ไม่อาจดับไฟให้เจือจาง

 

ยังคงปะทุจนกว่าความต้องการถึงจุดสิ้นสุด

 

หว่องนึกเสียใจและเจ็บแค้นทุกครั้ง มารยาของมนุษย์ทำให้มนุษย์กันเองมีความรู้สึกสงสาร เวทนาและโง่งม แล้วใครบ้างเล่าคิดเหลียวแลคนโดนมารยาใส่ คำพูดหอมหวานเคลือบด้วยยาพิษมีแต่เรื่องกลวงไม่ใช่ความจริงจนเขาเป็นหมาหัวเน่า ยามแก้ไขสิ่งใดกลับไม่มีใครเชื่อ ถูกกล่าวว่าพูดปด ในที่สุดเขาโดนกับดักเข้าและตายจมไปกับน้ำตา

 

“คุณเขียนให้ผมขนาดนี้เลยหรือ คุณธารา”

 

“อย่าเรียกชื่อจริงดิ ก็เราวางตัวละครคุณไว้แบบนี้”

 

“น่าสมเพช” น้ำเสียงตัดพ้อดังขึ้น ย้อนนึกดูแล้วที่ผ่านมาเขาโง่เขลาเกินทน ถึงเป็นเรื่องแต่งแต่ตอนนี้เขามีตัวตนแล้ว ก่อนดำดิ่งในโลกตัวเอง เสียงพูดจากแทนทำให้เขาหลุดภวังค์

 

"นี่คุณหว่อง ตอนนี้คุณมีโอกาสแล้วนะ"

 

"..."

 

"มีอะไรอยากให้ผมช่วยก็บอก"

​​​​

 

​​​ในเวลาเกือบเที่ยงคืนไร้การหลับใหล หว่องลอยตัวดูบรรยากาศรอบ ๆ ของบ้านตน หลังกลับจากกัมพูชาเขาตัดสินใจไปที่เดิมที่เคยอยู่ เฟอร์นิเจอร์หรูหรายังคงงดงามราวกับไม่มีใครแตะต้อง ถือว่าลูคัสรับผิดชอบได้ดีสมกับคำโอ้อวดยามครั้นเจ้าตัวเคยเล่าให้เขาและแทนฟัง มีครั้งหนึ่งเขาขัดใจกับการกระทำ อย่างการใช้ปืนและอาวุธดูท่าแล้วไม่เคยจับในชีวิตแน่นอนทำเอาโดนนินทาเรื่องฝีมือและความโหดลดลง อีกทั้งยังลืมใส่กระสุน สุดท้ายลูคัสจึงไม่ใช้ปืนอีกเลย

 

“คุณหว่อง” เป็นลูคัสเดินออกมาจากครัวพร้อมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ถูกต้มจนกลิ่นหอมลอยทั่วห้อง

 

“ยังไม่นอนอีกเหรอ”

 

“คนอย่างคัส คำว่าเที่ยงคืนคือเที่ยงวัน”

 

“ตอนอยู่ที่พัทยาเป็นไงบ้าง”

 

“นัว”

 

และนั่นทำให้ลูคัสต้องอธิบายยาวเหยียดว่านัวสำหรับลูคัสคืออะไร​ เมื่อฟังคำอธิบายร่วมสองนาทีได้ ​​​​หว่องพยักหน้าเข้าใจก่อนเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้ลูคัสรับรู้ว่าเขากับแทนกำลังวางแผนสิ่งใด

 

"นี่คุณจะวางแผนเรื่องคุณหลิงเหรอ"

 

"อืม วาววาก็กำลังจัดการหลิงด้วยใช่ไหม"

 

"ใช่ครับ หรือคุณจะบอกคัสให้ไปจัดการไฉไลใช่ไหม"

 

รู้เร็วดีนะ 

 

เขารู้ดีว่าการให้ลูคัสไปจัดการกับไฉไลมันน่ากลัว ถึงอย่างนั้นตัวเฮิงกำลังมีแผนการเรื่องนั้นไม่ต่างกัน รวมถึงจินก็กลับมาสนิทกับหว่องอีกครั้ง จึงเป็นการดีที่เรื่องราวบ้าบอนี้จะจบลงเร็วขึ้น

 

"นอกเรื่องดิคุณหว่อง จำเรื่องหมูกระทะได้ไหม"

 

"ไม่ใช่ว่าบ่นทุกวัน?"

 

"คือ..ตอนแรกคัสก็อยากทำ แต่ว่าตอนนี้ขี้เกียจแล้ว มันเป็นความฝันของคัสนะ แต่รู้สึกว่าก็ไม่ได้อยากทำขนาดนั้น"

 

"จริง ๆ คุณไม่ได้ขี้เกียจหรอกแต่ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ร่างกายคุณเริ่มไม่ไหวดังนั้นเป็นไปได้มากที่สุดคือต้องจบภารกิจนี้ ส่วนเรื่องความรักฉันคิดว่าฉันจัดการต่อได้"

 

ไม่ทันมองทางอื่นพบลูคัสชะงักก่อนดูดเส้นบะหมี่และจินเดินลงมาข้างล่างด้วยสภาพงัวเงีย

 

"หว่อง เธอคุยกับใคร"

 

"คุยกับอากาศ"

 

"เยี่ยม แล้วนี่หิวอีกแล้วเหรอ"

 

หว่องรู้ว่าจินไม่คุ้นชินเพราะนิสัยของเขาคือไม่กินมื้อดึก ถึงอย่างนั้นคงเพราะพฤติกรรมเปลี่ยนไปเยอะ คนรอบตัวจึงไม่นึกสงสัย

 

"หว่อง มีอะไรอยากพูดหรือเปล่า"

 

"รู้ได้ไงอะ" ลูคัสเผลอตอบกลับทันที

 

"ขนาดนี้แล้ว มีอะไรอยากพูดก็บอกมาเถอะ"

 

"เราอยากกำจัดไฉไลร่วมกับเฮิง จินคิดว่าไง"

 

"ดีนะ เฮิงเองก็ขอความช่วยเหลือจากฉันเหมือนกัน"

 

ไม่ผิดคาด ยังไงลูคัสต้องตอบตกลง หว่องลอยตัวออกจากบ้าน ปล่อยให้สองคนสนทนาเรื่อยเปื่อยตามประสา หากแต่ลูคัสคงไม่รู้ว่าความจริงส่วนหนึ่งเขายอมรับไม่ได้และใช้โอกาสนี้เพื่อให้ลูคัสได้อยู่กับเฮิง

 

ยังไงวาววาต้องเป็นของเขาคนเดียว

 

 

ก่อนกลับไปหาแทน หว่องตัดสินใจแวะเยี่ยมเยือนบ้านของวาววา ด้วยความคิดถึงและอยากเห็นหน้าจึงลอยตัวเข้าไปในบ้านพบกับวาววากำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบเชียบ ใบหน้านวลผ่องกำลังสนใจหนังสือไม่ว่อกแว่ก ยิ่งมองนานเข้าเหมือนตกหลุมพรางถอนตัวไม่ขึ้น

 

"หว่อง" 

 

หว่องตกใจจนถอยออกห่าง บางทีเขาอาจเพ้อฝันจนหูฝาดว่าคนด้านข้างกำลังเรียกชื่อเขา สะบัดหัวไล่ความคิดก็ยังเห็นวาววาในท่าเดิม ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีเสียอีกที่ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาไม่ต้องการให้ความแตกตอนนี้ หว่องจำใจออกจากบ้างอย่างอาวรณ์ เหลือบมองอีกคนนั่งอ่านหนังสือไม่ไปไหน 

 

“ฉันจะรีบกลับไปหาเธอ รอก่อนนะ”

 

 

หว่องกลับมาพร้อมกับบรรยากาศแปลกไปเล็กน้อย ความเงียบสงบไม่สมกับบ้านของแทนกำลังดำเนินการ ถึงเขาเป็นคนไร้ตัวตนแต่เขารับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ 

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

"จ๊ะเอ๋!"

 

นั่นไง เขาว่าแล้ว

 

"เล่นอะไรของคุณ"

 

"ชีวิตต้องมีสีสันบ้างดิ อีกอย่างไม่ต้องโกหกว่าไปไหนมา เห็นเต็มตาว่าไปหาสุดที่รักของคุณ"

 

หว่องมองตาบนใส่ด้วยความรำคาญ แทนรู้ดีจนบางทีอยากจะเถียงออกไปว่าทำไมไม่เขียนสมหวังต้้งแต่แรก สุดท้ายคำตอบที่ได้มา

 

"รู้จักคำว่าพล็อตไหม"

 

อยากร้องเฮอะดัง ๆ สักล้านรอบ

 

"เลิกทำตัวไร้สาระ ผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณ"

 

"อะไร"

 

"ก็เรื่องคุณหลิงไง ตัวเองเป็นค–"

 

"วันนี้คุณดูคึกนะ ไปทำอะไรมา"

 

หว่องจ้องหน้ามองแทนกำลังทำตัวเลิ่กลั่กใส่นึกแล้วก็น่าเอ็นดู เวลาเห็นแทนทำหน้ามุ่ยเขาแอบสะใจไม่น้อย เขียนตัวละครให้เขาทุกข์ดีนัก เมื่อหันกลับไปพบนิ้วกลางจากแทนถูกส่งไร้เยื่อใย ไม่อยากจะคิดว่าสักวันตนอาจถูกเตะโดยไม่รู้ตัว

 

"เข้าเรื่องเลยนะ" แทนอธิบายถึงงานที่หลิงนัดไว้เป็นงานเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ของลูกสาวนักการเมืองหนึ่ง ซึ่งหลิงถูกรับเชิญและนำบัตรมาให้ รวมถึงมี After Party เป็นการสังสรรค์ แน่นอนว่าช่วงนี้จะอิสระมากขึ้น มีช่องโหว่มากมายให้ทำ

 

"แต่คุณควรระวังหน่อย"

 

"ทำไม?" มีอะไรต้องระวังในเมื่อเขาเป็นวิญญาณ

 

"กระตุกกระติกมากไปจะไม่ดี คุณหลิงเขาเป็นคนเซนส์ไว คราวก่อนที่คุณไปคุณก็เกือบโดนฆ่า โชคดีที่ไม่ใช่ร่างจริง ยังไงคราวนี้เก็บข้อมูลและขโมยเอกสารเกี่ยวกับที่ทำสัญญากับไฉไลมาให้หมด"

 

"แล้วอยู่ไหน"

 

"เอ๊ะ แป๊บนะ"

 

หากจำไม่ผิดมันจะต้องอยู่เครื่องมือสักอย่างที่มิดชิดและปลอดภัย แน่นอนว่าต้องไม่อยู่กับตัว คงเป็นที่ทำงานหรือที่บ้าน

 

"คุณแทน เรื่องนั้นไม่ต้องคิดมาก คุณหว่านล้อมหลิงเหมือนเดิมเถอะ"

 

"หว่อง.."

 

"..."

 

"แผนการนี้คุณวาววาร่วมด้วย คุณจะเปิดเผยตัวตนไหม หากรู้คุณจะรับผิดชอบลูคัสยังไง?"

 

สีหน้าพลันเปลี่ยนก่อนครุ่นคิดถี่ถ้วน รู้สึกผิดไม่น้อยที่คิดจะให้ลูคัสไปกับเฮิง ย้อนนึกคำพูดก็อดหงุดหงิดไม่ได้ นี่เขากำลังไม่ไว้ใจลูคัสหรอกหรือ อีกทั้งตอนเห็นลูคัสชะงักไปทำให้เขารู้ว่าเขากำลังดูถูกอีกฝ่ายอย่างมาก อีกคนเสี่ยงแทบตายเพื่อเปลี่ยนชะตาแล้วทำไมเขาคิดอย่างนั้นอีก หว่องเงยหน้าพบแทนกำลังยิ้มมุมปากเบาราวกับถือไพ่เหนือตลอดเวลา

 

"นี่คุณหว่อง รู้ตัวแล้วเหรอว่ากำลังเห็นแก่ตัว"

 

"..."

 

"เสียใจเหมือนกันที่คุณทำเหมือนไม่ไว้ใจลูคัส บางทีอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไรแต่คุณกลับคิดมากเอาเสียเอง"

 

"นี่คือข้อเสียของคุณ อย่าให้มันเกิดขึ้นบ่อยแล้วกัน"

 

เขาพลาดอีกแล้ว

 

 

จินลอบมองหว่องกำลังทำหน้าซึมก่อนหน้านี้เขายังได้ยินเสียงร้องเพลงดังจากในครัวอยู่เลย ทำไมอารมณ์ของหว่องถึงได้ดิ่งอย่างกับคนละคน ต้้งแต่เกิดเรื่องวาววาชักปืนใส่หว่อง เขาไม่คิดอยากออกห่างไปไหน หากเป็นแต่ก่อนเขาคงสะใจที่เห็นแต่ตอนนี้เขากลับเห็นใจ ไม่อยากให้ใบหน้าของหว่องแต่งแต้มไปด้วยความเศร้าทว่าก่อนลงมาเขาได้ยินเสียงหว่องคุยกับอากาศ ยิ่งบทสนทนาเต็มไปด้วยคนรอบตัวหว่อง เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าหว่องกำลังคุยกับใคร อีกฝ่ายชอบหาข้อแก้ตัวแม้จำนนเพราะหว่องชอบพูดคนเดียว แต่ครั้งนี้มันกลับตะขิดตะขวงใจยิ่งกว่า

 

"หว่อง เป็นอะไร"

 

"จิน เรายังทำได้ไม่ดีอีกเหรอ"

 

"..."

 

"เราอยากร้องไห้ เราอยากระบายแต่กลับทำไม่ได้ ไม่รู้เพราะอะไร แต่เราโคตรเหนื่อยเลยว่ะ" หยดน้ำตาไหลอาบแก้มหว่องเล็กน้อย น้ำเสียงสั่นเครือราวกับแตกสลายทุกเมื่อ เขารู้สึกผิดเพราะพวกเขาโง่งมไม่ต่างกัน หว่องไม่เคยคิดหักหลังใครแต่เขากลับคิดเช่นนั้นจนเกือบเสียคนอย่างหว่องไป ก่อนได้ลูบหัวอีกฝ่าย หว่องพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา 

 

"จิน..คุณวาววารักหว่องจริง ๆ ใช่ไหม"

 

"แล้วเธอคิดว่าไง" จินหันหาต้นตอเสียงพบวาววาเดินเข้ามาพร้อมพูดจนเขาและหว่องหยุดชะงัก

 

"คุณวาววามาทำไมครับ"

 

"อยากมา"

 

หว่องรีบเช็ดน้ำตาส่งยิ้มพลางไปให้ สีหน้าเรียบนิ่งเช่นเคยทำเอาจินหนักใจ เขารู้ว่าวาววาอยากมาแต่ที่อยากมามันเป็นเพราะอะไร วาววาส่งสายตามาทางเขา กว่าจะเข้าใจอีกคนก็เดินเข้ามาใกล้เสียแล้ว

 

"จิน พรุ่งนี้เฮิงจะกลับมา"

 

"ครับ แล้วคุณวาววามีอะไรหรือเปล่าครับ"

 

"..."

 

เงียบ 

 

ความงุนงงจากหว่องส่งหาเขาด้วยความสงสัย ส่วนเขาจ้องหน้าไม่ขยับแม้ในใจอยากเขย่าตัวถามให้วาววาพูด การ์ดใบสีขาวถูกนำมาพร้อมรายชื่อจริงของวาววา เขาเงยหน้าเห็นวาววาพยักหน้าจึงเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

 

"คุณวาววาครับ แต่หว่องจะไปกับเฮิง"

 

"..."

 

"คุณวาว--"

 

"ฉันขอตัวกลับก่อน ขอโทษที่มารบกวน"

 

อะไรของเขาวะ 

 

"เดี๋ยว" หว่องเรียกห้ามและเดินไปข้างหน้าเพื่อประจันตัว ความสูงไล่เลี่ยที่ไม่ต่างทำให้ยากเลี่ยงสบตา จินเห็นท่าทางวาววายังนิ่งดุจหินผา ส่วนหว่องเองก็หลับตาหายใจเข้าเหมือนสร้างขวัญกำลังใจ

 

"มันคืองานอะไรเหรอ"

 

เพียงแวบเดียวสายตาและสีหน้ากลับมาเฉยเมย ความไวของวาววายากคาดเดาแต่เขาดูออกว่าอีกคนไม่พอใจ

 

"งานเปิดตัวแบรนด์ SolZ ของคุณพิม ลูกสาวนักการเมืองพรรคใจกล้า หลิงเขาเชิญฉันและแทนให้ไปร่วม ตอนแรกฉันต้องการให้เธอมา แต่เธอไม่ว่างฉันเลยจะกลับไป"

 

จินแปลกใจไม่น้อยกับการกระทำของวาววา หว่องพยักหน้ากล่าวขอบคุณสำหร้บคำอธิบาย

 

"หว่อง" เสียงเรียกชื่อทำเอาเขาและหว่องต้องหันมามองเจ้าของคำพูด

 

"หื้อ?"

 

"..."

 

"ไม่มีอะไร"

 

โธ่ ให้มันได้อย่างนี้สิ!

 

หว่องเลี่ยงตัวเข้ามาเพื่อขอคำปรึกษาว่าในครัวยังมีอาหารเหลือเยอะ ควรชวนวาววามากินหรือไม่แต่วาววาไม่ชอบอยู่นานเกินรอ ถ้าคิดจะกลับก็กลับ เขาเลยจำยอมลองทำตามคำขอแม้ลึก ๆ ในใจไม่มีหวังก็ตาม

 

"เอาสิ ฉันหิวพอดี"

 

นี่เขาพลาดอะไรไป

 

TBC