5 ตอน ตอนที่ 5 แปรเปลี่ยน
โดย chickipeach
จินมองนาฬิกาเรือนตรงหัวมุมบนพบว่าตอนนี้ใกล้เข้าวันใหม่เสียแล้ว รู้สึกแปลกใจไม่น้อยทำไมถึงยังไม่พบร่างใหญ่ของหว่องกลับมา หากเป็นเช่นนั้นควรได้ยินหว่องบอกก่อนว่าจะไม่กลับหรือให้ใครสักคนมาบอกแทน ความหวาดระแวงเริ่มเข้ามาให้กวนใจเล่น จึงตัดสินใจลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปข้างนอกทว่ากลับพบร่างหว่องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ให้ตายเถอะ ทำไมคุณหว่องถึงได้ดูอารมณ์ดีขนาดนั้น
"จ๊ะเอ๋..ตกใจเหรอ"
"คุ--"
"สุขสันต์วันเกิดนะ"
คุณหว่องจำวันเกิดเขาได้?
ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นวันเกิดของหว่องหรือจิน ทุกคนต่างทำให้วันเหล่านั้นเป็นเพียงวันธรรมดาแถมบางปีทำราวกับเป็นวันตายด้วยซ้ำ เปลวไฟสีส้มเหลืองกำลังรอคอยให้ดับลงทว่าจินยังยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน หว่องเริ่มใจเสียจึงหุบยิ้มพร้อมกล่าวขอโทษที่เป็นการรบกวนจินพร้อมทำท่าเลี้ยวหมุนกลับไป
"คุณหว่อง..อันนี้จริงเหรอครับ" จินพูดขึ้นมาถามด้วยความไม่แน่ใจ
"ก็จริงน่ะสิ เราอยากขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่ผ่าน ขอโทษที่ไม่เคยฉลองหรือทำเรื่องดี ๆ ให้"
คำพูดคำจาไม่คุ้นหูแต่ก็ไม่ทำให้ความตื้นตันใจหายไป นัยน์ตาของจินปิดลงก่อนอธิฐานขอพรดั่งสมหวังปรารถนาจากนั้นริมฝีปากปล่อยลมออกมาบางเบาจนเปลวไฟดับลง หว่องยกยิ้มเดินไปวางเค้กอันเรียบง่ายตรงโต๊ะทำงาน ตัดเค้กให้จินด้วยมีดพลาสติดและกล่องกระดาษที่เตรียมไว้ สีหน้าจินมีแต่ความสงสัยแต่ก็คงด้วยความดีใจที่ได้มีโอกาสได้ฉลองวันเกิดอย่างคนอื่นบ้าง
"คุณหว่องกลับมาตั้งแต่เมื่อไรครับ"
"สักพักแล้วล่ะ วันนี้มาดึกหน่อยเพราะมัวแต่เลือกเค้กให้จิน อร่อยไหม"
โคตรอร่อยเลย ร้านไหนกันนะ
"อร่อยใช่ไหม ดีใจนะที่ชอบ"
เขาเชื่อใจได้จริง ๆ ใช่ไหม
"ทำไมทำหน้าเครียด" ไฉไลหันมามองหน้าลูกชายตัวเองก่อนส่งยิ้มออกไป หลังเหตุการณ์ที่เฮิงสร้างความเดือดร้อนไว้ ณ กาสิโนของหว่องและวาววา ข่าวลือว่าพวกตระกูลสาโรชเป็นพวกชอบตีสองหน้าก็ดูท่าว่าจะจริง ทว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เหตุผลที่ไฉไลต้องใส่ใจแต่มันคือการได้ทำลายคนพวกนั้นสิ้นไปบนโลกนี้ต่างหาก นั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเขาแล้ว
"พ่อคิดอะไร"
"ขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมเฮิง"
"อะไรอีกล่ะ" เฮิงทำหน้าเอือมใส่ไฉไลก่อนฟังอย่างจำใจ
หากพูดออกไปไฉไลกลัวว่าลูกจะไม่ทำ ความหนักอึ้งยังอยู่ในใจจนพลาดหลายครั้งจะเอื้อนบอก ไฉไลรู้ดีว่าเฮิงไม่ได้อยากมาทำตรงนี้การกระทำแสนร้ายกาจของเฮิงคือแผนของไฉไลทั้งหมด ความเห็นแก่ตัวที่จะเอาชนะมันมากเกินไปจนบางทีไฉไลไม่กล้าขอโทษหรือพูดเรื่องธรรมดาได้อย่างสนิทใจกับเฮิงเท่าเมื่อก่อน
"ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย แล้วพ่อจะไม่ฝืนใจ"
"..."
"ฆ่าอาคิรามาให้พ่อ แล้วพ่อจะไม่บังคับลูกอีกต่อไป"
ยามพลบค่ำทดแทนยามเย็นเป็นสิ่งที่วาววารับรู้ก่อนเดินขึ้นรถเพื่อนัดพบกับตระกูลสาโรชตามคำขอของไฉไล คราแรกเขาคิดปฏิเสธเพียงเสียงหนักแน่นดูท่ามีเรื่องอยากคุยจริง ๆ จึงตัดสินใจตอบรับเดินทางไปถานที่นัดพบทันที เหลือบเห็นหว่องกำลังนั่งหัวเราะกับจินอย่างสนุกสนานทำเอาวาววาแทบไม่เชื่อสายตาว่าจะได้เห็น ตั้งใจอยากดูให้แน่ชัดแต่ก็พลาดเสียท่าเพราะรถได้เคลื่อนไปไกลจนมองไม่เห็นแล้ว วาววาขยับตัวกลับมานั่งที่เดิมด้วยลางสังหรณ์ไม่แน่นอนราวกับคิดผิดกับการตอบรับคำเชิญในครั้งนี้
ไม่กี่ชั่วครู่มาถึงสถานที่นัดหมาย บรรยากาศช่างน่าอภิรมย์สำหรับคนอื่นแต่สำหรับเขามันน่าพิศวงนัก ยิ่งก่อนหน้านี้ลูกชายของไฉไลมาสร้างความเดือดร้อนจนหว่องกลัวแทบจับใจก็ยิ่งต้องตั้งสติให้มั่นก่อนบอกลูกน้องว่าเขาจะเข้าไปคนเดียว มีหลายคนอยากค้านสุดท้ายจึงจำใจปล่อยให้วาววาเดินออกไปไร้คนคุ้มครอง
"ขอไม่พูดอ้อมค้อมนะ"
"ไม่คิดว่าเพื่อนรักของเองคิดอยากทำลายเองบ้างรึ"
วาววายกมือโบกตั้งท่าจะลุกทว่าเสียงปืนดังขึ้นรายล้อมไปทั่วหากคิดจะเดินออกแค่ก้าวเดียว เขาคงได้ตายแนบตีนไฉไลอยู่แน่
"ฉันอุตส่าห์ใจดีด้วย ไม่เห็นตอบน้ำใจกันบ้างเลย"
"ถ้าเรื่องแค่นี้ไปทำคนเดียวเถอะครับ"
เสียเวลา
"เรื่องทีปกรเธอคิดว่าไง" ลูคัสยกคิ้วขมวดราวกับว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจก่อนวางแก้วชาลงหันไปมองหน้าวาววาที่รอลุ้นแทบจนตัวสั่น
"ไม่ดีกว่า"
"ทำไมล่ะ" วาววาเลิกทำทุกอย่างพร้อมเปลี่ยนท่านั่งไม่อยากเชื่อกับคำพูด ทุกทีเวลาเขาจะปรึกษาหารือสิ่งใด แน่นอนว่าหว่องต้องเห็นด้วยกับเขา ดูท่าว่าเรื่องนี้คงยอมให้ไม่ได้จริง ๆ ถึงปฏิเสธแทบทันควัน ลูคัสยกยิ้มเบา ๆ ก่อนพยักหน้าให้วาววามองด้านหลังก่อนพบทีปกรเดินเข้ามาทักทายอย่างกวนใจตามภาพลักษณ์ วาววาหุบปากแทบไม่ทันไม่คิดว่าจะได้พบกับทีปกรตัวจริง
"สวัสดีครับคุณวาววา ผมทีปกรหรือแทน เป็นเพื่อนของหว่องครับผม"
เดี๋ยวนะ ไอหว่องมันไปเป็นเพื่อนตอนไหน?
TBC
Comments (0)