วาววาเงยหน้ามองเฮิงอย่างเฉยเมย แปลกใจไม่น้อยที่เฮิงรู้ความลับของลูคัส ส่วนเจ้าตัวยังคงนึกว่าตนเก็บความลับได้อยู่ เมื่อประเด็นนี้เกิดขึ้น เขาควรสานต่อจุดประสงค์ดีไหม

 

"ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบ" สีหน้าอีกฝ่ายฉงนจนเขาเผลอหลุดขำชั่วคราว

 

"ไหน ๆ เธอก็รู้ความลับลูคัสแล้ว ฉันควรจะบอกอะไรเธออีกดี เช่น--"

 

"ขอบคุณ แต่ไม่อยากทราบ" ว่าจบเฮิงเบือนหน้าหนีทำอย่างอื่นทันที

 

จริงอย่างที่คิดไว้ เฮิงอยากแทงใจดำเพื่อให้รู้สึกแย่ ต่อให้เฮิงหรือเขารู้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี การเข้ามาของลูคัสทำให้หลายอย่างเปลี่ยนไปแม้กระทั่งชิชาเผยเหตุผลและตอบรับมาอยู่ฝั่งพวกเขาง่ายดาย ถึงอีกฝ่ายเงอะงะในบางเรื่องแต่การวางแผนกลยุทธ์พวกนี้ก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน ย้อนกลับไปช่วงเวลาเขาเคยถามลูคัสว่ารักเขาหรือไม่ แน่นอนลูคัสตอบกลับทันทีว่ารัก ทว่าสายตากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น 

 

"คุณวาววาครับ ความจริงคนที่คุณควรรักควรเป็นหว่องด้วยซ้ำ"

 

ใช่..เขาควรรักหว่อง ไม่ใช่ลูคัส

 

"เฮิง"

 

"ครับ"

 

"เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ"

 

 

เวลาเกือบรุ่งสางมีบุคคลรับเชิญเข้ามาบ้านทีปกร การปรากฏตัวในครั้งนี้ในอนาคตจะไม่มีทางหวนคืนดั่งวันวาน หลักฐานมากมายเหมาะสมต่อการปล่อยข่าวลือของตระกูลสาโรช ทั้งคดีค้ามนุษย์และการลักลอบคนเข้าออกประเทศอย่างผิดกฎหมาย สถานการณ์ลุกโชนกู่ไม่กลับทำเอาชิชาสะใจไม่น้อย น่าเศร้าใจหากเห็นไฉไลต้องตายลงไปแต่การอยู่แบบตายทั้งเป็นคงดีกว่า

 

"มีความสุขเหรอครับคุณชิชา"

 

"ขออภัยที่เสียมารยาทครับ"

 

"ไม่หรอก ความจริงคุณเป็นแบบที่ผมวางไว้นั่นแหละ แค่รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแสดงสีหน้าว่าดีใจเป็นอย่างมาก"

 

คำพูดของทีปกรไม่เคยทำให้เขาได้เข้าใจตั้งแต่ต้นเสมอมา วันแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้เขาไม่สามารถรับรู้ความหมายที่แท้จริงได้ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีความลับหรือพูดไม่รู้เรื่องกันแน่

 

"คุณทีปกรครับ ผมได้ข้อมูลมาสร้างข่าวลือให้ตระกูลสาโรชได้แล้วนะครับ"

 

"เก่งจริง ๆ ลูกรักของผม"

 

สีหน้าล้อเลียนทีปกรส่งมาให้เขาทันทีหลังพูดจบ ชิชาส่ายหน้าเนือยหยิบสมุดเล่มหนึ่งให้ทีปกร เป็นสมุดที่เขาบันทึกตั้งแต่วันแรกย่างกายจนถึงตอนนี้ ข้อมูลล่าสุดคือลดารินทร์ไม่พอใจกับการกระทำไฉไลอยู่เบื้องลึกเพราะความขัดแย้งหลังเข้าร่วมงานเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ ถึงลดารินทร์จะติดเครื่องบันทึกเสียงตัวใหม่สองรอบเพราะตัวแรกพังไปแล้ว ทว่าข้อมูลที่ได้มาก็ไม่ได้มีผลประโยชน์จนมาทำลายตระกูลเวหาได้ เขาเผลอพูดถึงตัวไฉไลในด้านเสียหายจึงทำให้ทั้งคู่อยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก

 

"งั้นก็ดีเลยสิแบบนี้ แล้วเรื่องอาวุธเถื่อนล่ะ"

 

"เขาพยายามหาลูกค้ารายใหม่แต่ก็หาไม่ได้เพราะเสียเครดิตด้านความเชื่อถือไปเยอะแล้วครับ"

 

"จำเรื่องวันนั้นได้ไหมที่มีการค้ามนุษย์ในกาสิโน"

 

"ครับ..เรื่องที่บอกมีคนหนีตายไม่เป็นความจริงทั้งหมด หลังตระกูลเวหาจัดการเรื่องนี้ได้ ผมกับคุณจินส่งตัวไปศูนย์รับความช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ มีบางส่วนครอบครัวพากลับไปแต่บางส่วนก็ไม่มีญาติมาให้ความช่วยเหลือ"

 

"ตอนแรกคุณอยู่ในรายชื่อผู้ต้องสงสัยของวาววานะ แต่คุณก็เอาตัวรอดแล้วโยนให้กับตระกูลลดารัณได้เนี่ย ก็เลวใช้ได้เลย"

 

"เรื่องพวกนี้คุณไว้วางใจได้ มันจะไม่มีทางที่พวกเหี้ยเหล่านั้นกลับมาเฉิดฉายอีก"

 

แค่เหี้ยยังน้อยไปต้องเรียกชั่วโคตรเลยสิ ถึงจะดี

 

 

จินถูกหว่องพาไปร้านก๋วยเตี๋ยวในยามเช้าตรู่ ไม่รู้หิวโซจากไหนถึงซัดอาหารวันละห้ามื้อ ฝ่ามือหนาจับข้อมือลากมานั่งลงแถวโต๊ะหลังของร้าน รอยยิ้มสดใสส่งมาพร้อมยื่นเมนูอาหารให้เขาโดยไม่เซ้าซี้ การกระทำแสนดีใจเพราะหว่องรบเร้าให้เขาไปหลายครั้งแต่เขาเลือกปฏิเสธจนบางทีหว่องบ่นน้อยใจหาว่าเขาอยู่แต่กับวาววาแถมยังแซวว่าชอบวาววาหรือเปล่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเอาความคิดนี้ได้อย่างไร หากเป็นไปได้เขาขอรักหว่องไม่ดีกว่าหรือ

 

"นี่จินชอบกินเส้นเล็กเหรอ เราก็ชอบกินเหมือนกัน!"

 

น่าเอ็นดูจริง ๆ 

 

"เออจิน ความลับที่ว่าของหลิงคืออะไร"

 

"ถามโต้ง ๆ ตรงนี้เลยเหรอ"

 

"ทำไมอะ เวลาปรึกษาบางอันเรายังคุยกันที่ร้านหมูกระทะมาแล้วเลย"

 

ก่อนหน่ายใจกับความซื่อของหว่อง พนักงานมาสอบถามรายการอาหารขัดจังหวะเสียก่อน เขาไม่แน่ใจกับการกระทำหว่องในบางครั้งถึงเขาเลิกคิดไม่ดีกับหว่องแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ บางทีรู้เพราะไม่รู้แต่บางทีไม่รู้เพราะรู้นี่สิ เขาถึงคาดเดาความรู้สึกของหว่องไม่ได้เลย

 

"จำงานประมูลเพชรได้ไหม"

 

"..."

 

"นั่นแหละ เธอทำหลิงแทบเป็นบ้าไปเลยล่ะ"

 

TBC