15 ตอน ดัดหลัง
โดย Beloved_Moouan
“น้องปั้นจะบอกพี่ได้รึยังครับ ว่ามีเหตุผลอะไรที่น้องปั้นพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ไปที่บริษัทด้วยกันกับอิฐ” สายน้ำถามข้าวปั้นขึ้นมาเมื่อทุกคนทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีวายุและดินนั่งเล่นอยู่กับน้องของขวัญที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มที่พลิกคว่ำพลิกหงายและกระดึ๊บได้แล้วอยู่ตรงนั้นด้วย
“คือว่าปั้น...คือปั้นไม่อยากให้คนอื่นหรือพนักงานในบริษัทมองพี่อิฐไม่ดีน่ะครับ ที่มาคบกับผู้ชายด้วยกันเพราะอีกหน่อยพี่อิฐก็ต้องเข้าไปบริหารงานแทนคุณพ่อเต็มตัวแล้ว” ข้าวปั้นตอบออกมาไม่เต็มเสียงมากนัก เค้ารู้ว่าความคิดของเค้านั้นมันโง่งี่เง่ามาก มันเป็นความคิดของเด็กที่ไม่รู้จักโต
“เฮ้อ! ถ้าอย่างนั้นพออิฐได้เข้าไปบริหารงานที่ห้างเต็มตัวแล้ว น้องปั้นก็จะเลิกกับอิฐใช่มั้ยครับ เพราะว่าเดี๋ยวคนจะมองว่าอิฐนั้นไม่ดีที่มาคบกับผู้ชายด้วยกัน” สายน้ำพูดออกไปอย่างนั้น จนดินกับวายุถึงกับต้องหันมามองหน้าของสายน้ำทันที เพราะปกติแล้วสายน้ำจะเป็นคนที่ค่อนข้างรักษาน้ำใจของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก นี่คงจะเป็นเพราะเป็นเรื่องของเพื่อนรักจึงทำให้เจ้าตัวมีอารมณ์ร่วมไปด้วย
“ไม่นะครับ ไม่ครับ” ข้าวปั้นรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันทีจนหัวสั่นหัวคลอน
“น้องปั้นรู้อะไรมั้ยครับ การที่อิฐชวนน้องปั้นไปที่ห้างด้วยนั่นแสดงว่าอิฐเค้าพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกปัญหาทุกคำวิจารณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว แต่น้องปั้นกับไม่ยอมที่จะก้าวเดินไปพร้อมกับอิฐ ทั้งยังไม่เคยบอกเหตุผลหรือมานั่งพูดคุยกันเลย คนที่ไม่รู้อะไรเลยก็ได้แต่โดนปฏิเสธอยู่อย่างนั้นในทุกๆครั้ง โดยที่เค้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม” วายุที่เห็นเมียตัวน้อยเริ่มมีอารมณ์ก็รีบลุกขึ้นมานั่งข้างๆและคอยลูบไปที่หลังมือเพื่อให้เมียของตัวเองใจเย็นลง
“ขอโทษนะครับที่พี่พูดแรงไป” สายน้ำพอรู้สึกตัวว่าตัวเองอาจจะพูดแรงไปก็รีบเอ่ยปากขอโทษรุ่นน้องทันทีด้วยความรู้สึกผิด
ข้าวปั้นเองก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบกลับว่าไม่เป็นไรพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอ มันก็จริงอย่างที่สายน้ำพูดทุกอย่าง เค้าไม่เคยที่จะบอกเหตุผลให้อีกคนได้ฟังเลย มัวแต่ปล่อยให้อีกคนต้องมานั่งเดาเหตุผลเอาเอง เค้าเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลยใช่มั้ย
“น้องปั้นครับตั้งใจฟังพี่ดีๆนะครับ” สายน้ำเมื่อเริ่มที่จะใจเย็นลงแล้วก็พูดขึ้นมาอีกรอบ ข้าวปั้นก็ได้แต่พยักหน้ารับ
“พี่กาย พี่ดิน พี่ผา แล้วก็พี่ไฟ ทุกคนต่างก็เป็นผู้บริหารระดับสูงด้วยกันทั้งนั้น และทั้งพี่เอง พี่ฟ้า น้องวา และออกัส ก็ไม่เคยต้องมานั่งกังวลกับเรื่องนี้ เพราะอะไรน้องปั้นรู้มั้ยครับ” สายน้ำหยุดพูดและถามข้าวปั้นขึ้นมา ซึ่งข้าวปั้นก็ส่ายหน้าอีกครั้ง
“เพราะว่าพวกพี่ทั้งสี่คนเชื่อมั่นในความรักและเชื่อมั่นในคนรักของเรายังไงล่ะครับ ว่าเราจะสามารถจับมือกันฝ่าฟันมันไปได้ เราจะไม่สามารถก้าวผ่านมันไปได้เลยหากว่าคนใดคนหนึ่งยอมปล่อยมือทั้งที่ยังไม่ทันที่จะเริ่มหรือยังเชื่อใจอีกฝ่ายไม่พอ ทำไมเราจะต้องเอาความสุขของเราไปฝากไว้กับคนอื่นที่เค้าไม่เห็นด้วยกับความรักของเราด้วยล่ะครับ ทำไมเราต้องไปแคร์ความรู้สึกของคนอื่นที่เราไม่รู้จักด้วยล่ะครับแทนที่จะหันมาแคร์ความรู้สึกของคนที่เรารักและรักเรา เราเป็นคนเลือกที่จะเดินทางนี้ของเราเอง เราก็ต้องพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน อิฐเองก็เช่นกันอิฐเลือกน้องปั้นแล้วแสดงว่าอิฐเองก็ต้องมั่นใจแล้วว่าจะสามารถก้าวผ่านมันไปได้ น้องปั้นเข้าใจที่พี่พูดมาทั้งหมดนี้มั้ยครับ” สายน้ำนั่งอธิบายอย่างใจเย็นให้น้องได้เข้าใจ
“ฮึก! ปั้นขอโทษครับ” ข้าวปั้นพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม ตลอดเวลาที่เค้าคบกับอิฐมาเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คอยกวนใจเค้าอยู่ตลอด จนกระทั่งได้มาฟังที่สายน้ำพูดซึ่งมันก็จริง เค้ายังคิดน้อยเกินไป
“ไม่เอาไม่ร้องนะครับ เรื่องนี้ไม่มีใครผิดเลยครับ พี่ขอโทษนะครับที่บางคำพูดพี่อาจจะพูดแรงไปหน่อย แต่พี่ก็รักและหวังดีกับน้องปั้นนะครับ บางทีเรื่องที่ปั้นกำลังกลัวหรือกังวลอยู่มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้แต่ว่าเราอาจจะแค่รู้สึกกลัวหรือรู้สึกกังวลไปเอง น้องปั้นมีอิฐอยู่ด้วยทั้งคนยังจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะครับ พี่รู้น้องปั้นยังเด็กอยู่มากเรามาค่อยๆปรับความคิดกันใหม่ดีมั้ยครับ พี่พร้อมจะเป็นที่ปรึกษาให้กับปั้นทุกเรื่องนะ รวมทั้งพี่ๆคนอื่นๆด้วย” สายน้ำเข้าไปกอดข้าวปั้นเอาไว้พร้อมกับลูบหลังปลอบไปด้วย พอผละออกจากกันสายน้ำก็ยื่นมือไปเช็ดคราบน้ำตาของอีกคนให้อย่างเบามือ จนข้าวปั้นยิ้มออกมาได้กับความอบอุ่นที่ได้รับจากรุ่นพี่ตัวเล็กคนนี้ มิน่าใครๆต่างก็พากันรักพากันหลงด้วยกันทุกคน
พอทั้งสองคุยกันเสร็จดินก็ปิดวีดีโดที่เค้าแอบถ่ายเอาไว้ตั้งแต่สายน้ำเริ่มคุยกับข้าวปั้นและส่งต่อไปให้ไอ้รุ่นน้องตัวดี ที่ตอนนี้ยังไม่ยอมเปิดอ่านข้อความของเค้าที่ส่งรูปข้าวปั้นไปให้ตั้งแต่เช้า แถมโทรไปมันก็ยังปิดเครื่องอยู่อีก สงสัยเค้าคงต้องไปลากตัวมันมาจากที่บ้านซะจริงๆแล้วมั้ง ใครจะไปคิดว่ามันจะใจแข็งได้ขนาดนี้วะ
“น้องปั้นสบายใจขึ้นรึยังครับ” ดินถามขึ้นเมื่อข้าวปั้นเริ่มกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
“มากเลยล่ะครับพี่ดิน ปั้นขอบคุณพี่ๆทุกๆคนด้วยนะครับโดยเฉพาะพี่น้ำที่พูดให้ปั้นได้คิดได้เยอะเลย” ข้าวปั้นยกมือไหว้ทุกคนและขยับเข้าไปกอดสายน้ำอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม สายน้ำก็กอดตอบข้าวปั้นด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“แล้วนี่ไอ้อิฐมันติดต่อได้รึยังวะ” เป็นวายุที่ถามขึ้นมาเพราะเมื่อเช้าดินลองโทรไปแล้วแต่ว่าอิฐยังคงปิดเครื่องอยู่
“ยังเลยว่ะ ขนาดกูโทรไปที่เครื่องพี่อาร์มมันยังไม่ยอมมารับสายกูเลยนี่กูไม่เคยคิดเลยน่ะเว้ย ว่าเวลามันงอนหรือมันน้อยใจใครขึ้นมามันจะเป็นมากขนาดนี้” ดินตอบวายุไปอย่างอารมณ์เสีย
“หึๆ เดี๋ยวเรื่องนั้นน้ำจัดการเองครับ ทุกคนไม่ต้องห่วงนะครับ” ว่าจบสายน้ำก็ยกยิ้มอย่างมีแผน จนทำให้ทุกคนลืมลุคใสๆของสายน้ำไปเลย
“น้องน้ำจะจัดการยังไงเหรอครับ” ดินถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“พวกพี่ๆพอที่จะลางานกันได้สักสองสามวันมั้ยครับ น้ำอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศในการอ่านหนังสือสักหน่อย” พอสายน้ำพูดจบดินก็ยกยิ้มขึ้นทันที พร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นกดหาไฟในทันทีเหมือนกัน ส่วนวายุเองก็กดโทรเบอร์ของเหนือและหินผาอย่างรู้งาน จะมีก็แต่ข้าวปั้นที่ยังนั่งงงตามพี่ๆไม่ทันอยู่
“พี่งามตา พี่น้ำหวานครับ รบกวนช่วยเก็บเสื้อผ้าแล้วก็ของใช้ของน้องของขวัญให้ทีนะครับ เอาให้พอใช้สัก 3-4 วันนะครับ รวมทั้งของพี่ทั้งสองคนด้วย เราจะไปเที่ยวทะเลกันครับ” สายน้ำพูดบอกพี่เลี้ยงของน้องของขวัญยิ้มๆ เค้าจะถือโอกาสนี้ให้พี่ๆทั้งสองได้ไปพักผ่อนด้วยเลย เพราะตั้งแต่ทั้งคู่เลี้ยงน้องของขวัญก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนกันเลย
“จะดีเหรอครับพี่น้ำ แล้วถ้าเกิดพี่อิฐมาล่ะครับ” ข้าวปั้นที่ได้ยินสายน้ำบอกกับพี่เลี้ยงทั้งสองคนอย่างนั้นก็ถึงกับเก็ตทันที แต่ใจก็นึกห่วงคนรักของตัวเองด้วย
“มาก็ดีสิครับจะได้ไม่ต้องเจอใคร ทีอิฐยังกล้าทิ้งน้องปั้นไว้คนเดียวแบบไม่ห่วงได้เลย จะได้รู้ว่าคนที่ต้องรอรู้สึกยังไง ต่อให้เราจะน้อยใจใครแค่ไหนแต่เราก็ไม่สมควรที่จะหนีจนติดต่อไม่ได้อย่างนี้นี่ครับ น้องปั้นว่าจริงมั้ยครับ” สายน้ำพูดพร้อมยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา จนวายุคิดว่าเค้าไม่ควรที่จะทำให้เมียตัวเองโกรธหรืองอนเป็นอันขาด
พอผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงทุกคนก็มารวมตัวกันจนครบ โดยมีทั้ง หินผา วาริ ไฟ ออกัส เหนือ และเบลที่ตามมาสมทบทีหลัง รวมทั้งฟ้าครามที่เดี๋ยวจะไปแวะรับที่บ้านด้วยเพราะว่าเป็นทางผ่านอยู่แล้ว ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นกับการไปทะเลครั้งนี้มากเพราะไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้ว โดยทุกคนเลือกที่จะไปรีสอร์ตของดินที่ปราณบุรีที่เคยใช้เป็นสถานที่รับน้องเมื่อสองปีก่อน
“แอ๊ แอ๊ เอิ้ก เอิ๊ก” น้องของขวัญส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังขณะที่เล่นอยู่กับเหนือและเบล
“อารมณ์ดีเชียวนะคะ รู้เหรอคะว่าเราจะไปเที่ยวไหนกัน หืมม ฟอดๆๆ” เหนือที่อดมันเขี้ยวก้มลงไปฟัดแก้มหลานสาวไม่ได้ ที่ทั้งดีดดิ้นทั้งเตะขาปัดป่ายมือไปมาอย่างอารมณ์ดีอย่างกับรู้ว่าจะได้ไปเที่ยวทะเลครั้งแรกก็ไม่ปาน
“เอิ้ก เอิ้ก” ยิ่งเหนือเล่นด้วยมากเท่าไหร่น้องของขวัญก็ยิ่งส่งเสียงดังมากขึ้นเท่านั้น จนทุกคนถึงกับต้องยิ้มตามกับความน่ารักของหลานสาวตัวน้อย
“ไอ้เหนือพอเลยมึง เดี๋ยวหลานกูนอนละเมอ เอาหลานกูมานี่” ไฟรีบลุกขึ้นไปแย่งหลานมาทันทีที่เหนือยังแกล้งฟัดพุงน้อยๆของหลานไม่เลิก
“แอ๊ะ แอ๊ะ เอิ้ก เอิ้ก” ขนาดมาอยู่ในอ้อมกอดของลุงไฟแล้วน้องของขวัญยังหัวเราะไม่หยุด พาให้ทุกคนพลอยขำกันไปด้วย
“ป่ะ กูว่ารีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวเผื่อไอ้ตัวดีโผล่มาจะอดสนุกกันซะเปล่าๆ” ดินพูดขึ้นยิ้มๆ เพราะเค้าก็อยากจะเห็นไอ้รุ่นน้องคนนี้ดิ้นตามหาคนรักเหมือนกัน มันมัวแต่งอนเป็นเด็กไปได้หนีแม่งซะให้เข็ด
พอทุกคนทยอยขึ้นรถตู้กันจนครบแล้ว ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ตของดินทันที โดยมีพี่ทับเป็นคนขับรถให้เหมือนเคย
...
“อ้าว! มานั่งอยู่นี่เองเหรอจ๊ะ แม่ก็เดินตามหาซะรอบบ้าน แล้วนี่โทรศัพท์อิฐไม่ได้เปิดเครื่องหรอกเหรอหรือว่าแบตหมดคะ” แม่ของอิฐที่เดินตามหาลูกชายเพื่อที่จะเอาของว่างมาให้ตอนบ่ายถามขึ้น
“แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมแค่มาหาที่นั่งคิดอะไรเงียบๆเท่านั้นเองเลยยังไม่ได้เปิดเครื่อง” อิฐถามแม่ออกไปเพราะหลังจากที่เค้ากินข้าวกลางวันเสร็จแล้ว เค้าก็เข้ามานั่งเล่นที่สวนกล้วยไม้ของแม่
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แม่แค่จะโทรถามว่าอิฐอยู่ที่ไหนแม่จะได้เอาของว่างมาให้น่ะ งั้นเดี๋ยวแม่ไปเอาของว่างมาให้นะ”
“ขอบคุณนะครับ” อิฐพูดขอบคุณแม่ยิ้มๆแม่ของเค้ายังคงน่ารักเสมอ อาจจะเป็นเพราะว่าเค้าเองไม่ค่อยจะได้กลับมาอยู่บ้านสักเท่าไหร่
อิฐหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและตัดสินใจเปิดเครื่อง เพราะเค้าเองก็เป็นห่วงอีกคนหนึ่งเหมือนกัน ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้ จะได้กินข้าวกินปลาบ้างรึยังจะรู้สึกยังไงบ้างที่ติดต่อเค้าไม่ได้ นี่เค้ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ ทำไมเค้าถึงได้เป็นคนแบบนี้ไปได้ แทนที่จะกลับไปคุยกับน้องให้รู้เรื่องกลับหนีปัญหาโดยที่ไม่ได้ให้ความกระจ่างกับอีกคนเลย
เป็นเพราะความน้อยใจแท้ๆที่ทำให้เค้าเลือกที่จะตัดขาดการติดต่อจากอีกคนและยังรวมถึงทุกคนรอบข้างด้วย คิดได้ดังนั้นอิฐจึงรีบเดินออกไปจากสวนกล้วยไปเพื่อที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
“อ้าวอิฐลูก จะไปไหนจ๊ะ แม่เอาของว่างมาให้แน่ะ” แม่ของอิฐที่เดินสวนกับลูกชายตรงประตูทางเข้าบ้านก็เอ่ยถามออกมา โดยในมือยังถือจานขนมอยู่เลย
“แม่ครับอิฐขอโทษนะครับ พอดีอิฐเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วนน่ะครับ อิฐรบกวนแม่เอาขนมใส่กล่องให้อิฐได้มั้ยครับ เดี๋ยวอิฐจะเอาไปกินด้วย ขอบคุณนะครับ ฟอด!” อิฐพูดจบก็หอมแก้มคนเป็นแม่และรีบเดินเข้าบ้านและขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ทิ้งให้แม่ตัวเองได้แต่ยืนงงอยู่กับความไปเร็วมาเร็วของลูกชายตัวเอง
อิฐที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วและกำลังจะลงไปข้างล่าง แต่พอหยิบมือถือขึ้นมากดดูเค้าก็เห็นมิสคอลของข้าวปั้นขึ้นมาประมาณสามสิบกว่าสายรวมทั้งข้อความทางไลน์ของดินด้วย อิฐจึงตัดสินใจนั่งลงที่เตียงและเปิดอ่านก่อน
พอเจ้าตัวได้เห็นรูปของข้าวปั้นที่นั่งร้องไห้อยู่ที่สวนน้ำตกที่ดินส่งมาให้ ก็ถึงกับใจหล่นวูบเมื่อได้เห็นน้ำตาของอีกคน หลังจากนั้นเค้าก็ตัดสินใจเลื่อนนิ้วไปกดเล่นวีดีโอที่ดินส่งมาทันที อิฐนั่งมองและนั่งฟังอย่างรู้สึกเจ็บปวดใจ ถึงแม้สิ่งที่สายน้ำพูดบอกกับข้าวปั้นออกมาทั้งหมดนั้นจะจริงก็ตาม เพราะมันเป็นสิ่งที่เค้าเตรียมรับมือไว้อยู่ก่อนแล้ว แต่เค้าก็อดที่จะสงสารอีกคนไม่ได้
เพราะสิ่งที่น้องกังวลมันเป็นสิ่งที่เค้าไม่เคยรู้และไม่เคยจะเอ่ยถามน้องมาก่อนเลย น้องเป็นห่วงเค้าแท้ๆแต่ดูเค้าสิเค้าทำอะไรอยู่ เค้ามัวแต่มานั่งน้อยใจอะไรบ้าๆบอๆ อยู่ แทนที่จะมานั่งคุยกันด้วยเหตุผล ยังดีที่ยังได้เพื่อนของเค้าและพี่ๆช่วยกันดูแลข้าวปั้น ถ้าไม่มีทุกคนเค้าก็ไม่รู้ว่าป่านนี้น้องจะเป็นยังไงบ้าง จะคิดไปไกลหรือเตลิดไปถึงขนาดไหนแล้ว
เอี๊ยดด!!!
รถของอิฐมาจอดที่หน้าบ้านของสายน้ำภายในไม่ถึง 40 นาที พอจอดรถได้อิฐก็รีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้านทันที
“น้ำ ปั้น อยู่ไหนกันครับ” อิฐร้องเรียกพร้อมกับวิ่งไปดูที่สวนน้ำตกไปด้วย ด้วยความร้อนใจ
“ไอ้พี่ดินโว้ย อยู่ไหนวะ” อิฐร้องเรียกรุ่นพี่และบ่นออกมาอย่างอารมณ์เสีย
“คุณอิฐคะ ไม่มีใครอยู่หรอกค่ะ” ป้าเตือนหัวหน้าแม่บ้านที่ได้ยินเสียงของอิฐเดินออกมาบอก
“ไม่มีใครอยู่เหรอครับ แล้วไปไหนกันหมดครับ” อิฐพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองและถามออกมาอย่างใจเย็น
“ป้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะว่าพากันไปไหนหนูน้ำไม่ได้บอกเอาไว้ แต่เห็นบอกว่าจะไปกันสัก 3-4 วันน่ะค่ะ อ้อ!แล้วก็พวกคุณไฟ คุณหินผา แล้วก็คุณเหนือก็ไปด้วยหมดเลยนะคะ รวมทั้งหนูข้าวปั้นแฟนของคุณอิฐด้วยค่ะ” ป้าเตือนบอกกับอิฐไปตามที่รู้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นอิฐถึงไม่รู้เรื่องและไม่ได้ไปกับเค้าด้วย เพราะปกติแล้วกลุ่มนี้ถ้าไปไหนจะต้องไปด้วยกันหมดทุกที
“ขอบคุณมากครับป้า” อิฐบอกขอบคุณออกมาอย่างลอยๆ
“คุณอิฐจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่มั้ยคะ ป้าจะได้เตรียมไว้ให้” ป้าเตือนถามอิฐขึ้นมา เพราะอิฐเองก็อยู่ที่บ้านนี้เป็นประจำอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมก็จะกลับแล้วครับจะแวะไปทำธุระที่อื่นต่อด้วย” อิฐบอกออกไปยิ้มๆ จากนั้นป้าเตือนก็ขอตัวเข้าไปในห้องครัว
อิฐทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ นี่เค้าคงจะโดนทุกคนดัดหลังเข้าให้แล้ว ที่ทิ้งข้าวปั้นให้อยู่คนเดียวและติดต่อหาเค้าไม่ได้เลย
อิฐลองกดเบอร์โทรออกหาทุกคน แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันปิดเครื่องโดยที่เค้าไม่สามารถติดต่อใครได้เลยแม้กระทั่งฟ้าครามเองก็ตาม เรียกว่าถูกปิดทุกช่องทางการสื่อสารเลยดีกว่า
“อดทนหน่อยนะครับ ไว้พรุ่งนี้ช่วงบ่ายๆเราค่อยติดต่ออิฐกลับไป” สายน้ำที่เห็นข้าวปั้นนั่งเงียบมาตลอดทางและยังมีท่าทางเหม่อลอยมองออกไปนอกรถจึงเอ่ยปลอบขึ้นมา
“แต่ปั้นสงสารพี่อิฐ ถ้าพี่อิฐหาพวกเราไม่เจอแล้วก็ไม่รู้ว่าพวกเราไปไหนกันล่ะครับ” ปั้นเอ่ยออกมาน้ำตาคลอ
“ปั้นต้องใจแข็งเข้าไว้นะครับ อิฐจะได้รู้ว่าการที่เราติดต่อคนที่เรารักไม่ได้ และไม่รู้ว่าเค้าไปอยู่ที่ไหนหรือเป็นตายร้ายดียังไงมันรู้สึกยังไง แต่กรณีของปั้นอย่างน้อยอิฐก็ยังเบาใจได้ว่าปั้นมากับพวกพี่เลยไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมาก” พอได้ฟังสายน้ำพูดข้าวปั้นก็เบาใจลงมาได้บ้าง
“น้องปั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ เผลอๆป่านนี้ไอ้อิฐมันอาจจะขับรถตามเรามาแล้วก็ได้ น้องปั้นอย่าลืมสิครับว่าพวกพี่น่ะรู้ไส้รู้พุงแล้วก็รู้ใจกันมากแค่ไหน แค่นี้มันคงเดาไม่ยากหรอกครับว่าเราจะไปที่ไหนกัน” ดินพูดขึ้นให้รุ่นน้องได้สบายใจ
“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ น้องปั้นไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกไอ้นี่มันฉลาดเป็นกรดจะตายไปมันไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆแน่ๆ นี่ก็ใกล้จะถึงแล้วน้องปั้นทำใจให้สบายๆดีกว่าจะได้ดูวิวทะเลแล้วก็สูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอดก่อนที่จะต้องสู้รบกับมันอีกเร็วๆนี้” เหนือพูดเสริมขึ้นมา ข้าวปั้นจึงได้แต่พยักหน้ายิ้มรับ
และก็จริงอย่างทุกคนคาดการณ์เพราะตอนนี้อิฐกำลังขับรถมุ่งหน้าไปที่ปราณบุรีรีสอร์ตของดิน เพราะเค้าคิดว่าที่นี่ใกล้สุดและก็เดินทางง่ายสุด ด้วยเวลาที่จำกัดคงจะไปไหนกันได้ไม่ไกลเท่าไหร่
“คอยดูนะถ้าเจอจะจับมาตีก้นให้ลายเลย หึ่ม!” อิฐบ่นรำพึงรำพันกับตัวเองขณะที่สายตาคมก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ถนน
Comments (0)