"พี่แทน! เกือบตายแล้วรู้ไหม ทำไมวาววาถามจี้ยังกับรู้ว่าคัสเป็นใครอะ" 

 

ช่วงสายวันใหม่หลังจากลูคัสหมดลมหายใจหาข้ออ้างตอบคำถาม'ทำไมเฮิงถึงเรียกเขาว่าลูคัส' ถือเป็นวินาทีเฉียดตายของชีวิต ในใจอยากตอบว่าใช่ แต่จำเป็นต้องตอบไม่ แทนมองกิริยาว้าวุ่นคนอายุน้อยกว่าด้วยความเห็นใจ

 

"แล้ววาววารักหว่องบ้างยัง"

 

"คัสดูไม่ออก คัสรู้แค่ว่าคุณวาววาเปิดใจกับหว่องมากขึ้น" แทนพยักหน้าเข้าใจหลังลูคัสพูดจบ

 

" อยากฟังเรื่องต้นฉบับไหม"

 

"คัสอ่านหมดแล้วนี่ ทำไมต้องรู้อีก"

 

"ก็รู้ว่านิยายพี่มันใส่รายละเอียดไม่เยอะ ไม่อยากฟังจริงเหรอ" ลูคัสขมวดคิ้วราวกับสื่อว่าเพิ่งรู้ตัวเหรอ ทว่าก็ฟังอีกคนด้วยความตั้งใจ

 

ในอดีตตระกูลเวหากับตระกูลสาโรชเคยเป็นมิตรต่อกัน มีการช่วยเหลือเกื้อกูล อีกทั้งเป็นคู่ค้าทั้งหมดในธุรกิจต่าง ๆ จากตระกูลสาโรชกลุ่มเล็ก ไม่มีอำนาจอะไรขยายใหญ่จนเป็นที่ยอมรับ เมื่อถึงเวลาต้องเลือกผู้ดำรงตำแหน่งอำนาจสูงสุดตระกูลเวหาคือผู้ถูกเลือก ทำให้ไฉไลเลิกญาติดีตัดสินใจเป็นศัตรูทันที คราวนั้นสองครอบครัวจากตระกูลเวหามีบุตรกำเนิดขึ้นมาคือหว่อง อาคิรา ส่องแสง และ วาววา วิภาวัส ดำรง ซึ่งชื่อจริงทั้งคู่หมายถึงพระอาทิตย์

 

"เพิ่งรู้ว่าหมายถึงพระอาทิตย์"

 

"ชื่อจริงเราชื่ออะไร"

 

"ศลิษา ครับผม" 

 

หมายถึงการโอบกอดงั้นเหรอ

 

แทนคิดในใจพร้อมปัดความคิดฟุ้งซ่านเล่ารายละเอียดต่อ

 

ผ่านไปสักพักทั้งคู่อายุครบแปดปี หว่องมีเพื่อนใหม่อีกคนชื่อจิน เจตน์ สรรเสริญ ลูกบุญธรรมของครอบครัวอาคิรา ทว่าพออายุครบยี่สิบปี ด้วยหน้าที่การงานทำให้จินและหว่องห่างเหินราวกับไม่รู้จัก วาววามีโอกาสทำความรู้จักกับหลิง ลดารินทร์ เชิดชู จากงานเปิดตัวอัญมณีเพชรพลอย 'Dlla' ทำให้หลิงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งการบาดหมางความสัมพันธ์ของหว่องและวาววา เนื่องจากหว่องรู้ว่าตระกูลลดารัณอยู่พรรคพวกเดียวกับสาโรช ส่งผลให้หว่องไม่ชอบใจและรู้ว่าอีกฝ่ายแอบชอบพอกันจึงเป็นจุดอ่อนต้องการกำจัดไป

 

"เฮ้ย จริง ๆ หว่องไม่ผิดนะ พี่แทน"

 

"ก็ใช่ แต่เพราะนิสัยฟังแต่ตัวเอง ไม่ปรึกษาใคร บ้าอำนาจ ยิ่งโดนหลิงเป่าหูด้วย วาววาเลยต้องการหักหลังหว่องไง"

 

"แล้วกลิ่นผ่อนคลายอะ"

 

"พี่ใส่มาเฉย ๆ"

 

ลูคัสถอนหายใจแรงจนแทนรู้สึกผิดเล็กน้อย เสียงบ่นจากคนตรงหน้าทำเอาเขาไม่รู้จะแก้ตัวยังไง

 

"เอาดี ๆ พี่แทน"

 

"พี่ไม่รู้อะ คือพี่เคยใส่ตอนหว่องใกล้ตาย"

 

 

 

 

สองวันต่อมาเฮิงกับลูคัสนัดมาเจอร้านอาหารส้มตำคู่ใจ ทั้งคู่เคยแวะเที่ยวหาแล้วค้นพบรสชาติล้ำเลิศเข้าถึงหัวใจ ณ ร้านนี้ แน่นอน ว่าต้องแวะเวียนกินอีกสักครั้ง เมื่อเลือกเมนูอาหารเสร็จเรียบร้อย เฮิงจึงหยิบสมุดเล่มเล็ก แผ่นซีดี แฟลชไดร์ชและโทรศัพท์ของลูคัสไปเรียงรายบนโต๊ะทันที

 

"ลูคัส พ่อฉันวางแผนจริง ๆ"

 

"เดี๋ยวนะ นัดกับคุณหลิงเหรอ"

 

"ใช่ เหมือนมีอะไรลับลมคมใน ทุกทีพ่อฉันต้องบ่นไปเรื่อย ๆ แต่คราวนี้เงียบสนิทจนฉันยังสงสัย"

 

ลูคัสเขกหัวลงโต๊ะจนเฮิงตกใจนึกว่าสลบไป หายนะกำลังมาเยือนของจริง หลิงจะหว่านล้อมวาววาฆ่าหว่องอีกครั้งหรือไม่ ยอมรับว่าวาววาดูไว้ใจหว่องแต่มันคือการแสดงหรือความจริงใจ?

 

ตอนแรกเขาไม่อยากคิดอะไรมาก พยายามใช้ชีวิตเอ้อระเหยเหมือนอยู่โลกตัวเองแต่พอฟังรายละเอียดนิยายเพิ่มเติมจากแทนแล้ว เขาตระหนักได้ว่าไม่มีอะไรไว้ใจได้สักอย่าง

 

"เมื่อไรจะจบสักทีวะ ไม่อยากอยู่แล้ว" เฮิงบังเอิญได้ยินเสียงพึมพำก่อนพบลูคัสน้ำตาไหลอาบแก้ม ตั้งแต่เมื่อไรที่หว่องร้องไห้ง่ายขนาดนี้ เขาเลือกเมินทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

เขาทำไม่ได้ 

 

"ลูคัส เป็นอะไร"

 

"เปล่า..คิดถึงบ้าน"

 

บ้าน?

 

เฮิงทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ดีขึ้น ตัดสินใจแตะตัวเพื่อปลอบโยน ทว่าต้องชะงักไปเพราะลูคัสเงยหน้าพร้อมรอยยิ้มแสนทะเล้น เขาจึงเปลี่ยนจากแตะตัวเป็นหยิกแก้มแทน

 

"เฮิง! เจ็บนะ"

 

"เจ็บสิดี เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง" ลูคัสหัวเราะดังเอิกเกริกหันซ้ายหันขวาและวกเข้ามาเรื่องเดิม

 

"เราว่าตระกูลลดารัณกับสาโรชกำลังร่วมมือทำอะไรบางอย่างจริง ๆ"

 

"อะไรบางอย่างที่ว่าโค่นล้มตระกูลเวหาใช่ไหม"

 

ถูกต้อง ลูคัสคิดในใจ 

 

หลังคุยจบ อาหารที่สั่งไว้มาทันท้องร้องพอดี ลูคัสอุ่นใจยามได้กินอาหารอร่อยราวกับเติมพลังชีวิตให้ไปต่อ บรรยากาศอึมครึมเปลี่ยนเป็นสดใสเช่นเดิม เฮิงมองพระอาทิตย์ตกด้วยความสงบ นานมากแล้วที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเดินไปช้า ๆ

 

ไม่สิ ไม่เคยเลยต่างหาก

 

ความอ่อนไหวก่อตัวขึ้น น้ำตาเอ่อล้นขอบตาก่อนตัดสินใจกอดลูคัสแนบแน่น 

 

"เฮิงเป็นอะไรไป"

 

​​​​​"..."

 

"เฮิง ไหวใช่ไหม"

 

"ลูคัส หากเกิดอะไรขึ้น ขออย่าเป็นอะไรเลยนะ สัญญาได้ไหม"

 

 

 

 

 

ลูคัสเปิดโทรศัพท์ออกมาเพื่อดูหน้าจอแสดงผลว่าเป็นเวลาสามทุ่มยี่สิบห้านาทีแล้ว ถอนหายใจอีกครั้งก่อนเก็บไว้ที่เดิม ไม่รู้ควรรู้สึกอย่างไรระหว่างดีใจหรือเสียใจที่ต้องอยู่ในโลกนิยายแบบนี้ ไม่ทันได้เปิดประตูพบใครบางคนคุ้นเคยยืนขวางทางราวกับไม่มีทางอื่นจะยืนให้ดูจ๊าบแล้วมั้ง

 

"เหี้ย! วาววา"

 

"ทำไมได้กลิ่นฝน" วาววาขยับเข้ามาใกล้เพื่อดมกลิ่นฝนตามร่างกายของลูคัส

 

"กลิ่นฝ..ฝนอะไร"

 

"กลิ่นผ่อนคลายตัวเอง"

 

​​​​เดี๋ยวนะ หมายความว่า..

 

"หว่องระวัง!" เสียงปืนดังลั่นเข้ามาหวังลั่นไกเป้าหมาย เมื่อเป้าหมายรู้ตัว บุคคลนั้นจึงรีบวิ่งหนีสุดชีวิต ความวุ่นวายดังรอบพื้นที่ เฮือกสุดท้ายไม่ทันได้เตรียมใจก็ตายอาบแน่นิ่งเสียแล้ว ลูคัสตัวสั่นระริกในอ้อมกอด ซบใบหน้าลงบนอกของวาววาพร้อมร้องไห้โฮเสียงดังด้วยความกลัวและเจ็บปวด พยายามอดกลั้นครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็เอาชนะไม่ได้อยู่ดี 

 

"วาววา เราไม่ไหวแล้ว" อาการสั่นไม่หยุดจนอีกคนเป็นห่วงไม่ได้ ถึงจะเอะใจแต่เมื่อคนในอ้อมกอดกำลังรู้สึกแบบนี้ แน่นอนเขาเลือกเป็นห่วงอันดับแรก ฝ่ามือลูบหัวเบา ๆ ปลอบประโลมให้สงบโดยไม่รู้เลยว่ามีสัมผัสอบอุ่นแนบชิดลงศีรษะจากริมฝีปากประทับลงไป

 

ฉันสัญญาว่าจะเชื่อเธอสุดหัวใจและไม่ปล่อยเธอไปอีกแล้ว

 

 

TBC