12 ตอน จัดการขั้นเด็ดขาด
โดย Beloved_Moouan
“หืออ! พวกพี่ๆเค้ามาทำอะไรกันเหรอครับ” ข้าวปั้นหันไปถามอิฐอย่างแปลกใจ เพราะพอเค้าและอิฐเดินเข้ามาในเขตโรงอาหารก็ได้ยินกรี๊ดและเสียงซุบซิบดังเซ็งแซ่เต็มไปหมด จนเค้าหันไปเห็นสาเหตุที่มาของเสียงก็ถึงกับต้องแปลกใจ เพราะพี่ๆกลุ่มของวายุนั้นมานั่งกันอยู่ที่โรงอาหารและมากันแบบครบองค์ประชุมเลย โดยแต่ละคนแต่งชุดลำลองแบบสบายๆ แทนที่จะแต่งชุดทำงานใส่สูทอย่างที่เค้าเคยเห็น หรือว่าวันนี้เป็นวันหยุดหรือไงกัน
“พี่ๆสวัสดีครับ” พอเดินมาถึงโต๊ะที่ทุกคนนั่งอยู่ข้าวปั้นก็ยกมือขึ้นไหว้ทุกคนที่นั่งอยู่จนแทบจะล้นโต๊ะ โดยมีทั้งกลุ่มของวายุ กลุ่มของทอย กลุ่มของสายน้ำ และยังกลุ่มของวาริที่ไม่ค่อยได้มานั่งด้วยกันอีกด้วย
หลังๆมานี้เค้าค่อนข้างที่จะสนิทกับรุ่นพี่มากขึ้นเพราะพอวันหยุดอิฐก็จะรับไปเล่นกับน้องของขวัญทำให้ได้เจอกับทุกคนบ่อยขึ้นและหายเกร็งไปในที่สุด
ข้าวปั้นนั้นเดินมานั่งลงข้างๆวายุตามแรงจูงของอิฐเนื่องจากวายุนั้นส่งซิกให้อิฐพาข้าวปั้นมานั่งข้างๆเค้า
“วันนี้พี่ๆไม่ได้ทำงานกันเหรอครับ” ข้าวปั้นถามออกมาขณะที่กำลังนั่งลง
“วันนี้วันอยากหยุดน่ะครับ พี่ๆก็เลยมาหาอะไรทำแก้เซ็งกัน” เหนือเป็นคนตอบขึ้นมาพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ข้าวปั้นเองก็พยักหน้ารับอย่างงงๆ อะไรคือวันอยากหยุดมันมีวันนี้ด้วยเหรอ
“แล้วนี่แขนเป็นยังไงบ้างครับ ยังเจ็บอยู่รึเปล่า” หินผาถามขึ้นและมองไปที่แขนของข้าวปั้นที่ยังพันผ้าก็อตเอาไว้อยู่
“ค่อยยังชั่วแล้วครับ เมื่อเช้าพี่อิฐก็ช่วยทายาให้แล้วด้วย ขอบคุณนะครับ” ข้าวปั้นตอบออกไปยิ้มๆ เพราะอิฐนั้นดูแลเค้าเป็นอย่างดีตั้งแต่ทายาและพันแผลให้
“มิน่าเมื่อคืนหนีกูให้กูนอนเหงาอยู่คนเดียว” ดินพูดขึ้นยิ้มๆ เพราะเมื่อคืนเค้าไปนอนที่บ้านของวายุมาแต่สายน้ำบอกว่าคืนนี้อิฐไม่ได้มานอนด้วย พอดินพูดจบอิฐก็ยักคิ้วตอบกลับไปแบบกวนๆ
“แล้วนี่กินอะไรกันมารึยัง” วายุถามขึ้นเพราะนี่ก็ 9 โมงกว่าแล้วและคนก็เริ่มทยอยมากันเยอะแล้วด้วย เพราะส่วนมากที่นี่จะเรียนกันช่วง 10 โมงถึงเที่ยงซะเป็นส่วนใหญ่
“ยังเลยเฮีย งั้นไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะได้ขึ้นเรียน” อิฐตอบวายุกลับไป
“อือ ข้าวปั้นไปกับพี่” วายุลุกขึ้นและเรียกข้าวปั้น ซึ่งข้าวปั้นก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดีทั้งที่ยังงงๆอยู่ เพราะในบรรดาพี่ๆในกลุ่มวายุเป็นคนที่เค้าคุยด้วยน้อยที่สุด เพราะด้วยบุคลิกที่ค่อนข้างนิ่งๆออกไปทางเคร่งขรึมและไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ส่วนมากจะเป็นผู้ฟังที่ดีซะมากกว่า แต่ก็จะไม่นิ่งและจะพูดเยอะขึ้นเมื่ออยู่กับสายน้ำและน้องของขวัญเท่านั้น ทำให้เค้านั้นยังเกร็งๆอยู่บ้างเวลาที่ต้องอยู่ใกล้หรือต้องคุยกับรุ่นพี่คนนี้
หมับ!!
พอข้าวปั้นลุกขึ้นมายืนคู่กันกับวายุ วายุก็ยกแขนขึ้นมาโอบที่ไหล่ของข้าวปั้นเอาไว้ จนข้าวปั้นถึงกับตกใจและยืนตัวเกร็งแข็งทื่อ จนทุกคนถึงกับต้องพยายามกลั้นขำเอาไว้
“อย่าเกร็งปล่อยตัวตามสบาย แล้วก็ไม่ต้องตกใจอะไรขนาดนั้นด้วย” วายุพูดบอกข้าวปั้นเสียงนิ่งๆและเบา แต่มันดูคล้ายว่าจะเป็นคำสั่งเสียมากกว่า
“ตัวเล็กครับ เดี๋ยวพี่ซื้อข้าวมาให้นะครับ” นั่นไงพอพูดกับเมียตัวเองนั้นเสียงอ่อนเสียงหวานเสียงสองเสียงสาม พอพูดกับคนอื่นนั้นอย่างกับจะกินหัว ข้าวปั้นได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ
จากนั้นวายุก็เดินพาข้าวปั้นออกไปจากโต๊ะ โดยที่ยังมีแขนของวายุวางพาดอยู่ที่ไหล่ของข้าวปั้นตลอดทาง ซึ่งนั่นก็เรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนในโรงอาหารได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากสายน้ำแล้วก็ไม่เคยเห็นวายุเคยเข้าใกล้ใครที่ไหนเลย
“มึงว่ามันจะกินหัวน้องข้าวปั้นของไอ้อิฐมั้ยวะ” เป็นเหนือที่กระซิบถามเพื่อนที่ยังคงนั่งกันอยู่ เพราะพวกเค้าปล่อยให้น้องๆไปซื้อข้าวกินกันก่อน
“ไม่แน่ว่ะ นี่ถ้าน้องน้ำไม่ขอไว้มันคงไม่มีทางมาทำอะไรแบบนี้หรอก เมื่อคืนกว่าน้องน้ำจะพูดเกลี้ยกล่อมมันได้ เห็นว่าจะยอมเป็นกระต่ายอะไรให้เนี่ยแหละมันถึงยอมทำ” ดินพูดขึ้นเพราะเมื่อคืนสายน้ำนั้นทั้งออดทั้งอ้อนวายุอยู่เป็นนานสองนาน เนื่องจากเพื่อนของเค้าบอกว่าไม่อยากที่จะถูกตัวใครหรือกอดใครที่ไม่ใช่เมียของตัวเอง จนสายน้ำต้องยื่นข้อเสนออะไรสักอย่างเกี่ยวกับกระต่ายเนี่ยแหละซึ่งเค้าก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่เพราะได้ยินไม่ถนัดเหมือนกัน ได้แต่สงสัยว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับกระต่ายวะ
ทางด้านออกัสที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับยิ้มออกมา เพราะเป็นเค้าเองที่เป็นคนจัดหาชุดกระต่ายจอมยั่วมาให้กับสายน้ำถึงได้มีน้องของขวัญออกมาให้ทุกคนได้เชยชมจนถึงทุกวันนี้
สาเหตุที่สายน้ำต้องให้วายุทำแบบนี้ก็เพราะว่า วายุนั้นเป็นเกรงกลัวของใครต่อใครในมหาลัยแห่งนี้ค่อนข้างที่จะมากอยู่ทีเดียว ถ้าหากทุกคนรู้ว่าข้าวปั้นคือน้องคนสนิทของวายุแล้วนั้นก็จะทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับข้าวปั้นอีก และทุกคนก็คิดว่ามันคงจะได้ผลอย่างแน่นอนเพราะฟังจากเสียงซุบซิบนินทาที่ได้ยินแล้ว ล้วนแล้วแต่คุยและต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุดปากว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าข้าวปั้นนั้นจะสนิทกับวายุมากถึงเพียงนี้ ทุกคนคิดแค่คิดว่าข้าวปั้นนั้นเป็นเพียงแค่แฟนของอิฐธรรมดาๆก็เท่านั้นเอง
“แล้วนี่ไอ้ไฟมันหายไปไหนวะ” เหนือหันไปถามดินเมื่อทุกคนเริ่มที่จะทยอยกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับจานข้าวในมือ
“มันขึ้นไปหาลุงมัน เห็นบอกจะไปจัดการเรื่องเมื่อวานแล้วก็ไปคุยเรื่องกฎระเบียบใหม่ของมหาลัยด้วย” หินผาหันไปบอกเหนือ
“แล้วนี่มันจะเข้ามาบริหารแทนลุงมันเมื่อไหร่ น้องกัสรู้มั้ย” ดินหันไปถามออกัสที่นั่งอยู่ข้างๆเบล
“อืม น่าจะเป็นต้นเดือนหน้าน่ะครับ พี่ไฟอยากเคลียร์งานที่บริษัทให้ลงตัวกว่านี้ก่อน เพราะยังไงก็ต้องดูงานที่บริษัทควบคู่กันไปด้วย” ทุกคนพอฟังกัสพูดก็พยักหน้าเข้าใจ แต่จะมีแต่กลุ่มของทอยเท่านั้นที่ยังดูจะไม่เข้าใจคำพูดของทุกคนอยู่ เพราะเรื่องที่ไฟเป็นหลานแท้ๆของเจ้าของมหาลัยแห่งนี้ไม่ค่อยมีคนรู้มากนัก
“เอ่อ ผมขอถามได้มั้ยครับว่า ที่บอกว่าพี่ไฟจะมาบริหารนี่ใช่ที่นี่รึเปล่าครับ” เป็นเต็มที่เป็นตัวแทนของเพื่อนทุกคนในกลุ่มถามขึ้นมา
“อ้าว ไม่รู้กันหรอกเหรอว่าไอ้ไฟมันเป็นหลานแท้ๆของเจ้าของที่นี่ แล้วเดือนหน้ามันก็จะขึ้นมาเป็นผู้บริหารแทนลุงของมัน เพราะลุงของมันไม่มีทายาทที่ไหนเหลือแค่มันคนเดียวนี่แหละ เห็นมันบอกว่าจะปรับเปลี่ยนระบบอะไรใหม่ด้วยนะ เพื่อคัดนักศึกษาให้มีคุณภาพแล้วก็มีคุณธรรมให้มากกว่านี้” เหนือแกล้งพูดออกมาเสียงดังมากกว่าปกติ เพราะเค้ารู้ว่าทุกคนที่อยู่รอบๆคอยที่จะเงี่ยหูฟังพวกเค้าคุยกันอยู่
และพอทุกคนได้ยินที่เหนือพูดก็ถึงกับหน้าถอดสีและรู้สึกร้อนๆหนาวๆกันเป็นแถวเลยทีเดียว เพราะส่วนมากก็จะเป็นคนที่เคยเข้าไปแสดงความคิดเห็นในด้านลบเกี่ยวกับข้าวปั้นด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งเมื่อได้มาเห็นว่าข้าวปั้นนั้นสนิทกับกลุ่มรุ่นพี่กลุ่มนี้มากแค่ไหนก็ยิ่งหวั่นใจกันเข้าไปอีก
“เป็นไงวะเรียบร้อยดีมั้ย” พอผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าไฟก็เดินมาที่โต๊ะวายุจึงถามขึ้น ตอนนี้มีแต่พวกเค้าที่นั่งกันอยู่ ส่วนน้องๆและโต๊ะอื่นๆขึ้นเรียนกันไปเกือบจะหมดแล้ว
“อือ กูให้แจกใบเตือนแล้วถ้ามีอีกครั้งก็ไล่ออกแม่งเลย ส่วนเรื่องฟ้องร้องกูจะให้ทนายร่อนจดหมายไปให้ที่บ้านเป็นรายตัวไปเลยเอาแม่งให้เข็ดจะได้ไม่มีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก ไม่รู้ว่าจะมาเรียนหรือมาทำอะไรกันแน่ พวกนี้แม่งเห็นใครดีกว่าเด่นกว่าไม่ค่อยได้ต้องยกพวกพากันอิจฉา นี่น้องปั้นแม่งก็โคตรจะอดทนอดกลั้นเก่งเลยว่ะ กูล่ะนับถือใจน้องมันเลย ไอ้เหี้ยอิฐแม่งก็มัวแต่เฉยปล่อยเรื่องจนเลยเถิด พวกมึงได้เข้าไปอ่านกันมาบ้างรึยัง” ไฟพูดขึ้นมาด้วยความโมโหเพราะเค้าเพิ่งได้มีเวลามาอ่านคอมเม้นท์ต่างๆ เมื่อเช้านี้นี่เอง
“กูเข้าไปอ่านมาแล้วเมื่อคืน แต่ละคนแม่งก็หน้าตาไม่ใช่ว่าจะขี้เหร่อะไรแต่ทำไมถึงได้สันดานเสียกันแบบนี้ก็ไม่รู้ บางคนนี่ถึงกับว่าน้องว่าขายตัวก็มีนะเว้ย กูล่ะแค้นแทนน้องมันฉิบหายเลย แล้วนี่มึงสั่งลบเพจนั่นไปแล้วใช่มั้ย” เหนือพูดขึ้นอย่างแค้นๆ เค้าไม่อยากจะนึกถึงตอนที่ข้าวปั้นได้เข้าไปอ่านเลยว่าน้องจะรู้สึกยังไงบ้าง เพราะที่ผ่านมาข้าวปั้นไม่เคยมีท่าทีอะไรให้เห็นเลย
“อือกูสั่งลบไปแล้ว แล้วก็ให้เพจมหาลัยลงรูปคู่ไอ้อิฐกับน้องด้วย เอาให้พวกแม่งอกแตกตายตามกันไปเลย” ไฟพูดขึ้นพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เค้าสั่งให้เจ้าของเพจมหาลัยลงรูปของอิฐและข้าวปั้นตลอดเดือนนี้ทั้งเดือนและทุกวัน เอาให้ไอ้พวกขี้อิจฉาได้อิจฉาจนอกแตกตายกันไปข้างหนึ่งเลย
วันนี้พวกเค้าพร้อมใจกันโดดงานเมื่อได้รู้ข่าวจากสายน้ำ เบล และออกัส ที่พอทั้งสามกลับไปถึงบ้านก็โทรตามจิกพวกเค้าให้ไปรวมตัวกันที่บ้านของวายุด่วน พร้อมทั้งยังเอาคลิปวีดีโอที่มีคนถ่ายเอาไว้ตั้งแต่ข้าวปั้นเดินไปหยุดอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวจนเหตุการณ์เริ่มคลี่คลายแล้วมาให้พวกเค้าทั้งหมดได้ดู ซึ่งพวกเค้าทุกคนก็นับถือจิตใจข้าวปั้นเป็นอย่างมากน้องไม่มีอาการตกใจและเสียขวัญอะไรเลย ซ้ำยังเอาคืนได้อย่างเจ็บแสบอีกด้วย
หลังจากที่ทุกคนลงมาจากเรียนกันแล้ว อิฐก็เสนอขอพาทุกคนไปเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นเองเพื่อเป็นการตอบแทนพี่ๆที่อุตส่าห์โดดงานมาเพื่อเค้ากับน้อง จะมีก็แต่กลุ่มของทอยที่ขอตัวเพราะจะไปดูแข่งรถที่สนามของโจ้กัน ส่วนขนมพายและนัทเองก็ขอตัวด้วยเช่นเดียวกัน เพราะว่ามีไนท์อยู่ในกลุ่มที่จะไปกินอาหารญี่ปุ่นด้วยกันขนมพายจึงขอตัว นัทจึงต้องตามเพื่อนไปด้วย
“เป็นไงล่ะวิธีจีบของมึง หน้ามึงเค้ายังไม่อยากจะมองเลย” อิฐพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าไนท์มองตามหลังขนมพายไปตาละห้อย
“ผมจะทำยังไงดีพี่ ใจแข็งชะมัดเลย” ไนท์พูดออกมาหน้าเศร้าๆ
“นี่อย่าบอกนะว่ามึงจะจีบไอ้พาย” เหนือถามขึ้นทันทีที่ได้ยิน
“ใช่เฮีย แต่ว่ามันยังไม่ทันจะได้จีบหรอก ดันไปทำให้มันของขึ้นซะก่อน” อิฐพูดบอกเหนือยิ้มๆ
“หึๆ สมไอ้พายน่ะเห็นมันอย่างนั้นน่ะถ้าพูดดีกับมันมันก็พูดด้วยเล่นด้วยปกติ แต่มันไม่ชอบอยู่อย่างเดียวคือคนที่ชอบกวนตีนมัน มึงคงจะเป็นประเภทอย่างหลังสินะ มันถึงได้ไม่มองแม้กระทั่งหน้ามึง” เหนือพูดขึ้นยิ้มๆเพราะเค้ารู้จักนิสัยรุ่นน้องคนนี้ดี ขนมพายถือว่าเป็นรุ่นน้องคนโปรดของเค้าคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“สู้ต่อไปแล้วกันโว้ย ตัวใครตัวมันนะ ป่ะไปหาอะไรกินกันได้แล้วกูเริ่มหิวแล้วว่ะ” ดินเดินมาตบไหล่ให้กำลังใจรุ่นน้อง เพราะลำพังตัวเค้าเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย
…
“อ้าวพี่ดิน สวัสดีครับ ไหนว่าวันนี้ไม่เข้าไงครับ” ฟ้าครามที่หันมาเห็นดินกำลังเดินมาก็เอ่ยทักขึ้นเพราะเมื่อเช้าดินเพิ่งโทรมาบอกกับเค้าว่าติดธุระเลยจะไม่เข้ามาที่โรงแรม และดินเองก็ยังอยู่ในชุดลำลองไม่ใช่ชุดทำงานอย่างทุกวันที่ใส่มา ซึ่งก็ดูดีและดูหล่อไปอีกแบบ
“ครับ พี่ว่าจะไม่เข้าครับ แต่พอดีธุระเสร็จเร็วครับ แล้วก็อีกอย่างพี่คิดถึงฟ้าด้วย” ดินพูดพร้อมกับก้มหน้าลงมาหาฟ้าครามจนเกือบติด ฟ้าครามถึงกับต้องเอนถอยหลังหนีใบหน้าหล่อๆนี้แทบจะไม่ทัน
“เอ่อ พี่ดินมาก็ดีเลยครับ ฟ้ามีเอกสารจะให้พี่ดินเซ็นด่วนพอดีเลยครับ เดี๋ยวพี่ดินเข้าไปรอฟ้าในห้องก่อนนะครับเดี๋ยวฟ้าตามเอาเข้าไปให้” ฟ้าครามรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนที่แก้มเค้าจะระเบิดเพราะความเขิน ตั้งแต่ที่เจนเนตรย้ายกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมและทิ้งเค้าไว้ให้ทำงานกับดินตามลำพัง ดินก็รุกเค้าหนักขึ้นทุกวันจนใจเค้ามันเกินที่จะรับไหวแล้ว
“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวพี่เข้าไปรอในห้องนะครับ พี่จะได้รีบเอา...เอกสารที่ฟ้าให้มาตรวจดู” ดินพูดเว้นช่วงไว้สักพักพอให้ฟ้าครามได้แก้มร้อนเพราะคำพูดที่แสนจะกำกวมของเค้า
“ไอ้พี่ดินบ้า ทำไมถึงได้เป็นคนอย่างนี้ไปได้นะ” ฟ้าครามได้แต่บ่นตามหลังคนที่เดินฮัมเพลงหายเข้าไปในห้องอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับยกมือขึ้นมากุมแก้มตัวเองไว้เพราะเค้ารู้สึกว่าหน้าของเค้านั้นร้อนมากเหมือนกับว่ามันกำลังจะระเบิดแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ
“เฮ้อ! น้องจะยอมเป็นแฟนกับกูมั้ยวะ” พอเข้ามาในห้องแล้วดินก็ทรุดตัวลงมานั่งที่โซฟาพร้อมกับพูดขึ้นกับตัวเองท่าทางอารมณ์ดีเมื่อสักครู่หายไปจนหมดสิ้น เย็นนี้เค้ามีแผนว่าจะพาฟ้าครามไปทานข้าวเย็นด้วยกัน และจะขอฟ้าครามเป็นแฟน ซึ่งเค้าเองก็ไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จรึเปล่า เพราะนี่ก็เป็นเวลาเกือบจะสองเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่เค้าขอจีบฟ้าคราม ทางด้านฟ้าครามเองก็ไม่เห็นจะมีทีท่าอะไรกับเค้าเลยนอกจากความเขินที่ยังคงมีอยู่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
“เย็นนี้ฟ้ามีธุระที่ไหนรึเปล่าครับ” ระหว่างที่ดินนั่งดูเอกสารที่ฟ้าครามเอาเข้ามาให้อยู่ ดินก็ถามฟ้าครามขึ้นมา
“อืมม ก็ไม่มีนะครับ พี่ดินมีอะไรรึเปล่าครับ”
“พี่อยากชวนฟ้าไปทานข้าวเย็นด้วยกันน่ะครับ ไปด้วยกันนะครับ”
“ก็ได้ครับ ดีซะอีกฟ้ากำลังมองหาเจ้ามืออยู่พอดีเลย” ฟ้าครามพูดออกมายิ้มๆ
“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอเป็นเจ้ามือให้ฟ้าตลอดชีวิตเลยได้มั้ยครับ” ดินพูดขึ้นยิ้มๆ พร้อมกับส่งสายตาเป็นประกายมาให้คนตรงหน้า จนฟ้าครามถึงกับต้องรีบหลบตาทันที
ปกติแล้วเค้าไม่ใช่คนที่จะมาขี้เขินอะไรขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่มีเคยคนมาจีบเค้าเลย คนที่เข้ามาจีบเค้ามีทั้งคนที่ดูดี ดูเท่ ดูหล่อ รวมถึงยังเคยมีนายแบบหรือดารามาตามจีบเค้าด้วยซ้ำไปแต่เค้าก็ไม่เคยสนหรือหวั่นไหวกับใครเลยสักนิด แต่กับผู้ชายตรงหน้า เค้าขอยอมรับแต่โดยดีเลยว่าเค้าแพ้อย่างราบคาบจริงๆ แค่ได้สบตาคมนั่นใจเค้าก็พาหวั่นไหวไปจนหมดสิ้นแล้ว
Comments (0)