Day 20 - Forever

 

Prompt: “Did I ask?”

 

1st Published : 09 MAY 2021

Rewrite : 17 NOV 2022

==========

 

ทันทีที่เขาได้เอ่ยถามคำถามซึ่งเป็นประหนึ่งความปรารถนาส่วนลึกที่สุดออกไป ทุกสรรพสิ่งก็เงียบสนิท

 

ทุกสิ่งช่างเงียบ... เงียบจนชินาซึงาวะ ซาเนมิ ได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นระรัวเช่นเดียวกับเสียงหัวใจของคนในอ้อมกอดที่เต้นเร็วไม่แพ้กัน

 

แต่เขาก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป

 

“ข้าไม่เคยคิดอยากใช้ชีวิตแบบคนธรรมดานะ... แต่ถ้าวันหนึ่งพวกเราปราบอสูรหมดลงเมื่อไร ข้าเองก็อยากใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาเหมือนกัน... กับเจ้า” เขากระซิบข้างหูเธออย่างแผ่วเบา หากดังก้องในใจของคนทั้งคู่ “ต้องเป็นเจ้าเท่านั้น คานาเอะ”

 

สายลมโอนอ่อนพัดผ่านทั้งสองร่างไป หากหญิงสาวในอ้อมกอดของเขายังคงไม่พูดอะไรออกมาจนเขาใจหาย ชั่วเวลาผ่านไปไม่นานแต่ราวกับชั่วกัลป์ กว่าที่มือทั้งสองข้างของโคโจ คานาเอะ ที่รั้งโอบกอดร่างเขาไว้จะสั่นระริก พร้อมกับหยาดน้ำตาที่รดรินแผ่นอกชายหนุ่ม

 

อากัปกิริยาของคนรักที่ทำซาเนมิตกใจ จนต้องคลายอ้อมกอดก่อนมองหน้าเธอที่น้ำตายังคงไหลรินไม่ขาดสายจนเขานึกหวั่นใจ ริมฝีปากสีชาดที่เม้มนิ่งทำให้เขาไม่อาจคาดเดาความรู้สึกของเธอ ณ ตอนนี้ได้

 

“ข้าขอมากไปเหรอ...”

 

น้ำเสียงของเขาสั่นไหวไม่แพ้กับนัยน์ตาจับจ้องอีกฝ่ายอย่างเว้าวอน ชั่วอึดใจกว่าที่คานาเอะจะยอมหันหน้าสบตาเขา นัยน์ตาคู่สวยบัดนี้ส่องประกายอ่อนหวานทั้งที่น้ำตายังคงรินไหล ขณะที่ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำกว่าที่เขาเคยเห็นมา

 

“ฉันฟังไม่ผิดไปใช่ไหมคะ...”

 

คานาเอะยิ้มอ่อนโยนทั้งน้ำตา น้ำตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุขล้นอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสในชั่วชีวิต แต่ก็ปะปนกับความหวาดหวั่นถึงอนาคตอันไม่รู้จุดจบ

 

มือของเธอไล้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลเป็นเชิงขอร้อง อากัปกิริยาที่ทำอีกฝ่ายหน้าแดงก่ำไม่แพ้กัน แต่ครั้นเสียงอ่อนหวานเอ่ยกำชับซ้ำซอง คนที่เคยเกรี้ยวกราดจึงจับสองมือบอบบางมากุมไว้อย่างทะนุถนอม

 

“ถ้าไม่มีอสูรแล้ว ข้าเองก็อยากใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา มีเจ้าอยู่เคียงข้าง ได้เป็นที่พึ่งพาให้เจ้า ได้ปลอบเจ้าเวลาที่เจ้าฝันร้าย... มันคงไม่มากเกินไปใช่ไหม”

 

คำขอที่ทำคนฟังส่ายหน้า น้ำตายังคงรินไหลจากนัยน์ตาที่ฉายแววตื้นตันอย่างต่อเนื่อง จนซาเนมิอดไม่ได้ที่จะปาดออกให้อย่างอ่อนโยน

 

“ไม่ค่ะ... ไม่เลยซาเนมิ

 

คานาเอะว่าพลางค่อย ๆ หยิบมือของเขาที่ใช้ปาดน้ำตาออกมาแนบแก้ม สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันช่างไกลเกินกว่าฝันแบบคนธรรมดาที่เธอเคยคิดไว้

 

ถ้อยคำของเขาไม่ได้อ่อนหวานเหมือนการเกี้ยวหนุ่มที่เธอเคยประสบพบเจอมา แต่เธอกลับสัมผัสได้แต่ความจริงใจและความปรารถนาแรงกล้าของอีกฝ่ายที่ต้องการจะใช้ชีวิตอย่างสงบกับเธอ...

 

ความมุ่งมั่นที่เธอตกหลุมรักมานานแสนนาน... ฉายชัดบนนัยน์ตากล้าแกร่งที่แฝงด้วยความอ่อนโยนคู่ที่เธอรัก

 

นัยน์ตาสีชมพูจับจ้องยังท้องฟ้าที่บัดนี้กลายเป็นสีส้ม กลีบดอกซากุระยังคงปลิวตามกระแสลม ภาพที่เห็นเป็นยิ่งกว่าภาพฝันที่เธอเคยจินตนาการไว้

 

ภาพที่เธอจะจดจำไปถึงลมหายใจสุดท้ายของเธอ...

 

คานาเอะจูงมือหยาบกร้านของคนรักแล้วเดินมายังด้านหน้าตัวบ้าน ไปหยุดอยู่ตรงต้นซากุระเก่าแก่ที่ประทับใจเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่ย่างกรายเข้ามาอาศัยยังคฤหาสน์แห่งนี้ ด้วยตำนานที่เล่าขับขานจากผู้ใช้ปราณบุปผามานับรุ่นต่อรุ่น

 

มือของเธอแตะยังซากุระต้นนั้น ก่อนหันมาส่งยิ้มอ่อนโยนแก่คนที่เธอรักยิ่งชีวิต

 

“นี่ ซาเนมิคะ” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว “เห็นว่าต้นซากุระต้นนี้ถูกปลูกโดยผู้ใช้ปราณบุปผาคนแรกค่ะ”

 

“ไม่แปลกใจนะ...”

 

“ท่านผู้นั้นตั้งชื่อต้นซากุระนี้ว่าฮิตโช ที่แปลว่าชัยชนะล่ะค่ะ”

 

คานาเอะว่าพลางก่อนหันมากอบกุมมือของเขาไว้แน่นอีกครั้ง สัมผัสอ่อนโยนที่ทำให้คนได้รับรู้สึกใจเต้นแรงยิ่งกว่าทุกครั้ง นัยน์ตาคู่สวยของเธอสบตาของเขาอย่างหวานซึ้ง สะท้อนความในใจที่ไม่ต่างอะไรกับเขา

 

“ถ้าวันที่เราสามารถเอาชนะอสูรทั้งหมดได้มาถึง... หรือมีวันที่เราสามารถอยู่ร่วมกับอสูรได้อย่างสันติ ฉันก็ขอใช้ชีวิตแบบคนธรรมดากับซาเนมินะ”

 

คำขอที่คนฟังไม่อาจมีคำพูดอื่นใดนอกจากดึงร่างของเธอมากอดแน่น ถ่ายทอดคำมั่นสัญญาที่จะร่วมชีวิตกับผู้หญิงแสนวิเศษคนนี้ตลอดไป...

 

ในวันแห่งความสงบสุข ในวันที่โลกที่ปราศจากอสูรนั้นมาถึง...

 

แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้วันนั้นของทั้งสองมาถึงให้ได้...

 

เพียงแต่... ชิโนบุคงไม่ค่อยชอบใจการตัดสินใจครั้งนี้ของฉันน่าดูเลยนะคะ”

 

คานาเอะหัวเราะเสียงใส ขณะซาเนมิได้แต่มุ่นคิ้วอย่างวิตกยามนึกถึงอุปสรรคข้อสำคัญที่สุด จินตนาการภาพออกว่ายามยัยเด็กบ้านั่นรับรู้เรื่องนี้เมื่อใด เจ้าตัวคงต้องกระฟัดกระเฟียดและบ่นจนหูชาแน่นอน

 

แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใด เพราะนั่นคือครอบครัวของคนที่เขารักและปรารถนาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนสิ้นอายุขัย

 

หลังจากนี้ ครอบครัวของเธอ ก็คือครอบครัวของเขาเช่นกัน

 

“แล้วก็... ครอบครัวธรรมดาของเราคงมีคนเยอะแยะน่าดูเลยนะคะ” คานาเอะว่าราวกับอ่านใจของเขาออก “ฉันคงทิ้งเด็ก ๆ ไปไม่ได้...”

 

“ข้าชินกับครอบครัวใหญ่น่า...”

 

ซาเนมิพึมพำ ขณะนึกถึงใบหน้าน้องชายที่ยังเหลืออยู่เพียงคนเดียวอย่างปวดร้าว น้องชายที่เขาผลักไสเพื่อความปลอดภัยจะรู้สึกอย่างไรถ้าเขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยที่ทิ้งความทรงจำเก่า ๆ ไว้

 

ก่อนจะทันได้พูดอะไร เป็นอีกครั้งที่เธอของเขารู้ทันความคิดของเขาก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาด้วยซ้ำ

 

“ฉันอยากให้ซาเนมิออกตามหาเกนยะคุงนะคะ” คานาเอะเอ่ยพลางเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน “ฉันรู้ค่ะว่าซาเนมิมีเหตุผลของซาเนมิ แต่ทุกครั้งที่คุณละเมอ ไม่เคยมีครั้งไหนที่คุณไม่ขอโทษเกนยะคุง ฉันเลยทราบไงคะว่าคุณคิดถึงเกนยะคุงมากกว่าที่คุณรู้ตัวอีกนะ”

 

“ข้าละเมอบ่อยเหรอ...”

 

“แทบทุกครั้งที่คุณเจ็บหรือไม่สบายเลยค่ะ” คานาเอะแย้มรอยยิ้มอ่อนหวาน “เพราะฉะนั้นฉันถึงอยากให้คุณตามหาเกนยะคุงให้พบไงคะ แล้วก็พามาอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ค่ะ คงครึกครื้นน่าดูเลยนะคะ”

 

ประโยคที่ทำให้น้ำตาของซาเนมิรินไหล นัยน์ตาสีม่วงอ่อนจ้องนัยน์ตาสีชมพูอ่อนที่สบด้วยความตื้นตันจนไม่อาจหาคำพูดมาบรรยายความรู้สึกของเขายามนี้ได้

 

บัดนี้เขาเจอแล้ว คนที่รักเขาและเข้าใจเขายิ่งกว่าใคร และเขาก็รักและเข้าใจผู้หญิงคนนี้ยิ่งกว่าใครเช่นกัน

 

มือของซาเนมิปัดเส้นผมที่ถูกลมพัดปลิวกระจายบนใบหน้าของคานาเอะออกอย่างเบามือ ก่อนจะหยิบมือของเธอขึ้นมากุมแน่นอีกครั้ง แล้วยกมือของเธอจรดแนบริมฝีปากของเขาอย่างนุ่มนวล

 

“...ข้ารักเจ้านะ”

 

“ฉันรู้ค่ะ” คานาเอะกระซิบแผ่ว นัยน์ตาสีชมพูของเธอคลอหน่วยด้วยน้ำตาอีกครั้ง “ฉันก็รักคุณนะคะ”

 

คำบอกรักที่แม้จะรู้อยู่เต็มอก แต่ครั้นได้ยินจากปากของอีกฝ่าย ก็ทำให้คนฟังรู้สึกราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน รู้สึกราวกับตกอยู่ในห้วงฝันหวาน จนต้องดึงร่างของเธอเข้ามากอดแน่นอีกครั้ง

 

หากความอบอุ่นที่ได้รับ ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดแผงอกของเขา เสียงหัวใจของเขาและเธอที่เต้นรัวแข่งกัน ก็ทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ภาพฝันแต่อย่างใด

 

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันอยากเห็นทุกคนมีความสุขจังเลยค่ะ” คานาเอะกระซิบเสียงแผ่ว ขณะกระชับอ้อมกอดของเธอให้แน่นขึ้น “ฉันอยากเห็นซาเนมิยิ้มแบบนี้ทุกวัน อยากเห็นน้อง ๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างหญิงสาวธรรมดาทั่วไป เจอคนที่พวกเธอรัก มีครอบครัว มีลูก มีความสุขเหมือนกับคนปกติบ้าง”

 

ความในใจของคานาเอะที่ทำคนฟังชะงักงัน ด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่าไม่ประสงค์ให้น้องของเธอคนไหนต้องมาประสบชะตากรรมแบบเขาและเธอ... ที่ต้องเสี่ยงชีวิตแทบจะไม่เว้นแต่ละวัน

 

น้ำเสียงสั่นเครือสะท้อนความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญทั้งยามหลับและยามตื่น จนคนฟังได้แต่กอดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

 

“ฉันควรห้ามทุกคนไม่ให้เข้ามาอยู่หน่วยพิฆาตอสูรนี้ แต่สุดท้ายฉันก็ห้ามชิโนบุไว้ไม่ได้...” มือที่โอบกอดร่างของเขาสั่นระริก “ฉันควรเด็ดขาดนะคะ แต่ฉันรู้ดีว่าต่อให้ฉันห้ามยังไง สุดท้ายฉันไม่มีทางหยุดชิโนบุไว้ได้ เพียงแต่... ฉันก็อยากให้ชิโนบุได้ใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนเด็กคนอื่นบ้างค่ะ”

 

“เจ้าจะลองพูดไหมล่ะ...”

 

คำถามที่คานาเอะได้แต่ส่ายหน้า ก่อนผละออกจากอ้อมกอดของซาเนมิด้วยรอยยิ้มที่ดูเศร้ากว่าปกติ

 

“เด็กคนนั้นเจ็บปวดจากการสูญเสียท่านพ่อท่านแม่ยิ่งกว่าฉันอีกค่ะ เป็นเด็กดื้อรั้นจริง ๆ แต่ก็อ่อนไหวมากกว่าที่ใครคิดไว้อีกนะคะ”

 

คำรำพันที่ซาเนมิได้แต่เห็นด้วย ขณะจับมือเธอเดินกลับไปชานหลังบ้าน บัดนี้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดมิดเริ่มมาเยือนคฤหาสน์ผีเสื้อที่เงียบสงัด แต่ก็ช่างเป็นบรรยากาศที่งดงามเกินกว่าจะหาคำมาบรรยาย

 

“คานาโอะเคยขอให้ฉันกับชิโนบุสอนปราณบุปผาให้ค่ะ แต่สุดท้ายฉันก็ปฏิเสธ ฉันปล่อยชิโนบุมาประสบชะตากรรมเดียวกับฉันแล้ว แต่คานาโอะหรืออาโออิควรได้มีโอกาสใช้ชีวิตแบบคนปกติจริง ๆ นะคะ”

 

“ข้ารู้... เพราะอย่างนี้ก่อนหน้าข้าถึงไม่ยอมกลับไปเจอน้องข้า เพราะข้าอยากให้เกนยะได้ใช้ชีวิตคนละแบบกับข้า ได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้...”

 

ความขมขื่นที่พุ่งเข้าสู่จิตใจของคนทั้งสองจนต้องกระชับมือที่ต่างฝ่ายต่างกอบกุมไว้ให้แนบแน่นขึ้น ความในใจของคนเป็นพี่ใหญ่ที่ไม่อยากเห็นน้องที่ตนรักต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันแสนเศร้าอย่างเขาทั้งสอง ที่เหมือนเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้ายที่ไม่รู้จะขาดลงเมื่อใด

 

แสงจันทราข้างขึ้นส่องกระทบใบหน้าของคานาเอะให้ดูนุ่มละมุน ใบหน้างดงามของเธอยังคงเจือด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความเศร้าสร้อย พิงศีรษะแนบอกกว้างของอีกฝ่ายราวกับแสวงหาที่พักพิง ขณะที่เสาหลักวายุได้แต่กระชับอ้อมแขนโอบกอดเธอไว้ในท่าที่เธอโปรดปราน ก่อนปล่อยใจดื่มด่ำไปกับความสงบรอบตัว

 

“ฉันหวังว่าชิโนบุจะยอมรับตัวเองนะคะว่าคิดอย่างไรกับโทมิโอกะคุง”

 

หา!? เจ้าพูดอะไรนะ น้องของเจ้า!? กับโทมิโอกะเนี่ยนะ!?”

 

ประโยคที่ไม่มีที่มาที่ไปของคานาเอะทำเขาตกตะลึงพรึงเพริดอย่างคาดไม่ถึง แต่เมื่อสบตากับหญิงคนรัก ซาเนมิก็ได้แต่รู้ว่าเจ้าหล่อนหมายความตามที่พูดจริง ๆ

 

“ลองสังเกตเวลาที่สองคนนี้อยู่ด้วยกันสิคะ ฉันไม่เคยเห็นชิโนบุดูสนุกแบบนี้มานานแล้ว ส่วนโทมิโอกะคุงนี่ก็ดูง่ายออกค่ะ มาทีไรก็มองหาแต่ชิโนบุตลอด”

 

ประโยคที่ทำซาเนมิแทบขนลุกกลาย ๆ แต่ก็จริงตามที่คานาเอะว่า เด็กบ้านั่นก็ดูจะสนุกกับการเที่ยวมีปฏิสัมพันธ์กับคนไร้มนุษยสัมพันธ์อย่างเสาหลักวารีที่เขาชิงชัง ส่วนไอ้คนไร้อารมณ์นั่น นึก ๆ แล้วก็เอาแต่จ้องเด็กบ้านั่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับนัยน์ตาของมันไม่เคยคิดจะมองใครอื่นเลย

 

“เหอะ... ข้านึกว่าน้องของเจ้าจะมีรสนิยมที่ดีกว่านี้นะ”

 

“แหม ๆ ฉันว่าโทมิโอกะคุงก็ดีนะคะ แต่แค่อาจจะเจออะไรมาเยอะเหมือนกับคุณนั่นแหละค่ะ” คานาเอะแหย่คนรักที่บัดนี้ได้แต่กลอกตามองบน “ไม่ว่าชิโนบุจะตัดสินใจอย่างไร ถ้าชิโนบุมีความสุข ฉันก็ดีใจอยู่ดีค่ะ”

 

ใจดีเหลือเกินนะ...”

 

ซาเนมิอดประชดประชันไม่ได้ แต่เสาหลักบุปผากลับหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางแหงนดูหมู่ดาวที่ส่องประกายระยิบระยับพาดผ่านท้องฟ้าอันมืดมิด

 

“ฉันแค่รู้สึกว่าเวลาของมนุษย์เรามันสั้นค่ะ ถ้าสองคนนั้นใจตรงกันจริง ๆ ฉันก็อยากให้เขาได้มีความสุขกันเหมือนที่คุณกับฉันมีความสุขกันไงคะ”

 

คำพูดที่ทำคนฟังขนลุกชัน ด้วยคำพูดที่คล้ายกับจะเป็นลางสังหรณ์ถึงอนาคตอันใกล้ของเธอหลุดออกมาอีกครั้งให้เขาต้องใจหาย...

 

หากเขาหยุดเวลานี้ไว้ได้ เขาอยากจะหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ ตรงที่มีเธออยู่กับเขาแบบนี้ไปตลอดนิรันดร์...

 

“อ๊ะ ดาวตกล่ะค่ะ” คานาเอะชี้แสงดาวตกสุกสกาวพาดผ่านทางท้องฟ้ามืดมิด “อธิษฐานอะไรหน่อยสิคะ”

 

คำอธิษฐานถูกกล่าวออกไปในใจก่อนที่เธอจะพูดจบ คำอธิษฐานที่เขาได้แต่หวังว่ามันจะเป็นจริงในสักวันหนึ่ง

 

แววตาที่หันสบมองมาของคานาเอะกับรอยยิ้มที่ส่งมาให้ทำให้ซาเนมิเดาได้ว่าเธออธิษฐานไว้ว่าอย่างไร ด้วยมือบอบบางแต่หยาบกร้านของเธอที่ยังคงเกาะกุมเขาไว้แน่นสนิท จนแทบไม่มีช่องว่างให้อะไรแทรกเข้ามาได้

 

คำอธิษฐานที่เป็นดั่งความฝันที่ติดอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนทั้งคู่มาตั้งแต่วินาทีที่ได้รับรู้ถึงความในใจของอีกฝ่ายเป็นต้นมา...

 

ขอให้น้อง ๆ ของพวกเขาได้มีชีวิตอย่างคนธรรมดาที่แสนมีความสุข ไม่ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงอย่างที่เขากับเธอกำลังประสบอยู่...

 

ขอให้เขาและเธอได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดากับอีกฝ่ายอย่างสงบไปจนลมหายใจสุดท้าย ในโลกที่ปราศจากอสูร...

 

คำอธิษฐานที่เขาได้หวังว่ามันจะเป็นจริงเข้าสักวัน...

 

เพียงแต่สุดท้าย วันนั้นก็ไม่เคยมาถึง...

 

เพราะพระเจ้าไม่เคยมีอยู่จริง...

 

==========

Author's Talk 09 MAY 2021

จบไปแล้วกับ Day 20 นะคะ

เป็นบทที่สำหรับเรา เขียนยากที่สุดบทหนึ่งเลยค่ะ ด้วยความที่มันหวานมาก มากจริง ๆ แหม เขาเล่นเหมือนขอแต่งงานกับบอกรักกัน ไม่ให้มันหวานได้ยังไงกันคะ

สมเป็นพี่สามากเลยนะ XD

แต่ขณะเดียวกัน... เชื่อว่าทุกคนคงสัมผัสความเศร้าที่เจือมาตลอดตั้งแต่บทที่ 19 นะคะ โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย... เชื่อว่าทุกคนน่าจะตกตะลึงกับสองประโยคสุดท้ายของฟิคตอนนี้อยู่ค่ะ ทีแรกเราช่างใจมากว่าจะเก็บสองประโยคนี้ไว้ในบทนี้เลยดีไหม หรือจะให้ทุกคนไปลุ้นตู้มกับบทหน้าเลย...

แต่คิดว่าส่งสัญญาณกันหน่อย คนอ่านของเราจะได้ไม่ช็อกกันก่อนค่ะ

ส่วนตัวแล้ว เรารักบทนี้มากนะคะ มันเห็นชัดแล้วว่าทั้งซาเนมิและคานาเอะเค้าขาดกันไม่ได้จริง ๆ ค่ะ แล้วเค้าก็รักกันจนเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวของแต่ละคนด้วย เราอมยิ้มมากนะคะตอนที่คุณสาบอกว่าเค้าชินกับครอบครัวใหญ่

ในที่สุดคานาเอะก็ได้พูดความเจ็บปวดที่ต้องปล่อยชิโนบุมาอยู่ในหน่วยพิฆาตอสูรนี้จริง ๆ จัง ๆ เสียทีค่ะ กับสิ่งที่คานาเอะเห็นในตัวชิโนบุและคุณกิยู...

สองคู่นี้เป็นอะไรที่ตรงข้ามกันมากนะคะ จากที่เราเขียนมา คู่นึงมีเวลาอยู่ด้วยกันยาว แต่ไม่เคยรู้ใจของอีกฝ่าย แต่อีกคู่นั้นมีเวลาแสนสั้น แต่อย่างน้อยเค้าก็ได้รู้ใจกันค่ะว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง...

เพียงแต่เนอะ... ถ้าคำว่าตลอดไปมันมีอยู่จริง... ทุกคนก็คงไม่ต้องเจ็บปวดหรอกนะคะ

(และนี่คือที่มาของชื่อบทนี้เลยค่ะ)

ส่วนตรงนี้เป็นต้นไป ขอ spoil สำหรับบทหน้านะคะ ใครอยากข้ามสปอยแล้วรอลุ้นเอาก็ได้อยู่นะคะ ^^

สำหรับบทหน้า... คิดว่าคนอ่านของเราน่าจะเดาได้แล้วค่ะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น...

อย่างที่เราพูดมาตลอด พายุฝนนี่เอาแน่เอานอนกับมันไม่ได้จริง ๆ ค่ะ บางทีวันที่ทุกอย่างสวยงามที่สุด คือวันที่พายุพาดผ่านมาอย่างไม่มีใครทันตั้งตัวกันจริง ๆ ค่ะ

บทหน้าคงได้บอกเล่าความในใจหลังการเขียนมากว่านี้

ทั้งนี้ เราเข้าใจหากใครจะ drop เรื่องนี้เพราะทนการจากไปของพี่คานาเอะไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นไปได้ ยังอยากให้ทุกคนตามต่อไปนะคะว่าจะเกิดอะไร

ความรักไม่จำเป็นต้องจบลงจากการจากลาของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งค่ะ Y_Y และนี่เป็นที่มาของการเขียนของเราและการตั้งชื่อเรื่องนี้ด้วยค่ะ

 

สำหรับบทหน้า อยากให้ทุกท่านที่ยังอยู่กับเราเตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมยาลมยาดมให้พร้อมกับพายุที่จะพัดพาค่ะ

ท้ายสุดนี้ ขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักของเราทุกคน ทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนต์ ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงบทที่ 20 นะคะ ยังเหลือกันอีก 12 บท ส่วนตัวก็ยังอยากให้ตามอ่านกันต่อจนจบเรื่องค่ะ ^^

แล้วพบกันกับบทที่ 21 ในวันพุธนี้นะคะ (น่าจะลงได้ทัน) อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยค่า

Author's Talk 17 NOV 2022

สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

ในที่สุดก็ได้นอนเต็มอิ่มในรอบหลายวีคค่ะ XD ดีใจจัง ไม่ได้นอนเต็มอิ่มแบบนี้มาพักหนึงแล้ว แต่ตัว treatment #สายลมถึงดวงดาว ในโปรเจค KNY FF Anthology - Days Rise, Nights Fall #คืนผันวันผ่าน ยังไม่เรียบร้อยบริบูรณ์ค่ะ

อาจจะได้ไปเขียนจบช่วงหยุดยาววันพ่อแทนแล้ว : D (แอบมีงานที่ออฟฟิศมาทำหนึ่งชิ้นค่ะ เลยฮื้อ ต้องเผื่อเวลาตรงนั้นด้วย)

ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3

จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)

อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย

แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนที่ 21 ในวันพรุ่งนี้นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^