7 ตอน มีคนน้อยใจ
โดย Beloved_Moouan
“ครับแม่”
(เลขาที่แม่หามาให้เป็นยังไงบ้าง ถูกใจมั้ยลูก) เสียงปลายสายของผู้เป็นแม่ถามออกมาอย่างอารมณ์ดี เพราะเธอได้ถามไถ่มาจากเจนเนตรบ้างแล้ว เธออยากได้ลูกของเพื่อนคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้เพราะเธอเห็นฟ้าครามมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนเรื่องทายาทเธอก็ไม่ได้ห่วงหรือซีเรียสอะไร เพราะเธอรู้ว่าเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ในยุคสมัยนี้มันก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว หรือไม่แน่ว่าฟ้าครามอาจจะท้องได้เหมือนกับสายน้ำรุ่นน้องของลูกเธอก็เป็นได้ใครจะไปรู้
“หึๆ ทั้งถูกใจแล้วก็โดนใจเลยล่ะครับ ขอบคุณนะครับ ไว้ผมจะหาของขวัญไปสมนาคุณให้นะครับ” ดินตอบกลับแม่ตัวเองกลับไปอย่างคนอารมณ์ดีเช่นกัน ถึงแม้จะคุยกับผู้เป็นแม่อยู่แต่สายตาคมก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยของคนตรงหน้า เค้าและฟ้าครามกำลังนั่งคุยงานกันอยู่ และแม่ของเค้าก็โทรเข้ามาพอดี
ฟ้าครามได้แต่นั่งหน้าขึ้นสี เพราะเค้าได้ยินทุกบทสนทนาที่แม่ลูกนั้นคุยกัน เหมือนกับว่าอีกฝ่ายตั้งใจกดเพิ่มเสียงสนทนาให้ดังขึ้นเพื่อที่จะให้เค้าได้ยินด้วยอย่างไงอย่างนั้น
“แล้วพ่อกับแม่สบายดีนะครับ ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
(ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ พ่อกับแม่สบายดีทางนี้อากาศดีมาก แล้วลูกล่ะเป็นยังไงบ้างอย่าหักโหมทำงานมากนะจ๊ะพ่อกับแม่เป็นห่วง) ตอนนี้พ่อและแม่ของดินไปประจำอยู่ที่รีสอร์ตที่ภูเก็ตหรือบางทีก็บินไปอยู่ที่รีสอร์ตที่ปราณบุรีบ้างแต่ก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นนานเหมือนอย่างที่ภูเก็ต ส่วนงานของโรงแรมเธอและสามีก็ยกให้ดินได้ดูแลเองทั้งหมด โดยที่จะคอยให้เพียงคำปรึกษาเท่านั้นนอกนั้นก็ยกให้เป็นการตัดสินใจของดินเองทั้งหมด
“ครับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ตั้งแต่ได้น้องฟ้ามาช่วยผมกลับบ้านได้ตรงเวลาทุกวันเลย น้องหัวไวแล้วก็เก่งมากเลยครับ” ดินพูดชมคนตรงหน้าให้ได้เขินจนแทบจะลอยได้อยู่แล้ว
(งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวแม่ขอไปดูลูกค้าก่อน พ่อกับแม่รักลูกนะจ๊ะ)
“ผมก็รักพ่อกับแม่นะครับ ไว้ถ้าว่างผมจะพาน้องบินไปหานะครับ”
“เอ่อ..เราจะคุยงานกันต่อเลยมั้ยครับ เดี๋ยวผมจะได้โทรให้ฝ่ายบัญชีเอาเอกสารมาให้พี่ดินดูด้วย” ฟ้าครามถามขึ้นเพราะพอวางสายจากผู้เป็นแม่แล้วดินก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าเค้าโดยไม่พูดไม่จาอะไรเลย คนบ้าจะทำให้เขินไปถึงไหนก็ไม่รู้
“ฟ้ามีแฟนรึยังครับ” จู่ๆดินก็ถามขึ้นมา เค้าแทบจะไม่ได้ฟังที่ฟ้าครามพูดก่อนหน้านี้เลย
“หือ!” ฟ้าครามถึงกับตาโตเมื่อได้ยินคำถามของดิน
“ถ้ายังไม่มีพี่ขอจีบฟ้าได้มั้ยครับ” ยิ่งเห็นคนตรงหน้าทำหน้าตาเหลอหลาเค้ายิ่งชอบใจและยิ่งอยากแกล้งให้เขิน ไม่ว่าน้องจะทำอะไรมันดูน่ารักน่าเอ็นดูไปซะหมดในสายตาของเค้า ความจริงแล้วเค้าแอบโทรไปขอจีบน้องจากพ่อแม่ของน้องมาแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่เพราะว่างานที่ยุ่งๆอยู่เค้าเลยยังไม่ได้ลงมือสักที
นับจากวันแรกที่ฟ้าครามมาทำงานกับเค้านี่ก็ได้สองอาทิตย์แล้ว ฟ้าครามช่วยเค้าและเจนเนตรได้มากเลยทีเดียว จนตอนนี้เจนเนตรแทบจะไม่ต้องทำอะไรแล้วเพราะฟ้าครามรับอาสาทำเองทั้งหมด ฟ้าครามทั้งหัวไวและแก้ปัญหาได้ดีจนบางทีเค้าเองยังแอบทึ่ง
ฟ้าครามยังคงนั่งก้มหน้าเงียบอยู่ หลังจากที่โดนดินบุกแบบไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว
“ว่ายังไงล่ะครับ ไม่ตอบแล้วก็ไม่ปฏิเสธแบบนี้พี่จะทึกทักเอาเองว่าฟ้าอนุญาตพี่แล้วนะครับ” ดินพูดขึ้นยิ้มๆเมื่อเห็นว่าอีกคนนั้นหน้าเริ่มแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุกแล้ว
ฟ้าครามในตอนนี้จะต่างจากตอนทำงานเป็นอย่างมาก เพราะว่าตอนทำงานนั้นฟ้าครามจะดูเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก กล้าที่จะคิดกล้าที่จะพูดกล้าที่จะเสนอแนวคิดใหม่ๆและกล้าที่จะตัดสินใจในเวลาที่คับขัน นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าฟ้าครามนั้นไปอยู่ต่างประเทศมาหลายปีจึงได้ตรงนี้มา แต่พอเป็นเรื่องนี้ทีไรฟ้าครามก็จะกลายเป็นคนที่ดูไร้เดียงสาในด้านของความรักไปโดยปริยาย ความมั่นใจที่เคยมีก็ดูจะมลายหายไปหมดเช่นกัน
“เอ่อ ถ้าพี่ดินไม่มีอะไรแล้วฟ้าขอตัวไปทำงานต่อนะครับ” ฟ้าครามพูดขึ้นโดยที่ไม่มองหน้าดินและรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องในทันที
ดินได้แต่นั่งยกยิ้มอยู่คนเดียวหลังจากที่ฟ้าครามออกไปจากห้องแล้ว เริ่มแรกทีเดียวฟ้าครามก็เรียกแทนตัวเองว่าผมตามปกติแต่พอคุยไปคุยมา ดินกลับบอกกับคำว่าผมมันดูห่างเหินจนเกินไป ฟ้าครามก็เลยต้องยอมตามใจเจ้านายที่ค่อนข้างเอาแต่ใจคนนี้โดยการยอมเรียกชื่อแทนตัวเอง
กริ๊ง! กริ๊ง!
“เออว่าไง” ดินนั่งทำงานไปได้สักพักก็มีสายเรียกเข้าจากรุ่นน้องคนสนิท
(วันนี้เฮียว่างรึเปล่า ผมจะพาแฟนไปบ้านเฮียวายุไปแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก) อิฐพูดออกมาอย่างคนอารมณ์ดี เพราะวันนี้เป็นวันรับน้องวันสุดท้ายแล้ว และตั้งแต่วันจันทร์หน้าเป็นต้นไปเค้าก็สามารถที่จะเดินควงแฟนของเค้าได้อย่างเปิดเผย โดยที่ไม่ต้องมาคอยหลบๆซ่อนๆว่ากลัวใครจะเห็นแล้วด้วย
“ห๊ะ! อย่าบอกนะว่ามึงจีบน้องข้าวอะไรของมึงติดแล้วไอ้อิฐ นี่มึงจะเร็วไปรึเปล่าวะ” ดินถามออกมาอย่างหัวเสียนิดหน่อยเพราะเค้ายังไม่ได้เริ่มจีบว่าที่แม่ของลูกเค้าอย่างเป็นทางการเลย
(ฮ่าๆๆ ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยล่ะเฮีย นี่อย่าบอกนะว่าเฮียยังไม่ได้เริ่มจีบว่าที่แม่ของลูกเฮียเลยน่ะ อ่อนว่ะ ฮ่าๆๆ) อิฐส่งเสียงหัวเราะมาตามสาย ดินก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันรุ่นน้องด้วยความหมั่นไส้ที่มันรู้ทันเค้าไปซะทุกเรื่อง
“ก็ใครจะไปว่างเหมือนมึงล่ะวะ วันๆรอแต่ลงว๊ากน้องอย่างเดียว” ดินพูดใส่รุ่นน้องไปอย่างอารมณ์เสีย
(เอาน่าเฮียผมเอาใจช่วยก็แล้วกันนะ ของเฮียน่าจะไม่ยากหรอกเพราะดูแล้วพี่ฟ้าคนสวยเค้าก็คงมีใจให้กับเฮียเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่หน้าแดงอย่างนั้นหรอกตอนที่เฮียหันไปถาม แล้วก็เย็นนี้เฮียลองชวนว่าที่พี่สะใภ้ของผมไปด้วยนะจะได้รู้จักกันไว้) อิฐพูดให้กำลังใจรุ่นพี่ตัวเอง เพราะถ้าไม่ได้ดินชี้ทางสว่างให้กับเค้าป่านนี้เค้าก็ยังไม่รู้ว่าจะได้คุยกับข้าวปั้นหรือยัง อาจจะมัวแต่คิดไปเองหรือวางฟอร์มอยู่ก็ได้
“เออๆขอบใจเว้ย งั้นเดี๋ยวเย็นนี้เจอกันที่บ้านไอ้วายุแล้วกัน เดี๋ยวกูจะลองชวนว่าที่แม่ของลูกกูไปด้วย แต่ไม่รู้จะสำเร็จรึเปล่า”
(โอเคเฮียไว้เจอกัน)
“เออเจอกันเย็นนี้”
พอวางสายจากอิฐแล้วดินก็ได้แต่นั่งเอานิ้วเคาะอยู่ที่โต๊ะอย่างคิดไม่ตก เค้าไม่รู้ว่าจะลองชวนคนข้างนอกไปกับเค้าเย็นนี้ด้วยดีมั้ย และถ้าชวนจะหาข้ออ้างอะไรยังไงดี
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ขออนุญาตนะครับ” ฟ้าครามที่เคาะประตูห้องอยู่สักพักแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงถือวิสาสะเปิดเข้ามาเลย
“พี่ดินครับ เอกสารสรุปไตรมาสที่สองทางบัญชีส่งมาให้ได้แล้วนะครับ” ฟ้าครามพูดพร้อมกับวางแฟ้มไว้ตรงหน้าของดิน แต่คนที่นั่งอยู่ยังคงเคาะนิ้วไปที่โต๊ะสลับกันไปมาอยู่ อย่างกับว่าไม่ได้ยินที่เค้าพูดเลย
“พี่ดินครับ” ฟ้าครามพูดพร้อมกับโบกมืออยู่ด้านหน้าของดินไปมา
“ครับฟ้า มีอะไรรึเปล่าครับ” ดินที่ได้สติกลับคืนมาถามขึ้น
“พี่ดินไม่สบายตรงไหนรึเปล่าครับ” ฟ้าครามถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าหรอกครับ พี่แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย ว่าแต่ว่าเย็นนี้ฟ้าว่างรึเปล่าครับ” ดินได้โอกาสจึงถามขึ้น
“อืมม ก็ไม่ได้มีธุระจะไปไหนนะครับ ว่าแต่พี่ดินถามทำไมเหรอครับ”
“คือ พี่อยากชวนฟ้าไปทานข้าวที่บ้านของเพื่อนพี่น่ะครับ แล้วก็จะเข้าไปดูบ้านที่กำลังสร้างของพี่ด้วย พี่เลยอยากชวนฟ้าไปเป็นเพื่อน เผื่อว่าฟ้าจะมีไอเดียอะไรใหม่ๆ แนะนำพี่บ้าง” ดินเพิ่งจะคิดหาวิธีออก เพื่อที่จะชวนคนตรงหน้าไปด้วยโดยไม่เป็นการจงใจเกินไปนัก
“อืมม แต่ว่าฟ้าไม่ค่อยถนัดเรื่องแต่งบ้านเท่าไหร่นักหรอกนะครับ ฟ้าว่าพี่ดินลองชวนคนอื่นดีกว่ามั้ยครับ”
“แต่ว่าพี่อยากให้ฟ้าได้ไปเห็นแล้วพี่ก็อยากให้ฟ้าเป็นคนออกไอเดียให้กับบ้านของพี่นี่ครับ” ดินพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ติดอ้อนเล็กน้อย
“ฟ้าว่าอย่าดีกว่าครับ พี่ดินลองให้สถาปนิกหรือคนที่เค้ามีไอเดียทางด้านนี้ดูแล้วก็ออกแบบให้ดีกว่านะครับ” ฟ้าครามยังคงยืนกรานปฏิเสธอยู่แบบเดิม
“ถ้าอย่างนั้นฟ้าแค่ไปเดินดูอย่างเดียวก็ได้ครับ ถ้าไม่มีไอเดียอะไรก็ไม่เป็นไรพี่แค่อยากให้ฟ้าได้ไปเห็น” ดินยังคงพยายามพูดเกลี้ยกล่อมอีกรอบ เค้าอยากให้คนตรงหน้าของเค้าได้มีส่วนร่วมในบ้านหลังนี้ของเค้าจริงๆ เพราะเค้าคิดว่าในอนาคตข้างหน้าฟ้าครามก็จะต้องไปอยู่กับเค้าอยู่แล้ว
“แต่ฟ้าว่า.....”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าฟ้าไม่อยากไป พี่ก็ไม่บังคับหรอกครับ” ดินพูดขึ้นเสียงนิ่งพร้อมกับดึงแฟ้มที่ถูกวางไว้ตรงหน้ามาเปิดดู
ใบหน้าที่เคยยิ้มและดูขี้เล่นบัดนี้กลับนิ่งและดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันทีทันใด ฟ้าครามได้แต่นั่งมองดินอยู่อย่างนั้นอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก
“เอ่อ เดี๋ยวอีกประมาณ 20 นาทีพี่ดินมีประชุมกับแผนกการตลาดนะครับ” ฟ้าครามพูดขึ้นไม่ดังมากนักเพราะเค้ายังเดาอารมณ์ของคนตรงหน้าไม่ค่อยออก
“ครับ” ดินพูดพร้อมกับเปิดดูเอกสารในมือดูไปด้วย เค้าพูดโดยที่ไม่เงยขึ้นมามองหน้าฟ้าครามที่มองเค้าอยู่เลย
ฟ้าครามได้แต่ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ เพราะตั้งแต่เค้าปฏิเสธออกไป ดินก็ไม่ยอมคุยและไม่ยอมมองหน้าเค้าอีกเลย
“ปัง!โธ่เว้ย! ทำไมมึงถึงได้งี่เง่าอย่างนี้วะไอ้ดิน” พอฟ้าครามออกไปแล้วดินก็ฟาดแฟ้มลงไปที่โต๊ะอย่างแรงพร้อมกับกร่นด่าตัวเองออกมา
เค้ายอมรับเลยว่าน้อยใจและเสียความมั่นใจที่มีอยู่เมื่อถูกอีกคนปฏิเสธออกมา เค้าขอแค่ให้น้องได้ไปดูบ้านกับเค้าเพียงแค่นั้นเอง ถึงจะไม่มีไอเดียอะไรเลยเค้าก็ไม่เคยคิดที่จะว่าอยู่แล้ว เค้าอยากให้ฟ้าครามได้ไปเห็นบ้านที่กำลังสร้างด้วยกัน อยากให้ฟ้าครามมีส่วนร่วมในบ้านหลังนี้กับเค้าด้วย เค้าขอแค่นี้ไม่ได้เหรอ เค้ารู้ว่าเค้านั้นมันงี่เง่าเกินไปที่มานั่งคิดเล็กคิดน้อย แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วน้องอาจจะมีใจไม่ตรงกันกับเค้าก็เป็นได้ หรือไม่ที่ผ่านมาเค้าก็คงจะคิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไปก็เป็นได้
แกร็ก!!
เมื่อครบ 20 นาทีดินก็เปิดประตูออกมาโดยที่ฟ้าครามยืนอยู่ที่หน้าห้องของเค้าพอดี เพราะฟ้าครามก็กำลังจะเข้าไปตามดินอยู่เหมือนกัน
“เอ่อ ได้เวลาประชุมแล้วครับ” ฟ้าครามเอ่ยบอกไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ส่วนดินก็ได้แต่พยักหน้าและเดินออกไปโดยที่ยังไม่ยอมมองหน้าของฟ้าครามอยู่เช่นเดิม
บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปด้วยความตึงเครียดเพราะรองประธานที่เคยใจเย็นและสุขุม บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นคนขี้หงุดหงิดขี้โมโหไม่ว่าฝ่ายการตลาดจะเสนออะไรออกมาก็ดูจะไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจเอาซะเลย ทุกคนถึงกับเกร็งไปตามๆกันเพราะไม่เคยเจอท่านรองประธานในโหมดนี้เหมือนกัน ที่ผ่านมาถึงแม้ดินจะวางตัวให้ดูสุขุมและน่าเกรงขามแต่ทุกครั้งที่มีการประชุมกันดินจะเป็นคนที่ใจเย็นมากและยังช่วยทุกคนคิดหาทางออกอยู่ตลอด ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทุกคนจะต้องมาตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่แบบนี้เลย
“ถ้าไม่มีข้อเสนออะไรที่มันดีไปกว่านี้แล้วก็ไม่ต้องประชุมกันต่อ เอากลับไปคิดกันใหม่แล้วค่อยมาเสนอผมอีกทีในอีกสองวัน เลิกประชุม” ดินพูดจบก็ลุกเดินออกไปทันที
“น้องฟ้าคะ วันนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ท่านรองไปกินรังแตนที่ไหนมาเหรอคะ ปกติพี่ไม่เคยเห็นท่านรองเป็นแบบนี้เลย” พี่จิ๊บหัวหน้าแผนกการตลาดเอ่ยถามฟ้าครามขึ้นมาเมื่อดินเดินออกจากห้องไปแล้ว
“เอ่อ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ว่าพี่จิ๊บยังไม่ต้องทำแผนออกมาใหม่นะครับเดี๋ยวผมขอเอาแผนนี้ไปคุยกับคุณดินอีกทีนะครับ” ฟ้าครามยื่นมือไปรับแฟ้มจากจิ๊บ เพราะแผนที่การตลาดเสนอมาให้นั้นก็เป็นแผนเดียวกันกับการประชุมครั้งที่แล้วเพียงแต่ว่าถูกดินให้เอากลับไปแก้รายละเอียดเพียงบางส่วนเท่านั้นเอง
ฟ้าครามที่พอจะรู้สาเหตุถึงคลื่นพายุอารมณ์ในครั้งนี้ก็ได้แต่ส่ายหัว เพราะเค้าก็ไม่คิดว่าจะทำให้คนอื่นนั้นต้องพลอยเดือดร้อนกันไปด้วย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“พี่ดินจะกลับบ้านแล้วเหรอครับ” ฟ้าครามเหลือไปมองนาฬิกาที่เพิ่งบอกเวลา 15.40 น. เลยถามขึ้น
“ครับ” ดินพูดโดยไม่มองหน้าฟ้าครามพร้อมกับหันหลังไปหยิบกระเป๋าที่มีเอกสารของฝ่ายบัญชีที่เค้าจะเอากลับไปดูด้วยขึ้นมา
“เอ่อ ฟ้าทำให้พี่ดินไม่พอใจหรือว่าโกรธรึเปล่าครับ” ฟ้าครามตัดสินใจถามออกมาเมื่อเห็นอีกคนยังคงตีสีหน้าเรียบนิ่งใส่เค้าอยู่
“พี่ไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้นหรอกครับ พี่มันก็แค่เจ้านายหรือไม่ก็แค่คนรู้จักที่ทำงานก็เท่านั้นฟ้าอย่าใส่ใจไปเลยครับ พี่ขอตัวกลับก่อนนะครับจะเข้าไปดูบ้านสักหน่อย” ดินหันมาสบตากับดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนแล้วพูดออกมา
ฟ้าครามเมื่อได้ยินน้ำเสียงและคำพูดของดินที่มันบ่งบอกถึงการตัดพ้อและน้อยใจอย่างชัดเจน ไหนจะยังแววตาที่เคยเป็นประกายมันกลับกลายเป็นแววตาที่มีแต่ความว่างเปล่าเค้าไม่ชอบแววตาแบบนี้เลยสักนิด
ยังไม่ทันที่ฟ้าครามจะได้เอ่ยหรือพูดอะไรออกไปดินก็เดินออกไปเสียก่อน ฟ้าครามได้แต่เดินตามออกไปและมองดูแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าไปในลิฟต์
Comments (0)