Day 28 - Red Sward

 

Prompt: “Do I have to do everything here” 

 

Spoiled | TW

TW : Violence, Blood

Spoiler: KNY เล่มที่ 22 ค่ะ

 

1st Published : 10 JUN 2021

Rewrite : 03 DEC 2022

==========

 

นี่จะเป็นศึกสุดท้ายแล้ว... ต่อให้ข้าต้องตายที่นี่ วันนี้ ข้าก็จะเอามันไปลงนรกขุมที่ลึกที่สุดให้ได้!

 

ชินาซึงาวะ ซาเนมิ คิดขณะโจมตีคิบุซึจิ มุซัน อย่างต่อเนื่อง ความร้ายกาจของราชันอสูรทำให้เขาเริ่มหนักใจว่าจะยื้อศึกนี้ไปจนตะวันขึ้นในอีกชั่วโมงเศษได้หรือไม่

 

ชายหนุ่มกัดฟันกรอด การฟื้นตัวของมุซันเป็นอะไรที่น่ากลัวพอ ๆ กับการโจมตีที่กินวงกว้าง ถึงจะอาศัยเสาหลักทั้งหมดที่สามารถเปิดปานได้ร่วมโจมตีพร้อม ๆ กัน หากทันทีที่ดาบนิจิรินหรืออาวุธของเกียวเมถูกเข้าร่างกาย ราชันอสูรก็สามารถประสานร่างได้แทบจะวินาทีนั้นทันที

 

แต่เขาจะไม่ถอดใจ ไม่สิ... ไม่ยอมถอดใจ...

 

ต่อให้เขาต้องตายที่นี่วันนี้ เขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อมั่นใจว่ามันต้องลงนรกไปพร้อมกับเขา!

 

ไม่ทันไร คันโรจิ มิซึริ ก็ถูกโจมตีทั้ง ๆ ที่หลบการจู่โจมได้พ้นแล้ว ยิ่งทำให้เขากังวลมากว่าเขาจะสามารถรั้งราชันอสูรนี้ได้จนถึงรุ่งสางได้ไหม ปฏิกิริยาของเพื่อนรักที่วิ่งเข้าไปรับร่างของเสาหลักความรักก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของเขา ซ้ำร้ายเป็นการเร่งความโกรธแค้นในตัวให้ทวีขึ้นตามจำนวนแผลที่ได้จากการจู่โจม

 

ปากอันแสนน่าสะอิดสะเอียนที่อยู่เต็มตามลำตัวของมันดูดกลืนทุกสิ่งเข้าไปจนทำให้ดาบของเจ้าโทมิโอกะหลุดออกจากมือมัน แม้จะขวางหูขวางตา หากลำพังเสาหลักที่เหลือเพียงสี่คนก็ยิ่งยากจะต่อกรกับคิบุซึจิ มุซัน อยู่แล้ว ยิ่งทำให้ความหวังที่จะยื้อการต่อสู้ให้ถึงยามตะวันขึ้นยิ่งริบหรี่ขึ้นทุกที

 

“อย่ามัวแต่เหม่อสิวะ! เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก!”

 

ซาเนมิตะคอกพลางโยนดาบกลับไปให้โทมิโอกะ กิยู เสาหลักวารีที่แสนชิงชัง เจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมที่บัดนี้มีสีหน้าอ่อนล้าและเจ็บปวดอย่างที่เขาแทบไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาเองก็เริ่มหมดเรี่ยวแรงเหมือนกับมัน ด้วยการโจมตีของไอ้สัตว์ประหลาดนั่นมีเลือดปะปนที่ทำลายเซลล์ จนทำให้เจ้าเด็กคามาโดะที่ถูกโจมตีไปคนแรก ๆ ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าเป็นตายร้ายดีแค่ไหน

 

อาการเจ็บปวดจากการโจมตีทั้งทางกายภาพและด้วยเลือดอสูรทำให้เหลือเรี่ยวแรงที่จะจับดาบได้น้อยลงทุกที ชีพจรที่เต้นไม่เป็นส่ำทำให้เริ่มยากที่จะควบคุมลมปราณได้ดั่งปกติ แต่เขาจะสู้จนกว่าจะหมดแรงที่จะจับดาบ จะสู้จนกว่าจะสิ้นชีวี แม้จะต้องตายในวันนี้ เขาจะต้องทำหน้าที่เสาหลักวายุให้ถึงลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

 

เหมือนกับเธอ... ที่ทำหน้าที่เสาหลักบุปผาจนถึงวาระสุดท้าย...

 

เขาจะไม่ถอดใจแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว... ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีหน้าไปสู้กับเธอที่รออยู่อีกโลกหนึ่ง...

 

รอยยิ้มอ่อนล้าปรากฏบนใบหน้าที่บัดนี้เปรอะไปด้วยก้อนเนื้อจากพิษอสูรของคิบุซึจิ มุซัน หากเอาไอ้เวรตะไลนั้นไปลงนรกได้ เขาก็พร้อมที่จะเผชิญความตายแล้ว...

 

หน้าที่ที่ได้ให้สัญญาไว้กับเธอและคนอื่น ๆ ก็จะลุล่วงลงอย่างสมบูรณ์ และเขาก็พร้อมจะไปเจอเธอเสียที...

 

เจอเกนยะ... เจอชิโนบุ... เจอนายท่าน... เจอมาซาจิกะ... เจอแม่... และเจอเหล่าน้อง ๆ ที่จากไปรออยู่ยังภพภูมิหน้า

 

ภาพที่เห็นเริ่มเลือนราง แต่ก่อนที่สถานการณ์จะแย่ไปยิ่งกว่านี้ จู่ ๆ แมวปริศนาก็ปรากฏกลางวงศึกพร้อมกับปล่อยเข็มฉีดยาเข้าร่างพวกเขาที่คอยสู้อยู่ ยาที่สลายพิษการโจมตีของมุซันให้หายไปในชั่วพริบตา ถึงไม่รู้ว่าจะยื้ออยู่ได้นานแค่ไหน หากนี่ถือว่าเป็นโอกาสอันเหมาะสมที่เขาจะจัดการมันให้ได้

 

“เลิกดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์สักที!ตายไปซะไอ้พวกมารผจญ!”

 

ราชันอสูรดูจะไม่สบอารมณ์กับสิ่งที่กำลังเกิดอยู่ จนเร่งการโจมตีให้หนักหน่วงขึ้น จนเขาไม่อาจจะปัดป้องได้ทัน ด้วยการโจมตีที่ทั้งทรงพลังและกินวงกว้าง ชนิดที่พวกเขาได้แต่เป็นฝ่ายกระโดดหลบ หลายครั้งที่วิถีโจมตีของมุซันเฉี่ยวยังเนื้อตัวของเขา หากไม่ได้ทิ้งร่องรอยพิษบาดแผลเท่ากับเมื่อครู่

 

“อิงุโระ!”

 

ซาเนมิตะโกนสุดเสียงเมื่อการโจมตีเบี่ยงเป้าไปยังเสาหลักอสรพิษที่ชะงักงันยามใบดาบเปลี่ยนเป็นสีแดงชาดแบบเดียวกับตอนเขาและฮิเมจิมะ เกียวเม สู้กับอสูรข้างขึ้นลำดับหนึ่ง ทั้งเขาและโทมิโอกะ กิยู ต่างรีบรุดออกปราณเพื่อช่วยเหลืออีกฝ่าย แต่ชั่วพริบตา ร่างของอิงุโระ โอบะไน ก็ถูกเหวี่ยงขึ้น... หากไม่ใช่ด้วยน้ำมือของมุซัน

 

ชั่วพริบตาที่คมดาบปริศนาตัดเข้าที่มืออันแสนน่ารังเกียจของสิ่งมีชีวิตเวรตะไลนั่น คมดาบที่ไม่ใช่วิถีดาบของเหล่าเสาหลักคนใด ไม่ทันที่เขาจะคิดออก คมดาบปริศนาที่แตกต่างจากอันแรกก็เข้าตัดแขนซ้ายของมัน ร่องรอยขาดวิ่นบ่งบอกว่าดาบที่ใช้คงไม่เรียบคม การโจมตีอันไม่เห็นตัวผู้ใช้หากมาช่วยเสริมกำลังเหล่าเสาหลักที่เกือบใกล้จนมุม กำลังเสริมที่ช่วยปั่นป่วนการโจมตีของราชันอสูรนั้นได้

 

แต่โชคดีกลับกลายเป็นฝันร้ายที่ทำเลือดเขาจับตัวแข็งอีกครั้ง เมื่อเพียงหนึ่งการโจมตีของคิบุซึจิ มุซัน ที่ทำลายยันต์แปลกประหลาดที่เขาคุ้นตาว่าเป็นยันต์เดียวกับที่ติดในตัวแมวที่มาช่วยเมื่อครู่ การปรากฏร่างของบุคคลสามคนที่สร้างความตกตะลึงแก่เหล่าเสาหลักที่กำลังร่วมต่อสู้...

 

อางาซึมะ เซนอิทซึ...

 

ฮาชิบิระ อิโนะสุเกะ...

 

และซึยูริ คานาโอะ... น้องสาวต่างสายเลือดของเธอ!

 

ท่าทีสะบักสะบอมของสายเลือดใหม่ของหน่วยพิฆาตอสูรทำซาเนมิกัดฟันกรอด ยิ่งอาการบาดเจ็บของน้องบุญธรรมของเธอคนนั้นจะไม่หนักหนาเท่าคนที่เหลือ แต่เขาไม่สามารถทนได้ถ้าต้องสังเวยเด็กคนนี้ให้แก่มุซันอีกคน!

 

สมาธิของเสาหลักวายุเริ่มว้าวุ่นขณะชั่งใจว่าจะเข้าไปปกป้องน้องของเธอคนนั้น แต่ศึกที่ติดพันก็ไม่ทำให้เขาปลีกตัวได้ดั่งใจหวัง กระนั้นสายลมอ่อนโยนก็โชยพัดมาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบาอันคุ้นหู ด้วยเป็นเสียงของคนในหัวใจที่เขาคะนึงหามาตลอดสี่ปีกว่าที่จากกัน

 

‘สนใจแค่ตรงหน้าพอค่ะ ซาเนมิ...’

 

เสียงของเธอชัดเจนเกินกว่าจะเป็นภาพในจินตนาการ ชัดเจนยิ่งกว่าตอนเขาฝันถึงเธอในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ชัดเจนยิ่งกว่าตอนเขาสิ้นสติหลังต่อสู้กับโคคุชิโบ เสียงที่ทำให้ชายหนุ่มได้แต่กำดาบนิจิรินไว้แน่นกว่าเก่า ถึงจะอยากหันไปมองด้านหลังแค่ไหน หากสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือกำจัดศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า

 

‘อย่าลืมหน้าที่ของคุณนะ เสาหลักวายุ...’

 

เสียงของโคโจ คานาเอะ ยังแว่วตามสายลมต้องหูให้รู้ว่าเขาไม่ได้ประสาทหลอนไปเพียงฝ่ายเดียว เสียงที่เรียกขวัญและกำลังใจให้กลับมา สมาธิที่กระเจิดกระเจิงจากการเห็นคานาโอะในกลางดงสนามรบเริ่มกลับมา พร้อมกับสติปัญญาที่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ภายหลังจากการสูญเสียทั้งปวงที่ได้รับ

 

การโจมตีด้วยดาบแดงเมื่อครู่ของโอบะไนทำใบหน้าของคิบุซึจิ มุซัน ชะงักงัน ด้วยแขนขวาที่ถูกฟันไม่อาจฟื้นตัวในทันที สิ่งที่ทำให้เขานึกถึงยามมุอิจิโร่ใช้ดาบแดงแทงเข้าท้องของโคคุชิโบและจากการโจมตีของทั้งเขาและเกียวเมภายหลังอาวุธของเขาทั้งสองเปลี่ยนเป็นสีแดงชาดได้

 

ตอนนั้นไอ้อสูรเวรตะไลที่พรากชีวิตน้องชายเขา มันก็หยุดการฟื้นตัว ก่อนจะค่อย ๆ สลายไปเมื่อเขาและเสาหลักหินผาโจมตีซ้ำอีกหลายครั้ง

 

“...ถ้าโดนดาบสีแดงฟัน ต่อให้เป็นมุซันก็ฟื้นฟูได้ช้า!”

 

ซาเนมิรีบตะโกนบอกให้ทุกคนได้ล่วงรู้ หากปัญหาคือบัดนี้มีเพียงอาวุธของโอบะไนเท่านั้นที่เปลี่ยนเป็นสีแดงชาด แต่ดาบของเขากลับมามีสีเขียวแล้ว...

 

คิดให้ออกสิ ต้องคิดให้ออก...

 

ตอนนั้นมันเกิดอะไร... มันต้องมีอะไรที่เป็นเงื่อนไขให้ดาบของเขาเป็นสีแดง...

 

ปานเหรอ... ตอนนั้นทุกคนที่เปิดปานได้เปลี่ยนดาบให้เป็นสีแดงได้...

 

อัตราเร่งของหัวใจ... การสูบฉีดเลือด... ทุกอย่างครบเงื่อนไขแล้ว...

 

เขาทำทุกอย่างเท่าที่เขาทำได้ที่นี่แล้วหรือยัง!

 

ในขณะที่เขาพยายามคิดหาเงื่อนไขที่ขาดหาย ฮิเมจิมะ เกียวเม ใช้อาวุธกระทบกันจนก่อกลิ่นไหม้ต้องจมูกของเขา พริบตาเดียวที่อาวุธของเสาหลักหินผาเปลี่ยนเป็นสีชาดเหมือนเมื่อตอนนั้น ซึ่งผู้อาวุโสกว่าก็ไม่รอช้า รีบจู่โจมตัวราชันแห่งอสูรเข้าทันที

 

ทันทีที่รู้คำตอบ ซาเนมิหันไปมองเสาหลักวารีผู้เป็นอีกหนึ่งคนที่ยังไม่อาจเปลี่ยนสีดาบให้เป็นสีชาดได้ ใบหน้าคนไร้อารมณ์ที่ยังคงเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่เขาเริ่มเข้าใจว่ามันมีที่มาจากสาเหตุใด...

 

ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนสำคัญยิ่งชีวิตฉายชัดออกมาจากนัยน์ตาสีคราม ความเจ็บปวดที่เขาเข้าใจยิ่งกว่าใคร...

 

ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รักที่สุดอย่างที่เขาเคยเป็นเมื่อสี่ปีที่แล้ว!

 

“โทมิโอกะ! รับซะ!”

 

ซาเนมิตะโกนเรียกคนที่เขาเคยชิงชังสุดเสียง ก่อนจะออกแรงฟันดาบใส่ดาบของอีกฝ่ายอย่างจัง ความพยายามที่เป็นผลเมื่อบัดนี้ดาบของเขาและกิยูกลายเป็นสีชาด พร้อม ๆ กับเสียงอีกาที่บอกว่าเหลืออีกชั่วโมงกับสามนาทีจะรุ่งเช้า

 

“เวลาเหลือแหล่ ข้าจะขยี้แกให้เละ!”

 

เขาบุกเข้าโจมตีต่อไป การโจมตีที่อาศัยการร่วมแรงร่วมใจของเหล่าเสาหลักที่เหลืออยู่กับเหล่าเด็กกลุ่มที่เขาเคยคลางแคลงใจดูจะได้ผล การฟื้นตัวของมุซันทำได้ยากเย็นขึ้นกว่าช่วงแรกที่พวกเขาเข้าปะทะ

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนเห็นแผ่นยันต์ที่ไอ้เด็กหัวหมูป่ามันโปรยอวด อาวุธที่ดูจะใช้เพื่ออำพรางร่างได้ เขาแสยะยิ้มเมื่อเขาสามารถมองเห็นเด็กสามคนนั้นได้ทันทีที่แปะยันต์นั้นเหนือหน้าผาก การอำพรางร่างอาจช่วยให้เขาเข้าถึงตัวราชันอสูรนั้น

 

แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว ไอ้คิบุซึจิก็สะบัดแขนขาและแส้ที่งอกกลางหลังขึ้นดังเป็นเสียงกัมปนาท การโจมตีที่สร้างความเสียหายแก่พื้นดินโดยรอบ การโจมตีที่พัดพาร่างเขาไปติดอยู่บนชั้นสองของอาคารแห่งหนึ่ง

 

โชคดีที่เขาไม่ได้หมดสติลงไปทันที แต่สภาพสหายร่วมรบที่เขาเห็นก็ทำให้หัวใจของเสาหลักวายุเต้นแรงด้วยความโกรธแค้นระคนสิ้นหวัง การโจมตีที่ทำร่างเสาหลักอสรพิษอาบด้วยเลือด เช่นเดียวกับเด็กหัวเหลืองและเด็กหัวหมูป่า แต่ซ้ำร้ายที่สุด การโจมตีนั้นทำให้แขนขวาของเสาหลักวารีขาด เช่นเดียวกับขาซ้ายของเสาหลักหินผา...

 

คงเหลือแต่น้องสาวของเธอคนนั้น... ซึยูริ คานาโอะ ที่บัดนี้ทรุดตัวนั่งลงกลางสนามรบต่อหน้าไอ้อสูรร้ายนั่น!

 

ซาเนมิคำรามลั่นอย่างสิ้นหวัง ด้วยไม่อาจขยับตัวได้ดั่งใจนึกจากซากตึกที่ทับร่างของเขาไว้จากแรงกระแทกจากการโจมตีมุซัน ทำเขาบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่าการต่อสู้ครั้งใด แต่เขาก็ไม่อาจทนดูเด็กคนนั้นถูกโจมตีได้...

 

เขาเสียเกนยะไปแล้ว เขาเสียชิโนบุไปแล้ว... เขาจะไม่ยอมเสียคานาโอะไปให้ไอ้สัตว์ร้ายนั่นอีกเด็ดขาด!

 

ภาพที่เห็นทั้งหมดผ่านสายตาเขาเชื่องช้าราวกับเข็มนาฬิกากำลังจะหยุดหมุน เสี้ยววินาทีหนึ่ง คาคุชิที่ชื่อโกโตกำลังพุ่งเข้าใส่เพื่อปกป้องน้องของเธอ เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ไอ้อสูรสับปะรังเคเงื้อแขนหมายฟันเด็กคานาโอะ

 

เขากำลังจะเสียน้องอีกคนไปโดยที่ได้แต่มองเท่านั้นเหรอ!

 

เสี้ยววินาทีที่การโจมตีจะพุ่งถึงตัวคานาโอะ ลำแสงเปลวเพลิงสีแดงก็เข้ามากั้นระหว่างตัวมุซันกับน้องของเธอคนนั้น หากก่อนอสูรร้ายนั้นจะทันตั้งตัว ร่างของคานาโอะก็ถูกเด็กที่เขาชิงชังมาโดยตลอดอุ้มพาหนีไปยังจุดปลอดภัย...

 

“ขอโทษนะที่มาช้า... ฝากด้วย

 

เจ้าเด็กคามาโดะ ทันจิโร่ ที่บาดเจ็บไม่แพ้พวกเขาเอ่ยฝากฝังเด็กคานาโอะเข้ากับคาคุชิผู้นั้น แล้วหันหน้าไปสบตากับราชันแห่งอสูรตนนั้น

 

ซาเนมิสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของทั้งคู่ จิตสังหารที่ต่างฝ่ายต่างมุ่งหมายที่จะกำจัดอีกฝ่ายให้พ้นไปจากทาง ความเงียบบังเกิดชั่วครู่ ก่อนฝ่ายราชันอสูรจะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา

 

“ช่างเป็นร่างที่อัปลักษณ์อะไรเช่นนี้...” น้ำเสียงดูแคลนของคิบุซึจิ มุซัน ดังก้องมาถึงเขาที่สติเริ่มพร่าเลือนจากการถูกโจมตีเมื่อครู่ “ไม่รู้เลยว่าฝ่ายใดเป็นอสูรกันแน่ คามาโดะ ทันจิโร่ ...ช่างน่าสะอิดสะเอียนเสียจริง!”

 

“มาจบเรื่องนี้กันเถอะ มุซัน!”

 

น้ำเสียงของเด็กที่เคยเอาหัวโหม่งเขาจนสลบสงบนิ่ง ไม่เหลือเค้าเด็กหนุ่มที่เคยอาละวาดยามเขาทำร้ายอสูรที่เป็นน้องสาวของเจ้าตัว ความนิ่งที่ปรากฏชวนให้นึกถึงยามคลื่นลมสงบก่อนพายุมา กลบความโกรธที่พลุกพล่านจากจิตใจ ก่อนเจ้าตัวจะเริ่มเปิดฉากโจมตีราชันอสูรนั้นแต่เพียงผู้เดียว...

 

ภาพสุดท้ายที่ซาเนมิได้เห็นก่อนที่ซากอิฐบางส่วนจะตกกระแทกร่างของเขาจนสิ้นสติสัมปชัญญะลง!

 

ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา ความมืดมิดที่รายล้อมตัวทำให้เขาคิดว่านี่อาจเป็นการเดินทางมาสู่ปรโลก... พลันแสงสว่างจะสาดส่องให้เห็นแม่น้ำที่อยู่เบื้องหน้า

 

ใบหน้าของน้อง ๆ ค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นทีละคนสองคนอยู่อีกฟากของแม่น้ำ โดยมีเกนยะที่อุ้มซึมิส่งยิ้มกว้าง พร้อม ๆ กับมาซาจิกะที่โบกมือให้เขาจากอีกฝั่งหนึ่ง ที่ข้างต้นไม้สูงใหญ่ นายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ขณะที่ร่างเล็กแบบบางคล้ายเด็กของชิโนบุเดินเลือนหายไปยังอีกทาง...

 

มือทั้งสองข้างยังคงกำดาบนิจิรินไว้อย่างแน่นหนา แม้ใจจะอยากเดินข้ามสะพานไปพบกับเหล่าคนที่เขารักที่รออยู่อีกฝั่ง แต่หน้าที่ของเขายังไม่เสร็จสมบูรณ์...

 

‘ขอโทษ แต่ข้าต้องกลับไปทางนั้นก่อน’

 

เขาเอ่ยบอกทุกคนด้วยเสียงแผ่ว ก่อนจะหันหลังกลับไปยังอีกทาง ทางที่เต็มไปด้วยความมืดมิด หากสัญชาตญาณก็บอกเขาว่านั่นคือหนทางที่จะพาเขากลับไปสู่โลกของคนเป็น...

 

โลกอันแสนโหดร้าย ที่เขาไม่เหลือคนที่รักให้เคียงข้าง คงเหลือแต่หน้าที่ที่ต้องรักษา ในฐานะเสาหลักวายุ...

 

ไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวเดิน ไออุ่นที่คุ้นเคยก็พาดผ่านตัวเขา ก่อนร่างของคนที่เขาคิดถึงตลอดทุกลมหายใจจะปรากฏให้เห็นเบื้องหน้า... นัยน์ตาสีชมพูอ่อนที่เขาแสนคิดถึงทอดมองเขาอย่างอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากสีชาดจะค่อย ๆ แย้มยิ้มที่ติดอยู่ในหัวใจมาตลอดตั้งแต่แรกรู้จักกัน

 

‘คานาเอะ....’

 

เขาพึมพำขณะที่ค่อย ๆ สวมกอดร่างบอบบางนั้น ความอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมากว่าสี่ปีหวนกลับมา ภาพฝันที่เขาคงปรารถนาให้คงอยู่อย่างนี้ตลอดไป

 

แต่เขาต้องกลับไป... กลับไปทำหน้าที่ของเขาให้สมบูรณ์...

 

เพื่อที่จะได้ไม่มีใครต้องสูญเสียอย่างที่เขาเผชิญ...

 

เพื่อที่น้องของเขาและเธอจะได้อยู่บนโลกนี้อย่างแสนสงบสุขต่อไป...

 

‘ต่อให้แลกด้วยชีวิต...’ เขาว่าขณะผละจากอ้อมกอดที่แสนคิดถึง แล้วจ้องนัยน์ตาสีชมพูที่แหงนขึ้นสบ ‘วันนี้ข้าจะต้องร่วมมือกับทุกคนจัดการมันให้ได้!’

 

โคโจ คานาเอะ ได้แต่ส่งยิ้มอ่อนโยน ขณะเอื้อมมือขึ้นกอบกุมมือที่จับดาบของเขาไว้แน่น สัมผัสอันอ่อนโยนและอบอุ่น ที่เปี่ยมล้นด้วยความเชื่อมั่นเขายิ่งกว่าใคร...

 

‘ห้ามยอมแพ้เด็ดขาดนะคะ เสาหลักวายุ...’

 

น้ำเสียงอ่อนหวานดังก้องในห้วงสติขณะนัยน์ตาสีม่วงอ่อนค่อย ๆ ปรือตื่นขึ้นมา ท่ามกลางเหล่าคาคุชิที่ช่วยยกซากอาคารที่ทับร่างพร้อมกับจัดการบาดแผลของเขาอยู่ แสงทองที่เริ่มไล้เส้นขอบฟ้าบ่งบอกว่าอีกไม่นานก็จะถึงยามเช้า เสียงอีกาสื่อสารที่แว่วต้องหูบอกว่าเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งชั่วยาม...

 

“ข้าไม่เป็นอะไร... ไปดูคนอื่นที”

 

ซาเนมิเอ่ยไล่คาคุชิพร้อมกับค่อย ๆ ชันกายขึ้นด้วยความเจ็บปวด แต่ปณิธานที่มุ่งมั่นตั้งแต่วันแห่งโศกนาฏกรรมก็ทำเขาลืมเลือนซึ่งความเจ็บปวดทางกายเหล่านั้น แล้วก้มลงไปหยิบดาบนิจิรินที่บัดนี้กลับมามีสีเขียวดังเดิม

 

จิตใจที่มุ่งมั่นด้วยปณิธานแรงกล้านับแต่วันที่เขาสูญเสียทุกอย่างในคืนนั้น เป็นดั่งพลังที่ขับเคลื่อนให้ร่างกายลุกขึ้นมาในสภาพที่ปางตาย...

 

ความมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด ความมุ่งมั่นที่จะปกป้องโลกใบนี้ที่เธอของเขาหวงแหน ความมุ่งมั่นที่จะสานต่อความฝันที่เหลือของเธอ

 

โลกที่ปราศจากอสูรคอยคุกคามเข่นฆ่ามนุษย์!

 

เขาจะจบทุกสิ่งในวันนี้ให้ได้!

 

นี่จะเป็นภารกิจสุดท้ายในฐานะเสาหลักวายุของชินาซึงาวะ ซาเนมิผู้นี้!

 

==========

Author's Talk 10 JUN 2021

สวัสดีค่า จบไปแล้วกับ Day 28 นะคะ

ก่อนอื่นต้องขออภัยที่มาลงให้เลทนิดนึงค่ะ สารภาพเลยว่าวีคนี้งานรัดตัวขั้นสุด วันศุกร์ติดประชุมด้วย วันเสาร์ก็ไปงานศพมา กลับมาเหมือนเป็นลมแดดค่ะ อากาศร้อนมากจริง ๆ ช่วงนี้ เลยกลายเป็นลงช้ากว่าที่รับปากไว้ ต้องขอโทษมาก ๆ นะคะ

บทนี้เป็นบทที่หินที่สุดที่เคยเขียนมาสำหรับเราค่ะ อย่างที่หลายคนน่าจะทราบแล้วว่าเราไม่ถนัดบทบู๊เลย กอปรกับนี่เป็นบทที่อิงตามมังงะค่อนข้างเยอะด้วย และก็ต้องโฟกัสในมุมพี่สาเป็นหลักค่ะ

แต่กลายเป็นว่า เราสนุกกับการเขียนบทนี้นะคะ แม้จะเสียน้ำตานิด ๆ หน่อย ๆ บ้าง แต่ก็น่าจะเป็นปกติของเราแล้ว

พอได้ทรงในมุมพี่สาโดยเปิดตามทีละหน้าของเล่ม 22 ยิ่งเห็นชัดเลยค่ะว่าพี่สาเป็นคนที่ไหวพริบการสู้ดีมากคนหนึ่งเลย คนที่จับทางได้ว่ามุซันฟื้นตัวจากดาบแดงได้ช้า คนที่ดูคุณเกียวเมละพบว่าทำดาบแดง (ชั่วคราว) ได้อย่างไร คนที่เอายันต์ของคุณยูชิโร่มาใช้ให้เกิดประโยชน์อีก

แต่นั่นแหละค่ะ มุซันแม้จะโจมตีไม่กี่รูปแบบ แต่พริบตาเดียว เหล่านักล่าอสูรที่เพิ่งได้เปรียบโดนฟาดไป จริง ๆ เป็นช็อตที่สะเทือนใจเรามากเลยนะคะ Y_Y ยิ่งอาการบาดเจ็บของคุณกิยูกับคุณเกียวเม คือแบบ อ.เข้คะ ฮือออ โหดร้ายมากค่ะ

และยิ่งพอทรงมุมพี่สา พี่สาน่าจะกลัวมากตอนเห็นน้องโอะปรากฏตัวกลางสนามรบ ไหนจะเหลือน้องโอะเผชิญหน้ามุซันตามลำพังอีก จุดนั้นพี่สาโกรธมากที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองน้องของพี่เอะตายไปอีกคน...

ดีนะคะที่น้องทันมาช่วยทันเวลา ท้ายสุดคนที่พี่สาเกลียดแสนเกลียดอย่างน้องทันก็เป็นคนที่ช่วยน้องของพี่เอะที่พี่สาหวงแหนไม่แพ้พี่เอะนี่แหละค่ะ

ทีนี้พอเปิดรวมกับเล่ม 23 คำนวนเวลาตั้งแต่พี่สาถูกโจมตีจนพี่สากลับมาช่วยน้องทันรบกับมุซันแล้ว โอ้ กินเวลาไปครึ่งชั่วยามได้ค่ะ เลยมั่นใจว่าพี่สาคงบาดเจ็บสาหัสอยู่ไม่น้อย

แต่นั่นแหละ กำลังใจพี่สามาครบแล้ว พี่สาเลือกจะข้ามสะพานไปเจอพวกเค้าได้ แต่พี่สาไม่ไป เพราะหน้าที่ความเป็นเสาหลักวายุที่ยังเหลือ กับความฝันของพี่เอะนี่แหละค่ะ...

จริง ๆ ตรงนี้เป็นจุดที่เรารู้สึกว่า ถ้าอะไรจะรั้งไม่ให้พี่สาเดินข้ามสะพานความเป็นความตาย ก็คือสองสิ่งนี้แหละค่ะ เป็นจุดที่ทำเราเครียดมากเพราะกลัวเขียนออกมาได้ไม่ดีนัก แต่ก็หวังว่ามันจะไม่แย่จนเกินไปนะคะ ^^

ตอนต่อไปก็ยังอยู่กับศึกสุดท้ายนี่แหละค่ะ เหลืออีกสี่ตอนสำหรับเรื่องหลักนี้ อาจจะมีตอนพิเศษแถมให้ แต่ไม่รู้ว่ากี่ตอนนะคะ แต่อาจจะขอเปิดเป็นเรื่องใหม่ก่อน เพราะเรื่องนี้เราเซ็ตอายุคนอ่านไว้ตามปกติค่ะ

(บอกใบ้เป็นนัย ๆ แต่จะใช่อย่างที่คนอ่านคิดไหม อันนี้ต้องลุ้นกันค่ะ : D)

ท้ายสุดนี้ ขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักของเราทุกคน ทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ในทุกช่องทาง ทุกคอมเมนต์ ขอบคุณที่บอกว่าลงช้าได้นะคะ ขอบคุณที่เข้าใจมาก ๆ ต้องขอโทษที่วันนี้เราต้องผิดสัญญาจริง ๆ Y_Y

แล้วก็ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอดค่ะ

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พบกับตอนที่ 29 ในวันพุธค่ำ ๆ เหมือนเดิมค่ะ อย่าลืมรักษาสุขภาพในยามโควิดและอากาศวิปริตแบบนี้ด้วยนะคะ ^^

[UPDATE 2021-06-10] พอดีเพิ่งเห็นว่าพี่สาถูกซากอาคารหล่นทับค่ะ ทำให้คาคุชิต้องมาช่วยเอาซากอิฐหินออกจากตัว เลยขอเพิ่มเนื้อหาส่วนนี้เข้าไปหน่อย

ส่วนเนื้อหาตอนที่ 29 คิดว่าไม่น่าเกินคืนนี้ หรือไม่เกินเย็นวันศุกร์นะคะ ช่วงนี้งานถมมาก ต้องขอโทษด้วยค่ะ

Author's Talk 03 DEC 2022

สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

เผลอทำเทียนหอมจนลืมเวลาเลยค่ะ โผล่มาอีกที เอ๊ะ ตีสามกว่าแล้ว กรี๊ด ต้องขอโทษนิดนึงนะคะ (นี่ดราฟไว้แต่ไม่ได้กดส่ง)

พอมาเริ่มโค้งสุดท้ายของรีไรท์ ก็แอบใจหายอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ

ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3

จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)

อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย

แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนที่ 29 ในวันอังคารนะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^