12 ตอน ตอนที่ 12 ต้นฉบับ
โดย chickipeach
"พี่แทน! เกือบตายแล้วรู้ไหม ทำไมวาววาถามจี้ยังกับรู้ว่าคัสเป็นใครอะ"
ช่วงสายวันใหม่หลังจากลูคัสหมดลมหายใจหาข้ออ้างตอบคำถาม'ทำไมเฮิงถึงเรียกเขาว่าลูคัส' ถือเป็นวินาทีเฉียดตายของชีวิต ในใจอยากตอบว่าใช่ แต่จำเป็นต้องตอบไม่ แทนมองกิริยาว้าวุ่นคนอายุน้อยกว่าด้วยความเห็นใจ
"แล้ววาววารักหว่องบ้างยัง"
"คัสดูไม่ออก คัสรู้แค่ว่าคุณวาววาเปิดใจกับหว่องมากขึ้น" แทนพยักหน้าเข้าใจหลังลูคัสพูดจบ
" อยากฟังเรื่องต้นฉบับไหม"
"คัสอ่านหมดแล้วนี่ ทำไมต้องรู้อีก"
"ก็รู้ว่านิยายพี่มันใส่รายละเอียดไม่เยอะ ไม่อยากฟังจริงเหรอ" ลูคัสขมวดคิ้วราวกับสื่อว่าเพิ่งรู้ตัวเหรอ ทว่าก็ฟังอีกคนด้วยความตั้งใจ
ในอดีตตระกูลเวหากับตระกูลสาโรชเคยเป็นมิตรต่อกัน มีการช่วยเหลือเกื้อกูล อีกทั้งเป็นคู่ค้าทั้งหมดในธุรกิจต่าง ๆ จากตระกูลสาโรชกลุ่มเล็ก ไม่มีอำนาจอะไรขยายใหญ่จนเป็นที่ยอมรับ เมื่อถึงเวลาต้องเลือกผู้ดำรงตำแหน่งอำนาจสูงสุดตระกูลเวหาคือผู้ถูกเลือก ทำให้ไฉไลเลิกญาติดีตัดสินใจเป็นศัตรูทันที คราวนั้นสองครอบครัวจากตระกูลเวหามีบุตรกำเนิดขึ้นมาคือหว่อง อาคิรา ส่องแสง และ วาววา วิภาวัส ดำรง ซึ่งชื่อจริงทั้งคู่หมายถึงพระอาทิตย์
"เพิ่งรู้ว่าหมายถึงพระอาทิตย์"
"ชื่อจริงเราชื่ออะไร"
"ศลิษา ครับผม"
หมายถึงการโอบกอดงั้นเหรอ
แทนคิดในใจพร้อมปัดความคิดฟุ้งซ่านเล่ารายละเอียดต่อ
ผ่านไปสักพักทั้งคู่อายุครบแปดปี หว่องมีเพื่อนใหม่อีกคนชื่อจิน เจตน์ สรรเสริญ ลูกบุญธรรมของครอบครัวอาคิรา ทว่าพออายุครบยี่สิบปี ด้วยหน้าที่การงานทำให้จินและหว่องห่างเหินราวกับไม่รู้จัก วาววามีโอกาสทำความรู้จักกับหลิง ลดารินทร์ เชิดชู จากงานเปิดตัวอัญมณีเพชรพลอย 'Dlla' ทำให้หลิงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งการบาดหมางความสัมพันธ์ของหว่องและวาววา เนื่องจากหว่องรู้ว่าตระกูลลดารัณอยู่พรรคพวกเดียวกับสาโรช ส่งผลให้หว่องไม่ชอบใจและรู้ว่าอีกฝ่ายแอบชอบพอกันจึงเป็นจุดอ่อนต้องการกำจัดไป
"เฮ้ย จริง ๆ หว่องไม่ผิดนะ พี่แทน"
"ก็ใช่ แต่เพราะนิสัยฟังแต่ตัวเอง ไม่ปรึกษาใคร บ้าอำนาจ ยิ่งโดนหลิงเป่าหูด้วย วาววาเลยต้องการหักหลังหว่องไง"
"แล้วกลิ่นผ่อนคลายอะ"
"พี่ใส่มาเฉย ๆ"
ลูคัสถอนหายใจแรงจนแทนรู้สึกผิดเล็กน้อย เสียงบ่นจากคนตรงหน้าทำเอาเขาไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
"เอาดี ๆ พี่แทน"
"พี่ไม่รู้อะ คือพี่เคยใส่ตอนหว่องใกล้ตาย"
สองวันต่อมาเฮิงกับลูคัสนัดมาเจอร้านอาหารส้มตำคู่ใจ ทั้งคู่เคยแวะเที่ยวหาแล้วค้นพบรสชาติล้ำเลิศเข้าถึงหัวใจ ณ ร้านนี้ แน่นอน ว่าต้องแวะเวียนกินอีกสักครั้ง เมื่อเลือกเมนูอาหารเสร็จเรียบร้อย เฮิงจึงหยิบสมุดเล่มเล็ก แผ่นซีดี แฟลชไดร์ชและโทรศัพท์ของลูคัสไปเรียงรายบนโต๊ะทันที
"ลูคัส พ่อฉันวางแผนจริง ๆ"
"เดี๋ยวนะ นัดกับคุณหลิงเหรอ"
"ใช่ เหมือนมีอะไรลับลมคมใน ทุกทีพ่อฉันต้องบ่นไปเรื่อย ๆ แต่คราวนี้เงียบสนิทจนฉันยังสงสัย"
ลูคัสเขกหัวลงโต๊ะจนเฮิงตกใจนึกว่าสลบไป หายนะกำลังมาเยือนของจริง หลิงจะหว่านล้อมวาววาฆ่าหว่องอีกครั้งหรือไม่ ยอมรับว่าวาววาดูไว้ใจหว่องแต่มันคือการแสดงหรือความจริงใจ?
ตอนแรกเขาไม่อยากคิดอะไรมาก พยายามใช้ชีวิตเอ้อระเหยเหมือนอยู่โลกตัวเองแต่พอฟังรายละเอียดนิยายเพิ่มเติมจากแทนแล้ว เขาตระหนักได้ว่าไม่มีอะไรไว้ใจได้สักอย่าง
"เมื่อไรจะจบสักทีวะ ไม่อยากอยู่แล้ว" เฮิงบังเอิญได้ยินเสียงพึมพำก่อนพบลูคัสน้ำตาไหลอาบแก้ม ตั้งแต่เมื่อไรที่หว่องร้องไห้ง่ายขนาดนี้ เขาเลือกเมินทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาทำไม่ได้
"ลูคัส เป็นอะไร"
"เปล่า..คิดถึงบ้าน"
บ้าน?
เฮิงทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ดีขึ้น ตัดสินใจแตะตัวเพื่อปลอบโยน ทว่าต้องชะงักไปเพราะลูคัสเงยหน้าพร้อมรอยยิ้มแสนทะเล้น เขาจึงเปลี่ยนจากแตะตัวเป็นหยิกแก้มแทน
"เฮิง! เจ็บนะ"
"เจ็บสิดี เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง" ลูคัสหัวเราะดังเอิกเกริกหันซ้ายหันขวาและวกเข้ามาเรื่องเดิม
"เราว่าตระกูลลดารัณกับสาโรชกำลังร่วมมือทำอะไรบางอย่างจริง ๆ"
"อะไรบางอย่างที่ว่าโค่นล้มตระกูลเวหาใช่ไหม"
ถูกต้อง ลูคัสคิดในใจ
หลังคุยจบ อาหารที่สั่งไว้มาทันท้องร้องพอดี ลูคัสอุ่นใจยามได้กินอาหารอร่อยราวกับเติมพลังชีวิตให้ไปต่อ บรรยากาศอึมครึมเปลี่ยนเป็นสดใสเช่นเดิม เฮิงมองพระอาทิตย์ตกด้วยความสงบ นานมากแล้วที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเดินไปช้า ๆ
ไม่สิ ไม่เคยเลยต่างหาก
ความอ่อนไหวก่อตัวขึ้น น้ำตาเอ่อล้นขอบตาก่อนตัดสินใจกอดลูคัสแนบแน่น
"เฮิงเป็นอะไรไป"
"..."
"เฮิง ไหวใช่ไหม"
"ลูคัส หากเกิดอะไรขึ้น ขออย่าเป็นอะไรเลยนะ สัญญาได้ไหม"
ลูคัสเปิดโทรศัพท์ออกมาเพื่อดูหน้าจอแสดงผลว่าเป็นเวลาสามทุ่มยี่สิบห้านาทีแล้ว ถอนหายใจอีกครั้งก่อนเก็บไว้ที่เดิม ไม่รู้ควรรู้สึกอย่างไรระหว่างดีใจหรือเสียใจที่ต้องอยู่ในโลกนิยายแบบนี้ ไม่ทันได้เปิดประตูพบใครบางคนคุ้นเคยยืนขวางทางราวกับไม่มีทางอื่นจะยืนให้ดูจ๊าบแล้วมั้ง
"เหี้ย! วาววา"
"ทำไมได้กลิ่นฝน" วาววาขยับเข้ามาใกล้เพื่อดมกลิ่นฝนตามร่างกายของลูคัส
"กลิ่นฝ..ฝนอะไร"
"กลิ่นผ่อนคลายตัวเอง"
เดี๋ยวนะ หมายความว่า..
"หว่องระวัง!" เสียงปืนดังลั่นเข้ามาหวังลั่นไกเป้าหมาย เมื่อเป้าหมายรู้ตัว บุคคลนั้นจึงรีบวิ่งหนีสุดชีวิต ความวุ่นวายดังรอบพื้นที่ เฮือกสุดท้ายไม่ทันได้เตรียมใจก็ตายอาบแน่นิ่งเสียแล้ว ลูคัสตัวสั่นระริกในอ้อมกอด ซบใบหน้าลงบนอกของวาววาพร้อมร้องไห้โฮเสียงดังด้วยความกลัวและเจ็บปวด พยายามอดกลั้นครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็เอาชนะไม่ได้อยู่ดี
"วาววา เราไม่ไหวแล้ว" อาการสั่นไม่หยุดจนอีกคนเป็นห่วงไม่ได้ ถึงจะเอะใจแต่เมื่อคนในอ้อมกอดกำลังรู้สึกแบบนี้ แน่นอนเขาเลือกเป็นห่วงอันดับแรก ฝ่ามือลูบหัวเบา ๆ ปลอบประโลมให้สงบโดยไม่รู้เลยว่ามีสัมผัสอบอุ่นแนบชิดลงศีรษะจากริมฝีปากประทับลงไป
ฉันสัญญาว่าจะเชื่อเธอสุดหัวใจและไม่ปล่อยเธอไปอีกแล้ว
TBC
Comments (0)