57 ตอน นักร้องโอเปร่า (The End)
โดย Beloved_Moouan
“โห!!! นี่บ้านพี่น้ำหรือว่าเนอสเซอรี่ครับเนี่ย” ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านของสายน้ำขนมพายก็ร้องขึ้นทันที เพราะภาพที่เค้าเห็นอยู่ตรงหน้านั้นคือเนอสเซอรี่ขนาดย่อมดีๆนี่เอง
ตอนนี้เด็กๆเริ่มที่หัดยืนและหาที่เกาะเดินกันแล้วจึงเกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นในทุกๆวัน โดยเฉพาะกรและกริชที่อยู่ในวัย 11 เดือน ที่กำลังจะเดินได้คล่องทำให้ลุงๆต่างก็ตั้งให้เป็นหัวหน้าแก๊งเลยทีเดียว เพราะมักจะพาเพื่อนๆเดินเกาะไปรอบๆคอกกั้นเด็ก จนวายุต้องสั่งทำคอกกั้นเด็กที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษเพื่อที่จะสามารถจุเด็กทั้ง 7 คนได้ในนั้นโดยที่ไม่อึดอัดและมีพื้นที่ให้เดินและคลานเล่นกันได้
พอเด็กๆเริ่มที่จะคลานได้แล้ว พวกเค้าจึงปล่อยให้เด็กๆได้เล่นกันตามประสาโดยการหาของเล่นเสริมพัฒนาการมาให้เล่นตามวัย โดยไม่ได้คอยตามติดหรือคอยประคองคอยประคบประหงมอยู่ตลอดเวลาเพียงแต่ให้อยู่ในสายตาเท่านั้นเอง เพราะยังไงเด็กๆก็ยังเล่นกันอยู่ในคอกกั้นไม่ได้ไปไหนกัน อาจจะมีล้มลุกคลุกคลานกันบ้างแต่นั่นก็เพื่อเป็นการฝึกทักษะพัฒนาการให้กับเด็กๆได้มีความอดทนและฝึกที่จะยืนและนั่งด้วยตัวเอง
“ว่างๆก็มาช่วยกันเลี้ยงหลานหน่อยนะน้องพายวุ่นกันน่าดูเลย” สายน้ำที่นั่งต่อจิ๊กซอว์เป็นเพื่อนน้องของขวัญในวัย 4 ขวบอยู่เอ่ยขึ้นยิ้มๆ และหันไปมองลูกๆของตัวเองและหลานๆอยู่เป็นระยะๆ
“พายคิดถึงหลานๆจะแย่แล้วครับ แต่ที่ร้านก็ยุ่งๆพายเลยไม่ค่อยได้มาหาหลานเลย” ขนมพายที่ตอนนี้เข้าไปดูร้านคาเฟ่แทนแม่ของตัวเองอย่างเต็มตัวพูดบอกกับรุ่นพี่ไปด้วยความเสียดาย เพราะนานๆทีเค้าถึงจะปลีกตัวมาได้ ซึ่งไนท์เองก็เช่นกันที่ต้องเข้าไปศึกษางานเพื่อรับช่วงกิจการต่อจากพ่อของตัวเอง
“แม๊ะๆๆ”
“แอ๊ๆๆ”
“แงๆๆ”
“กรี๊ดด!!!”
“แงๆๆๆ”
“เฮ้ย!! น้องกริชครับลูก จับหัวน้องข้าวโยกอย่างนั้นไม่ได้นะครับ” ออกัสที่หันมาเห็นว่าน้องกริชกำลังจับหัวของน้องข้าวจ้าวโยกไปมาอยู่ จนน้องข้าวจ้าวร้องไห้ออกมาเสียงดังก็รีบก้าวเข้าไปในคอกและจับมือของน้องกริชออกทันที
ส่วนน้องโดมที่เห็นว่าน้องข้าวจ้าวนั้นโดนน้องกริชแกล้งและกำลังจะคลานเข้าไปช่วยแต่ก็โดนน้องหมอกจับขาและดึงเอาไว้จนล้มทับกันไปด้วยกันทั้งคู่ทำให้ตอนนี้เกิดเสียงกระจองอแงดังลั่นไปทั่วทั้งห้องจนฟ้าครามและเบลต้องเข้ามาจับแยกและอุ้มไปปลอบ จะมีก็แต่น้องกร น้องเฟียส และน้องว่าน ที่นั่งเล่นตัวต่อกันอยู่อย่างเงียบๆไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
“ร้องเพลงกันตั้งแต่หัววันเลยเหรอครับ ฟอดๆ” อิฐที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานเอ่ยแซวลูกชายและหลานๆของตัวเองที่ตอนนี้กำลังร้องไห้กระจองอแงอยู่ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เดินไปหาแต่อย่างใดปล่อยให้แม่ๆจัดการกันเอง แต่กลับเดินมาหาหลานสาวสุดที่รักที่กำลังตั้งใจต่อจิ๊กซอว์อยู่โดยมีสายน้ำและขนมพายคอยเป็นลูกมือช่วย ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆและก้มไปหอมที่แก้มยุ้ยของหลานสาวไปสองฟอดใหญ่
“ลุงอิฐขา ของขวัญต่อเก่งมั้ยคะ” น้องของขวัญหันไปถามลุงสุดที่รักเมื่อตัวเองแม่และน้าพายช่วยกันต่อจิ๊กซอว์จนเกือบเสร็จแล้ว
“เก่งมากเลยค่ะหลานลุง” อิฐพูดชมและลูบผมของน้องของขวัญไปด้วยอย่างรักใคร่ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับข้าวปั้นที่กำลังอุ้มน้องข้าวจ้าวเดินมาหาตน
“เหนื่อยมั้ยครับวันนี้ เด็กๆซนกันรึเปล่า” อิฐเงยหน้าขึ้นไปถามข้าวปั้นและยื่นมือไปรับน้องข้าวจ้าวที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่มานั่งที่ตักของตนและกอดปลอบพร้อมกับลูบหลังปลอบไปด้วย
“หึๆ ก็ธรรมดาเหมือนทุกวันนั่นแหละครับ นี่ก็เพิ่งโดนน้องกริชโยกหัวจนร้องไห้มา” ข้าวปั้นบอกพร้อมกับหัวเราะออกมา เพราะเป็นเรื่องปกติของเด็กๆที่จะต้องมีแกล้งกันทะเลาะกันตามประสาเค้าจึงไม่ได้ซีเรียสอะไร
“ไหนน้องกริชมาหาลุงครับเร็ว” อิฐหันไปขวักมือเรียกน้องกริชที่กำลังตั้งท่าคลานมาหาตัวเอง
“แอ๊ๆๆ” น้องกริชตอบรับพร้อมกับคลานมาหาอิฐอย่างรวดเร็ว
“ฟอดๆ ไหนใครดื้อแกล้งเพื่อนครับ หืมม” อิฐอุ้มน้องกริชให้มานั่งที่ตักของตัวเองคนละฝั่งกับน้องข้าวจ้าวและถามขึ้น
“อื้อๆๆ” น้องกริชตอบโดยการชี้นิ้วไปที่น้องข้าวจ้าวที่นั่งมองตัวเองตาแป๋วอยู่
“ฮ่าๆๆ นี่โตขึ้นคงจะแสบน่าดูเลยใช่มั้ยครับ มีโยนความผิดให้เพื่อนด้วย” อิฐและทุกคนที่นั่งกันอยู่ถึงกับหัวเราะออกมาทันทีที่น้องกริชชี้นิ้วไปที่น้องข้าวจ้าว น้องกริชและน้องข้าวจ้าวที่เห็นว่าทุกคนหัวเราะกันจึงพากันหัวเราะตามไปด้วย
“คุณพ่อขา” น้องของขวัญที่เห็นวายุเดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปหาทันที
หมับ!!!
“ฟอดๆๆ คิดถึงจังเลยค่ะ” วายุย่อตัวลงเพื่อรอรับลูกสาวและอุ้มขึ้นเดินไปหาน้องกรที่นั่งเล่นอยู่ในคอกกั้นอย่างเงียบๆก่อนที่จะอุ้มน้องกรออกมาด้วยกันเพื่อเดินมาหาสายน้ำ
“ฟอด! เหนื่อยมั้ยครับ” สายน้ำหันไปหอมแก้มวายุและถามขึ้นพร้อมกับหันไปรับกริชที่ดิ้นจากการอุ้มของอิฐเพื่อที่จะมาหาตนด้วย
“แค่เห็นหน้าลูกหน้าเมียพี่ก็หายเหนื่อยแล้วครับ ฟอด!” วายุตอบออกมายิ้มๆและหันไปหอมแก้มเมียสุดที่รักคืนบ้าง
“คุณพ่อขา น้องกริชนิสัยไม่ดีค่ะ น้องกริชแกล้งน้องข้าวค่ะ” น้องของขวัญที่เห็นว่าน้องข้าวจ้าวยังคงมีคราบน้ำตาติดอยู่ที่หน้าก็รีบฟ้องพ่อตัวเองทันที
“หึๆ น้องไม่ได้แกล้งกันหรอกค่ะน้องแค่เล่นกันเฉยๆ แต่ว่าน้องยังเด็กอยู่เลยยังกะแรงไม่ถูกแล้วก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเลยเล่นกันแรงไปหน่อยเท่านั้นเองค่ะ” วายุค่อยๆอธิบายให้ลูกสาวตัวน้อยได้ฟัง น้องของขวัญก็ฟังคุณพ่อของตัวเองอธิบายอย่างตั้งใจ
“กรี๊ดด แงๆๆๆ”
“แอ๊ะๆ แงๆๆๆ”
“น้องหมอกน้องว่าน ทำไมไปกัดเพื่อนอย่างนั้นล่ะคะลูก” เบลรีบเข้าไปแยกเด็กๆ ออกจากกันทันทีเมื่อลูกชายสุดแสบของตัวเองก้มลงไปกัดที่แขนของน้องเฟียส พอน้องว่านเห็นอย่างนั้นก็เลยก้มลงไปกัดที่ขาของน้องหมอกอีกต่อหนึ่ง ตอนนี้ทั้งน้องเฟียสและน้องหมอกเลยช่วยกันร้องประสานเสียงกันดังลั่นบ้านไปหมด ตามด้วยน้องว่านกับน้องโดมที่เห็นว่าเพื่อนร้องเจ้าตัวจึงเริ่มเบะปากและตามและร้องไห้ตามออกมาในที่สุด จนแม่ๆต่างก็ต้องเข้ามาอุ้มลูกของตัวเองไปปลอบ ซึ่งภาพนี้จะวนให้เห็นซ้ำๆกันในทุกๆวัน
“โอ้โห!! ไอ้อิฐมึงจ้างนักร้องโอเปร่ามาเหรอวะ” เหนือที่เพิ่งเดินเข้ามาพอได้ยินเสียงร้องประสานกันจึงพูดออกมาขำๆ เพราะภาพเหตุการณ์แบบนี้เค้าจะเจอทุกครั้งหลังจากกลับมาจากที่ทำงานจนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
“หึๆ ลูกชายเฮียน่ะตัวแสบเลยขอบอก” อิฐที่นั่งเล่นอยู่กับน้องข้าวจ้าว น้องกรและน้องกริชอยู่จึงเงยหน้าขึ้นมาตอบยิ้มๆ เพราะเค้าทันเห็นตอนที่น้องหมอกค่อยๆแอบคลานเข้าไปกัดที่แขนของน้องเฟียสพอดี
“ลูกกูก็หลานมึงรึเปล่าวะ ไหนใครว่าน้องหมอกของพ่อตัวแสบครับ ฟอดๆๆ” เหนือยื่นเท้าไปเตะอิฐเบาๆด้วยความหมั่นไส้ เพราะน้องหมอกก็เท่ากับว่าเป็นหลานแท้ๆ ของอิฐเหมือนกัน ก่อนที่จะเดินไปหาลูกชายตัวแสบของตัวเองที่ยังเบ้ปากร้องไห้อยู่
“แอ๊ะๆๆ” น้องหมอกรีบฟ้องพ่อตัวเองทันทีพร้อมกับชี้ไปที่น้องว่านที่วาริอุ้มอยู่ จนเหนือถึงกับยิ้มขำให้กับความแสบของลูกชายตัวเองที่แทบจะถอดแบบมาจากเค้าทั้งหมดเลยก็ว่าได้
“ฟอด! อย่างกับว่าตัวเองไม่ได้ทำเค้าเลยเน๊าะตัวแสบ” เบลเดินมาหอมแก้มลูกชายตัวแสบด้วยความมันเขี้ยวและพูดออกมายิ้มๆ เพราะในบรรดาลูกและหลานๆทุกคนลูกชายของเธอนั้นแสบที่สุดแล้ว สงสัยว่าจะได้พ่อมาเยอะนั่นเอง
หลังจากที่เสียงร้องโอเปร่าของเด็กๆเงียบลงไปแล้ว ทุกคนก็มานั่งรวมกลุ่มกันคุยกันโดยมีเด็กนั่งเล่นด้วยกันอยู่ใกล้ๆ พอผ่านไปสักพัก หินผา ไฟ และดินก็ทยอยกันกลับมาจากที่ทำงาน และในตอนนี้ดินเองก็ไม่ได้ให้ฟ้าครามเข้าไปทำงานด้วยแล้ว และย้ายคุณเจนเนตรให้มาเป็นเลขาของตนเองแทนเพราะอยากให้ฟ้าครามอยู่ดูลูกมากกว่า
“วันนี้เหมือนนัดรวมพลเลยว่ะ” เหนือพูดออกมายิ้มๆเมื่อเห็นว่าไนท์ นัทและนพพร เดินเข้ามา
“พี่นพสวัสดีครับ” สายน้ำ เบล ออกัส วาริ ข้าวปั้น และฟ้าคราม ต่างทักนพพรขึ้นพร้อมกันทันที เพราะช่วงหลังๆมานี้พวกเค้าไม่ค่อยจะได้เจอกับนพพรสักเท่าไหร่
“สวัสดีครับทุกคน สบายดีกันนะครับ” นพพรเอ่ยทักทุกคนและลงไปนั่งข้างๆกับนัทที่อุ้มน้องกรขึ้นมาไว้ที่ตักของตัวเอง
“สบายดีครับว่าแต่ช่วงนี้พี่อิฐใช้งานพี่นพหนักไปรึเปล่าครับ พี่นพดูผอมไปนะครับ” ข้าวปั้นเอ่ยทักนพพรขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูจะซูบลงไปนิดหนึ่ง
“พอดีช่วงนี้พี่ต้องเร่งปิดงานแล้วก็สอนงานให้กับเลขาคนใหม่ของคุณอิฐด้วยน่ะครับ เลยไม่ค่อยมีเวลาพักเท่าไหร่” นพพรตอบออกไปยิ้มๆ
“อ้าว!! พี่นพจะออกแล้วเหรอครับ” ข้าวปั้นร้องออกมาอย่างตกใจ
“ครับพี่จะออกมาช่วยนัทดูบัญชีน่ะครับ ตอนนี้ที่ผับกับที่สนามแข่งกำลังยุ่งๆเลย นัทคนเดียวดูไม่ทันแล้วไหนจะยุ่งกับคอนโดที่กำลังจะสร้างใหม่อีกพี่เลยต้องเข้าไปช่วยน่ะครับ” นพพรตอบข้าวปั้นออกไปและหันไปดูนัทที่นั่งเล่นอยู่กับหลานชายยิ้มๆ
“ก็ดีนะครับ ไอ้นัทจะได้มีคนช่วยสักที ดูสิเครียดจนหน้าจะตามทันพี่ๆแล้ว” ขนมพายไม่พูดป่าวแต่ยังใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ระหว่างคิ้วของนัทอีกด้วย นัทก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาปัดนิ้วของเพื่อนสนิทตัวเองออก จนไนท์เองต้องรีบยกมือขึ้นมาจับมือของขนมพายกลับไปเพราะกลัวว่าจะโดนนัทตีเข้าให้
“มึงเอาไปเลี้ยงสักวันมั้ยวะ” ไฟที่เห็นว่านัทกำลังต่อหุ่นยนต์ให้น้องกรอยู่จึงเอ่ยขึ้นขำๆ
“ถ้าพ่อกับแม่เค้าให้อ่ะนะ” นัทบอกออกมาแต่มือก็ยังต่อหุ่นยนต์ให้กับหลานชายอย่างขะมักเขม้นโดยมีน้องกรนั่งดูอยู่แทบจะไม่กะพริบตา นัทนั้นดูจะชอบเล่นกับน้องกรเป็นพิเศษเพราะน้องกรนั้นจะไม่ซนเหมือนกับหลานคนอื่นๆของเค้า แต่จะดูนิ่งๆและนั่งเล่นอยู่เงียบๆคนเดียวเหมือนกับเด็กโตไม่มีผิด
“กูว่าลูกมึงโตขึ้นมาคงจะได้มึงมาเยอะเลยล่ะไอ้วายุ เผลอๆจะนิ่งยิ่งกว่ามึงกับไอ้นัทอีก” ไฟบอกออกมาทั้งที่ยังจับจ้องอยู่ที่หลานชายฝาแฝดคนโตอยู่ ทุกคนก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วยทันทีที่ไฟพูดขึ้นมา วายุก็ได้แต่ยกยิ้มและยักไหล่ส่งไปให้เพื่อนและมองไปที่ลูกชายคนรองที่แทบจะถอดแบบมาจากเค้าทุกกระเบียดนิ้วเลย
กรกับกริชนั้นถึงแม้จะเป็นฝาแฝดกันก็จริงแต่นิสัยของทั้งคู่นั้นต่างกันแบบสุดขั้วไปเลย กริชแฝดคนน้องนั้นดูจะเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กและซนตามประสาทั้งยังยิ้มง่ายและอารมณ์ดี ส่วนกรนั้นทุกคนจะไม่ค่อยได้ยินเสียงร้องสักเท่าไหร่นักจะมีร้องบ้างก็เวลาที่หิวหรือง่วงนอนมากๆเท่านั้นเอง และส่วนใหญ่กรก็จะนั่งเล่นของเล่นหรือไม่ก็ต่อตัวต่อของตัวเองอยู่อย่างเงียบๆคนเดียวไม่ค่อยจะไปเล่นกับเพื่อนเหมือนกับกริชแฝดคนน้องที่รายนั้นชอบที่จะแกล้งและแหย่คนอื่นซะมากกว่า
“กูว่าพอลูกๆได้สักขวบหนึ่งเรามีลูกคนที่สองกันเลยดีมั้ยวะ จะได้เลี้ยงทีเดียวเลย” อยู่ๆดินก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยระหว่างที่พวกเค้ากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่โดยมีพี่งามตาและพี่น้ำหวานคอยดูเด็กๆทั้ง 7 คนให้อยู่ ส่วนน้องของขวัญนั้นก็โตพอที่จะกินข้าวเองได้แล้วจึงมานั่งกินกับพ่อแม่และลุงกับป้าได้
“ผมก็ว่าดีนะเฮีย เด็กๆจะได้ไม่ห่างกันมาก” อิฐพูดเห็นด้วยขึ้นมาทันทีที่ดินพูดจบ
“งั้นก็ตามนั้นจะปล่อยตอนไหนบอกด้วยแล้วกัน” ไฟพูดสรุปขึ้นมาจนบรรดาแม่บ้านต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กไปมา เพราะไม่มีคุณพ่อบ้านคนไหนคิดที่จะหันมาถามความคิดเห็นของเมียตัวเองเลยว่าพร้อมที่จะท้องกันรึยัง
“แล้วนี่มึงสองคนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่” อยู่ๆหินผาก็ถามขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าคู่ของดินและอิฐนั้นยังไม่ได้จัดงานแต่งกันเลย
“ให้แม่ดูฤกษ์ให้อยู่ คงจะจัดพร้อมกันกับไอ้อิฐเลย” ดินเป็นคนตอบออกมาซึ่งอิฐก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะเค้าได้คุยกับข้าวปั้นและดินเอาไว้ว่าอยากที่จะให้ลูกของตัวเองได้อยู่ในงานแต่งงานของพวกเค้าทั้งสองคนด้วย ซึ่งกว่าจะได้ฤกษ์แต่งลูกของเค้าและดินอาจจะเดินเข้าไปร่วมงานแต่งงานของพ่อและแม่ได้แล้ว
หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแล้วทุกคนก็ย้ายออกมานั่งข้างนอกกัน จะเว้นก็แต่เหล่าแม่บ้านที่ดูลูกและหลานอยู่ข้างในบ้าน
“กูโคตรมีความสุขเลยว่ะ” หลังจากที่นั่งดื่มกันไปได้สักพักดินก็พูดขึ้นมา
“ชีวิตคนเราจะต้องการอะไรมากไปนี้วะนอกจากกลับมาจากที่ทำงานแล้วได้เห็นหน้าลูกหน้าเมีย” หินผาพูดบอกทุกคนออกไปและมองไปยังประตูทางเข้าที่มีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวของทั้งลูกๆและแม่ๆดังออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ
“กูเองก็ไม่คิดว่าชีวิตคู่ของกูจะมาลงเอยกับผู้ชายด้วยเหมือนกันว่ะ เมื่อก่อนไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองกูเลย เป็นเพราะมึงเลยที่ทำให้พวกกูก้าวผ่านจุดนั้นมาได้” ไฟพูดและหันมามองหน้าวายุ
“อืออ กูก็ไม่คิดว่าอดีตเสือผู้หญิงอย่างกูจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์กับเค้าได้เหมือนกัน ต้องขอบคุณไอ้วายุมันเลยน่ะเว้ยที่เป็นไอดอลของกู เพราะพอกูเห็นมันสวีทมันมีความสุขกับน้องน้ำกูก็เลยนึกอิจฉาเลยอยากที่จะเจอรักแท้กับเค้าบ้าง” เหนือพูดออกมายิ้มๆและหันมามองหน้านิ่งๆของเพื่อนตัวเองที่ตัวเองยกให้เป็นไอดอลเรื่องความรัก
“หึๆ” วายุได้แต่ยกยิ้มที่มุมปากและยื่นมือไปผลักหัวของเหนือเบาๆ
“นี่อย่าบอกนะว่าเฮียเขินน่ะที่เฮียเหนือบอกว่ามีเฮียเป็นไอดอล ฮ่าๆๆ” อิฐพูดแซววายุออกมาเมื่อเห็นว่าหน้าของวายุนั้นแดงขึ้นมานิดๆ
“เสือก!!”
“โอเค เจ็บแต่จบ”
“ฮ่าๆๆๆ” พออิฐพูดจบทุกคนก็พากันหัวเราะออกมา โดยมีรุ่นน้องอย่างไนท์และนัทร่วมวงหัวเราะและคอยนั่งฟังที่รุ่นพี่พูดคุยกันอยู่ด้วย
ทั้งไนท์และนัทก็อยากจะบอกรุ่นพี่ทุกคนเหมือนกันว่ารุ่นพี่ทุกคนนั้นคือไอดอลของพวกเค้าทั้งสองคนด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องความรักและครอบครัว
…
“ลูกหลับแล้วเหรอครับ” อิฐที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จโดยพันแค่ผ้าขนหนูตัวเดียวมานั่งลงข้างๆข้าวปั้นบนเตียงและถามขึ้นเสียงเบา เพราะกลัวว่าลูกชายของตัวเองที่นอนอยู่ที่เตียงเด็กแบบมีคอกกั้นจะตื่นขึ้นมา
“หลับแล้วครับสงสัยวันนี้คงจะร้องเหนื่อยเลยหลับเร็ว” ข้าวปั้นตอบอิฐออกมายิ้มๆ
“งั้นเราก็มานอนกันเถอะครับ” อิฐพูดจบก็เดินไปปิดไฟในห้องให้เหลือไว้แต่เพียงแค่ไฟบนหัวเตียงเท่านั้น
“แล้วพี่อิฐไม่ไปใส่กางเกงให้ดีก่อนเหรอครับ” ข้าวปั้นหันไปถามอิฐด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเพราะผ้าขนหนูที่พันอยู่ที่เอวสอบนั้นมันดูหมิ่นเหม่ซะเหลือเกิน ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันจนลูก 1 คนแล้วก็ตามแต่เค้าก็ยังคงไม่ชินกับหุ่นที่แสนจะเพอร์เฟคของสามีตัวเองอยู่ดี
“หึๆ เดี๋ยวก็ได้ถอดแล้วครับจะใส่ทำไมให้เปลืองครับ”
“อ๊ะ!! พี่อิฐทำอะไรครับเดี๋ยวลูกตื่น” ข้าวปั้นยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีที่เผลอร้องออกมาเสียงดัง เพราะอิฐนั้นจับเค้านอนลงและถอดกางเกงของเค้านั้นออกทันทีโดยที่เค้ายังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
“พี่ก็จะทำน้องให้กับน้องข้าวจ้าวยังไงล่ะครับ เราต้องรีบทำเวลานะครับเดี๋ยวตัวแสบตื่น” อิฐพูดจบก็ยกขาทั้งสองข้างของข้าวปั้นขึ้นไปชิดกับหน้าอกทันที พร้อมกับฝังหน้าลงไปที่รอยจีบสีสวยของข้าวปั้นและใช้ลิ้นร้อนไล่เลียและแยงเข้าไปในช่องทางรัก จนข้าวปั้นถึงกับร้องครางออกมา
“อื้ออ~ อ๊าส์ พะ พี่อิฐ ปั้นเสียว อ๊าส์~” ข้าวปั้นร้องครางออกมาอยู่ในลำคอพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองเอาไว้เพราะกลัวว่าตัวเองนั้นจะส่งเสียงดังจนทำให้ลูกตื่น
“ยังตอดดีเหมือนเดิม อ่าส์” อิฐบอกออกมาทันทีที่สอดนิ้วแรกเข้าไปที่ช่องทางรักของข้าวปั้นได้แล้ว
“อื้ออ อื้มม~” ข้าวปั้นยังคงร้องออกมาด้วยความเสียวที่อิฐนั้นสอดนิ้วที่สองและสามตามมา โดยที่อิฐนั้นวนไปกดที่จุดเสียวด้านในของเค้าย้ำๆอีกด้วย
“พี่จะเข้าไปแล้วนะครับที่รัก พร้อมรึยังครับ” อิฐลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าพร้อมกับชักรูดท่อนเนื้อของตัวเองไปด้วยและเอนตัวลงมาถามข้าวปั้นโดยที่ข้าวปั้นยังคงอยู่ในท่าเดิมอยู่ ข้าวปั้นก็ได้แต่พยักหน้ารับเพราะตอนนี้เค้านั้นเสียวสุดๆแล้ว
บ๊วบ!!
สวบ!!
“อื้อออ!!!” ข้าวปั้นร้องออกมาทันทีที่อิฐถอนนิ้วของตัวเองออกมาและแทนที่เข้ามาด้วยท่อนเนื้อของตัวเองทันทีด้วยเหมือนกันจนเค้าแทบจะตั้งตัวไม่ทัน
พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!
“ขอโทษนะครับ พี่ต้องทำเวลา อ่าส์ ของเมียโคตรแน่นเลยครับ” อิฐจับขาของข้าวปั้นกางออกมาและยกชี้ขึ้นฟ้าพร้อมกับบอกขอโทษออกมาแต่ก็ยังคงซอยสะโพกเข้าออกอย่างไม่หยุดหย่อน จนข้าวปั้นนั้นดิ้นบิดตัวดิ้นเร่าไปมาด้วยความเสียวแต่ก็ไม่สามารถร้องออกมาได้
“อ๊ะๆ ปะ ปั้นจะเสร็จ ขอแรงกว่านี้ครับ อ๊ะ อ๊าส์~” ข้าวปั้นบอกออกมาเพื่อให้อิฐนั้นเร่งความเร็วและแรงขึ้น
“ได้ครับเมียเดี๋ยวพี่จัดให้ครับ” พูดจบอิฐก็ก้มลงประกบริมฝีปากของข้าวปั้นเอาไว้ ลิ้นร้อนชอนไชเข้าไปฉกชิมความหวานในโพรงปากของเมียแทบจะทุกซอกทุกมุม ขณะที่สะโพกสอบยังคงเร่งกระแทกทั้งเร็วและแรงจนข้าวปั้นนั้นหัวสั่นหัวคลอนเลยทีเดียว
พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!
“อื้ออ~” ข้าวปั้นได้แต่ร้องครางอยู่ในลำคอด้วยความเสียวกระสันอย่างที่สุด พร้อมกับเล็บที่จิกไปที่หลังของอิฐจนเป็นรอยเล็บขึ้นมา
“ซี๊ดด อ่าส์ โคตรมัน ของเมียตอดพี่ดีเหลือเกิน” อิฐถอนริมฝีปากออกมาพร้อมกับซอยสะโพกเข้าออกอย่างไม่ยั้งแรงเพราะรับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดภายในว่าเมียของเค้านั้นใกล้จะเสร็จแล้ว และเค้าเองก็เช่นกัน
พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!
“อ๊ะๆ อ๊าส์~ / ซี๊ดด อ่าส์~” ไม่นานทั้งสองก็ปลดปล่อยน้ำรักออกมาพร้อมกันแต่คราวนี้อิฐเองปล่อยเข้าไปในตัวของข้าวปั้นไม่เหมือนกับหลายเดือนที่ผ่านมาที่เค้าจะเอาออกมาปล่อยข้างนอก เพราะในตอนนี้เค้าต้องการที่จะมีลูกคนที่สองแซงหน้าพี่ๆทุกๆคนนั่นเองถึงแม้ว่าทุกคนจะตกลงกันว่าจะรอให้ลูกครบ 1 ขวบก่อนก็ตาม โดยเจ้าตัวหารู้ไม่ว่ารุ่นพี่ของเค้าทุกคนนั้นก็กำลังปฏิบัติการภารกิจปั๊มลูกคนที่สองอยู่เหมือนๆกันกับเค้าเช่นเดียวกัน
❤❤จบบริบูรณ์❤❤
Comments (0)