การล่าผู้ทำค้ามนุษย์จบ พบอีกหลายคนไม่ว่าผู้ชาย ผู้หญิง เด็กหรือคนแก่ นอนอุดอู้ในเรือเตรียมออกจากฝั่งเพื่อนำไปขายตัวต่างแดน จินได้รับรู้ว่ามีบางส่วนหนีหรือตายระหว่างมาที่นี่รวมทั้งตำรวจมีส่วนร่วมในการทำค้ามนุษย์ สืบค้นพบหลักฐานสำคัญผู้ทรงอิทธิพลร่วมด้วยเช่นกัน จินจึงตัดสินใจให้เรื่องการดำเนินคดีเป็นเรื่องของตำรวจแต่เรื่องผู้ทรงอิทธิพล เขาคาดว่าคงกัดไว้ไม่ปล่อยแน่

 

"คุณวาววาครับ ที่คุณหว่องสันนิษฐานมาดูคล้ายกับหลักฐานที่เราพบมากเลยนะครับ"

 

"อืม ฉันไม่แน่ใจอะไรเลยสักอย่าง ไม่รู้ว่าพวกนี้มันโดนแอบอ้างหรือตั้งใจทำ"

 

คนคุ้มกันในตอนนี้แทบลดลงทันตาหลังกำจัดพวกคิดไม่ซื่อตายเรียงคน เหลือแค่ฝั่งหว่องยังสามารถไว้ใจได้ วาววารู้สึกอ่อนระทวย ไม่คิดไม่ฝันว่ามีคนคิดจ้องทำลายมากขนาดนี้ หลายคราเคยคิดอยากดำรงให้ตระกูลเวหามีคนสืบทอดเริ่มมลายลงไปเหลือเพียงการยุติตัวลง แน่นอนหากทำเช่นนั้นย่อมมีผลเสียมากกว่าผลดีสำหรับเขาแล้ว เขาไม่อยากให้ใครหลุดมือคนสำคัญในตระกูลไปมากกว่านี้

 

"คุณวาววาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"

 

"เคยคิดบ้างไหมว่าหว่องเปลี่ยนแทบราวกับคนละคน"

 

"ครับ ตอนนี้ผมกับคุณหว่องกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิมแล้วครับ"

 

วาววาทำหน้าฉงนก่อนเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย สายตาอ่อนลงเมื่อนึกถึงหว่องคนใหม่ ณ โรงพยาบาลครั้งก่อน หัวใจขุ่นมัวกลายเป็นความไว้ใจและซื่อสัตย์ เผยรอยยิ้มออกมาบางเบาให้คนนั่งตรงหน้าเห็น เขารู้สึกแปลกใจทุกสิ่งคำพูดบางครั้งสุดโต่งจนอยากห้าม บางครั้งแทบทำเอาเขาหัวจะปวด จริง ๆ มีความรู้สึกหนึ่งคืบคลานมาตลอด

 

ว่าคนที่ชื่อหว่องไม่ใช่หว่องแต่เป็นคนใหม่ที่เขายอมรับมาในหัวใจโดยไม่รู้ตัว

 

 

 

 

ยามเช้า ณ ตระกูลสาโรชไม่เคยสดใสสำหรับผู้อยู่ตรงนี้ ความอึดอัดปกคลุมทุกวินาทีที่มีชีวิตอยู่ เฮิงเหลือบมองกับข้าวพบว่าดูน่ากินไม่น้อยจึงกินโดยไม่สนใจสายตาไฉไลกำลังมองอย่างสงสัย ทุกทีเขาไม่เคยเห็นลูกแตะข้าว ส่วนมากจะเล่นข้าวในจานแล้วทานข้างนอกมากกว่า พอคิดจะถาม ไฉไลตระหนักว่าไม่ควร นัยน์ตาสั่นวูบก่อนเปลี่ยนเป็นก้าวร้าวเช่นเดิม พอเปลี่ยนเรื่องได้แอบหัวเสียกับแผนการนั้นไม่น้อย เผลอทุบโต๊ะจนคนกินอย่างเอร็ดอร่อยสะดุ้ง

 

"มีอะไรหรือเปล่าครับ"

 

"ทั้งที่พ่อสร้างหลักฐานโยงไปให้หว่องหมดแล้ว ทำไมมันถึงรอดออกมาได้"

 

"วิธีอาจสิ้นคิดไปมั้งครับ" ไฉไลเกือบฉุนกับคำพูดของลูกทว่าทุกทีเวลาพูดเรื่องพวกนี้ไป เฮิงมักตอบกลับอะไรแบบนี้อยู่แล้วเลยกดอารมณ์โกรธลงไปได้

 

"วันนี้พ่อมีนัดกับคุณหลิง"

 

"..."

 

"จะทำอะไรก็ทำ" พูดจบไฉไลลุกจากวงสนทนากินข้าวทันที เฮิงเงยหน้าออกจากจานก่อนดูลาดเลาว่ามีใครพลุกพล่านมากน้อยแค่ไหน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครจึงกดปิดเสียงบันทึกที่ได้มาจากหว่องทันที

 

'โทรศัพท์อะไรมีที่บันทึกเสียงด้วย เท่ดีนะ'

 

 

 

 

ลูคัสไปดูโรงงานผลิตฉากหน้าของเล่นของตระกูลเวหาด้วยความตะลึง ของเล่นที่ว่าคือสมัยเขายังเป็นเด็ก ๆ หลากหลายชิ้นคุ้นตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นโยโย่ เบย์เบลด ลูกแก้ว ตุ๊กตากระดาษ ฯลฯ ของมหัศจรรย์ยุคปีคริสตศักราชประมาณ 2000-2010 แบบนี้ ทำให้ลูคัสเริ่มเข้าใจแล้วว่าแทนอ้างอิงนิยายเรื่องนี้ตอนปีไหน จริง ๆ ตอนเขาได้เดินห้างก็เริ่มเห็นของคุ้นตามากหลากชิ้น เพิ่งได้รู้เลยนะเนี่ย ว่าบริษัท Zelection จะดังขนาดนี้ 

 

แหงสิ ตัวหลักอะเนอะ 

 

"ด่าอะไรฉันอยู่ในใจ"

 

ลูคัสหันหน้าหาต้นเสียงก็พบอีกฝ่ายประจันหน้าราวกับรูัทัน ลูคัสส่งยิ้มกวนหนึ่งทีก่อนมองบนให้กับความฉลาดหลักแหลม (แหม ตอนโดนหลอกนี่ โงแล้วโง่อีก) ของวาววา เหตุผลที่มาโรงงานผลิตของเล่นเพราะว่าลูคัสนั้นตื้อให้วาววาพาไป ไม่อยากจะพูดว่าเผลอทำอะไรจนอีกฝ่ายใจอ่อน 

 

'วาววา พาไปเถอะแง' ลูคัสนั่งโหวกเหวกโวยวายต่อหน้าวาววาจนอีกคนหน้าเหวอไม่ทันคิดว่าอีกฝ่ายกล้าทำอะไรแบบนี้ด้วย กลยุทธ์อ้อนของลูคัสใช้ทุกครั้งเมื่อขอตังค์จากแม่ ถึงจะได้ผลแต่เขาโดนแม่แวดทุกที คราวนี้วาววาเห็นท่าว่าลูคัสจะทำอะไรพิศดารเหนือความคาดหมายจึงพาไปแบบยอมใจ

 

 

"รู้ด้วยเหรอ เก่งอะ"

 

"เดี๋ยวเถอะ แล้วทำไมถึงอยากมา" 

 

ฉายา'นักใส่ใจดีเด่น'มันติดอยู่ในอก ความภาคภูมิใจนี้นำไปสู่การอยากรู้อยากเห็นจนสามารถสรุปเรื่องราวชาวบ้านได้ทุกครั้ง เหตุที่มาเพราะแทนไม่ยอมบอกรายละเอียดอะไรอีกเช่นเคย ลูคัสหงุดหงิดใจจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ บริษัทนี้ถึงจะบอกว่าเป็นของหว่องกับวาววา จริง  ๆ มันแทบเป็นของวาววาทั้งหมด เลยทำให้เขาไม่ค่อยรู้อะไรมากเท่าไร 

 

"แล้วนี่ยังส่งยาเสพติดอยู่ไหม"

 

"มีบ้าง แต่น้อยลงแล้ว ฉันคิดเหมือนเธอว่าอาจจะเลิกเป็นมาเฟีย ฉันรู้สึกไม่อยากสืบทอดความเลวนี้ให้กับใครแล้ว คิดว่าเป็นไง"

 

มีความคิดนี้ในหัวด้วยเหรอ เจ๋งนะเนี่ย 

 

ลูคัสยกนิ้วโป้งชมเจ๋งจนวาววาหลุดขำออกมาเพราะความตลกของอีกฝ่ายทำเขายิ้มได้ เมื่อไม่มีสิ่งใดน่าสนใจทั้งสองจึงเดินมาที่จอดรถเพื่อไปที่อื่นต่อ 

 

"หว่อง ฉันมีเรื่องจะถาม"

 

"มีอะไรเหรอ"

 

"ทำไมเฮิงถึงเรียกเธอว่าลูคัส"

 

 

 

 

ร้านภัตตาคารมิชลินใจกลางเมืองเต็มไปด้วยผู้คนฐานะคนรวยทั่วร้าน อาหารหลากหลายรสชาติและความอร่อยจัดจ้านแนะนำมาปากต่อปาก แทนเดินเข้าไปพบกับคนสนิทของหลิงก่อนเดิมไปหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม 

 

"สวัสดีครับคุณชิชา คุณหลิงหายไปไหนเหรอครับ"

 

"คุณหลิงมีนัดอื่นเลยให้ผมมาแทน"

 

แทนพยักหน้าเข้าใจก่อนหยิบกินกุ้งล็อบสเตอร์ตัวโตด้วยความสำราญ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้กินของหรูหราหมาเห่าแบบนี้ โดยลืมตวไปว่ามีอีกฝ่ายนั่งจิบไวน์หวานด้วยความอึมครึม แทนสังเกตหน้าอีกฝ่ายอึกอักราวกับมีเรื่องอยากพูดและไม่อยากพูดพร้อมกัน 

 

"คุณทีปกรครับ คุณหลิงฝากขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือแต่ว่าเขาไม่ต้องการให้คุณมายุ่งอีกต่อไปครับ"

 

"ทำไมล่ะ"

 

"ขอไม่ตอบครับ"

 

ไม่อยากบอกงั้นเหรอ? แทนขบขันอยู่ในใจคนเขียนเรื่องนี้ถึงเนื้อเรื่องจะเปลี่ยนไปเพราะฝีมือลูคัสแต่จุดประสงค์ไม่ได้เหนือความคาดหมายเลยสักนิด ยกยิ้มมุมปากควงแก้วไปมาราวกับให้ดูเหมือนคนเสียใจ ทว่าชิชาเห็นแล้วเหมือนแสดงความเหนือกว่า เขานั่งนิ่งพยายามไม่ให้มีพิรุธแต่ก็คงยากเพราะคนที่ถือไพ่เหนือกว่า คงเป็น ทีปกร คนนี้ 

 

"ผมรู้ว่าตระกูลคุณหลิงกับสาโรชสานสัมพันธไมตรีกัน"

 

"..."

 

"ระวังตัวให้ดี สู้ ๆ ครับ"

 

 

TBC