รู้สึกอยากตายทันทีก็ตอนนี้แหละ 

 

                        ลูคัสในร่างหว่องหัวเสียเต็มประดาเมื่อรู้ว่าตัวเองเข้ามาในนิยายเรื่องนี้หลังอ่านจบไปหมาด ๆ ความประทับใจอย่างหนึ่งคือหน้าตาหว่องและลูคัสแทบราวกับเป็นคนเดียวกันแต่ไม่ใช่ข้อดีของการเอาชีวิตรอด ทั้งที่ควรได้นอนพักแต่กลับมีเรื่องพิสดารเข้ามาหา ทว่าโชคชะตายังพอเข้าข้างยามจินยกสัมพาระต่าง ๆ มาให้ ลูคัสรีบหาเป้าหมายแรกก่อนเลยนั่นคือการค้นหาของในกระเป๋าของหว่องจนพบกับนิยายอันแสนคุ้นเคยอยู่ในนั้น เขารีบหยิบมาอ่านทันทีราวกับหายนะกำลังมาเยือน สร้างความงุนงงให้กับสองชีวิตไม่เข้าใจในการกระทำ ผ่านไปสักพักก็ยิ่งสงสัยไปอีกเมื่อเห็นคนอยู่บนเตียงหยุดนิ่งราวกับหุ่นปั้นก่อนผ่อนลมหายใจแล้วกลั้นยิ้มพูดจาอยู่คนเดียว

 

                      แปลกพิลึก

 

                     หลังออกจากโรงพยาบาลมาเกือบสัปดาห์กว่าแล้ว (เขาคาดเดาจากการนับครบเจ็ดวัน) ลูคัสจำได้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเหล่าสองตระกูลของวาววาและหว่องมีอีเว้นท์จะจัดงานร่วมฉลองกัน เรียกง่าย ๆ ว่ากราฟชีวิตตอนนี้หว่องยังปลอดภัยดีไม่มีอะไรมาทำลายได้แต่นั่นไม่ใช่เรื่องดีเพราะลูคัสอ่านนิยายต่างโลกมาเยอะจึงหวาดระแวงไปหมดกับทุกย่างฝีก้าวไม่ว่าจะมีคนมาเรียกหรือทักคุยอะไร เขาไม่สามารถทำจิตใจให้สงบได้จริง ๆ 

 

                   "คุณหว่องมีคนมาพบครับ" ลูคัสหลุดภวังค์ก่อนก้มหัวขอบคุณอย่างเคยชิน เขา(พยายาม)เดินออกไปด้วยท่าทีสง่าผ่าเผยตามคำบรรยายของนักเขียนที่บอกไว้แต่แล้วความรู้สึกปวดหลังเริ่มเข้ามาในโสตประสาทให้บ่นโอดโอยเบา ๆ การใช้ชีวิตระหว่างเขากับหว่องมันช่างต่างลิบลับเสียจริง ถ้าเขารวยเขาอาจเข้าใจการเข้าสังคมแบบที่กำลังสวมบทบาทอยู่ตอนนี้ก็ได้แต่นี่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง ทำไมมันอนาถขนาดนี้วะ แถมมาอยู่ในยุครัฐบาลทำคลับคล้ายคลับคลากันมันก็อดไม่ได้ที่จะโมโห

 

                  "ทำเป็นลืมแล้วเหรอ นี่เพื่อนฉันเอง" วาววาเห็นสีหน้างุนงนส่งมาจากหว่องก็ยกยิ้มขบขันก่อนพยักหน้าให้คนข้าง ๆ ได้แนะนำตัวอีกครั้งหลังจากหว่องและหลิงไม่ได้พบกันนาน

 

                 "สวัสดีค่ะคุณหว่อง ฉัน 'หลิง' นะคะ"

 

 

 

               เพิ่งสังเกตว่าห้องรับแขกของหว่องตกแต่งด้วยสไตล์แบบดั่งเดิม กลิ่นหอนรัญจวนจากเทียนหอมอบอวลเต็มห้องทำให้รู้สึกว่าน่าอยู่กว่าบ้านลูคัสมาก ๆ ยิ่งมีหน้าต่างประดับไว้เพื่อให้แสงสาดส่องเข้ามา ลูคัสแทบอยากขโมยเงินของหว่องไปใช้ในยุคตัวเองเสียจริงเพราะจำนวนเงินมหาศาลขนาดนี้ไม่ได้ใช้คงเสียดายแย่แต่มันจะเอาไปได้ไงถ้าเขาตายก็เอาเงินมาใช้ไม่ได้อยู่ดี แอบขบขันกับตัวเองในใจโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาใครบางคนมองตลอดเวลา เมื่อรู้สึกตัวได้ว่ามีใครกำลังเพ่งมองจึงเปลี่ยนสีหน้าให้เรียบเดินไปหยิบแก้วให้สองคนที่นั่งรออยู่แล้ว สูดดมกลิ่นน้ำชาเล็กน้อยก็พบว่าหอมมากจนอยากละลายลงพื้นด้วยความคิดมากไปจึงไม่กล้าลองชิมเพราะกลัวมียาพิษผสมอยู่ วาววาเหลือบเห็นหว่องนิ่งงันไม่ดื่มเสียทีจึงทักออกไป

 

              "หว่อง เป็นอะไร"

 

              "ปะ..เปล่าครับ"

 

              "ทำไมพูดสุภาพจังคะ มีอะไรที่หลิงไม่ทราบหรือเปล่า" ลูคัสอยากตบปากตัวเองสามที เผลอพูดสุภาพจนทำให้หลิงสงสัยเสียได้ ไม่ทันได้แก้ตัวก็เผลอทำตัวเสียมารยาทไปแล้ว

 

               ปู้ด~ 

 

               กลิ่นอันไม่พึงประสงค์กลบกลิ่นเทียนหอมเล็กน้อยจนคนนั่งแถวนั้นรู้สึก ลูคัสตกใจมากจนเผลอทำน้ำหกใส่เสื้อก่อนขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยไม่สนคำพูดทักท้วงจากใครทั้งสิ้น วาววาวางทุกอย่างลงคิดจะเดินตามหว่องไปทว่าฝ่ามือหลิงจับแขนห้ามปรามไม่ให้ทำแต่นั่นไม่ได้ผล วาววาหยิบฝ่ามือของหลิงออกแล้วเดินไปหาหว่องทันที ทำให้หลิงรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยเมื่อเห็นหว่องทำตัวเสียมารยาททั้งที่แต่ก่อนแทบไม่เป็นเช่นนี้ด้วยซ้ำ มันเกิดอะไรขึ้น

 

              มีแผนอะไรกันแน่

 

 

 

            "หว่อง..เป็นอะไรมากหรือเปล่า"

 

             ลูคัสชะงักกึกคิดไม่ถึงว่าวาวจะถามหาถึงขั้นเดินตามมาขนาดนี้ ฉะนั้นแล้วจึงเงียบเพื่อดูท่าทีว่าเป็นเช่นไร ผ่านไปไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังหลายคราจนเขาสูดลมหายใจขอพรสิ่งศักดิ์บนโลกใบนี้ให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปอย่างสันติสุข

 

            "หว่อง! ตอบฉันที"

 

            "โอย..โอเค ๆ วันนี้พวกคุณสองคนกลับไปก่อนได้เลยครับ ขอโทษด้วยนะคร--"

 

             ลืม...

 

            ลูคัสแทบเอามือปิดปากไม่ทันเมื่อเผลอใช้คำสุภาพอีกครั้งมันไม่แย่ไปหน่อยเหรอถ้าวาววาสังเกตเห็นว่านี่ไม่ใช่หว่องคนเดิม สิ้นเสียงเคาะประตูตามด้วยประโยคลาจากวาววาทำเอาลูคัสแทบลืมหายใจชั่วขณะ ความวิตกกังวลกลายเป็นความโล่งใจทันที

 

            "งั้นฉันขอตัวกลับก่อนก็ได้ ไว้เจอกันคราวหน้า"

 

 

 

             ยามค่ำคืนมืดมิดแสงไฟอัสดงจางหายมีจันทราสว่างขึ้นมาแทนท้องนภา วาววาครุ่นคิดหนักกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อย่างแปลกใจราวกับว่าไม่ใช่หว่องคนเดิม สีหน้า การกระทำ คำพูด เปลี่ยนจนเขาคิดว่ามีแผนการอะไรหรือเปล่า ถึงเป็นอย่างนั้นเขาคงไม่สามารถไว้ใจได้อยู่ดีเพราะข่าวลือที่ว่ามีคนเป็นหนอนบ่อนไส้อยู่ในทีม

 

             "คิดว่าเป็นหว่องเหรอ" หลิงเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเฉยเมย

 

             "ไม่แน่ใจ แต่หว่องเพิ่งหายป่วยไปหมาด ๆ นี่สิ"

 

              ตั้งแต่เหตุการณ์หว่องรักษาอยู่โรงพยาบาล วาววาคอยสังเกตุท่าทีไม่ว่าจะตอนเหม่อ นอน หรือตอนพึมพำคนเดียวบ่อยครั้งก็พบว่าไม่มีท่าทีหว่องคิดจะประทุษร้ายเขาเลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากบางกัดแน่นราวกับใช้ความคิดจนไม่สนว่าหลิงพูดอะไร ผ่านไปไม่นานวาววาได้ยินเสียงขอตัวจากหลิง

 

             "ฉันขอตัว พูดไปคุณก็คงไม่ฟัง"

 

 

 

             "จิน...ช่วยสอนเราผูกเน็กไทได้ไหม"

 

             "ครับ" จินก้าวฝ่าเท้าเข้าไปหาทันทีเมื่อมีเสียงเจ้านายเรียกก่อนพบสภาพเจ้าตัวที่เชื่อแล้วว่าผูกไม่เป็นจริง ๆ เป็นไปไม่ได้ ทำไมคุณหว่องถึงลืมอะไรหลาย ๆ อย่าง เพราะไม่อยากจำหรือแสร้งว่าจำไม่ได้ทว่าดูคนตรงหน้าแล้วก็หาเหตุผลมารองรับความสงสัยไม่ได้จริง ๆ 

 

             "ขอโทษทีครับ แต่ช่วยเราหน่อยได้ไหม"

 

              เสียงอ้อนวอนจากหว่องเป็นการเตือนสติให้จินเข้าไปดูแลความเรียบร้อยรวมไปถึงบอกว่าควรใส่เสื้อตัวไหนไปเพราะดูจากเจ้านายตัวเองเลือกมาแล้ว

 

             ไม่เหมาะสมเลยสักนิด

 

            "คุณหว่องครับ ทำไมถึงดูเหมือนจำอะไรไม่ได้เลยล่ะครับ"

 

            "คงลืม ๆ เลือน ๆ ตามประสาคนโตขึ้นเรื่อย ๆ แหละ แล้ววันนี้ต้องเข้าไปกาสิโนไหม"

 

            "คุณหว่องจะไปทำอะไรครับ"

 

             "อยากไปดูน่ะ"

 

             "แต่คุณหว่องไม่เคยคิดจะไปดูคนเล่-"

 

              "นะ ๆ พาไปดูหน่อย"

 

               หว่องรีบตื้อคนสนิททันทีด้วยการจับฝ่ามือเขย่าเล็กน้อยทำเอาจินตกใจเสียยิ่งกว่าจึงได้แค่พยักหน้าตอบรับไปอย่างช่วยไม่ได้ การกระทำท่าทางราวกับเด็กยิ่งทำให้เขาเคลือบแคลงใจมากกว่าเดิม

 

              เกิดอะไรขึ้นกันแน่ 

 

 

Tbc