Day 31 - Shinazugawa Sanemi

 

Prompt: “I trust you”

 

Spoiled :

KNY เล่มที่ 23

*เนื้อหาเชื่อมโยงกับตอนที่ 7 ของ KNY FF - In Time With You (Giyuu x Shinobu) ค่ะ

 

1st Published : 20 JUN 2021

Rewrite : 10 DEC 2022

==========

 

และแล้วเขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องพยาบาลของคฤหาสน์ผีเสื้ออีกครั้งหนึ่ง...

 

สายเสียบระโยงระยางทั่วร่างทำให้ชินาซึงาวะ ซาเนมิ ทราบว่าตนได้รับบาดเจ็บสาหัสมากแค่ไหน ถึงความเจ็บปวดจะทุเลาด้วยฤทธิ์ยาแก้ปวดที่ระงับอาการ แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับก็เป็นสัญญาณให้เขารู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้...

 

โลกที่ไม่มีอสูรแล้ว... และไม่เหลือใครที่เขารักอยู่แล้ว...

 

โลกอันแสนสงบสุขที่เหลือเพียงตัวเขาผู้เดียว...

 

เขาขยับมือควานหาเครื่องประดับศีรษะของคานาเอะที่เขาพกแนบกายไว้ตลอด หากใจหายยามพบแต่เพียงความว่างเปล่า...

 

น้ำตาชายหนุ่มค่อย ๆ รินไหลออกมา ไม่ได้มาจากความเจ็บปวดทางกายที่ประสบ หากเป็นความเจ็บปวดทางใจที่ยังต้องอยู่ต่อไปบนโลกนี้...

 

“ชินาซึงาวะซังฟื้นแล้ว...”

 

เสียงเด็กหญิงตัวน้อยที่มีนามเดียวกับน้องสาวคนเล็กเขาร้องขึ้น ก่อนจะวิ่งตึก ๆ ไปตามคนสูงวัยกว่า ชั่วขณะหนึ่งที่เขาหวังจะได้เห็นร่างเล็กแบบบางของชิโนบุโผล่เข้ามา หากเป็นร่างสูงกว่าของคันซากิ อาโออิ ที่ปรากฏกายด้วยท่าทีร้อนรน...

 

น้องสาวอีกคนของเธอ... และชิโนบุ...

 

“ซึมิ คิโยะ บอกนาโฮะให้เตรียมข้าวต้มมาเพิ่มอีกที่ด้วยนะ เดี๋ยวฉันขอดูอาการของชินาซึงาวะซังหน่อย”

 

การปรากฏกายของหญิงสาวผมแกละทำให้ซาเนมิรู้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องถามถึงพี่สาวอีกคนหนึ่งของเจ้าหล่อนว่าอยู่ไหน ด้วยความเศร้าที่ยังแฝงอยู่ในนัยน์ตาสีฟ้าของเธอทำให้เขาทราบว่า เรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาในห้วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ตลอดจนศึกสุดท้ายล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงอันแสนเศร้า

 

หลายชีวิตดับสูญไปในศึกนี้ หลายชีวิตที่ได้เสียสละเพื่อแลกกับการให้โลกนี้ปราศจากการคุกคามของอสูร...

 

สายลมที่พัดผ่านช่องหน้าต่างพัดพาความหนาวเหน็บของกลางฤดูหนาวเข้ามา แต่ความเหน็บหนาวที่กระทบผิวกายก็ไม่เท่ากับความเป็นจริงที่พบว่า บัดนี้เหลือเพียงตัวเขาคนเดียวบนโลกอันสงบสุขที่แสนอ้างว้างนี้

 

เขาทอดสายตาเหม่อมองเพดานอันเคยคุ้นอย่างเคว้งคว้าง ขณะปล่อยให้น้องสาวคนที่สามของเธอจัดแจงถอดสายที่ระโยงระยางกายเขาออก

 

“ฉันดีใจมากนะคะ... ในที่สุดชินาซึงาวะซังก็ฟื้น” เด็กหญิงในวันวานเอ่ยกับเขาอย่างเป็นงานเป็นการ ท่าทีที่ผิดแผกกับความอ่อนหวานของโคโจ คานาเอะ และความจิกกัดของโคโจ ชิโนบุ หากท่าทีคล่องแคล่วว่องไวกับความเอาใจใส่ก็ทำให้เขาเห็นเงาของคนจากไปทั้งสองในร่างของผู้หญิงคนนี้ “คุณหมดสติไปเกือบเดือนเลยนะคะ”

 

“แล้ว...” ถึงจะรู้อยู่แก่ใจ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม “มีใครรอดอีกบ้าง”

 

คำถามที่เรียกรอยยิ้มเศร้าบนใบหน้าของอาโออิ นัยน์ตากลมโตของเจ้าหล่อนบัดนี้มีน้ำคลอหน่วย ขณะข่มเสียงให้เป็นปกติยามตอบเขา

 

“ที่ยังไม่ฟื้นก็มีทันจิโร่ซังค่ะ ส่วนโทมิโอกะซังเพิ่งฟื้นเมื่อวาน ทางอิโนะสุเกะซัง เซนอิทซึซัง แล้วก็คานาโอะฟื้นมาพักใหญ่แล้วค่ะ แต่ยังต้องรักษาตัวอยู่อีกนาน

 

ซาเนมิเบือนหน้าไปมองอีกฟาก เขาเพิ่งสังเกตว่าฟากของผนังมีเตียงเดี่ยวตั้งอยู่ ร่างของเสาหลักวารีนอนนิ่งอยู่บนเตียง แม้จะคุ้นชินกับสีหน้าไร้อารมณ์ของเจ้าตัว หากนัยน์ตาสีครามที่มองสบมานั้นแห้งผาก จนดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้พร้อมที่จะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาเฉกเช่นเขา...

 

“งั้นเหรอ...”

 

“ชินาซึงาวะซังอย่าเพิ่งลุกนะคะ คุณยังบาดเจ็บอยู่มาก” สาวน้อยคนนั้นรีบส่งเสียงห้ามปรามยามซาเนมิทำท่าจะลุกขึ้น ก่อนนัยน์ตาของเจ้าหล่อนจะเบิ่งกว้าง แล้วล้วงกระเป๋าส่งห่อผ้ายื่นให้ชายหนุ่ม “ฉันเจอสิ่งนี้ในกระเป๋าเสื้อคุณค่ะ ต้องขออภัยนะคะที่ฉันถือวิสาสะเปิดดู”

 

ซาเนมิเอื้อมมือที่ไร้เรี่ยวแรงไปหยิบสิ่งของชิ้นนั้น สิ่งสำคัญที่เขาไม่จำเป็นต้องเปิดดูก็รู้ได้โดยทันทีว่าคืออะไร สิ่งของที่เขาไม่เคยให้ห่างกายเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

เขาจรดห่อเครื่องประดับศีรษะของคานาเอะบนอกซ้ายอย่างแน่นหนา ราวกับกลัวว่าสิ่งของชิ้นนี้จะถูกพรากจากเขาไปอีกครั้ง อากัปกิริยาที่คนมองรีบหันไปเช็ดน้ำตาที่ไหลรินเป็นทาง แล้วหันกลับมาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 

“ชินาซึงาวะซัง... พักผ่อนให้มาก ๆ นะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบเอาข้าวมาให้”

 

ซาเนมิมองแผ่นหลังเล็กบางของหญิงสาว น้องสาวคนสำคัญของคานาเอะ เด็กสาวผู้เจียมตัวที่ไม่เคยยอมรับตัวเองว่าเป็นน้องสาวของคนรักของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ได้แต่กดตัวเองไว้ในฐานะคนดูแลบ้าน หากความแหลกสลายที่เขาสัมผัสได้ตั้งแต่ยามคานาเอะจากไป จนถึงชิโนบุ ก็บ่งบอกถึงความรักและความผูกพันระหว่างอาโออิและสองพี่น้องโคโจ

 

คนที่สูญเสียไม่ได้มีเพียงแค่เขา...

 

สายลมที่พัดโชยมานำพากลีบดอกซากุระตกระมือของเขา กลีบดอกซากุระที่บานนอกฤดูทำนัยน์ตาของเขาแสบร้อน ด้วยนึกถึงดวงหน้าของสตรีผู้อ่อนโยนหากเข้มแข็งเหมือนดอกไม้ชนิดนี้ คนที่เขาปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่โลกก็ช่างโหดร้ายที่พรากชีวิตเธอไปจากเขาและคนที่เธอรักก่อนเวลาอันสมควร เวลาที่ผ่านล่วงมาสี่ปีกว่าไม่เคยทำให้เขาลืมเลือนคานาเอะได้แม้แต่วันเดียว

 

หากสิ่งที่เธอคอยบอกเขาก่อนจากกัน ทำให้เขามีความหวังขึ้นมาว่านี่จะเป็นการจากกันครั้งสุดท้าย อีกเพียงสามปีเศษ เธอจะมารับเขาไปยังโลกที่เธออยู่แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป... มีความสุขต่อไป... แทนที่บรรดาคนที่เขารักผู้ไม่อาจทำมันได้

 

ถึงจะเสียเกนยะและชิโนบุไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่เขายังเหลืออาโออิ คานาโอะ และเด็กน้อยสามคนนั้นที่จะต้องคุ้มครองดูแลต่อไป ไหนจะเจ้าคนไร้อารมณ์ที่ยัยเด็กบ้านั่นฝากฝังไว้...

 

คนที่เข้าใจความทุกข์และความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รักโดยไม่ได้ตั้งตัวที่สุด ก็คงเป็นเขานี่ล่ะ...

 

อย่างน้อย เขาก็ยังโชคดีที่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เขารักและรักเขา แม้จะเป็นช่วงเวลาอันแสนสั้นจนน่าใจหายก็ตาม...

 

แต่มันเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขจากใจเป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาสูญเสียครอบครัวเกือบทั้งหมดในคืนนั้น...

 

เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป... เขาจะมีความสุขตามที่ทุกคนขอร้อง...

 

บนโลกอันแสนสงบสุขใบนี้...

 

กาลเวลาผ่านล่วงไปจนถึงยามที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง กลีบสีชมพูอ่อนจางจนเกือบขาวพร่างพราวไปทั่วบริเวณคฤหาสน์ที่บัดนี้นายน้อยอุบุยาชิกิ คากายะ ขึ้นเป็นเจ้าบ้านแทนที่นายท่านผู้ล่วงลับไป

 

การประชุมเสาหลักครั้งสุดท้ายเป็นไปอย่างน่าใจหาย ด้วยบัดนี้เหลือเพียงเขาและโทมิโอกะ กิยู ผู้เป็นเสาหลักเพียงสองคนเท่านั้นที่รอดจากศึกสุดท้ายมาได้... แต่เมื่อไม่มีอสูรที่คอยคุกคามชีวิตมนุษย์แล้ว นายน้อยคิริยะจึงตัดสินใจยุบหน่วยพิฆาตอสูร

 

ถึงชีวิตหลายคนจะต้องดับสูญ แต่การเสียสละชีวิตของทุกคนไม่กลายเป็นเรื่องสูญเปล่า ด้วยบัดนี้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในโลกอันแสนกว้างใหญ่นี้

 

ซาเนมิหันไปมองหน้ากิยูพร้อมส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ นี่เป็นหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่เขาพยายามจะเปิดใจยอมรับคนเย็นชาไร้อารมณ์เข้าเป็นสหาย ที่แม้จะไม่ได้สนิทสนมเหมือนมาซาจิกะ หรือเข้ากันได้ดีอย่างโอบะไน แต่ความสูญเสียที่ทั้งสองได้รับนั้น คงมีแต่เขาและกิยูเท่านั้นที่เข้าใจความเจ็บปวดของการเสียคนที่รักอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป... จนกว่าจะถึงเวลานั้น

 

“แกสบายดีนะ...”

 

ซาเนมิเปิดฉากทักทายขณะเดินทางจากบ้านของนายท่านคิริยะไปยังคฤหาสน์ผีเสื้อ ยังเหลือภารกิจบางอย่างที่เขาจำต้องทำ เช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่พยักหน้าน้อย ๆ เป็นเชิงตอบคำถามของเขา

 

“ข้ารู้ว่ามันยาก... แต่แกจะผ่านมันไปได้โทมิโอกะ” สีหน้าหมองหม่นของอดีตเสาหลักวารีทำเขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ด้วยความในใจที่เขาได้ล่วงรู้ครั้นเขาและอีกฝ่ายถูกอุซุย เทนเง็น ลากไปมอมเหล้าเมื่อไม่นานมานี้ เพียงพอที่เขาจะต้องคอยเป็นห่วงมัน จนไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมชิโนบุถึงได้อาวรณ์ชายผู้นี้ “...แกเข้าใจใช่ไหมว่าเราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป แม้มันอาจจะไม่นานเท่าไรก็ตาม”

 

“ข้ารู้...” กิยูตอบเศร้า ๆ ขณะแหงนหน้ามองเหล่าดอกซากุระที่บานตลอดทางเดิน “ทันจิโร่เคยบอกข้าว่า คนเราสามารถส่งต่อความทรงจำผ่านพันธุกรรมได้...”

 

“หา... อะไรของไอ้เด็กนั่นวะ”

 

ซาเนมิอดไม่ได้ที่จะประชดออกมา ขณะมือลูบหัวคาบุระมารุ งูของอิงุโระ โอบะไน ที่รอดชีวิตจากศึกนั้น แม้ความขุ่นเคืองต่อคามาโดะ ทันจิโร่ จะจางหายไป แต่เขาก็อดขวางเด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อเวลาเห็นเด็กนั่นคลุกคลีอยู่กับซึยูริ คานาโอะ ความในใจที่ต่างฝ่ายแสดงออกมา แม้จะไม่ฉายชัด แต่ก็พร้อมที่จะเบ่งบานเป็นความรักอันงดงามในไม่ช้า...

 

“ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร...” กิยูยอมรับสั้น ๆ ก่อนจะหันมาสบตาเขา “เชื่อในชาติหน้าไหม... ชินาซึงาวะ”

 

ประโยคคำถามที่เขาได้แต่หันไปมองหน้าคนพูดอย่างใช้ความคิด ด้วยมันเป็นสิ่งที่เขาเองก็หวังมาพักใหญ่ ๆ ถึงชาติภพที่เขาจะได้เจอกับทุกคนที่เขารักอีกครั้ง โดยไม่ต้องพลัดพรากจากกันแบบชาตินี้อีก

 

ถ้าชาติหน้ามีจริง... ข้าก็หวังว่าเราจะเอาความทรงจำของชาตินี้ติดตัวไปได้...”

 

กิยูปรารภออกมาก่อนจะกลับไปจมอยู่ในห้วงภวังค์ ทิ้งคำพูดให้เขาขบคิดตาม

 

ถึงจะยังไม่เชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดทั้งหมด แต่เขาเองก็เริ่มหวัง... มันคงจะดีถ้าเขาจะได้เกิดใหม่พร้อมกับทุกคน จำได้ถึงสายสัมพันธ์ที่ติดตัวมาในชาตินี้

 

หากแม้จะจำไม่ได้ เขามั่นใจว่าถ้าเขาเจอกับคานาเอะอีกครั้ง ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็คงไม่มีวันแปรเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

 

เมื่อถึงคฤหาสน์ผีเสื้อ เขาและกิยูก็ต่างแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตนให้เรียบร้อย ก่อนจะนัดเจอกันหลังเที่ยงเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันกับอุซุย เทนเง็น ผู้รับอาสาเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวเที่ยงในวันนี้

 

สถานที่แรกที่ซาเนมิไปคือต้นซากุระใหญ่ยักษ์ด้านหน้าคฤหาสน์ผีเสื้อ ต้นซากุระเก่าแก่ยังคงความสง่างามเหมือนกับครั้งแรกที่เขาได้เห็น กลีบดอกที่ผลิบานจนแทบย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีชมพูอ่อนจางให้ชวนประทับใจไม่ผิดกับครั้งที่เขากับคานาเอะได้ชื่นชมในวันวาน

 

สำเร็จแล้วนะ... คานาเอะ”

 

เขาเอื้อมมือแตะลำต้นสูงใหญ่ แล้วหลับตานึกถึงภาพรอยยิ้มที่ได้เห็นในวันนั้น รอยยิ้มที่ยังติดตรึงใจของเขาเสมอ ก่อนจะคลี่ยิ้มจางเมื่อนึกถึงความปรารถนาที่เธอได้เอ่ยให้เขาฟัง แม้ท้ายสุดเขาและเธอจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาร่วมกันในชาติภพนี้ หากโลกนี้ก็ปลอดภัยสำหรับน้องที่รักยิ่งของเธอที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป

 

ความเจ็บปวดจากการสูญเสียทั้งครอบครัว ทั้งเธอ ทั้งน้องของเธอ ทั้งเหล่าสหายยังคงติดอยู่ในใจ แต่เป็นจริงอย่างที่คานาเอะว่าไว้ โลกอันแสนสงบสุขนี้มันเป็นอะไรที่แสนวิเศษ... การที่ได้นอนหลับอย่างเต็มตา ไม่ต้องพะวงว่าจะมีชีวิตของใครต้องดับสูญด้วยฝีมืออสูรร้าย ไม่ต้องพะวงว่าเขาจะไม่สามารถปกป้องใครไว้ได้...

 

ภาระที่แสนหนักอึ้งได้ถูกวางลงแล้ว...

 

แต่ก็ยังเหลือบางสิ่งที่เขาต้องจัดการให้เรียบร้อย...

 

ทันทีที่หันหลังเตรียมเดินเข้าคฤหาสน์ผีเสื้อ ซาเนมิก็ได้พบคนที่เขาตั้งใจมาหา นัยน์ตาสีชมพูละม้ายคล้ายเธอคนนั้นเบิ่งกว้างก่อนจะโค้งคำนับเขา

 

“สบายดีนะ...”

 

ซาเนมิเอ่ยถามไถ่ซึยูริ คานาโอะ น้องสาวของเธอที่ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างอยู่ ด้วยช่วงที่เขายังพักฟื้นนั้นแทบไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับน้องของเธอคนนี้เท่าไรนัก จนไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้จะฟื้นตัวจากการสูญเสียชิโนบุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วหรือไม่

 

รอยยิ้มที่ส่งมาพร้อมกับคำตอบรับสร้างความสบายใจแก่เขา เวลาสี่ปีกว่าทำเด็กน้อยที่เคยตัวสั่นเวลาอยู่ต่อหน้าเขาเติบโตกลายเป็นหญิงสาวผู้อ่อนโยนหากเข้มแข็งไม่แพ้พี่สาวผู้ล่วงลับของเธอ ท่าทีของคานาโอะและอาโออิที่เขาได้เห็นเริ่มสร้างความหวังว่าน้องของเธอสองคนนี้จะสามารถอยู่ต่อไปได้แม้จะไม่มีชิโนบุคอยปกป้องแล้ว

 

“ท่านเสาหลักวายุมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ...”

 

“เอ่อ ไม่เชิง...” หากถึงเวลาเข้าจริง กลับกลายเป็นซาเนมิเองที่เป็นฝ่ายพูดไม่ออก “...จริง ๆ คือข้ามีเรื่องรบกวนเจ้า...”

 

ซาเนมิพยายามรวบรวมความกล้า ก่อนปลดคาบุระมารุที่คล้องอยู่บนคอให้แก่น้องคนนี้ของเธอ หน้าที่ที่อาโออิมีหลงเหลืออยู่เพียงพอที่จะให้เด็กคนนั้นไม่จมปลักกับความโศกเศร้าที่คงหลงเหลือในจิตใจ แต่สำหรับเด็กคนนี้ เขาคิดว่าควรจะมีอะไรที่คอยปลอบประโลมเธอจากการสูญเสียพี่สาวไปอีกครั้งหนึ่ง

 

“ข้าคงต้องเดินทางไกลอีกระยะหนึ่ง คงไม่สะดวกเลี้ยงคาบุระมารุเท่าไร เจ้าพอจะเลี้ยงมันได้ไหม...”

 

เขากลั้นใจขณะรอดูท่าทีของน้องสาวคนนี้ของเธอ แล้วถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อเด็กสาวรับงูของเพื่อนรักผู้จากไปด้วยสีหน้าอ่อนโยน อย่างน้อยทั้งสองคงสามารถปลอบประโลมกันและกันได้เป็นอย่างดี

 

ขอบคุณมากนะคะ ฉันจะดูแลคาบุระมารุคุงเป็นอย่างดีเลยค่ะ...”

 

ซาเนมิมองเด็กสาวที่ก้มหัวขอบคุณเขาด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่าน้องสองคนนี้ของเธอจะสามารถมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขได้ โดยไม่จมอยู่กับความเศร้าหรือความโกรธแค้นจากการสูญเสียพี่ทั้งสองของพวกเธอดั่งที่เขาเคยกังวล

 

ก่อนเขาจะเดินหันหลังกลับไปรอเจ้าโทมิโอกะที่หน้าประตู เสียงของคานาโอะก็เรียกชื่อเขาให้หันกลับไป

 

“...ท่านเสาหลักวายุ อยากจะเข้าไปไหว้พี่คานาเอะกับพี่ชิโนบุไหมคะ”

 

คำขอที่ทำเขาชะงักไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อมองนัยน์ตาของคนพูดที่ทอดมองเขาอย่างอ่อนโยน ซาเนมิก็ได้แต่พยักหน้า แล้วค้อมศีรษะนิด ๆ เป็นเชิงขอบคุณ หากไม่ทันที่เขาจะเดินถึงห้องที่ตั้งป้ายวิญญาณของสองพี่น้องตระกูลโคโจ เขาก็เกือบชนร่างเล็กของคามาโดะ เนซึโกะ ที่เดินมาเข้าเสียก่อน

 

อ๊ะ! สวัสดีค่ะ”

 

อดีตเสาหลักวายุชะงักงันกับการปรากฏกายของเด็กสาวที่เขาคิดว่าคงจะได้พบเจ้าหล่อนที่นี่ แต่ครั้นถึงเวลาจริง คำพูดมากมายที่เขาเตรียมมากลับติดอยู่ในลำคอ มีเพียงคำตอบรับสั้น ๆ ที่เขาได้กล่าวออกไป กระนั้นสีหน้าของเด็กสาวคนนั้นยังคงรอยยิ้มสดใสไว้ไม่แปรเปลี่ยน

 

“บาดแผลหายดีหรือยังคะ?”

 

“อืม...” เขาได้แต่เบือนหน้าไปอีกทางก่อนพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา “ก็ดี...”

 

“ดีจังเลยนะคะ...”

 

ซาเนมิได้แต่มองเนซึโกะที่หัวเราะเริงร่าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ด้วยสิ่งที่เขาได้รู้มาว่าเด็กคนนี้พยายามสวดอ้อนวอนให้ทั้งพี่ชายของเจ้าหล่อน เจ้าโทมิโอกะ และเขาฟื้นจากห้วงความเป็นความตายตลอดที่เขาหมดสติไป

 

นัยน์ตาที่สบมองเขานั้นใสแจ๋วราวกับเด็กน้อย จนเขารู้สึกผิดต่อการกระทำไร้ความคิดที่เขาทำต่อเจ้าหล่อนขณะที่เธอยังคงเป็นอสูร ความรุนแรงที่เขาก่อมันช่างโหดร้ายจนเขาไม่อยากเชื่อว่าเขาจะกล้าลงมือทำกับเด็กคนนั้นได้ลงคอ...

 

แต่เด็กคนนี้ก็ไม่เคยโกรธเคืองเขาเลย... แม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี...

 

และนี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เขาต้องทำ...

 

“ข้าขอโทษในหลาย ๆ เรื่อง...” ในที่สุดซาเนมิก็หลุดคำพูดที่เขาตั้งใจไว้นับแต่วันที่ฟื้นขึ้นมาได้จนสำเร็จ “หลังจากโค่นมุซันได้ดูเหมือนจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ระหว่างนั้นข้าหลับตลอด...”

 

สิ่งที่เขาได้ฟังจากโทมิโอกะ กิยู ยิ่งทำให้ซาเนมิรู้สึกผิดต่อสองพี่น้องคามาโดะมากขึ้น ถึงจะกระอักกระอ่วนใจที่เขาหมดสติไปจนไม่อาจช่วยอะไรได้ หากเขาต้องยอมรับความจริงว่าสองพี่น้องคามาโดะเป็นดั่งปาฏิหาริย์ที่ทำให้ภารกิจอันยาวนานของหน่วยพิฆาตอสูรสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์

 

ทันจิโร่ผู้สามารถเอาชนะมุซันได้ แม้กระทั่งถูกเปลี่ยนให้เป็นอสูรภายหลัง เด็กหนุ่มที่เขาเคยปรามาสก็สามารถเอาชนะใจตนเองได้อย่างงดงาม...

 

เนซึโกะผู้สามารถเอาชนะดวงตะวัน และสร้างภูมิคุ้มกันจนเป็นหนึ่งในตัวแปรที่ช่วยให้ทันจิโร่กลับมาเป็นคนได้สำเร็จ...

 

“อย่างหนูเนี่ย หลับไปประมาณสองปีเลยนะคะ เทียบแล้วยังห่างชั้นอีกเยอะเลยล่ะค่ะ” เนซึโกะว่าพลางหัวเราะเสียงใส ก่อนเอ่ยพลางยิ้มกว้าง “พี่จ๋าเองหลังสู้ก็หลับไปเกือบเดือน แล้วจริง ๆ นะ หนูน่ะชอบนอนมากเลย”

 

รอยยิ้มหวานกับคำพูดเด็กสาวว่ามา ช่างละม้ายคล้ายกับเกนยะไม่มีผิดเพี้ยน น้องชายคนเล็กของเขานั้นก็ชอบนอนเพราะมันไม่ทำให้ท้องหิว... เหตุผลที่คนเป็นพี่ฟังแล้วเจ็บปวดทุกครั้งที่ไม่อาจทำให้น้องอิ่มท้องได้

 

บัดนี้ น้องชายของเขาคงกินอิ่มนอนหลับ และคอยมองเขาที่ใช้ชีวิตบนโลกอันแสนสงบสุขนี้...

 

เช่นเดียวกับเธอ... ที่คงมองเขาด้วยความอ่อนโยน ด้วยความปรารถนาที่จะให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในช่วงเวลาแสนสั้นที่หลงเหลืออยู่...

 

มือของเขาเอื้อมไปสัมผัสหัวของเนซึโกะอย่างแผ่วเบา พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ปรากฏบนใบหน้า ความรู้สึกหลากหลายที่เต็มเปี่ยมในจิตใจของซาเนมิจนเขาไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดใดได้...

 

ขอโทษ... แล้วก็ขอบคุณ...

 

ชัยชนะของพวกเขาจะไม่บังเกิดได้ หากปราศจากพี่น้องสองคนนี้...

 

รวมถึงอสูรอีกสองตน... ทามาโยะผู้คอยปรุงยาร่วมกับชิโนบุจนสลายฤทธิ์ของมุซันได้... กับยูชิโร่ผู้คอยช่วยเหลือพวกเขา จนทำให้พวกเขารอดชีวิตกลับมา...

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนร้อนผ่าวด้วยหยาดน้ำที่รื้นเต็มสองตา ขณะมองสบนัยน์ตาใสแจ๋วของเนซึโกะที่มองสบมา อย่างน้อย... ความฝันของเธอคนนั้นก็เป็นจริงอีกหนึ่งข้อ

 

ข้าเชื่อเจ้าแล้ว คานาเอะ เจ้าพูดถูก... สุดท้ายมนุษย์ก็อยู่ร่วมกับอสูรได้จริง ๆ ถ้าเจ้าได้เห็นเด็กคนนี้ตอนนี้ เจ้าคงต้องดีใจมากแน่...

 

เจ้าคงชอบเด็กคนนี้มาก...ใช่ไหมคานาเอะ

 

หลังจากไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับอุซุย เทนเง็น และโทมิโอกะ กิยู เขาก็เตรียมที่จะออกเดินทางไกลสักระยะหนึ่งตามที่ได้บอกกับทั้งสองคนไว้... แต่เขาก็ไม่วายที่จะย้ำกับอดีตเสาหลักวารีที่ยังมีนัยน์ตาเศร้าหมองจากการสูญเสีย

 

“เห้ย... อย่าลืมนะว่ายัยเด็กนั่นอยากเห็นแกมีความสุขนะโทมิโอกะ!”

 

มันอาจจะยากสำหรับคนที่เพิ่งผ่านความสูญเสียโดยไม่ได้ตั้งตัว แต่เขาเชื่อว่าชิโนบุอยากให้เจ้าคนหน้าตายนั้นใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขที่สุด

 

รอยยิ้มที่อดีตเสาหลักวารีส่งกลับมา เป็นรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน แม้จะยังคงเต็มเปี่ยมด้วยความเศร้าโศกจากการสูญเสีย แต่เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายจะฟื้นตัวในไม่ช้านี้ และใช้เวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิดอย่างมีความสุขตามที่ชิโนบุต้องการเช่นกัน

 

อย่างที่คานาเอะว่าไว้ เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว...

 

เขายังมีสหายที่แม้ไม่สนิท แต่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน...

 

เขามีหน้าที่ตามที่รับปากกับชิโนบุ... ที่จะคอยเป็นเพื่อนคุยกับเจ้าโทมิโอกะ...

 

เขาจะคอยเฝ้ามองน้องของเขาและเธอให้ได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาตามที่เธอปรารถนา...

 

การใช้ชีวิตที่เหลือของเขา ไม่ได้แปลว่าความทรงจำต่อคนสำคัญจะเลือนรางไปไหน เพราะไม่เคยมีวันไหนที่เขาไม่คิดถึงเหล่าคนผู้จากไป

 

แต่เขาจะไม่จมกับความเศร้าให้เธอต้องเสียใจอีก... จนกว่าวันที่ได้พบกันอีกครั้ง เขาจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข... จะคอยปกป้องคนที่เธอรักอยู่ห่าง ๆ ...

 

เพื่อในวันที่เธอมารับเขา เขาจะได้บอกเล่าความเป็นไปของเด็กพวกนั้นให้เธอได้ฟัง... บอกเล่าความเป็นไปของคนอื่นให้นายท่านและเกียวเมได้รับรู้...

 

เขาจะได้บอกให้เกนยะ น้อง ๆ มาซาจิกะ และโอบะไนฟังว่าโลกที่ปราศจากอสูรมันแสนสงบแค่ไหน...

 

ซาเนมิแหงนหน้ามองกลีบดอกซากุระที่ถูกลมพัดปลิวไสวอีกครั้ง ประทับภาพทุกสิ่งไว้ในความทรงจำ แล้วก้าวออกไปใช้ชีวิตและคอยเก็บเรื่องราวต่าง ๆ ไปเล่าให้คานาเอะได้ฟังเมื่อเธอมารับเขาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้...

 

อีกไม่นาน เขาจะมีเวลาอีกนานแสนนาน เล่าในสิ่งที่เขาได้พบเห็นให้เธอได้ฟัง ได้บอกเธอว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน...

 

หากชาติหน้ามีจริง... เขาขอแค่เขาและเธอได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาท่ามกลางคนที่เขาทั้งสองรัก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำให้เธอไม่ได้ในชาตินี้...

 

ถึงมันจะยากเย็นแค่ไหน แต่เขาจะคอยอยู่เคียงข้างเธอ... จะจับมือเธอและไปกับเธอไม่ว่าจะลำบากเพียงใด...

 

เพียงแค่มีเธอ... เพียงแค่ได้เจอเธออีกครั้ง...

 

ดอกซากุระบานสะพรั่งช่างแสนงดงาม แม้เป็นช่วงเวลาแสนสั้นจนน่าใจหาย เหมือนกับช่วงเวลาแสนสั้นที่เขาได้มีร่วมกับเธอ... แต่ก็เป็นห้วงเวลาที่เขาจะระลึกถึงไปตลอดจนลมหายใจสุดท้าย...

 

ช่วงเวลาแสนสุขที่ตราตรึงใจเขาตลอดกาล...

 

และความทรงจำอันไม่อาจลบเลือนไปจากใจ...

 

แล้วเมื่อเจ้ามารับข้าในอีกไม่นานนี้ ข้าจะเป็นคนบอกกับเจ้าเองว่า โลกนี้มันช่างสวยงามมากแค่ไหน...

 

จนกว่าวันที่เราจะพบกันอีกครั้ง คานาเอะ...

 

==========

Author's Talk 20 JUN 2021

สวัสดีค่ะ และแล้วก็จบไปกับ Day 31 แล้วนะคะ...

ก่อนอื่นต้องขอโทษมาก ๆ ที่เรามาลงช้ากว่าที่รับปากไว้มาก ๆ ค่ะ ด้วยทั้งเหตุผลเรื่องงานและสุขภาพของเราเลย

สารภาพเลยนะคะ บทนี้เป็นบทที่แม้จะมีภาพในหัวมาตั้งแต่ตอนพล็อตเรื่อง มีช่วงสุดท้ายเตรียมไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่เพราะเป็นการเก็บทุกสิ่งอย่าง และต้องใช้อารมณ์ในการเขียน มันเลยทำให้เราใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้มากเลยค่ะ

ไม่คาดคิดเหมือนกันนะคะว่าเราจะสามารถดำเนินเรื่องนี้มาจนถึงบทเกือบสุดท้ายแล้วจริง ๆ เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากเลยค่ะ

บทนี้สำหรับเรา มันเหมือนเป็นการสรุปการเดินทางของพี่สาเลยนะคะ ในที่สุดเราก็ได้เห็นพี่สาปล่อยวางจากความทุกข์เสียที แม้จะเป็นการปล่อยวางเพราะรู้ว่าเขาจะอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน แต่อย่างที่พี่เอะปรารถนาละเนอะ มันคงเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่พี่สาคงได้มีความสุขกับชีวิตจริง ๆ จัง ๆ เสียทีค่ะ

สำหรับคนที่อ่าน In Time With You แล้ว บทนี้คล้ายกับบทที่ 7 ของฝั่งคุณกิละเนอะ คงด้วยเราตั้งใจแต่แรกให้สองบทนี้เป็นบทคู่ขนานปิดท้ายสำหรับคนที่อยู่รอดท่ามกลางความสูญเสียคนที่รักไปเกือบหมดนี่แหละค่ะ

เพียงแต่แผลของคุณกิยังสดใหม่กว่ามาก กับอย่างที่พี่สาเค้าว่าละเนอะ คุณกิแทบไม่มีเวลาได้อยู่กับคุณชิแบบที่พี่สาอยู่กับพี่เอะเลย มันเลยเป็นความโหยหาที่คุณกิปรารถนาได้ฝันถึงคุณชินี่แหละค่ะ (เพราะเราคิดว่า ถ้าคุณชิโผล่มาตอนคุณกิไม่ฟื้น คุณกิอาจจะหนีไม่ยอมฟื้นแน่)

แต่พี่สานี่... เอิ่ม ไม่รู้เพราะพี่แกเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีกไหม แต่นั่นแหละค่ะ มันเลยกลายเป็นพี่สาปล่อยวางได้ ด้วยเพราะคำขอของบรรดาคนที่พี่สารักทุกคน ทั้งคำขอที่คุณชิจอมแสบโยนมา (นั่นแหละค่ะ อย่างน้อยในที่สุดสองหนุ่มนี้เค้าก็ญาติดีกันซักที) ไหนจะน้องที่เหลือของพี่เอะที่พี่สาเค้าก็อยากคอยปกป้องอยู่ห่าง ๆ นี่แหละค่ะ

พัฒนาการพี่สาที่เขียนเป็นอะไรที่กินใจเรามากนะคะ คนที่จมปลักกับความสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำอีก จนมีช่วงนึงที่เค้ามีความสุขกับคนที่รักสั้น ๆ แล้วพระเจ้าก็พรากสองคนนั้นจากกัน ทำให้เขายิ่งจมกับความสูญเสีย แต่สุดท้ายพี่สาก็ลุกขึ้นมาได้เพราะความรักนี่แหละค่ะ

ความรักที่ทุกคนมีให้กับพี่สา ความรักที่พี่สามีให้กับพี่เอะ โดยเฉพาะเรื่องน้อง ๆ ของพี่เอะนี่เป็นอะไรที่กินใจเรามากเลยค่ะ ยิ่งตอนรู้ว่าพี่สาเอางูให้น้องโอะ เรารู้สึกเลยว่าพี่สาคงห่วงน้องอาโออิกับน้องโอะแน่ ๆ เพราะสองคนนั้นเสียพี่เป็นครั้งที่สอง น้องอ้อยยังมีหน้าที่ให้ทำอีกเยอะ แต่พี่สาคงกลัวว่าน้องโอะจะเคว้ง เลยหาอะไรให้น้องโอะเลี้ยงคลายเหงานี่แหละค่ะ...

ยิ่งพาร์ตน้องเนซึโกะนี่ จริง ๆ มันคือพาร์ตที่เราตัดสินใจที่จะวางความสัมพันธ์ของพี่สากับพี่เอะไว้แบบนี้เลยนะคะ การลูบหัวของพี่สานี่เรามองไว้สามอย่างเลย หนึ่งคือขอโทษที่ทำไม่ดี สองคือนึกถึงเกนยะ สามคือนึกถึงพี่เอะ

เพราะพี่เอะใฝ่ฝันอยากเห็นอสูรอยู่ร่วมกับมนุษย์นี่แหละค่ะ ตัวเราตอนอ่านรอบที่สอง เรารู้สึกว่าถ้าสองคนนี้เค้ารักกัน ไม่แปลกแน่ค่ะถ้าพี่สาอยากให้พี่เอะได้เห็นน้องเน

ยังเหลือบทสุดท้ายที่เหมือนเป็นบทส่งท้ายของเรื่องนี้นะคะ กับบทพิเศษอีก 1-2 ตอนที่อาจจะลงตามวาระโอกาส

อย่างไรแล้ว เรารบกวนสอบถามคนอ่านนะคะว่าสนใจรวมเล่มไหม ยังไงฝากกรอกแบบสอบถามด้วยนะคะ แบบสอบถามเกี่ยวกับรวมเล่มฟิคทั้งสองเรื่องของเราค่ะ

แต่ที่แน่ ๆ เราทำรวมเล่มทั้ง 2 เรื่องนี้แน่ค่ะ (รวมถึงฟิคบ้านผีเสื้อด้วย) คงเพราะตัวเราก็อยากเก็บเอง เลยเผื่อว่าคนอ่านอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ

ส่วนเรื่องตอนพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาของทั้งเรื่องนี้ หรือ In Time With You รับรองว่าคนอ่านทุกคน (ที่อายุถึง) จะได้อ่านแน่นอนค่ะ เราอาจจะขอโทษที่ไม่มีตอนพิเศษที่แถมเฉพาะในเล่ม เลยขอเป็นของแถมอย่างอื่นแทนนะคะ ^^

ท้ายสุดนี้ เราขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักของเราทุกคน ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่เข้าใจและให้กำลังใจเรามาโดยตลอดในทุกช่องทาง ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ ต้องขอโทษจริง ๆ ที่ช่วงนี้ลงได้ไม่ตามกำหนดที่รับปากเลย

หวังว่าไม่เกินพุธนี้ ทุกคนจะได้พบกับบทส่งท้ายของเรื่องนี้ค่ะ (ถ้าเป็นไปได้อยากลงพรุ่งนี้เลย แต่พอดีเรามีฉีดวัคซีน เลยไม่กล้ารับปากว่าจะลากสังขารมาไหวไหม)

ขอบคุณทุกคนจากใจจริง ๆ นะคะ แล้วพบกันกับบทส่งท้ายในไม่ช้าค่ะ ^^

Author's Talk 10 DEC 2022

สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

มาถึงตอนนี้ ลงรีไรท์ใกล้จะจบตอนหลักแล้วค่ะ เป็นการเดินทางที่ยาวนานมากจริง ๆ ค่ะ

แล้วก็ดีใจจริง ๆ นะคะ ที่ได้กลับมาเขียนจริง ๆ ค่ะ การติ่งคู่นี้ทำให้เรากลับมาเขียนได้จริง ๆ เลยค่ะ Y_Y แล้วก็ทำให้ได้กลับมาทำในสิ่งที่รักจริง ๆ

ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3

จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)

อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย

แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนที่ 32 ในวันอาทิตย์นะคะ (พอดีวีคหน้างานเราเยอะมากค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะลงระหว่างอาทิตย์ได้แค่ไหน) อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^