22 ตอน Day 22 - Shattered
โดย rene_recluse
Day 22 - Shattered
Prompt: “And neither should you”
Spoiler | TW
TW : Self-Harm, Blood, Violence
*เนื้อหาเชื่อมโยงกับตอนที่ 3 ของ KNY FF - In Time With You (Giyuu x Shinobu) ค่ะ
1st Published : 15 MAY 2022
Rewrite : 20 NOV 2022
==========
หลายวันผ่านไปด้วยความเชื่องช้า...
หลายวันผ่านพ้นไปอย่างว่างเปล่า ราวกับว่าร่างกายของชินาซึงาวะ ซาเนมิ เคลื่อนไหวได้โดยอาศัยหน้าที่ค้ำคอในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร้จุดหมาย...
พิธีศพของโคโจ คานาเอะ ถูกจัดขึ้นโดยน้อง ๆ ของเธอ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจอย่างล้นพ้นของคนที่เกี่ยวข้องทั้งมวล การจากไปของเธอทำให้ความรับผิดชอบในฐานะเจ้าบ้านผีเสื้อถูกส่งต่อไปยังโคโจ ชิโนบุ ผู้อยู่ในฐานะผู้สืบทอดของเธอโดยปริยาย
ภาพเด็ก ๆ ที่ต่างเสียขวัญเกาะแขนบุคคลผู้กลายมาเป็นพี่ใหญ่ของบ้านด้วยวัยเพียงสิบสี่ปี เด็กสาวที่เพียงชั่วข้ามคืน ต้องกลายมาเป็นผู้แบกรับความรับผิดชอบทุกอย่างไว้กับตัวเองอย่างเลี่ยงไม่ได้...
ทั้งหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบน้องสาวอีกห้าชีวิต...
รวมถึงความแค้นต่อการจากไปของพี่สาวเพียงคนเดียว...
ความเปลี่ยนแปลงค่อย ๆ คืบคลานสู่เด็กสาวคนนั้น บัดนี้ ไม่เหลือแล้วเด็กสาวขี้โวยวาย ปากจัด หากเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความตายของอดีตเสาหลักบุปผาพรากความร่าเริงไปจากเด็กสาวที่เป็นไม้เบื่อไม้เบากับเขามาโดยตลอด คงเหลือแต่เด็กสาวที่เต็มด้วยท่าอันสุภาพ อ่อนโยน ผู้น้อมรับฟังถ้อยคำแสดงความเสียใจจากคนที่เข้าร่วม และคอยเป็นพี่ใหญ่ หลักพึ่งพิงให้น้อง ๆ ในคฤหาสน์ผีเสื้อได้เกาะเกี่ยว
น้ำตายังคงหลั่งไหลไม่ขาดสายจากนัยน์ตาสีฟ้าคู่กลมโตของคันซากิ อาโออิ บุคคลผู้ไม่ยอมขนานนามตัวเองว่าเป็นน้องสาวของอดีตเจ้าบ้านคฤหาสน์ผีเสื้อ ทั้ง ๆ ที่เขารู้ดีกว่าใครว่าคานาเอะรักอาโออิไม่แพ้ที่รักชิโนบุหรือคานาโอะ หากความเจียมเนื้อเจียมตัวของเธอทำให้เธอจำกัดตนเองไว้เพียงบริวารผู้จงรักภักดีต่อสองพี่น้องตระกูลโคโจเท่านั้น แต่อาการร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดมาตลอดหลายวันทำให้เห็นว่าเด็กสาวคนนี้รักคนที่จากไปไม่มีวันกลับในฐานะพี่สาวคนโตมากแค่ไหน
ขณะที่บุคคลผู้ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวบุญธรรมอย่างซึยูริ คานาโอะ จนแล้วจนรอด ไม่มีใครได้เห็นน้ำตาของเด็กหญิงคนนี้ มีเพียงท่าทีตื่นตระหนกกับนัยน์ตาแห้งผากที่แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวโศกเศร้าไม่แพ้คนในบ้านคนอื่น ความโศกสลดที่ทำซาเนมิปวดใจมากขึ้นเมื่อนึกถึงอดีตของเด็กคนนี้ที่คานาเอะเคยเล่าให้ฟัง
และยังเด็กน้อยตัวจ้อยอีกสามคนนั้นที่กระจองอแงเกาะติดกับร่างเล็กของชิโนบุ มือเล็ก ๆ สามคู่นั้นกอดก่ายตามแขนและลำตัวของเธอราวกับจะกลัวว่าที่พึ่งสุดท้ายที่ตนเหลือจะลอยลับหายไปได้ตลอดเวลา
เพียงแต่ก็เกินวิสัยกว่าที่เขาจะจัดการอะไรได้...
กระทั่งตัวเขาเอง ถึงจะยังคงยืนหยัดอยู่ได้ ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลายวันเป็นเพียงภาพฝันร้ายที่เสมือนจริง หากทุกค่ำคืนที่เขากลับมายังคฤหาสน์ของตนเอง ซาเนมิก็ได้แต่หวัง... หวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าหากเขาหลับตา เขาจะพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเหมือนที่เคยเป็น...
เขาได้แต่หวังที่จะหลับตา แล้วตื่นขึ้นมาพบนัยน์ตาสีชมพูอ่อนคู่ที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำ พบรอยยิ้มอ่อนหวานที่ยังคงจำหลักในใจ พบอ้อมกอดอันอบอุ่นที่ช่วยคอยปลอบประโลมว่าโลกนี้ยังมีความหวังหลงเหลือให้เขาได้ฝัน...
แต่ทุกครั้ง สิ่งที่เขาพบก็เพียงแต่ความว่างเปล่าอันหนาวเหน็บ ที่คอยตอกย้ำว่าเธอผู้นั้นจากเขาไปแล้วจริง ๆ
จนกระทั่งถึงวันที่เหล่าเด็กคฤหาสน์ผีเสื้อจะเคลื่อนย้ายร่างของเธอไปบรรจุไว้ยังสุสานที่จัดเตรียมไว้ ถึงเป็นวันที่ซาเนมิเริ่มจะยอมรับความจริงว่าคนรักของเขาไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
ฝันของเขาและเธอที่จะได้ใช้ชีวิตธรรมดาร่วมกันอย่างสงบสุขในโลกที่ปราศจากอสูร ไม่มีวันเป็นจริงในชาติภพนี้แล้ว...
ถึงจะปวดร้าวจนเจียนตาย ชายหนุ่มยังคงจำคำพูดสุดท้ายที่เธอพยายามบอกกับน้องสาวร่วมสายเลือดคนเดียวของเธอที่ยังเหลืออยู่ ความปรารถนาที่เธอได้เพียงรำพันกับเขามาตลอดในช่วงหลัง
หากความฝันของเขาและคานาเอะที่มีร่วมกันไม่อาจเป็นจริงได้แล้ว อย่างน้อยเขาขอปวารณาตนเพื่อรักษาความฝันอื่นของเธอก็ยังดี...
อย่างน้อย เขาต้องปกป้องเด็กพวกนั้นให้พ้นจากวังวนอันแสนโศกเศร้าของการเป็นนักล่าอสูร...
เพื่อให้พวกเธอได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา... อย่างที่เขาและเธอไม่อาจทำได้อีกต่อไป!
ภาพเด็กสาวที่กอดก่ายร้องไห้หน้าสุสานของเธอ ทำให้เสาหลักวายุได้แต่ชะงักงันอยู่ในเงาร่มไม้ใหญ่ในจุดที่ไม่ห่างไกลกันเท่าไร การต้องเห็นเด็กสาวคนนั้นที่เขาเคยขวางตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันต้องมาเป็นหลักยึดมันยิ่งทำให้ใจเขาปวดร้าวมากกว่าเดิม
ภาพอาการนอนกระสับกระส่ายของคนรักที่เขาเห็นบ่อยในระยะหลัง มาจากความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญจากการสูญเสียครอบครัวไป การที่ต้องขึ้นเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่อายุเพียงสิบสาม การที่ต้องคอยเป็นหลักยึดให้คนรอบตัว และต้องเป็นเสาหลักให้คนได้พึ่งพิงมาตั้งแต่ตอนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
ขนาดเธอของเขาที่เป็นคนจิตใจเข้มแข็งกว่าใครที่เขารู้จักยังเจ็บปวดกว่าใครอาจคิดฝัน แล้วเด็กคนนั้น... คนที่เหมือนจะแข็งแกร่งแต่เปราะบางจะพร้อมรับสิ่งที่เธอเคยแบกไว้ได้ไหม...
เด็กคนนั้นจะยอมปล่อยได้ไหม... อย่างน้อยก็ปล่อยความแค้นให้เขาคนนี้เป็นผู้แบกรับไป... แล้วไปใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาตามความปรารถนาสุดท้ายของเธอ...
ซาเนมิรอจนเด็กคนนั้นเฝ้าปลอบเด็กหญิงคนอื่นทั้งน้ำตา ไม่ว่าจะเป็นอาโออิที่ยังร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน ซึมิ คิโยะ นาโฮะที่พากันร้องไห้จ้าเกาะฮาโอริสีขาวของชิโนบุกันไว้ รอจนเด็กคนปากกล้า อวดดี หากเปิดเผยคนนั้นสวมกอดคานาโอะที่ยังคงไม่มีน้ำตาให้เห็น แต่อาการตัวสั่นสะท้านก็บ่งบอกได้ถึงความทรมานใจจากการสูญเสียไม่แพ้กับเด็ก ๆ คนอื่น ๆ
อีกไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ชิโนบุก็ส่งสัญญาณให้อาโออิพาเด็กคนอื่นกลับคฤหาสน์ผีเสื้อ รอจนพ้นระยะที่ใครจะได้ยินหรือได้เห็น เธอถึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันสั่นเครือ
“ออกมาเถอะค่ะชินาซึงาวะซัง ฉันรู้นะคะว่าคุณอยู่แถวนี้”
“ทำไมรู้ว่าข้าอยู่ตรงนี้...”
สายลมพัดชายเสื้อคลุมสีขาวของเธอให้ปลิวไสว ข่มร่างเล็กคล้ายเด็กให้ดูแบบบางยิ่งขึ้น นัยน์ของเจ้าหล่อนยังคงแดงช้ำ หากประกายในแววตาของเธอดูเปลี่ยนไปจากที่เขาเคยเห็นจนชวนตกใจ
นัยน์ตาที่เคยเปล่งประกายดื้อรั้น ถือดี บัดนี้ดูสงบเยือกเย็น เต็มไปด้วยความโอบอ้อมอารีที่แสนคุ้นชิน จนทำให้ขนในตัวของเขาแทบลุกชัน
นัยน์ตาที่ส่องประกายอารีคล้ายกับเธอคนนั้น...
“ฉันรู้ว่าอย่างไรคุณก็ต้องมาค่ะ” น้ำเสียงของเธอสงบและแผ่วเบา ไม่มีทีท่าประชดประชันอย่างที่เคยคุ้น “ทำไมไม่เดินเข้ามาเลยละคะ”
“ข้าไม่อยากรบกวนเวลาครอบครัวพวกเจ้า...”
คำตอบที่เรียกรอยยิ้มแสนเศร้าบนใบหน้าของเด็กสาว หยาดน้ำตาคลอหน่วยจวนเจียนจะหยด แต่ชิโนบุก็ยังคงคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นไหวไปมากกว่านี้ได้
“ทุกคน... ไม่สิ อย่างน้อยก็ฉัน อาโออิ และคานาโอะไม่คิดว่าคุณเป็นคนอื่นหรอกค่ะ แล้วท่านพี่ก็คงดีใจที่คุณมาส่งเธอถึงที่นี่”
“ไม่ล่ะ” เขายังยืนกราน ก่อนจะเบือนหน้าพร้อมเอ่ยประโยคที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พูดกับเด็กคนนี้ออกมา “ว่าแต่สบายดีนะ”
ประโยคที่ดูไม่เข้าท่าที่สุดหลุดออกไปจนซาเนมิอยากกัดลิ้นตัวเอง ไม่มีทางที่เด็กนี่จะสบายดีได้อย่างแน่นอน และเขาควรจะรู้คำตอบนี้ดีกว่าใคร
“ข้าขอโทษ...” เขาโพล่งไปอีก คำขอโทษต่อคำถามงี่เง่าและอะไรหลายสิ่งที่อยู่ในสมอง อะไรหลายอย่างที่เขาเฝ้าคิดมาตั้งแต่วินาทีที่ลมหายใจของเธอดับสูญ “ข้าควรขอให้พี่สาวเจ้ามาใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดามาตั้งนานแล้ว ไม่นั้นพี่สาวของเจ้าคงไม่ต้อง...”
คำพูดสะดุดด้วยก้อนสะอื้นที่จุกอก กลับเป็นเขาเองที่ยังไม่สามารถพูดคำว่าตายออกมาได้...
“พี่สาวของเจ้า ไม่ควรต้องมาจากไปแบบนี้...” ท้ายสุดเขาเลี่ยงไปใช้คำอื่นแทน คำที่แม้จะมีความหมายเดียวกัน แต่หากเจ็บปวดน้อยกว่า “เจ้าก็เช่นกันนะ... โคโจ”
“คุณกำลังจะขอให้ฉันออกจากหน่วยพิฆาตอสูรใช่ไหมคะ...” ชิโนบุเอ่ยเสียงนิ่ง ก่อนจะส่งรอยยิ้มที่เหมือนจะอ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยระคนคั่งแค้นต่อโชคชะตา “คำตอบคือไม่ค่ะ ไม่มีวัน!”
สีหน้าของเด็กคนนั้นยังคงสงบนิ่งเยือกเย็นก็จริง หากบัดนี้ร่างกายของเจ้าหล่อนสั่นสะท้าน มือขวากำเครื่องประดับผมของคานาเอะแน่น พร้อมกับริมฝีปากสีชาดที่เม้มแน่นจนแทบเป็นเส้นตรง
“ถึงคุณจะยกเหตุผลมาอ้างว่าเป็นความปรารถนาสุดท้ายของท่านพี่ แต่ไม่มีทางที่ฉันจะทำได้ค่ะ ยิ่งท่านพี่... จากไปแบบนี้แล้ว... ยิ่งไม่มีวัน... ไม่มีวันที่ฉันจะออกจากหน่วยพิฆาตอสูรนี้เด็ดขาด!”
“แต่นั่นเป็นความปรารถนาของพี่เจ้านะ...”
“ทำไมฉันจะไม่ทราบละคะ” ชิโนบุกัดฟันพูด มือที่ยังจับเครื่องประดับของคนที่จากไปสั่นระริก “เพราะเป็นพี่น้องกันไงคะ ฉันถึงได้รู้ว่าท่านพี่จะต้องห้ามฉัน และท่านพี่ก็ย่อมรู้ดีกว่าใครว่าฉันไม่มีวันทำตามค่ะ!”
หยาดน้ำตาไหลรินจากนัยน์ตาสีม่วงที่ฉายแววถือดียิ่งกว่าเด็กในวัยเดียวกันที่เขาเคยพบ ยิ่งกว่าตัวเขาเองยามเสียครอบครัวเกือบทั้งหมดให้แก่อสูรที่น่าชิงชังเหล่านั้น คำพูดที่ทำนัยน์ตาของเขาเริ่มแสบร้อน ด้วยระลึกถึงคำพูดที่เธอเคยพูดไว้กับเขาเมื่อนานมาแล้ว... แต่สุดท้ายเขาก็จำต้องพูดต่อไปให้ได้
เพราะเหลือเพียงเขาคนเดียวที่จะรั้งเด็กคนนี้ไม่ให้ต้องพบจุดจบแบบเธอ ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เธออยากให้น้อง ๆ ทุกคนได้ใช้...
ชีวิตอย่างเด็กผู้หญิงธรรมดา ที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่รักตราบจนสิ้นอายุขัย...
“พี่เจ้าบอกมาตลอดว่าอยากเห็นพวกเจ้าทุกคนได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดา มีคนรัก มีครอบครัว มีความสุขแบบเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง...” หัวใจของชายหนุ่มบีบรัดยามนึกถึงท่าทีของเธอตอนบอกความฝันที่แท้จริงให้เขาฟัง ความเจ็บปวดที่เขารับรู้ว่าเธอต้องแบกรับที่เห็นน้องร่วมสายเลือดต้องมาเสี่ยงชีวิตไม่เว้นแต่ละวัน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดที่เขาเคยพูดกับเด็กคนนี้ “ทำเพื่อพี่สาวเจ้าเถอะนะ ไปใช้ชีวิตอย่างคนปกติซะโคโจ...”
“ถ้าฉันบอกให้คุณไปใช้ชีวิตแบบคนปกติ คุณจะทำเหรอคะชินาซึงาวะซัง...”
ถ้อยคำย้อนที่ทำซาเนมิชะงัก นัยน์ตาสีม่วงเข้มที่ไม่มีอะไรเหมือนคนที่เขารักเลยแม้แต่น้อย แม้เจ้าตัวเพียรพยายามจะใช้หน้ากากความอ่อนโยนแบบเธอคนนั้น
หากประกายในนัยน์ตาที่แดงก่ำวาวโรจน์ตัดกับใบหน้าซีดเผือด นัยน์ตาถือดีที่สบกับเขาอยู่กลับฉายแววความเกลียดชังโชคชะตา ความเคียดแค้นต่อสิ่งที่เกิด และโทสะที่ไม่อาจหลบซ่อน
แววตาแบบเดียวกับที่เขาเห็นในเงาสะท้อนยามส่องกระจกไม่มีผิดเพี้ยน...
“คุณไม่มีวันออกไปใช้ชีวิตอย่างคนปกติหรอกค่ะ เพราะฉันรู้ว่านับตั้งแต่วินาทีที่ท่านพี่สิ้นใจ คุณคงไม่มีวันหยุดตามล่าไอ้อสูรตนนั้นที่พรากท่านพี่ไปจากพวกเราหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจฉันดียิ่งกว่าใคร...” น้ำเสียงของชิโนบุบัดนี้สั่นเครืออย่างปิดไม่มิด ก่อนจะส่งยิ้มทั้งน้ำตา “ฉันเตรียมใจมาดีแล้วค่ะ ชินาซึงาวะซัง...”
เหมือนที่เจ้าว่าไว้ไม่มีผิด คานาเอะ... เด็กคนนี้ น้องสาวของเจ้าดื้อจริง ๆ ข้าคงต้องยอมแพ้สินะ...
ถึงอยากดึงรั้งเด็กคนนี้ไว้เพื่อฝันสุดท้ายของเธอ หากนับแต่นี้เขาคงเป็นผู้เดียวที่เข้าใจความเจ็บปวดและความคั่งแค้นของเด็กคนนี้ยิ่งกว่าใคร...
รอยยิ้มอ่อนจางปรากฏบนใบหน้าของเสาหลักวายุเป็นครั้งแรกตั้งแต่การจากไปของคานาเอะ มือที่หยาบกร้านค่อย ๆ เอื้อมสัมผัสศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีดำเหลือบม่วงของเด็กที่เขาเคยขวาง สัมผัสที่บ่งบอกถึงความเข้าใจและการยอมรับต่อการตัดสินใจของเด็กคนนี้... แม้มันจะทำให้ฝันของคนที่เขารักอาจไม่มีวันเป็นจริงได้ขึ้นมาก็ตาม
ก่อนเขาจะหันหลังเดินจากไป เสียงของชิโนบุก็เอ่ยแว่วขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร... อย่างที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน
“ฉันเชื่อว่าคุณอยากเก็บสิ่งนี้ไว้ค่ะ ชินาซึงาวะซัง”
เครื่องประดับผีเสื้อสีชมพูเหลือบเขียวที่มักประดับผมของคนรักของเขาถูกส่งมาให้ สิ่งที่ทำให้หยาดน้ำร้อนที่เขาเพียรกลั้นไว้มาตลอดหลายวันหยดไหลเป็นทาง หากเมื่อสบนัยน์ตาสีม่วงที่ทอดมองอย่างอ่อนโยนพร้อมพยักหน้าให้เขารับไว้ เขาก็เอื้อมมือที่สั่นระริกรับสิ่งของแทนตัวเธอไว้ ก่อนเก็บใส่กระเป๋าด้านในเสื้อคลุมฮาโอริ
เด็กสาวตรงหน้าค้อมหัวเป็นเชิงแสดงความเคารพเป็นครั้งแรกจากใจ นัยน์ตาที่หันสบกันต่างสะท้อนเป้าหมายที่เปลี่ยนไป เป้าหมายที่ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่า บัดนี้มีเพียงแต่ชีวิตของพวกเขาที่จะหยุดสิ่งเหล่านี้ไว้ได้
พวกเขาจะไม่มีวันหยุด... จนกว่าจะล้างบางอสูรลงได้จนสำเร็จ...
โดยเฉพาะอสูรข้างขึ้นที่สองตนนั้น... อสูรที่พรากคนสำคัญของพวกเขาไป...
ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ต่อให้ต้องแลกด้วยวิญญาณ ก็จะต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่งที่จะส่งมันไปลงนรกให้ได้!
ทุกค่ำคืนผ่านไปอย่างอ้างว้างและว่างเปล่า ไม่มีแล้วการอ้อยอิ่งชมดาราหรือตะวันยามรุ่งอรุณ ไม่มีแล้วการรอกลับมาเจอรอยยิ้มอันอบอุ่นของใคร เหลือเพียงหน้าที่ที่เขาทุ่มสุดกำลังเพื่อจะไม่ให้ใครต้องมาจบชีวิตลงแบบเธออีก...
คืนแล้วคืนเล่าที่เขาออกล่าอสูรจนถึงหัวรุ่ง สังหารอสูรที่พบเจอโดยไม่คิดจะเจรจาหรือไว้ชีวิต มีแต่การตวัดดาบตัดคอสิ่งมีชีวิตที่น่าชิงชังด้วยแรงทั้งหมดที่มี โดยหวังว่าจะได้เจอกับมัน... อสูรข้างขึ้นลำดับที่สองตนนั้น...
จนในวันฝนพรำของคืนหนึ่ง เขาก็ได้ปะทะกับหนึ่งในอสูรสิบสองจันทรา กระนั้นก็เป็นเพียงอสูรข้างแรมที่สาม ไม่ใช่อสูรข้างขึ้นตนนั้นที่เขาเฝ้าตามพลิกแผ่นดินหา หากยังคงความร้ายกาจไม่แพ้อดีตอสูรข้างแรมที่หนึ่งที่เขาเคยกำจัดพร้อมกับมาซาจิกะ หรือทั้งอสูรข้างแรมที่หกและอดีตอสูรข้างแรมตนนั้นที่เคยเป็นภารกิจร่วมกันของเขากับเธอในตอนนั้น ด้วยมนต์อสูรโลหิตของมันทำเสาหลักวายุเกือบเสียที จากการออกเพลงดาบไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ใจเขานึก พร้อมกับอาศัยจังหวะที่เขาพลาดพุ่งเข้าโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า
รอยยิ้มและกลิ่นอายอันแสนน่ารังเกียจเรียกรอยแสยะยิ้มบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลเป็น สายฟ้าที่ฟาดลงมาสะท้อนเข้ากับปลายดาบนิจิรินที่จรดอยู่ยังต้นแขนซ้าย เสียงพายุที่พัดหวีดหวิวราวกับเสียงกรีดร้องห้ามของคนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ...
“แน่จริงก็ออกมาห้ามข้าสิ... คานาเอะ”
ซาเนมิพึมพำพลางตวัดปลายดาบ ไม่สนใจเสียงกรีดร้องที่แว่วเข้าหูจากที่อันไกลแสนไกล ชายหนุ่มได้แต่มองเลือดที่รินไหลเป็นสายที่ทำให้อสูรตนนั้นชะงักงัน ก่อนใช้เพลงดาบตวัดหัวมันโดยปราศจากความลังเล
นัยน์ตาสีม่วงอ่อนมองเศษซากอสูรที่กำลังสลายไปอย่างชิงชังท่ามกลางสายฝน ก่อนจะทรุดตัวด้วยความบอบช้ำจากแรงกระแทกและความเหนื่อยล้า ร่างที่เต็มไปด้วยแผลเป็นค่อย ๆ เอนล้มขณะที่เลือดไหลเจิ่งนอง เสียงก่นด่าของเพื่อนรักและเสียงวิงวอนของเธอยังคงแว่วให้ได้ยิน โดยไม่รู้ว่าเป็นเสียงของคนทั้งสองจริงหรือเป็นเพียงความคิดของเขาเอง
ความคิดที่เขาปรารถนาให้มันเป็นจริง... ไม่ว่าทั้งตัวคานาเอะหรือมาซาจิกะจะปรากฏกายต่อหน้าเขาในรูปแบบใดก็ตาม
“เจ้าจะสนทำไม... ในเมื่อข้าไม่สนว่าข้าจะเจ็บหรือจะตาย... ตราบใดที่ข้าสังหารอสูรเหล่านี้ได้ข้าก็จะทำ...” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยอย่างปวดร้าว “เจ้าก็มีวิธีของเจ้า ข้าก็มีวิธีของข้า... ไม่มีอะไรที่ข้าต้องเสียแล้วนี่... มาซาจิกะไม่อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าก็ด้วย...”
ร่างกายของเขาเปียกปอนด้วยสายฝนหนาวเหน็บอันพรั่งพรูราวกับน้ำตาแห่งความเศร้าของเธอผู้นั้น มือข้างซ้ายที่กอบกุมเครื่องประดับโลหะแน่นพยายามไขว่คว้าหาคนที่อยู่บนฟ้าทั้งสอง หากสุดท้ายก็คว้าได้เพียงความว่างเปล่าที่แสนเคยคุ้น
ความว่างเปล่าที่สะท้อนความเป็นจริงว่า บัดนี้เหลือเพียงแต่ตัวเขาเพียงผู้เดียว...
เสียงสะอื้นโหยหวนดังก้องไปทั่วชายป่า ก่อนที่จะเงียบลงเมื่อคนเจ็บไม่อาจครองสติไว้ต่อไปได้ คงเหลือถ้อยคำรำพันแผ่วเบาจากหัวใจที่แหลกสลายถึงคนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ยังไงเจ้าก็ออกมาห้ามข้าไม่ได้แล้วอยู่ดี คานาเอะ...”
หยาดน้ำตารินไหลออกมาจากนัยน์ตาที่ปิดลงพร้อมสติสัมปชัญญะ ขณะที่มือซ้ายที่เต็มไปด้วยบาดแผลกำผีเสื้อโลหะประดับของเธอไว้แนบแน่น ราวกับจะบอกความในใจถึงเจ้าของเดิมของมันที่ไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป...
==========
Author's Talk 15 MAY 2021
สวัสดีค่ะ จบไปแล้วกับ Day 22 นะคะ
บทนี้แอ๋งเต็ม ๆ แอ๋งแบบไม่มีหวานมาเจือแล้ว รับปางประทานน้ำตากันถ้วนหน้านะคะ ^^ ตอนเขียนยันตอนตรวจทานเราก็น้ำตาคลอแทบตลอดเวลาเลยค่ะ
อย่างที่เราบอกตั้งแต่ตอนที่แล้วเนอะ การตายของพี่คานาเอะนี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของทุกอย่างเลย
ตรงกันข้าม การจากไปของพี่สาวคนดีของบ้านผีเสื้อ นำพามาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เป็นเหมือนจุด Turning Point ของตัวละครหลายตัวเลยค่ะ เหมือน Butterfly Effects ขนาดใหญ่ของเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
สิ่งที่เริ่มชัดในตอนนี้ คงจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างพี่สากับน้องชิโนบุละค่ะ ในที่สุดหลังจากกัดกันมาตั้งแต่ต้นเรื่อง สองคนนี้ก็ได้คุยกันดี ๆ เป็นเรื่องเป็นราวสักทีค่ะ
จากคนที่ไม่ชอบหน้ากัน ตอนนี้เค้าสองคนคือคนที่เข้าใจความเจ็บปวดของการสูญเสียคนที่เค้ารักไปมากที่สุดทั้งคู่ค่ะ
การเปลี่ยนแปลงของชิโนบุเริ่มมีให้เห็นแล้ว มันเศร้านะคะสำหรับเด็กอายุ 14 คนหนึ่งที่ต้องมาสูญเสียครอบครัวร่วมสายเลือดที่เหลือคนเดียวเป็นครั้งที่สอง ต้องมารับภาระที่เหลือด้วยวัยเพียงเท่านี้ กับความแค้นที่เต็มอกค่ะ
ช่วงแรก ชิโนบุคงมีท่าทีสงบแบบพี่คานาเอะผู้จากไป แต่พอมาถึงจุดความแค้นปุ๊บ... ภาพที่เห็นในหัวเราตั้งแต่ช่วงวางโครงเรื่อง คือแววตาของชิโนบุคงเต็มไปด้วยความแค้นเหมือนกับของพี่สาไม่มีผิดค่ะ
นั่นทำให้พี่สาไม่เคยเกลียดชิโนบุเลย เพราะพี่สาเค้ารู้สึกมาตั้งแต่แรกว่า เด็กนั่น น้องของเธอคนนั้น เป็นพวกแข็งนอกอ่อนในเหมือนตัวเอง เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนตัวเอง จึงรู้ดีแต่แรกค่ะว่าคงยากที่จะห้ามเด็กคนนี้ เพียงแต่ท้ายสุดเค้าก็ยังอยากให้ความปรารถนาก่อนตายของพี่คานาเอะเป็นจริงนี่แหละค่ะ
แต่สุดท้ายทุกคนก็รู้เนอะ... ว่ามันลงเอยยังไง Y_Y สองคนนี้น่าสงสารจริง ๆ ค่ะ แหลกสลายกันหมด รวมถึงอาโออิและคานาโอะด้วย
จุดที่พี่สากลับมาใช้เลือดหายากเป็นอะไรที่ทรมานใจเรามากค่ะ แต่ไม่แปลกใจที่พี่สาจะใช้มัน บัดนี้ไม่มีใครบนโลกที่จะห้ามเค้าได้อีกแล้วจริง ๆ
กับลึก ๆ เชื่อว่าพี่สาคงอยากให้พี่คานาเอะมาห้าม แต่ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำค่ะ Y_Y ตรงนี้เลยออกมาเป็นอย่างที่ทุกคนได้อ่านนี่แหละ ถ้าคนจำได้ บทสนทนาที่พี่สาพูด มันมาจากตอนที่พี่สาทะเลาะกับพี่คานาเอะตอนนู้นเลยเนอะ...
เลยแอ๋งกว่าเดิมอีกค่ะ Y_Y มันไม่เหลือใครห้ามเค้าได้อีกแล้ว
ต้องมาตามลุ้นนะคะว่าตอนหน้าจะออกมาอย่างไร แต่ใครคิดถึงนายท่าน บทหน้าได้เจอกับนายท่านแน่นอนค่ะ พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ค่อย ๆ ตามมา
Butterfly Effects จริง ๆ เนอะ
ท้ายสุดนี้ ขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักของเราทุกคนนะคะ ขอบคุณที่ยังตามอ่านกัน ขอบคุณคนอ่านที่โดเนทให้ด้วยค่ะ (แอบตกใจมาก ไม่เคยคิดมาก่อน) ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนต์ในทุกช่องทางนะคะ
วีคนี้ไม่กล้ารับปากว่าจะมาลงตอนที่ 23 ทันวันพุธไหม พอดีติดประชุมทางไกลทั้งวันจันทร์กับวันอังคารค่ะ แต่ถ้าฟิคเสร็จคืนนี้หรือภายในวันอาทิตย์ก็น่าจะลงได้ตามปกติ
อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ แล้วพบกัน (น่าจะ) วันพุธนี้ค่ะ ^^
Author's Talk 20 NOV 2022
สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
ขอโทษที่เมื่อวานไม่มาตามนัดนะคะ ถ้าใครเห็นทวิตน่าจะรู้ว่าดิ่งดาวน์อยู่ค่ะ
ช่วงนี้อาจจะมีอะไรในใจเยอะอยู่ เลยฉุดความรู้สึกลงเหวมาก ต้องขอโทษคนอ่านหรือคนที่ตามซัพพอร์ตด้วยนะคะ จะพยายามรีบกลับมาให้เป็นปกติเร็วที่สุดค่ะ
ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3
จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)
อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย
แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนที่ 23 ในวันอังคารนะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^
Comments (0)