาะคนรักอย่างอิฐ เจ้าตัวก็พยายามส่งยิ้มกว้างมาให้กับอิฐและพูดมุกขำๆออกไปเพื่อให้อิฐได้สบายใจ
“หึๆ สงสัยแบตจะหมดจริงๆนั่นแหละครับ งั้นเดี๋ยวปั้นไปอาบน้ำนะครับจะได้สบายตัว แล้วจะได้มานอนพักส่วนเสื้อผ้าเดี๋ยวพี่เก็บเข้ากระเป๋าให้เอง” พอเห็นว่าข้าวปั้นไม่ได้เป็นอะไรมากและยังยิ้มได้อยู่ อิฐก็พลอยโล่งใจได้หน่อยหนึ่งน้องคงจะรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆอย่างที่บอก
แกร็ก!!!
พอประตูห้องน้ำปิดลงข้าวปั้นก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้องน้ำทันทีอย่างหมดแรง น้ำตาที่เจ้าตัวได้กักเก็บเอาไว้ทั้งหมดก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงสะอื้นร่ำไห้ออกมาได้ถูกมือของตัวเองยกขึ้นมาปิดเอาไว้เพราะกลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยินมัน
เค้าเองก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นแบบนี้เลยจริงๆแต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าในอนาคตตัวเองจะไม่มีผู้ชายคนนี้คอยยืนอยู่ข้างกายแล้ว เค้าจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไงกัน แค่คิดมันก็เจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ครั้นจะถามออกไปตรงๆเค้าก็กลัวคำตอบที่อีกคนตอบกลับมาเหลือเกิน เพราะที่ผ่านมาอิฐเองก็ยังไม่เคยพูดถึงอนาคตข้างหน้ากับเค้าอย่างจริงจังเลยสักครั้ง นี่คงเป็นเหตุผลที่แท้จริงสินะ
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
“ปั้นครับ ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ ปั้นเข้าไปนานมากแล้วนะ” อิฐที่เห็นว่าข้าวปั้นเข้าไปนานแล้วจนกระทั่งเค้าจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วข้าวปั้นก็ยังไม่ออกมาเลย อิฐจึงเดินมาเคาะประตูเรียกข้าวปั้นดูแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
“ปั้นครับพี่จะพังประตูเข้าไปแล้วนะถ้าปั้นยังไม่ยอมเปิด” อิฐที่ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับของข้าวปั้นก็ตะโกนออกมาทันทีพร้อมกับเคาะประตูรัวๆ เพราะตอนนี้ตัวเค้าเองเริ่มที่จะใจไม่ดีแล้วเหมือนกัน
“เสียงดังอะไรของมึงวะไอ้อิฐ” ไฟที่กำลังจะกลับไปห้องตัวเองหลังจากที่เล่นกับหลานเสร็จพอได้ยินเสียงดังปึงปังมาจากห้องของอิฐจึงลองเปิดเข้ามาดูเพราะอิฐเองก็ลืมล็อกประตูด้วยเช่นกันเพราะมัวพะวงกับข้าวปั้นอยู่
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
“ปั้นครับ เปิดประตูครับ” อิฐยังคงเคาะประตูและร้องเรียกข้าวปั้นเสียงดังโดยที่ไม่ได้สนใจหันไปตอบไฟแต่อย่างใด จนหินผากับวาริและวายุต้องเดินมาดูเพราะเสียงของอิฐเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“กูว่าต้องพังแล้วว่ะ” ไฟเองก็เริ่มที่จะใจไม่ดีแล้วเหมือนกันเพราะว่าข้าวปั้นนั้นเริ่มผิดสังเกตตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายๆแล้ว
อิฐหันมาพยักหน้าให้กับไฟและตัดสินใจถอยออกไปตั้งหลักด้วยกันทั้งคู่ และทั้งคู่ก็ช่วยกันกระโดดถีบไปที่ประตูห้องน้ำอย่างสุดแรงจนประตูเปิดออกในทันทีพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด
ปัง!!
โครม!!!!
“ปั้นน!!!!”
"เฮ้ย!!!!"
Comments (0)