Day 14 - Betrayal

 

Prompt: “You better leave now”

 

TW | CW

 

TW : Blood, Violence, Self-Harm

 

1st Published : 17 APR 2021

Rewrite : 05 NOV 2022

==========

 

ทันทีที่เขาหายป่วยจากอาการหวัด อีกาสื่อสารก็นำคำสั่งใหม่จากนายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ มาส่งให้แก่เขาที่คฤหาสน์ผีเสื้อ

 

ชินาซึงาวะ ซาเนมิ เอื้อมมือหยิบคำสั่งที่ผูกขาอีกามาอย่างปราศจากความลังเล การที่ต้องพักรักษาตัวจากอาการไข้หวัดมาร่วมอาทิตย์ทำให้จิตใจของเขากระวนกระวายที่จะได้ออกปฏิบัติหน้าที่ที่จำต้องงดไปจากอาการป่วย

 

ความกระหายที่จะได้ออกไล่ล่าอสูรยามตะวันลับขอบฟ้า ได้ใช้อาวุธประจำกายเข้าสังหารเหล่าอสูรที่น่าชิงชังที่เป็นต้นตอของความสูญเสียของใครหลายคน ด้วยหวังจะตัดวงจรอุบาทว์อันน่าโศกเศร้าและต้องเจ็บปวดของอีกหลายชีวิต

 

แม้คำสั่งที่ได้รับในครานี้ เป็นการไปตรวจสถานการณ์ทางทิศเหนือ ที่จนบัดนี้ก็ยังหาต้นตอสาเหตุของการหายไปของคนจำนวนหนึ่งไม่พบ... ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นฝีมือของสิบสองอสูรจันทราก็ตาม

 

ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาไม่ยินดียามได้รับคำสั่งในการปฏิบัติหน้าที่อันแสนอันตรายนี้ เพราะเขาเตรียมใจมาพร้อมนับแต่วันแห่งโศกนาฏกรรมนั้นแล้ว

 

ยกเว้นครั้งนี้...

 

เสียงอีกาที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น ก่อนจะบินร่อนถลาเข้ามายังชานหลังบ้าน ไม่ห่างจากที่เขาและเสาหลักบุปผากำลังจิบน้ำชายามบ่ายอยู่ แล้วเข้าเกาะไหล่ของโคโจ คานาเอะ พร้อมกับกระดาษสีชาที่ผูกขามาเฉกเช่นอีกาประจำกายของเขา

 

เลือดในกายของซาเนมิแทบจับเป็นน้ำแข็งทันทีที่เห็นกระดาษแผ่นจ้อยนั่น ถึงไม่อาจมั่นใจได้เต็มร้อย แต่เขาสังหรณ์ว่าคำสั่งที่ตกมาถึงเธอก็คงจะเป็นคำสั่งเดียวกันกับเขาได้รับ

 

ท่าทีของคานาเอะยามอ่านคำสั่งแลดูสงบนิ่ง นัยน์ตาสีชมพูไม่มีท่าทีหวาดผวาหรือตกใจให้เห็นแต่อย่างใด ใบหน้างดงามยังคงถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานเหมือนเช่นทุกครั้ง

 

“แหม ๆ ดูเหมือนฉันกับชินาซึงาวะคุงจะได้รับคำสั่งไปออกล่าตระเวนทางเหนือด้วยกันนะคะ~”

 

เป็นครั้งแรกที่ซาเนมิไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับ ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่อาจเป็นอสูรสิบสองจันทรา แต่เป็นเพราะคนที่เขาต้องไปปฏิบัติภารกิจร่วมกันคือเธอ...

 

คนสุดท้ายที่เขาไม่อาจปล่อยให้มีภัยใดมาย่างกราย!

 

ไม่! ข้าจะไปเอง!”

 

ซาเนมิได้ยินเสียงตัวเองตะโกนออกไป ด้วยครั้งสุดท้ายที่เขาได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับผู้อื่นคือก่อนเขาขึ้นเป็นเสาหลักวายุเมื่อไม่ถึงปีที่ผ่านมา...

 

ภารกิจที่พรากชีวิตเพื่อนรักของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ!

 

มือข้างที่ถือหนังสือคำสั่งสั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุมได้ แม้จะทำใจจากการสูญเสียคุเมโนะ มาซาจิกะ ในหน้าที่ได้แล้ว แต่ครั้งนี้มันช่างต่างออกไป

 

ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้เธอต้องออกไปเผชิญหน้าความตาย!

 

“ในเมื่อเป็นคำสั่งของนายท่าน ฉันก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามค่ะ”

 

คานาเอะพูดด้วยเสียงนิ่ง นิ่งเกือบเท่าคราวที่เขาอาละวาดที่คฤหาสน์อุบุยาชิกิ แม้จะยังมีรอยยิ้มนิด ๆ ประดับบนใบหน้าอยู่

 

“ข้าจะแจ้งนายท่านว่าข้าขอไปตามลำพัง! เจ้าอยู่ดูแลคนไข้ที่นี่เถอะนะ...”

 

เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขากล้าสบตาผู้หญิงตรงหน้าโดยไม่เขินอาย เป็นครั้งแรกที่ซาเนมิเป็นฝ่ายเอื้อมมือที่ยังสั่นเทาไปจับต้นแขนของอีกฝ่าย

 

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ซาเนมิปล่อยให้ความหวาดกลัวเข้าแทรกซึมไปทั่วร่าง... ความกลัวที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน

 

กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนี้!

 

กลัวว่าเขาจะปกป้องเอาไว้ไม่ได้!

 

กลัวว่าเขาจะต้องเสียเธอไปอีกคน!

 

“ได้ไหม... โคโจ

 

“แล้วให้ฉันทรยศต่อหน้าที่ของฉันเหรอคะ...”

 

คำพูดมากมายผุดขึ้นในจิตใจ แต่ครั้นมองสบนัยน์ตาสีชมพูที่บัดนี้จ้องมองเขาอย่างแน่วแน่ ความแน่วแน่ที่ทรงพลานุภาพยิ่งกว่าความอ่อนโยนเอื้ออารีที่เป็นจุดเด่นของเธอคนนี้ ความแน่วแน่ที่เต็มไปด้วยความดื้อดึงไม่ผิดอะไรกับน้องสาวของเธอคนนั้น

 

นัยน์ตาที่บ่งบอกถึงการตัดสินใจที่ใครหน้าไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนใจได้ แม้แต่เขาหรือน้องสาวของเธอ...

 

แต่คานาเอะก็ยังเป็นเสาหลักบุปผาผู้อ่อนโยนอย่างที่เขารู้จัก เมื่อท้ายสุดมือของเธอเคลื่อนมาจับยังมือหยาบกร้านของเสาหลักวายุที่จับแน่นยังต้นแขนของเธอ ก่อนค่อย ๆ ดึงออกมาแล้วกอบกุมไว้อย่างนุ่มนวล

 

“ฉันรู้นะคะว่าชินาซึงาวะคุงเป็นห่วงฉันมาก แต่อย่าลืมว่าฉันก็เป็นเสาหลักเหมือนคุณค่ะ เราสองคนต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอยู่นะ”

 

เป็นครั้งแรกที่ซาเนมิเกลียดหน้าที่ของเสาหลักแห่งหน่วยพิฆาตอสูร... เกลียดที่เธอต้องเอาชีวิตมาแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นเดียวกับเขา เกลียดที่ตัวเองคุ้นชินยามเห็นเธอคนนี้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในแนวหลัง ที่อาจจะเหนื่อยอ่อน แต่ก็ไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงตายอย่างที่เขาทำอยู่ทุกวัน

 

แต่ครั้นเห็นนัยน์ตาที่สบมองอย่างอ่อนหวานหากแน่วแน่ สัมผัสอบอุ่นที่กระชับผ่านมือที่กอบกุมไว้ก็ดึงสติเขาให้กลับมาสู่ความจริงที่เป็น

 

“เราสองคนไม่อยากเห็นใครต้องทนทุกข์จากการสูญเสียแบบที่เราเผชิญมาไม่ใช่เหรอคะ เราสองคนอยากปกป้องผู้คนจากอสูรเหล่านั้นด้วยมือทั้งสองของเรานี่คะ ชินาซึงาวะคุง”

 

อุดมการณ์อันแน่วแน่ของโคโจ คานาเอะ มั่นคงยิ่งกว่าภูเขาใหญ่สูงชัน ที่ต่อให้พายุถาโถมแค่ไหนก็ไม่อาจมีอะไรสั่นคลอนได้...

 

ความเป็นจริงที่เขาทราบมาตลอด ผู้หญิงคนนี้แท้จริงแล้วแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา หรือแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครที่เขาเคยรู้จักมา ด้วยจิตใจอันเมตตาและอุดมการณ์ที่ใครก็พรากไปจากเธอไม่ได้

 

“แล้วอย่าลืมนะคะ ถ้านับตามอายุการเป็นเสาหลัก ฉันเป็นรุ่นพี่ของชินาซึงาวะคุงนะ~” คานาเอะว่าพลางหัวเราะเบา ๆ “ฉันเคยออกปฏิบัติภารกิจมาตั้งกี่ครั้ง แต่ทุกครั้งฉันก็กลับมาอย่างปลอดภัย ครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ”

 

คำพูดที่ซาเนมิทำได้แต่นั่งนิ่ง ไม่อาจทำใจขัดปณิธานอันแรงกล้าของผู้หญิงคนนี้ลงได้ แม้จะรู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายมันอาจไม่เป็นดั่งที่เธอพูด

 

เขาปล่อยใจไปกับสายลมแผ่วเบาที่พัดผ่านร่างของเขาทั้งสอง ปล่อยใจไปกับสัมผัสอ่อนโยนที่ยังคงกุมมือเขาแน่นไว้ปล่อย หากในใจของเสาหลักวายุ ลมพายุในใจเริ่มสงบลง... เมื่อเขานึกถึงสิ่งเดียวที่เขาจะกระทำได้

 

แม้จะต้องทำทุกอย่าง เขาก็จะทำ หากมันจะสามารถปกป้องเธอคนนี้ไว้ได้...

 

ต่อให้ต้องเจ็บกายแค่ไหน ถ้าแลกมากับความปลอดภัยของเธอ เขาก็จะทำ!

 

ต่อให้ต้องตระบัดสัตย์คำสัญญาที่เขาเคยให้กับเธอ เขาก็จะทำ!

 

เขาต้องปกป้องเธอคนนี้ไว้ให้ได้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของเขาก็ตาม!

 

การเดินทางออกปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งไหน ๆ

 

ไม่เคยมีครั้งใดที่ทุกย่างก้าวของซาเนมิ จะทำให้หัวใจเหมือนถูกบีบรัดด้วยความกลัวที่เขาไม่เคยมี สายลมที่คอยพัดผ่านผิวหน้าที่สร้างความตื่นเต้นให้เขา บัดนี้กลับสร้างความไหวหวั่นเกินกว่าครั้งที่ออกปฏิบัติภารกิจสุดท้ายของคุเมโนะ มาซาจิกะ

 

เสียงฝีเท้าที่วิ่งไล่หลังมา ทำให้เขารู้ว่าโคโจ คานาเอะ วิ่งตามหลังเขามาแทบจะกระชั้นชิด จนกลัวเธอผู้นั้นได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัวของเขา

 

เสียงหัวใจเต้นระรัว ที่มีเธอคนนั้นเป็นต้นตอความกลัวและความไหวหวั่นที่เขากำลังเผชิญอยู่...

 

แม้ก่อนจะออกมาจากคฤหาสน์ผีเสื้อเมื่อช่วงเย็น เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพ้องกับโคโจ ชิโนบุ ที่มองว่าการปฏิบัติภารกิจคราวนี้อันตรายเกินกว่าที่จะปล่อยให้พี่สาวของเจ้าหล่อนมาได้ตามลำพัง

 

หากประโยคต่อมา ทำเขาแทบกำหมัดกรอด เมื่อเด็กนั่นขออาสาตามมาร่วมคุ้มกันพี่สาวคนเดียวของเจ้าหล่อนด้วย คำขอที่เรียกรอยยิ้มที่แม้จะอ่อนหวาน แต่น้ำเสียงยามเธอคนนั้นเอ่ยปฏิเสธนั้นจริงจังไม่แพ้กับตอนที่เธอปฏิเสธคำขอของเขาที่ให้ถอนตัวจากภารกิจนี้

 

ภาพนางฟ้าผู้แสนอารีของเหล่านักดาบพิฆาตอสูรเลือนหายไป หลงเหลือแต่เสาหลักบุปผาที่อ่อนโยน หากเคร่งครัดในหน้าที่ยิ่งกว่าผู้ใดในหน่วยพิฆาตอสูรแห่งนี้

 

คำปฏิเสธเด็ดขาดที่แสดงให้เห็นว่าเธอผู้นี้ยังคงไว้ซึ่งสติสัมปชัญญะครบถ้วน การปล่อยให้น้องสาวตัวเองผู้ไม่มีกระทั่งพลังแขนเพียงพอที่จะตัดคออสูรธรรมดาให้ไปเผชิญหน้ากับอสูรที่อาจจะเป็นสิบสองอสูรจันทราก็เหมือนปล่อยให้เด็กคนนั้นไปตายโดยใช่เหตุ... คำปฏิเสธที่ทำให้เด็กคนนั้นแทบระเบิดโทสะด้วยความขัดใจและเป็นห่วงพี่สาวอย่างสุดซึ้ง

 

ความเป็นห่วงที่เสาหลักวายุเข้าใจดียิ่งกว่าใคร เพราะมันคือความรู้สึกแบบเดียวกันกับที่เขารู้สึกกับพี่สาวของเจ้าหล่อน

 

ความเป็นห่วงต่อคนที่สำคัญยิ่งกว่าใครบนโลกนี้!

 

ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วยาม เขาและเสาหลักบุปผาก็วิ่งมาถึงชายป่าทึบแห่งหนึ่ง นัยน์ตาสีม่วงอ่อนเบิ่งกว้างเมื่อสัมผัสกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพที่ฉุนกึกจนแทบอาเจียน กลิ่นที่บ่งบอกว่าบางอย่างในป่านี้คงจะเป็นต้นตอการหายตัวไปของผู้คนจำนวนมากตามที่เสาหลักเสียงได้รายงานไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน

 

ชายหนุ่มชักดาบนิจิรินออกเตรียมพร้อม ท่ามกลางคืนเดือนเพ็ญ แสงของพระจันทร์สว่างไสวพอที่เขาจะเห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติได้ไม่ยาก สายลมที่พัดพากลิ่นอายสัมผัสอันแปลกประหลาดเข้าต้องร่าง ทำให้ซาเนมิรู้ดีว่าต้นเหตุของการหายตัวไปของผู้คนคงอยู่ไม่ไกลจากที่แห่งนี้

 

แสงจันทร์ส่องต้องดาบนิจิรินสีชมพูแบบเดียวกับนัยน์ตาของเธอสะท้อนเข้าตาของเขา อากัปกิริยาของคานาเอะยังคงอ่อนโยนนุ่มนวลด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานประดับเหนือบนใบหน้างดงาม แม้บัดนี้เจ้าตัวจะกระชับดาบประจำตัวแน่นไว้ไม่แพ้กัน

 

ถึงตั้งใจจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก หากสายลมที่พัดกลิ่นอายน่าขยะแขยงชิงชังที่ใกล้เข้ามา ก็ทำให้ซาเนมิลืมตน ตะโกนออกไปก่อนที่จะห้ามตัวเองทัน

 

โคโจ! เจ้ากลับคฤหาสน์เจ้าไปซะ! ข้าจัดการเรื่องนี้คนเดียวได้”

 

ไม่ค่ะ... ต้องให้ฉันบอกคุณอีกกี่ครั้งคะว่านี่ก็เป็นหน้าที่ที่ฉันได้รับมอบหมายมาเหมือนกัน”

 

คานาเอะตอบอย่างนิ่มนวล แล้วเบือนหน้ามาสบตาเขา พร้อมแย้มรอยยิ้มที่แทบทำให้โลกทั้งใบส่องสว่างในทันตา

 

“และฉันไม่มีวันทิ้งให้ชินาซึงาวะคุงต้องรับมือกับอสูรตนนี้ตามลำพังหรอกนะ”

 

สิ้นเสียงคำตอบของคานาเอะ เงาประหลาดก็พุ่งใส่เขาทั้งสองจากทิศทางที่กลิ่นเหม็นสาบนั้นโชยพัดมา ประสบการณ์และสัญชาตญาณทำให้เขาและเธอกระโดดพุ่งหลบการโจมตีได้แทบจะทันที

 

สมองสั่งการให้ซาเนมิวิ่งไปสู่ทิศทางที่การโจมตีนั้นพุ่งเข้าใส่ กลิ่นเหม็นเวรตะไลนั่นยิ่งฉุนติดจมูกขึ้นตามย่างก้าว แต่ไม่มีอะไรขัดขวางเขาได้ในวินาทีนั้นแล้ว

 

ทันทีที่เขาวิ่งมาจรดยังลานโล่งกลางป่า สิ่งแรกที่ปรากฏต้องสองตาคือซากศพของเหล่าผู้คนที่กองทับถม คาดคะเนคงไม่ต่ำกว่าห้าสิบราย กลิ่นเน่าฟอนเฟะ กับหัวกะโหลกที่กลิ้งมาแทบทับเท้าบ่งบอกได้ว่าจุดนี้คงเป็นที่มั่นของอสูรร้ายตนนั้นมานานแสนนาน นานจนหลายชีวิตต้องดับสูญไปด้วยฝีมือของสัตว์นรกตนนี้

 

สายลมพัดกลิ่นอายประหลาดมาต้องกาย ทำชายหนุ่มหันขวับไปเห็นร่างอสูรชราที่แลดูไม่มีพิษภัยที่มีจมูกใหญ่โตที่กินใบหน้าไปกว่าครึ่ง หากรอยฟันทับนัยน์ตาขวา ที่ขีดฆ่าคำว่าข้างแรมที่หก ก็ทำให้ขนตรงหลังท้ายทอยของชายหนุ่มลุกชัน

 

อดีตสิบสองอสูรจันทรา...

 

นัยน์ตาสีแดงก่ำคู่นั้นจ้องมองเขาด้วยท่าทีหยั่งเชิง แต่ก่อนจะได้ทันทำอะไร เสียงอ่อนหวานของคานาเอะที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันกลับดังขึ้นทำลายความเงียบงันอันน่าขนลุกนั้น

 

“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ” คำทักทายจากปากหญิงสาวทำซาเนมิมุ่นคิ้ว แม้จะทราบความปรารถนาเบื้องลึกที่สุดในใจของเธอคนนี้ แต่การเอ่ยทักทายอสูรก็ดูจะเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก “คุณคงเป็นอดีตอสูรข้างแรมที่หกใช่ไหมคะ...”

 

“รู้ดีนินังหนู... เจ้าพวกหน่วยพิฆาตอสูรสินะ”

 

รอยยิ้มแสยะปรากฏบนใบหน้าของอสูรร้ายตนนั้น ขณะที่วาดแขนไปทางซ้าย ให้เห็นร่างที่เกยทับกันในเครื่องแบบของหน่วยอีกราวสิบศพปรากฏให้เห็นเต็มสองตา... สภาพคนในหน่วยที่พอจะรู้ได้ว่าคงเพิ่งสูญสิ้นชีวิตได้ไม่นานทำให้ซาเนมิกัดฟันกรอดด้วยความแค้นจนแทบกระอัก

 

“ถ้ากำจัดเจ้าและเจ้าหนุ่มนั้นได้ เจ้าสองคนก็จะเป็นเหยื่อรายที่สิบเอ็ดและสิบสองของข้าที่มาจากหน่วยนั่น”

 

“ไอ้สวะ!”

 

ซาเนมิคำราม แต่ก่อนจะทันได้จัดการ น้ำเสียงอ่อนหวานปนเศร้าสร้อยของผู้หญิงข้างกายของเขาก็เอ่ยขึ้นมา

 

ทำไมต้องทำเรื่องน่าเศร้าแบบนั้นด้วยคะ...”

 

คำถามที่ทำสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจตนนั้นชะงักไปครู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงเป็นแทบกระซิบที่เรียกโทสะของซาเนมิให้พุ่งจนเกือบถึงขีดสุด

 

“การฆ่าฟันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล... หากเจ้าอยากได้เหตุผลขนาดนั้น ข้าจะบอกให้เอาบุญก็ได้” ฉับพลัน ร่างของอสูรตนนั้นก็เคลื่อนมาปรากฏกายตรงหน้าเขาทั้งสองแทบจะทันที “แต่หลังจากที่ข้ากินเจ้าเป็นอาหารแล้วนะ...”

 

ดาบในมือของซาเนมิตวัดเข้าปลายลิ้นโสโครกนั้นก่อนที่อสูรตนนั้นจะทันได้พูดจบ ตามด้วยฟันฉับยังแขนทั้งสองข้างที่เตรียมพุ่งใส่คานาเอะ แล้วใช้มือซ้ายคว้าร่างของเสาหลักบุปผาแล้วกระโดดหนีขึ้นต้นไม้ให้พ้นจากระยะโจมตีของสัตว์นรกตนนั้น

 

ไม่กี่อึดใจที่อสูรตนนั้นสมานแผลได้ กลิ่นอายสังหารบัดนี้แผ่ซ่านออกมาอย่างไม่ยั้งเป็นสัญญาณว่าไม่มีเวลาให้ล้อเล่นได้อีกต่อไป

 

“ถ้าเช่นนั้น ฉันก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปรานีคุณแล้วสินะคะ...”

 

คานาเอะพึมพำเบา ๆ ก่อนเป็นฝ่ายเปิดฉากเริ่มโจมตีด้วยปราณบุปผากระบวนท่าที่สี่ เพลงดาบของเธอฟาดยังร่างของอสูรตนนั้นได้ในเพลงดาบเดียว ด้วยความเร็วและความพลิ้วไหวอันร้ายกาจกว่าที่เขาเห็นยามเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพเมื่อตอนได้รับบาดเจ็บเสียอีก การโจมตีอันเฉียบคม ไร้ซึ่งความลังเลของหญิงสาวฟาดฟันยังแขนขาของอสูรตนนั้นขาดสะบั้นได้ในพริบตา จนเขาไม่นึกสงสัยแล้วว่าทำไมเธอผู้นี้ถึงได้ตำแหน่งเสาหลักมาในระยะเวลาอันแสนสั้น และจนถึงตอนนี้ก็ถือผู้ที่ได้รับตำแหน่งเสาหลักในขณะที่มีอายุน้อยที่สุด

 

เหลือแต่คอของมัน...

 

เป็นคราวของซาเนมิที่ตัดสินใจใช้ปราณวายุโดยมุ่งหมายจุดตายจุดเดียวของอสูรตนนั้น เพียงชั่วอึดใจที่ความสำเร็จอยู่ในกำมือของเขา แต่อสูรตนนั้นกลับแสยะยิ้มก่อนจะหายไปในพริบตา กลายเป็นเงาดำ ๆ จนแทบไม่สามารถเล็งจุดอ่อนที่คอให้ฟาดฟันได้ ที่แผ่กว้างปกคลุมแทบทั่วบริเวณที่ว่างกลางป่าตรงนั้น

 

เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังก้องกังวานมาจากทุกสารทิศ บัดนี้เป็นทีของอสูรที่ใช้ประโยชน์ของคืนวันเพ็ญที่ส่องสว่างให้เป็นประโยชน์ เพียงชั่วพริบตา เงาของอสูรก็สะบัดมาทางด้านซ้ายของเขา หากเขากระโดดหลบทัน เงาของอสูรจึงตัดได้เพียงชายเครื่องแบบของเขาให้ขาดวิ่น

 

“บัดซบ!”

 

ซาเนมิตะโกนเมื่อเห็นกลุ่มเงาพุ่งการโจมตีไปยังคนที่อยู่ในหัวใจของเขาทั้งยามหลับยามตื่น แต่เธอก็สามารถกระโดดหลบการโจมตีได้ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปพาตัวเธอออกไปได้ทัน

 

แต่การโจมตีครั้งที่สี่ เฉียดต้นคอของคานาเอะอย่างหวุดหวิด แม้หญิงสาวจะพลิกตัวหลบได้ทันท่วงที เงานั่นยังพุ่งพาดผ่านต้นแขนของเธอจนเรียกเลือดสีแดงก่ำหลั่งรินหยดลงพื้น ทำเอาเลือดในกายของเขาแทบหยุดวิ่งด้วยโทสะที่พุ่งถึงขีดสุดและความกลัวที่พุ่งเข้าจับจิต

 

เขาเสียเธอไปไม่ได้!

 

ไอ้ระยำ! คู่ต่อสู้ของแกคือข้า!อย่ายุ่งกับเธอ!”

 

ซาเนมิแผดเสียง เรียกปราณวายุฟาดฟันใส่ศัตรูอย่างไม่หยุดหย่อน หากการโจมตีก็ยังคงพุ่งเป้าไปที่เสาหลักบุปผาผู้สามารถหลบหลีกและสวนกลับได้อย่างสง่างามราวกับผีเสื้อร่ายรำกลางแสงจันทร์ได้ตลอดเวลา

 

น่าแปลก... ตั้งแต่อสูรตนนั้นโจมตีคานาเอะได้ มันก็ไม่เคยพุ่งเป้ามาหาเขาอีกเลย ราวกับเล็งเป้าหมายไว้ยังเธอแต่เพียงผู้เดียว...

 

ชั่วพริบตาที่เขาประมวลผลได้ อสูรตนนั้นไม่ได้เล็งเป้าหมายที่ตัวของเสาหลักบุปผา แต่เล็งเป้าหมายยังกลิ่นเลือดจากบาดแผลของเธอต่างหาก!

 

อย่างไม่รั้งรอ ดาบในมือของชายหนุ่มตวัดเข้าใส่ปลายแขนซ้ายของตนเป็นทางยาว ไม่แยแสเสียงเรียกกรีดร้องเรียกชื่อเขาจากปากของเธอ ด้วยบัดนี้ในหัวเขามีเป้าหมายอยู่เพียงอย่างเดียว

 

ต้องปกป้องเธอคนนั้นให้ได้!

 

เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เลือดของเขาหยดลงพื้น อสูรตนนั้นพุ่งเป้าหมายการโจมตีมายังแขนซ้ายของเขา ซึ่งซาเนมิได้แต่รั้งรอให้เลือดของเขาทันไหลรดรินเงาทะมึนอันแสนอัปลักษณ์นั้น ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบออกในเสี้ยวพริบตา

 

ทันทีที่อสูรตนนั้นได้ลิ้มรสเลือดหายากของเขา ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของชัยชนะที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เมื่ออสูรร้ายตนนั้นถูกมอมเมาจนโผล่คอมาให้ปรากฏจากเหนือพื้นดิน

 

“ปราณวายุกระบวนที่หนึ่ง พายุหมุนบดขยี้!

 

ด้วยพลังกายผนวกโทสะที่พลุกพล่านกว่ายามเห็นมาซาจิกะถูกโจมตีในครานั้น เพลงดาบเดียวจึงสะบั้นหัวของอสูรร้ายตนนั้นให้ขาดในชั่วพริบตา!

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนจ้องมองร่างที่กำลังสลายไป ชายหนุ่มยกเท้าขึ้นบดขยี้เศษซากที่ยังหลงเหลืออย่างชิงชังถึงขีดสุด เมื่อมั่นใจว่าไม่มีภยันตรายอื่นอยู่ใกล้แล้ว เขาจึงชักดาบเก็บลงฝัก ก่อนจะใช้มือขวาสัมผัสบาดแผลที่เปิดอ้า ปล่อยเลือดรินไหลรดพื้นดิน...

 

สุดท้ายเขาก็จำต้องตระบัดสัตย์ที่เคยไว้กับเธอจนได้...

 

ความเป็นจริงที่พุ่งเข้าสู่จิตใจของซาเนมิ เป็นเขาที่ไม่อาจรักษาคำสัตย์ที่จะไม่ใช้เลือดหายากแก่เธอได้ เป็นเขาที่ใช้ดาบเรียกเลือดหายากของเขาต่อหน้าต่อตาเธอ...

 

ต่อหน้าคนที่เขาไม่อยากให้เห็นมากที่สุด...

 

เสียงฝีเท้าจำนวนมากแว่วมาจากทางตอนใต้ คงเป็นเหล่าคาคุชิที่เดินทางมาสมทบ หากเสียงฝีเท้าที่มาจากด้านหลังนั้น...

 

ไม่ได้... เขาหันหน้าไปเผชิญกับเธอในตอนนี้ไม่ได้! แม้ใจจริงเขาอยากวิ่งเข้าไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บที่อื่น...

 

แต่เธอคงไม่อยากเห็นหน้าคนผิดคำพูดอย่างเขาอีกต่อไป...

 

ชายหนุ่มกล้ำกลืนน้ำลายลงคออย่างปวดร้าว ความเงียบที่คั่นกลางระหว่างเขากับเธอทำใจเขาไหวหวั่น ด้วยความกลัวว่าคงจะไม่มีวันที่เธอคนนี้หันมามองเขาด้วยสายตาแบบเดิมอีกต่อไป

 

อย่างน้อย เธอก็ยังมีลมหายใจอยู่...

 

ต่อให้เธอโกรธเขามากแค่ไหน แต่ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เขาก็ยินดี...

 

เสียงฝีเท้าของเธอหยุดอยู่ตรงด้านหลังของเขาห่างไปแค่หนึ่งช่วงแขน ใกล้ชนิดแค่เพียงหันหน้ากลับไป คงไม่ยากที่ซาเนมิจะคว้าตัวเธอคนนั้นไว้ได้... แล้วสวมกอดไว้แน่นด้วยความดีใจที่เธอปลอดภัยดี...

 

แต่เขาเองที่ขี้ขลาดกว่าใคร ที่ไม่อาจทนเห็นนัยน์ตาคู่นั้นมองมาด้วยความผิดหวังได้เช่นกัน

 

“เจ้าออกไปจากตรงนี้ซะ... กลับคฤหาสน์เจ้าไป!”

 

เป็นครั้งที่สองของวันเดียวกันที่เขาพูดประโยคนี้กับเธอ ถึงเหตุผลจะต่างจากครั้งแรกที่มุ่งหมายให้เธอกลับไปอย่างปลอดภัย

 

ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้า กัดฟันสะกดอารมณ์ที่เริ่มกรุ่นตัว แม้จะสัมผัสได้ถึงหัวตาที่เริ่มร้อนผ่าวก็ตาม

 

เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับสัมผัสลมหายใจร้อนผะผ่าวของเธอที่จ่อจรดคอเขา ด้วยบัดนี้ระยะห่างระหว่างเขาและเธอเหลือไม่ถึงหนึ่งนิ้ว...

 

และเป็นอีกครั้งที่คานาเอะเอื้อมมือมาสัมผัสแขนซ้ายที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาอย่างแผ่วเบา

 

“นี่คุณกำลังจะผลักไสฉันอีกคนเหรอคะ ชินาซึงาวะคุง”

 

หญิงสาวเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ หากทิ่มแทงจิตใจของผู้ฟังราวกับจนเผลอหันกลับมาโดยไม่ทันรู้ตัว ใบหน้าเจ้าหล่อนถูกเงาของแมกไม้บดบังจนไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้ คงเหลือนัยน์ตาคู่นั้นที่แม้จะนิ่งกว่าปกติ แต่ก็ไร้ซึ่งความชิงชังอย่างที่เขานึกกลัว...

 

คงเหลือแต่ความเป็นห่วงหาอาวรณ์ยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ

 

“ตอนนี้เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ในฐานะหัวหน้าฝ่ายพยาบาลของหน่วยพิฆาตอสูร ฉันคงต้องขอให้คุณ... ไม่สิ ขอให้เรากลับไปทำแผลที่คฤหาสน์ผีเสื้อด้วยกันค่ะ”

 

ถึงจะสัมผัสถึงความโกรธขึ้งที่แผ่ซ่านออกจากร่างของเธอ แต่สัมผัสอ่อนโยนที่กระชับปลายแขนของเขาก็รั้งให้เขาต้องทำตามที่เธอสั่งโดยไม่คิดจะหลีกหนีเหมือนที่ตั้งใจไว้ได้อีกต่อไป...

 

แม้จะรู้ถึงคำพิพากษาใดนั้นรออยู่ยังบ้านของเธอก็ตาม...

 

==========

Author's Talk 17 APR 2021

จบไปแล้วกับ Day 14 นะคะ

แหะ ๆ และแล้วก็เข้าสู่บทบู้และดราม่ากันอีกแล้วนะคะ : D อย่างที่เราบอกเนอะ กลับมาขึ้นรถไฟเหาะกันอีกระลอกกันอีกแล้วค่ะ 55555

ช่วงต้นบทนี้ ตอนที่ซาเนมิและคานาเอะคุยกันเป็นซีนที่เราชอบมากที่สุดซีนนึงเลยนะคะ ในที่สุดเราก็ได้มาเห็นวิวัฒนาการของสองคนนี้ซักที หลายคนอาจจะชินกับมุมอ่อนโยนของคุณซาเนมิแล้ว แต่ซีนความเด็ดขาดของคุณคานาเอะนี่ เป็นอะไรที่เราคิดว่าเราต้องเขียนจริง ๆ ค่ะ

เราอาจจะชินกับความอ่อนหวานของคานาเอะกัน แต่เราสัมผัสมุมเด็ดเดี่ยวของคานาเอะมาตั้งแต่เล่ม 18 และนิยายเล่ม 2 แล้วค่ะ คนที่ต้องรับภาระเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่อายุเพิ่งวัยรุ่น มีทัศนคติที่อยากช่วยเหลือผู้คนมากกว่าแก้แค้น มันเท่ากับว่าเค้าเตรียมใจมามากกว่าใครทุกคนค่ะ

แต่ยังไง คานาเอะก็คือคานาเอะเนอะ ความนุ่มนวลดุจนกเขาเป็นจุดเด่นที่เรานับวันยิ่งชอบผู้หญิงคนนี้จริง ๆ ค่ะ จิตใจเค้าอ่อนโยนเด็ดเดี่ยวไม่แพ้กันเลย คู่สร้างคู่สมจริง ๆ

ฉากบู้นี่ จริง ๆ อยากเขียนให้พี่คานาเอะโชว์ความสามารถมากกว่านี้แท้ ๆ แต่ด้วยความไม่ถนัดสายบู้นี่เลยทำให้อาจจะแสดงออกถึงความสามารถพี่แกได้ไม่เท่ากับที่เราจินตนาการนะคะ แต่แลกกับฉากโชว์เท่ของพี่สาด้วยเนอะ คนนึงก็เสาหลักที่อายุน้อยที่สุด (ก่อนหน้าน้องหมอก) ใช้ปราณได้สองปราณ (อิงตาม fb 2) อีกคนมาแบบมวยวัด แต่ไต่เต้าเสาหลักได้เร็วมาก

เป็นครั้งแรกที่ได้เขียนความกลัวของคุณสาออกมานะคะ ในมุมเรามันยากยิ่งกว่าการสู้ครั้งไหนของเค้าจริง ๆ เพราะคานาเอะคือคนที่เค้าไม่อยากเสียไปมากที่สุดแล้วค่ะ มากจนยอมตระบัดสัตย์อย่างที่เห็นนี่แหละ

สำหรับบทหน้า น่าจะยังอยู่กับการขึ้นรถไฟเหาะอยู่นะคะ แต่บอกใบ้ว่าเป็นหนึ่งในบทที่เราเฝ้ารอจะเขียนมากที่สุดเลยค่ะ น่าจะมีครบทุกอารมณ์อีกเช่นกัน

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนต์นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ Y_Y เห็นยอดผู้ติดเชื้อแล้วเราใจคอไม่ดีเลย คิดเห็นประการใดมาเมาท์มอยกันได้นะคะ

แล้วพบกันตอนที่ 15 ในวันพุธนี้ค่ะ ^^

Author's Talk 05 NOV 2022

สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

ขอโทษนะคะที่ไม่ได้มาตามนัดอีกแล้ว พอดีเตรียมเอกสารสำหรับการประชุมวันนี้กับวันพรุ่งนี้ค่ะ ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเลยกลับบ้านดึกมาก แล้วก็มีเรื่องยุ่ง ๆ นิดหน่อยค่ะ

เรียกว่าหมดแรงมาก ถึงบ้านก็คือแทบจะสลบแล้วค่ะ

ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3

จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)

อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย

แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนที่ 15 ในวันพรุ่งนี้นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^