Day 10 - Wishes

 

Prompt: “all I ever wanted”

 

Spoiled | TW | CW

 

*เนื้อหาเชื่อมโยงกับตอนที่ 2 ของ KNY FF - In Time With You (Giyuu x Shinobu) ค่ะ และสปอยเนื้อหาบางส่วนของนิยายตอนผีเสื้อปีกเดียว (นิยายเล่มที่ 2 ด้วยนะคะ)

 

1st Published : 04 APR 2021

Rewrite : 22 OCT 2022

==========

 

คำถามที่หลุดออกจากปากของโคโจ คานาเอะ เป็นคำถามที่ชินาซึงาวะ ซาเนมิไม่เคยได้ยินจากใคร แม้กระทั่งจากตัวของคุเมโนะ มาซาจิกะ เพราะเพื่อนผู้ล่วงลับเป็นคนที่เชื้อเชิญเขาเข้าร่วมหน่วยพิฆาตอสูรมาแต่ต้น...

 

เหตุผลที่นำพาเขาเข้าสู่ที่แห่งนี้ มีอยู่เหตุผลเดียว คือเหตุผลตามตัวอักษรที่สลักไว้บนหลังเสื้อของเขา...

 

สังหาร...

 

อาการไข้ที่เริ่มรุมเร้าพัดพาความทรงจำแสนเศร้ากลับคืนมา โศกนาฏกรรมที่เกิดกับครอบครัว ความรู้สึกยามนาทีที่จำต้องสังหารมารดา ความรู้สึกยามเห็นมาซาจิกะค่อย ๆ หมดลมหายใจคาอ้อมแขนของเขา

 

เขาไม่อยากนึกถึงมันในตอนนี้... ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้...

 

หากนัยน์ตาสีชมพูที่ทอดมองมาก็ทำให้เขาเปลี่ยนคำปฏิเสธเป็นคำถาม... ต่อผู้หญิงแสนดีคนนี้แทน

 

แล้วเจ้าล่ะ...”

 

คานาเอะเบือนหน้าหันมองท้องฟ้ายามราตรี นัยน์ตาที่เหม่อมองแสงจันทร์ดูเลื่อนลอยราวกับรำลึกความหลัง ไม่ทันที่ริมฝีปากสีชาดจะได้เอื้อนเอ่ย เสียงเคาะประตูจากด้านนอกก็ขัดจังหวะเขาทั้งสอง ก่อนร่างเล็กจ้อยของชิโนบุจะปรากฏตัวให้เห็น

 

“อ๊ะ ท่านพี่อยู่นี่เอง หนูหาตั้งนาน”

 

ดวงหน้าเด็กสาวดูเหนื่อยล้าไม่ต่างจากคนเป็นพี่สาวนัก จนเขาก็อดไม่ได้ที่จะห่วงกังวลถึงสิ่งที่เด็กคนนี้... น้องสาวร่วมสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของเสาหลักบุปผาต้องแบกรับภาระและความรับผิดชอบอันหนักอึ้งไว้บนบ่ายิ่งกว่าเด็กในวัยเดียวกัน

 

อาการของเสาหลักวารีไม่มีอะไรที่ต้องน่าห่วงค่ะ มีบาดแผลตามชายโครงนิดหน่อย ไม่ถึงกับสาหัสมาก เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าจะช้ำในร่วมด้วยไหม หนูเลยทำแผลแล้วให้ยาแก้ช้ำในไป กับให้นอนดูอาการสักสองสามวันนะคะ”

 

เด็กคนนั้นรายงานผู้เป็นพี่ด้วยท่าทีเอางานเอาการเกินอายุ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง

 

มีอะไรหรือจ๊ะชิโนบุ”

 

“โทมิโอกะซังนี่... ปกติดีใช่ไหมคะ”

 

น้ำเสียงเด็กสาวดูจะไม่สบอารมณ์อยู่เล็กน้อย หากก็เป็นครั้งแรกที่ซาเนมิมีความเห็นพ้องกับชิโนบุเข้าเต็ม ๆ เพราะสีหน้าไร้อารมณ์ของโทมิโอกะ กิยู นั้นสร้างความหงุดหงิดให้แก่เขาตั้งแต่การประชุมเสาหลักที่ผ่านมา

 

“เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก แต่จ้องหนูเอาเป็นเอาตายเลยค่ะ พอถามว่ามีอะไรก็บอกว่าเปล่า พิลึกคนจังค่ะ...”

 

“แหม ๆ ชิโนบุคงเขินแย่สิน้า~ น่ารักจัง”

 

ไม่ใช่แล้วค่ะพี่!” ยัยเด็กหน้ายักษ์ปฏิเสธเสียงหลง “เอาว่าเดี๋ยวหนูจะขึ้นไปนอนแล้ว ท่านพี่เองก็อย่าลืมพักผ่อนด้วยนะคะ”

 

ชิโนบุเอ่ยทิ้งท้ายพลางตวัดสายตาจ้องเขม็งยังชายผู้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านพี่ของเธอไม่ได้นอน ก่อนจะโค้งเบา ๆ เป็นเชิงบอกลาแล้วปิดประตูจากไป

 

“อย่าลืมเอายามื้อดึกให้โทมิโอกะคุงด้วยนะจ๊ะ”

 

คานาเอะว่าพลางหัวเราะเบา ๆ ยามได้ยินเสียงโวยวายตามหลังของคนเป็นน้อง นัยน์ตาที่เจ้าหล่อนทอดมองแผ่นหลังเล็กแบบบางอย่างเต็มไปด้วยความเอ็นดู จนคำถามที่เขานึกสงสัยตั้งแต่คราแรกที่เข้ารับการรักษายังคฤหาสน์แห่งนี้ผุดขึ้นในสมองของซาเนมิอีกครั้ง

 

เพียงแต่... สีหน้าของเจ้าหล่อน...

 

แววตาอ่อนล้าที่แม้เจ้าหล่อนจะพยายามปกปิดไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เธอคงอาจปิดบังเขาได้ต่อไป หากเธอไม่เผลอหลับเมื่อครู่

 

“ข้าว่าเจ้าควรไปพักได้แล้วนะ”

 

เป็นห่วงฉันด้วยเหรอคะ ชินาซึงาวะคุง~”

 

คำพูดหยอกล้อของสาวเจ้าที่รับกับนัยน์ตาพราวระยับล้อกับแสงดาราทำเลือดสูบฉีดขึ้นบนใบหน้าของซาเนมิ หากเขาก็โทษว่าเป็นเพราะพิษไข้อันรุมเร้าทำให้ดวงหน้าของเขาเห่อร้อนอยู่ตอนนี้

 

“เหอะน่า! ทำตามที่น้องสาวเจ้าว่าเถอะ!”

 

“แต่ฉันยังคุยกับคุณค้างอยู่นี่คะ~”

 

เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมุมดื้อดึงของโคโจ คานาเอะ ความดื้อรั้นเล็ก ๆ ที่ทำให้เจ้าหล่อนดูเป็นมนุษย์มากขึ้น ไม่ใช่บุคคลผู้ดุจดั่งเทพธิดาเหมือนคราแรกที่รู้จักกัน

 

“ฉันว่าเหตุผลของคนที่เข้ามาอยู่ในหน่วยพิฆาตอสูรคงไม่ต่างกันเท่าไรหรอกค่ะ... อย่างฉันนี่ ท่านพ่อของฉันเคยพูดเสมอว่า หากเจอคนที่กำลังทรมานกับการแบกภาระหนัก ให้เข้าไปช่วยแบ่งเบาเขาเสียครึ่งหนึ่ง หากเจอคนกำลังทุกข์เศร้า ก็ให้เห็นอกเห็นใจเขา”

 

สีหน้าของเธอยามพูดถึงบิดาช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ ผิดกับเขาผู้ชิงชังบิดาของตนที่คอยทำร้ายมารดาอยู่เนืองนิตย์

 

โลกช่างไม่ยุติธรรม...

 

“เลยเที่ยวมีเมตตาช่วยเหลือคนไปทั่วสินะ”

 

ซาเนมิอดไม่ได้ที่จะเผลอประชดออกมา กระนั้นคำพูดแดกดันก็ไม่อาจลบเลือนรอยยิ้มอ่อนโยนไปจากดวงหน้างดงามของคานาเอะลงได้

 

“ประมาณนั้นค่ะ และฉันเองไม่อยากให้คนต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับฉันและชิโนบุอีก...”

 

ท้ายประโยคแม้จะไม่แสดงอารมณ์ แต่ซาเนมิแอบเห็นร่องรอยความหวั่นไหวที่ไม่ต่างจากเขายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น...

 

เธอคนนี้เอง ก็คงผ่านอะไรมาไม่น้อยไปกว่าเขาเลย...

 

“ขอโทษ...”

 

คำขอโทษแผ่วเบาหลุดจากปากเสาหลักวายุ หากคานาเอะกลับขยับมือเอื้อมมาสัมผัสหลังมือเขาแผ่วเบา

 

“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่คะ” เธอเอ่ยอย่างจริงใจ “ชินาซึงาวะคุงก็คงมีเหตุผลของตัวเองในการเข้ามาเป็นนักล่าอสูรเหมือนกัน”

 

“แต่ของข้าคงต่างจากเจ้า...”

 

พิษไข้ทำให้ซาเนมิไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตนได้เฉกเช่นปกติ ความหวั่นไหวที่มักซ่อนภายใต้พายุแห่งความกราดเกรี้ยวจึงค่อยถูกเผยออกมาทีละน้อย ๆ ให้ประจักษ์ต่อหน้าสตรีผู้แสนอ่อนโยนคนนี้

 

“ดูจากบาดแผลและจำนวนครั้งที่คุณมาลงเอยที่นี่ ฉันก็เดาได้ค่ะ” เจ้าหล่อนหัวเราะเบา ๆ “กำจัดให้สิ้น... ใช่ไหมคะ”

 

คำถามที่ซาเนมิได้แต่พยักหน้ารับ ด้วยเหตุผลที่ทำให้เขายังคงหยัดยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้มีเพียงอย่างเดียว...

 

การทุ่มชีวิตเพื่อปราบอสูรให้หมดไปจากแผ่นดินแห่งนี้...

 

เพื่อน้องชายที่ยังเหลือคนเดียวของเขา จะได้ใช้ชีวิตในโลกนี้ต่อไปอย่างสงบสุข...

 

แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของเขาก็ตาม...

 

และแม้หมายถึง... เขาไม่อาจมีวันได้พบหน้าครอบครัวหนึ่งเดียวได้อีกต่อไป

 

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแย้มของเกนยะผุดขึ้นมาในห้วงความทรงจำ กระนั้น เศษเสี้ยวความสงสัยของเขาทุกครั้งที่เห็นหน้าเด็กคนนั้น... โคโจ ชิโนบุ น้องสาวของเธอก็ทำเขาหลุดปากออกมาในที่สุด

 

“ทำไมถึงยอมให้เด็กนั่นมาเป็นนักล่าอสูร...”

 

คำถามที่ค้างคาใจเขามาตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันถูกเอ่ยออกไป คำถามที่ทำให้เธอเบือนหน้าแหงนมองแสงจันทราราวระลึกความหลังอยู่นาน...

 

นานจนเขาได้ยินเสียงสายลมพัดผ่านแมกไม้ละม้ายเสียงดนตรียามดึก...ประสานกับเสียงหัวใจของเขาที่รัวดุจเสียงกลอง

 

“ฉัน... ไม่ได้ต่างจากชินาซึงาวะคุงหรอกค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยเบาจนแทบกระซิบ “ฉันเองก็มีสิ่งที่ต้องปกป้องไว้ให้ได้เหมือนกัน... ทั้งชีวิตของผู้คน ทั้งความสุขของทุกคนก่อนที่จะถูกทำลายลง ทั้งอยากปกป้องคนสำคัญของใครก็ตาม ชินาซึงาวะคุงก็คิดแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหมคะ”

 

ประโยคที่เขาทำได้เพียงพยักหน้ารับเบา ๆ แม้ใจจะค้านว่าเขาทำไปเพียงมุ่งปกป้องชีวิตของคนอื่นเพียงอย่างเดียว

 

แต่เธอ... มุ่งเน้นปกป้องความสุขของผู้อื่น...

 

ความเมตตาอารีอันสูงส่งยิ่งกว่าใครที่เขาพบมา...

 

“ฉันกับชิโนบุสาบานกันไว้แล้วค่ะ ว่าเราสองคนจะทุ่มเทชีวิตเพื่อสังหารอสูรให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้อื่นต้องประสบพบเจอชะตากรรมแบบเราทั้งสองคน... หรืออย่างเดียวกันกับที่คุณและคุเมโนะคุงต้องพบเจอมา”

 

ดวงหน้าสวยหวานหันเบือนกลับมามองเขา รอยยิ้มที่ปรากฏแม้จะอ่อนหวาน หากแฝงไว้ด้วยความเศร้าอย่างปิดไม่ไว้ไม่มิด สายลมโชยแผ่วพัดเสื้อคลุมฮาโอริลายผีเสื้อของเธอให้ปลิวต้องลมข่มร่างทำให้เธอดูบอบบางยิ่งกว่าคราไหน

 

“แล้ว... ชินาซึงาวะคุงสบายใจเหรอคะ”

 

“หืม?!”

 

“...เรื่องที่คุณตัดการติดต่อกับน้องชายของคุณเพื่อมาเป็นนักล่าอสูรน่ะค่ะ”

 

ประโยคเกริ่นนำทำซาเนมิเลิกคิ้วอย่างฉงน ก่อนจะตกตะลึงราวกับถูกสาปยามเจ้าหล่อนเอ่ยประโยคคำถามตามมา

 

น่าแปลก คำถามนั้นไม่นำพาซึ่งอารมณ์โกรธอย่างที่เขามักเป็น คงมีแต่ความตกตะลึงที่ความลับของเขาถูกเธอล่วงรู้

 

ความลับที่มีเพียงคนผู้เดียวที่ได้รับรู้...

 

มาซาจิกะสินะ...”

 

“ค่ะ”

 

สู่รู้อีกตามเคย...”

 

ซาเนมิเอ่ยเสียงสั่นเทา ถึงจะอดไม่ได้ที่จะด่าคนที่จากไปแล้ว หากกลับขมขื่นที่การใช้ชีวิตของเขาสร้างความเป็นห่วงแก่คนรอบข้างแค่ไหน

 

ศิษย์พี่งี่เง่าคนนั้นยังคงเป็นจอมจุ้นกว่าใคร คนที่คอยเป็นห่วงใยเขายิ่งกว่าใคร...

 

แม้กระทั่งยามจากโลกนี้ไป ความเป็นห่วงต่อศิษย์น้องผู้ดื้อดึงก็ยังคงสถิตอยู่ในใจไม่เสื่อมคลาย...

 

“อย่าโกรธเลยนะคะ คุเมโนะคุงเป็นห่วงชินาซึงาวะคุงมากนะ”

 

“ข้ารู้...”

 

บางทีมาซาจิกะคงจะล่วงรู้ถึงความไม่แน่นอน จนต้องถ่ายทอดสิ่งที่เจ้าตัวกังวลให้แก่ผู้หญิงคนนี้ให้ได้รับรู้ เพราะเชื่อว่าเธอคนนี้คงจะเป็นคนผู้เดียวที่สามารถปรามเขาได้หากเจ้าตัวไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป

 

...ต้องดูแลตัวเองนะ...

 

...ต้องสนิทสนมกลมเกลียวกับคนอื่นนะ...

 

...ต้องใช้ชีวิตเพื่อตัวของเขาเองนะ...

 

...ต้องมีชีวิต ต้องอยู่ต่อไปให้ได้นะ...

 

ถ้อยคำสั่งเสียของมาซาจิกะในนาทีสุดท้ายเป็นดั่งการถอดสลักความรู้สึกส่วนลึกในใจ ความขื่นขมอันท่วมท้นมาตั้งแต่การตายของเพื่อนคนสำคัญเป็นดั่งสายลมพัดความรู้สึกอ่อนแอข้างในให้ปลดปล่อยออกมา

 

“สิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุด... ก็แค่อยากเห็นน้องชายข้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนคนธรรมดา ให้มีชีวิตยืนยาว... ไม่ต้องเข้ามาเสี่ยงชีวิตเหมือนข้า มีครอบครัว... มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง...”

 

ถ้อยคำช่วงท้ายที่หลุดออกจากลำคอสั่นเครือ หากซาเนมิก็พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่ท่วมท้นเอาไว้

 

คนไม่กล้าฝันอย่างเขา คงเหลือแต่ฝันเดียวที่ยังฝันได้...

 

ขอแค่เกนยะมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขอย่างคนธรรมดาแทนที่เขา...

 

เท่านี้... พี่ชายคนนี้ก็คงไปสู่นรกภูมิได้อย่างเป็นสุข...

 

อีกครั้งที่มืออันอบอุ่นของเธอคนนั้นสัมผัสมือเขา ความเห็นอกเห็นใจถูกถ่ายทอดผ่านสัมผัสอันอ่อนโยน ไม่ต่างจากนัยน์ตาที่ทอดมองเขาที่เปี่ยมล้นด้วยความเข้าใจ

 

“นี่ ชินาซึงาวะคุง ฉันขอเล่าความลับของฉันให้คุณฟังได้ไหมคะ~”

 

ถ้อยคำนุ่มนวลที่เรียกนัยน์ตาสีม่วงอ่อนหันขวับไปมองดวงหน้าสะสวยที่แย้มริมฝีปากสีชาดคลี่ยิ้มอ่อนหวานดุจดอกไม้แรกแย้มของต้นฤดูใบไม้ผลิ... กับความใฝ่ฝันที่ไม่มีใครคาดถึง

 

“ลึก ๆ แล้ว ฉันคิดว่าถ้าโลกนี้มนุษย์สามารถอยู่กับอสูรได้ก็คงดีไม่น้อยนะคะ”

 

==========

Author's Talk 04 APR 2021

จบไปแล้วกับตอนที่ 10 ค่ะ ^^

สำหรับใครที่รอความเชื่อมโยงของกิยู ชิโนบุ ในฟิคที่เราเคยเขียนไป บทนี้น่าจะได้รับรู้ถึง 1st impression ของชิโนบุที่มีต่อกิยูในฟิค In Time With You แล้วนะคะ

สารภาพเลย เป็นช็อตที่เราอยากเขียนมานานมาก เพราะคิดรีแอคชิโนบุไว้ค่ะว่าคงเป็นอารมณ์นี้แน่ ก็นะ เจอคนจ้องขนาดนั้นก็คงมีคำถามแบบเดียวกันนี่แหละค่ะ ^^

หวังว่าถูกใจผู้อ่านนะคะ เป็นตัวเปลี่ยนบรรยากาศของเรื่องได้เป็นอย่างดีค่ะ

ส่วนคุณสายลมกับคุณดอกไม้ที่รักของเรา จริง ๆ เห็นงานของคานาเอะแล้ว เราตกใจความแกร่งของคุณพี่มากค่ะ แต่ก็นั่นแหละ จะมีใครเห็นความอ่อนแอของเธอได้บ้าง

ต่อให้เข้มแข็งยังไง พี่คานาเอะก็ยังเป็นสาวน้อยอายุ 17 ที่ต้องมารับภาระทุกอย่างตั้งแต่อายุยังไม่ 14 เพียงคนเดียว ต้องเป็นที่พึ่งให้คนมากมาย

จนเราตั้งคำถามมานานค่ะ นานตั้งแต่เริ่มจะเขียนฟิคนี้ ว่าพี่คานาเอะเองจะพึ่งใครได้บ้าง...

ซึ่งอะไรแบบนี้ ไม่น่ารอดพ้นสายตาของพี่ชายคนโตของซาเนมินี่แหละค่ะ

คุณสายลมนี่ยังไม่รู้จักข้อดีของตัวเองเลยนะคะ แต่คงใกล้แล้วจริง ๆ (กระตุ้นให้ทุกคนรอดูฉากนี้นะคะ)

จุดนี้น่าจะเฉลยได้แล้วนะคะว่า เราตีความความสัมพันธ์ของสามคนนี้ยังไง เราคิดว่ามาซาจิกะพูดอะไรถึงซาเนมิมามากนะคะ เป็นห่วงว่าจะไม่มีใครดูแลเพื่อนแสนดื้อคนนี้เลย และคงเล็งเห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะสายตาที่สองคนนี้เค้ามองกันค่ะ

ดูจากสรรพนามที่มาซาจิกะเรียกคานาเอะ บ่งบอกได้ว่ามาซาจิกะนับถือผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าคนนี้มากเลยนะคะ เพราะเรียกโคโจซังเลย ขณะที่เรียกชิโนบุว่าชิโนบุจังซะงั้น

ด้วยเหตุนี้ กอปรกับมาซาจิกะเป็นคนความรู้สึกไว ก็คงรู้แหละค่ะว่ามันมีสายสัมพันธ์อะไรบางอย่างระหว่างสองคนนั้นจริง ๆ และก็คงอยากให้ซาเนมิมีเป้าหมายในการใช้ชีวิตจริง ๆ แหละค่ะ

ตรงนี้ตีความมาจากคำสั่งเสียของคุณมาซาจิกะเลยนะคะ ^^

สำหรับตอนหน้านี้ ทุกคนคงจะได้เห็นมุมของพี่คานาเอะจริง ๆ แล้วค่ะ ซึ่งเราอยากบอกว่า เราเขียนเองและชอบเองมากค่ะ และไม่แปลกใจที่สายลมเลือดร้อนคนนี้ จะถูกตกด้วยดอกไม้แสนอ่อนหวานคนนี้ได้อย่างไร

พบกับตอนที่ 11 ในวันพุธค่ำ ๆ ค่ะ มารอดูปฏิกิริยายามคุณซาเนมิได้ยินประโยคเด็ดประโยคนี้ของคานาเอะค่ะ

ท้ายสุด ขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนต์ที่ได้รับนะคะ ใจฟูฟูมากเลยค่ะ ดีใจมาก ๆ นะคะที่ชอบฟิคนี้กัน ^^

Author's Talk 22 OCT 2022

สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

มาแบบเลท ๆ ค่ะ เตรียมลงฟิคแล้วเผลองีบยาว เลยตื่นมาลงตอนนี้นี่แหละ ^^" โอ๊ย อนาถามากค่ะ

เหมือนมีอะไรให้ต้องทำเยอะจริง ๆ อยากให้วันหนึ่งมีหกสิบชม.จริง ๆ นะคะ

อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย

แล้วอย่างไร มาพบกับรีไรท์ตอนที่ 11 ในวันอังคารนี้นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันทุกคนค่ะ ^^