Day 13 - Gentleness

 

Prompt: “I missed this”

 

1st Published : 16 APR 2021

Rewrite : 02 NOV 2022

==========

 

กาลเวลายังคงแปรผันไปตามฤดูกาล จากวสันต์สู่คิมหันต์ จากคิมหันต์สู่สารทฤดู

 

ชินาซึงาวะ ซาเนมิ เข้าร่วมการประชุมเสาหลักครั้งที่สองด้วยความราบรื่นผิดจากครั้งแรก ถึงจะยังตะขิดตะขวงใจยามเห็นสายตาของอุบุยาชิกิ คากายะ ทอดมองมายังตนอย่างอารี ภาพความทรงจำในคราแรกพบกับบุรุษผู้เป็นผู้นำของหน่วยพิฆาตอสูรก็พลันหวนกลับมาจนเขาได้แต่ก้มหน้าลงมองพื้นด้วยความสำนึกผิดต่อการกระทำอันหยาบช้าของเขาในครั้งนั้น

 

บัดนี้เขาเองก็เหมือนเสาหลักคนอื่นที่เคารพนายท่านคนนี้ยิ่งกว่าบิดาบังเกิดเกล้า เคารพคนผู้ไร้ซึ่งพลังกาย แต่หัวใจนั้นแข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในหมู่เหล่านักดาบพิฆาตอสูร จิตใจอันยิ่งใหญ่ดุจมหาสมุทรที่ร้อยใจของพวกเขาไว้เป็นหนึ่งเดียว... สายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านร่างของเขา กว่าครึ่งปีที่ผ่านมา นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ซาเนมิใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกว่าที่เคยเป็น ความเศร้าจากการสูญเสียครอบครัวเกือบทั้งหมดและสูญเสียเพื่อนสนิทคงไม่อาจลืมเลือนไปจากใจ เพราะคนที่จากไปล้วนแล้วแต่เป็นคนสำคัญยิ่งในชีวิตของเขา... บาดแผลจากการสังหารมารดายังคงติดตรึงในหัวใจไม่มีวันลืมเลือน... แต่ทันทีที่เผลอหันไปมองทางซ้าย รอยยิ้มอ่อนหวานของโคโจ คานาเอะ เสาหลักบุปผาที่ส่งมาให้ยังคงทำให้หัวใจของเขาคงสั่นระรัว ระคนกับความรู้สึกอบอุ่นเฉกเช่นที่เป็นมานับแต่วันที่เขาเปิดเผยความลับดำมืดที่สุดในชีวิตให้ผู้หญิงแสนดีคนนี้ได้รับรู้ ถึงเขาและเธอจะไม่ได้มีบทสนทนาที่เฉียดกลับมายังเรื่องในวันนั้น ด้วยความที่ต่างฝ่ายต่างก็มีภารกิจที่ต้องจัดการในฐานะเสาหลักผู้ค้ำจุนหน่วยพิฆาตอสูร... เขา... กับการออกล่าตระเวนแทบไม่เว้นแต่ละวัน เธอ... กับการคอยเป็นหัวหน้าหน่วยพยาบาลสลับกับออกล่าตระเวนในวันที่ไม่มีคนไข้อาการหนักที่เจ้าหล่อนต้องคอยเอาใจใส่ดูแล

 

แต่ซาเนมิก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความรู้สึกแสนอ่อนโยนและอ่อนหวานที่ก่อตัวมานับแต่เช้าวันนั้น ก่อร่างสร้างสายสัมพันธ์รูปแบบใหม่ที่เขาไม่เคยมีมาก่อนตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา ความใกล้ชิดที่ทั้งสองมีให้กันเพิ่มพูนขึ้นตามกาลเวลา พร้อม ๆ กับที่ช่องว่างระหว่างเขาทั้งสองค่อย ๆ หดสั้นลง คงเหลือแต่ความรู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอคนนั้น

 

รอยยิ้ม... ที่ทำให้หัวใจของเขาไหวสั่นจนแทบทะลุออกมานอกทรวงอก...

 

รอยยิ้ม... ที่ทำให้โลกของเขาไม่เลวร้ายอย่างที่มันเคยเป็น...

 

รอยยิ้ม... ที่ทำให้โลกของเขาไม่มืดมนอีกต่อไป...

 

ความรู้สึกที่นำพาความเปลี่ยนแปลงอย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว ความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ชายผู้ครั้งหนึ่งวู่วามและเกรี้ยวกราดดุจสายลมพัดกระโชกต่อโชคชะตาอันแสนโหดร้าย ปิดกั้นส่วนดีที่สุดที่ไม่ให้ใครได้เห็น แปรเปลี่ยนเป็นสายลมเย็นที่นำพาความอ่อนโยนให้คนรอบข้างเริ่มประจักษ์ถึงส่วนดีที่ไม่มีใครรู้ของเสาหลักวายุคนนี้...

 

เว้นเพียงคนเดียวที่ไม่พอใจต่อการเปลี่ยนแปลงนี้...

 

โคโจ ชิโนบุ...

 

ความสนิทชิดเชื้อระหว่างเขาและเสาหลักบุปผาไม่เคยรอดพ้นจากการสังเกตของน้องสาวคนเดียวของเธอ จนทำให้แทบทุกครั้งที่เขากับคานาเอะมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ร่างเล็กแบบบางของยัยเด็กนั่นจะต้องปรากฏกายให้เห็นแทบจะในทันที

 

โชคดีที่ยัยเด็กนั่นยังไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมของเสาหลักได้...

 

ซาเนมิคิดก่อนจามออกมา อากาศที่เย็นจัดจนเป็นเลขตัวเดียวทำเขารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวมาระยะใหญ่ หากชายหนุ่มเมินเฉยต่อสัญญาณเตือนของร่างกายมาโดยตลอด ด้วยใจที่มุ่งจะปฏิบัติหน้าที่ในการออกล่าอสูรยามค่ำคืนเหมือนทุกวันที่เป็นมา

 

ความที่เขาเกิดมาเป็นพี่ชายคนโตของบ้านที่มีแต่แม่เป็นหลักยึดของลูก ๆ ทั้งเจ็ดคน เขาเลยตัดสินใจที่จะเข้ามาแบ่งเบาภาระของมารดาผู้บอบบางตั้งแต่ทันทีที่รู้ความ จนกลายเป็นนิสัยติดตัวที่เจ้าตัวเลือกจะไม่เคยสนใจอาการเจ็บป่วยของตน... ตราบใดที่อาการป่วยนั้นไม่หนักหนาสาหัสจนเขาต้องล้มหมอนนอนเสื่อ

 

แต่ไอ้อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว ปวดหัวจนแทบระเบิดในวันนี้ จนไม่อาจทำความเข้าใจต่อสถานการณ์คนหายตัวไปจำนวนมากทางตอนเหนือและตะวันตกที่เสาหลักเสียง อุซุย เทนเง็น กำลังอภิปรายได้

 

ซาเนมิจามอีกระลอกใหญ่ ดังสนั่นเสียจนเรียกนัยน์ตาของเหล่าเสาหลักและนายท่านหันมามองเขาเป็นตาเดียว

 

“ซาเนมิ ไม่สบายเหรอ...”

 

อุบุยาชิกิ คากายะ ไต่ถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนเขาจะได้ทันตอบปฏิเสธ สัมผัสนุ่มนวลอันคุ้นเคยก็แตะเข้าที่ปลายแขน ก่อนจะตามมายังซอกคอ สัมผัสที่คนถูกแตะตัวแทบจะกระโจนหนี แต่ติดว่าร่างของเขาไม่หลงเหลือแรงพอที่จะทำตามใจอยากได้

 

สีหน้าและแววตาอันเต็มเปี่ยมด้วยความลำบากใจของคานาเอะเป็นเสมือนการตอบคำถามไปในตัว ทำคนไม่ชอบทำตัวเป็นภาระของคนอื่นได้แต่ก้มหน้าลงต่ำอย่างสำนึกผิดขึ้นมา

 

“ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นเรื่องที่น่าชมเชยนะ แต่การพักผ่อนที่เพียงพอก็จำเป็นไม่แพ้กัน” น้ำเสียงอ่อนโยนของนายท่านดังเข้าโสตประสาทของคนป่วย “อย่างไรแล้ว คงต้องฝากคานาเอะดูแลหน่อยล่ะ”

 

คำร้องขอที่เสาหลักวายุอยากจะปฏิเสธใจแทบขาด ด้วยกลัวผู้หญิงแสนประเสริฐคนนี้ต้องลำบากตรากตรำรักษาพยาบาลเขาอีกครั้งหนึ่ง หากเมื่อสบนัยน์ตาของผู้นำหน่วยพิฆาตอสูรที่ทอดมองเขาด้วยแววเอ็นดู กับนัยน์ตาคู่สวยของเธอคนนั้นที่มองเป็นเชิงอ้อนวอน คำปฏิเสธของเสาหลักที่เคยดีแต่เกรี้ยวกราดจึงถูกกล้ำกลืนลงคอไปโดยดุษณี

 

และก็เป็นอีกครั้งที่ชินาซึงาวะ ซาเนมิ ต้องถูกเหล่าคาคุชิหามมายังคฤหาสน์ผีเสื้อของโคโจ คานาเอะ อีกครั้ง...

 

“ฉันเคยคิดค่ะว่ามีแต่คนบ้าที่ไม่เป็นหวัด แต่พอเห็นอาการของท่านเสาหลักวายุแล้ว ฉันอาจเข้าใจผิดไปเองสินะคะ...”

 

คำพูดเหน็บแนมหลุดจากปากของชิโนบุทันทีที่เห็นสีหน้าหมดสภาพของเสาหลักวายุในห้องตรวจคนไข้ สภาพของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญที่มีเหตุให้ระเห็จมาเป็นคนไข้ประจำของคฤหาสน์ผีเสื้อทำเด็กสาวถอนใจยาวพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่สบอารมณ์

 

ความหงุดหงิดของเด็กสาวแม้จะเริ่มจากความไม่พอใจที่ทั้งตัวเธอและพี่สาวถูกผู้ชายปากหมาหน้าไม่รับแขกคนนี้อาละวาดในครั้งแรกที่พบกัน แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ความหงุดหงิดของชิโนบุก็เริ่มมาจากความกระวนกระวายยามเห็นรอยยิ้มอ่อนหวานของพี่สาวที่มีให้แก่ผู้ชายคนนี้

 

เพราะเป็นพี่น้องกันมาตลอดชีวิต เธอถึงได้รู้ว่ารอยยิ้มที่พี่สาวของเธอมอบให้กับเสาหลักวายุนั้นแม้ดูเผิน ๆ แทบไม่มีความแตกต่างจากรอยยิ้มอ่อนโยนที่คานาเอะมีให้แก่เธอ คานาโอะ อาโออิ และเด็ก ๆ ในคฤหาสน์ผีเสื้อทุกคน...

 

หากสายตายามพี่สาวเธอทอดมองผู้ชายเลือดร้อนคนนั้น เจือด้วยประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยได้เห็นมาก่อน...

 

...และดูเหมือนจะสงวนสิ่งนั้นไว้เพื่อชายคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น!

 

“เหอะ! แต่จากที่เจ้ายังดูสบายดีแบบนี้ ข้าว่าคำพูดนี้คงไม่ผิดจากที่คิดหรอกนะ”

 

“ก็อาจจะจริงนะคะ อ๋อ แต่ถ้าคนบ้าคนนั้นชอบถอดเสื้อผ้าเดินร่อนไปร่อนมาในฤดูกาลเยี่ยงนี้ ฉันเองก็ไม่แปลกใจเท่าไรค่ะ”

 

นัยน์ตาสีม่วงวาววับของชิโนบุจับจ้องยังเครื่องแต่งกายที่อีกฝ่ายเลือกจะปลดกระดุมออก ปล่อยแผ่นอกกว้างที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นให้ท้าลมฝน มุมปากของเด็กสาวกระตุกรอยยิ้มเยาะยามนัยน์ตาสีม่วงอ่อนของคนป่วยถลึงมองเธอจนแทบจะหลุดออกนอกเบ้าอย่างมีน้ำโห เสียงสบถแว่วผ่านรูหู ก่อนจะตามมาด้วยเสียงไอโขลก ๆ ชุดใหญ่

 

เสียงไอที่ทำชิโนบุเกือบจะกลั้นหัวเราะไว้แทบไม่ไหว หากยามเห็นสายตาของคานาเอะที่จับจ้องมองมาเป็นเชิงปราม ทำให้เด็กสาวสำรวมกิริยาลง ก่อนจะเบือนหน้าไปสบนัยน์ตาสีครามไร้อารมณ์ของอีกหนึ่งเสาหลักผู้มาเยือน

 

“แล้วท่านเสาหลักวารีมีธุระอะไรที่นี่คะ หรือไม่สบายไปด้วยอีกคน”

 

“เปล่า...” โทมิโอกะ กิยู ตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนทุกครั้ง นัยน์ตาสีครามยังคงจ้องใบหน้าของชิโนบุเขม็งเหมือนตอนแรกพบราวกับเจ้าตัวกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง “มาเอายา...”

 

“ยาอะไรคะ”

 

“ยาที่ให้ไปคราวก่อน ที่เจ้าบอกว่าถ้าหมดให้มาขอใหม่ได้...”

 

“อ๋อ” เด็กสาวว่าพลางทุบมือ “ใช่ยาแก้ฟกช้ำที่ฉันให้คุณคราวก่อนใช่ไหมคะ นั้นเดี๋ยวฉันจัดยาแก้ช้ำในให้คุณเพิ่มไปด้วยดีกว่าค่ะ เวลาคุณบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่มาจะได้ช่วยบรรเทาอาการได้บ้าง”

 

“ไม่เอา...”

 

คำปฏิเสธที่ทำให้เด็กสาวที่กำลังหยิบยาอยู่ชะงักงัน หันหน้าขวับมองสีหน้าไร้อารมณ์ที่บัดนี้เบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตากับเธอดื้อ ๆ ผิดจากยามปกติ

 

ทำไมล่ะคะ”

 

“มันขม...”

 

คำบ่นอุบอิบที่ทำเด็กสาวเกือบแหวออกมา หากถูกขัดด้วยเสียงหัวเราะเยาะและเสียงบ่นพึมพำเบา ๆ ด้วยเสียงอันแหบพร่าของเสาหลักวายุที่นั่งพังงาบอยู่

 

“กะอีแค่ยา... เหอะ!

 

“แหม ๆ คนที่ปัดแก้วยาตกแล้วจะปีนหน้าต่างหนีอย่างชินาซึงาวะซังไม่น่ามีหน้ามาว่าคนอื่นได้นะคะ”

 

ชิโนบุเอ่ยเสียงหวาน หากนัยน์ตาสีม่วงวาววับด้วยความถือดีจับจ้องมองคนที่เคยออกฤทธิ์ดื้ออย่างมีน้ำโห พลางลอบยิ้มเมื่อเสาหลักวายุที่เคยปากกล้าไม่อาจหาญเถียงเธอในประเด็นนี้ได้

 

“ขากลับฉันรบกวนโทมิโอกะซังพาชินาซึงาวะซังไปส่งบ้านด้วยนะคะ ขืนปล่อยให้กลับเองคงจะเป็นลมเป็นแล้งกลางทาง ฉันไม่อยากเห็นเหล่าคาคุชิหามท่านเสาหลักวายุกลับมาที่นี่ภายในไม่ถึงวันหรอกค่ะ”

 

ไม่จำเป็น! ข้ากลับของข้าเองได้!”

 

ซาเนมิเอ่ยเสียงดังก่อนกลับมาไอโขลก ๆ อีกครั้ง อาการไอจนจวนเจียนจะหอบทำคานาเอะหันไปมองคนป่วยอย่างเป็นห่วง ก่อนจะตัดสินใจสงบศึกที่กำลังบังเกิดระหว่างน้องสาวร่วมสายเลือดของเธอและคนไม่เจียมสังขารลง

 

“เดี๋ยวชิโนบุจัดห้องพักคนไข้ให้ชินาซึงาวะคุงหน่อยนะ อาการอย่างนี้พี่คงปล่อยให้กลับไปพักเองไม่ได้หรอก...”

 

ประโยคคำสั่งที่เรียกนัยน์ตาของทั้งชิโนบุและซาเนมิให้หันมองผู้พูดทันควัน นัยน์ตาสีม่วงเข้มราวอัญมณีเต็มไปด้วยความฉงนระคนไม่พอใจ ขณะนัยน์ตาสีอ่อนกว่าเบิกตากว้างราวกับโดนคำสั่งให้ต้องโทษประหาร

 

ไม่ต้อง! ข้าจัดการตัวเองได้น่า...”

 

คำพูดที่ทำให้เสาหลักบุปผาแย้มริมฝีปากสีชาดนิด ๆ นัยน์ตาสีชมพูทอดมองคนไม่เจียมสังขารอย่างอ่อนโยน ก่อนเอื้อมมือไปสัมผัสตรงซอกคอร้อนผ่าวของชายหนุ่มตัวต้นเหตุอีกครั้งหนึ่ง

 

ไข้คุณยังสูงมากนะคะ ฉันเองรักษาคุณมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เลยทราบดีค่ะว่าชินาซึงาวะคุงดูแลตัวเองได้ดีแค่ไหน~” หญิงสาวว่าพลางหัวเราะนิด ๆ เมื่อเห็นคนป่วยเบือนหน้าหนีอย่างจนปัญญาเถียง “ถูกอย่างที่ชิโนบุว่าค่ะ อากาศเย็นลงแบบนี้แล้ว คุณต้องรักษาร่างกายให้อบอุ่นกว่านี้นะคะ เพราะฉะนั้นคืนนี้พักที่นี่เถอะนะ”

 

ซาเนมิเตรียมเอ่ยปฏิเสธเหมือนเช่นทุกครั้งที่หญิงสาวคนนี้ออกคำสั่งให้เขาถูกจองจำ ณ ที่แห่งนี้ แต่ครั้นมองรอยยิ้มอ่อนหวานที่ส่งมาให้ พร้อมกับสัมผัสอบอุ่นจากมือบอบบางคู่นั้นที่เอื้อมมากอบกุมมือหยาบกร้านของเขาไว้เป็นเชิงอ้อนวอน ผนวกกับความปรารถนาเบื้องลึกที่ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้แก่หญิงสาวคนนี้อีกต่อไป คำปฏิเสธที่เตรียมมาจึงถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ

 

ใบหน้าของชายหนุ่มร้อนผ่าวทั้งด้วยฤทธิ์ไข้และอารมณ์เบื้องลึกที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกต่อไป ท่าทีประหลาดผิดวิสัยที่โทมิโอกะ กิยู ผู้เคยเงียบขรึมยังต้องตกใจจนตาเบิกโพลงอย่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่โคโจ ชิโนบุ ได้แต่อ้าปากพะงาบด้วยความไม่พอใจขั้นสุด

 

แต่เมื่อครั้นคานาเอะเอ่ยสำทับอีกครั้ง เด็กสาวร่างเล็กก็ได้แต่ขานรับอย่างฝืน ๆ ก่อนจะหายตัวไปจัดแจงภารกิจที่พี่สาวมอบหมายให้อย่างไม่เต็มใจเลยแม้แต่นิดเดียว ทิ้งกิยูให้นั่งกะพริบตาปริบ ๆ จ้องคนป่วยด้วยแววตานิ่งเฉยราวกับตุ๊กตาหินในศาลเจ้า

 

ซาเนมิถอนใจยาวก่อนหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนด้วยพิษไข้ที่ปะทุขึ้นมาใหม่ ไม่แยแสความโกลาหลอลหม่านที่รายล้อมรอบตัว ไม่รับรู้ถึงความอึกทึกครึกโครมจากเสียงของเด็กสาวหน้ายักษ์คนนั้นที่ตวาดใส่เสาหลักวารี ไม่ได้ยินเสียงจ้อกแจ้กจอแจของเด็กสาวตัวจ้อยสามคนที่ดูจะตกใจกับอาการป่วยของเขาอย่างมาก ไม่สนใจว่าใครเป็นคนประคองร่างอันอ่อนล้าของเขามายังห้องพักคนไข้ ไม่ปฏิเสธยามยาแสนขมที่เขาแสนจะรังเกียจถูกป้อนให้ไหลผ่านลำคอ ไม่ขัดขืนยามใครสักคนใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดไล้ตัวให้เขาอย่างอ่อนโยน...

 

สัมผัสที่นำพาความอบอุ่นในวัยเยาว์กลับคืนมา...

 

สัมผัสนุ่มละมุนที่เขาไม่ได้จากใครมานานแตะลงบนหน้าผากของเขาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเลื่อนมาเกาะกุมมือขวาของเขา...

 

แม้รู้อยู่แก่ใจว่าอดีตไม่อาจหวนย้อนมา แม้รู้อยู่เต็มอกว่ามารดาของเขาจากไปนานแสนนาน

 

แต่... เขาก็คิดถึงเหลือเกิน...

 

นัยน์ตาสีอ่อนปรือตื่นขึ้นอย่างเชื่องช้า ท้องฟ้าภายนอกนั้นยังคงมืดสนิท หากเสียงนกร้องที่ได้ยินเป็นสัญญาณบอกวันใหม่ที่ใกล้เข้ามาถึง

 

อาการจับไข้ของเขาดูจะทุเลาลงภายในไม่กี่ชั่วยาม จนเหลือแต่อาการปวดเมื่อยตามร่างกายเท่านั้น

 

ก่อนที่ซาเนมิจะได้ทันทำอะไร สัมผัสแสนอบอุ่นจากมือขวาก็ทำให้รู้ว่าสัมผัสที่ได้รับมาไม่ใช่แค่ฝัน นัยน์ตาสีอ่อนจึงหันขวับไปทางขวาของตนแทบทันที แม้รู้อยู่แก่ใจว่าใครคือเจ้าของสัมผัสนั้น

 

ภาพเสาหลักบุปผาที่นั่งหลับทั้ง ๆ ที่ยังคงกอบกุมมือขวาของเขาทำหัวใจชายหนุ่มสั่นไหว ร่องรอยความอิดโรยปรากฏให้เห็นบนดวงหน้างดงามนั้น พร้อม ๆ กับสัมผัสตรงมือที่อุ่นจนเกือบร้อนทำให้ซาเนมิเดาได้ว่าเจ้าหล่อนคงนั่งเฝ้าเขาอยู่ตรงนี้มานานหลายชั่วยามแล้ว

 

ความเป็นห่วงเป็นสิ่งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึก ตามมาด้วยคำถามที่ยังค้างคาในจิตใจเขามาพักใหญ่...

 

ทำไมต้องทำเพื่อเขาขนาดนี้...

 

ไม่ทันที่เขาจะดึงมือออกจากการเกาะกุมของเธอ นัยน์ตาที่รายล้อมด้วยแพขนตายาวก็ค่อย ๆ กะพริบเบา ๆ ก่อนที่จะหันมาสบกับเขาอย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่เป็นมาตั้งแต่รู้จักกัน

 

พร้อมกับรอยยิ้มที่ฝังอยู่ในใจของเขาทั้งยามหลับและยามตื่น...

 

“ตื่นนานหรือยังคะชินาซึงาวะคุง”

 

“เมื่อครู่...” ซาเนมิตอบด้วยเสียงที่ไม่แหบพร่าเท่าเมื่อเย็น “แล้วใครเป็นคนพาข้ามาห้องนี้”

 

“โทมิโอกะคุงค่ะ”

 

ชื่อเสาหลักวารีทำคิ้วของซาเนมิกระตุกนิดนึง ความไม่ชอบหน้าต่อบุคคลผู้นี้เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เจอหน้ากัน อาจจะด้วยสายตาเย็นชาไร้อารมณ์ที่มองทุกคนราวกับเป็นอากาศธาตุ เหมือนว่าตนนั้นอยู่เหนือกว่าผู้อื่น

 

แต่ก็คงต้องยอมขอบคุณเจ้าคนไร้อารมณ์คนนั้นสักครั้งหนึ่งอยู่ดี

 

รอยยิ้มยังปรากฏบนใบหน้า เช่นเดียวกับมือของเขายังถูกเกาะกุมไว้แนบแน่น แน่นจนใบหน้าของชายหนุ่มเห่อร้อนพร้อมกับชีพจรที่เต้นระรัวยิ่งกว่าเมื่อตอนเย็น

 

“แล้วทำไมเจ้านั่งอยู่ตรงนี้ ไม่หลับไม่นอนหรือไง...”

 

ซาเนมิแหวเบา ๆ หากนัยน์ตาที่พราวระยับของคานาเอะก็ดูจะเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย แต่ก็ยังน้อยกว่าประโยคที่เจ้าหล่อนเอ่ยตอบ

 

“ฉันเป็นห่วงคุณค่ะ”

 

ถ้อยคำที่ทำหัวใจคนฟังไหวหวั่นกับความอ่อนหวานที่ได้รับ ความรู้สึกที่เขารับรู้จากสัมผัสและแววตาที่อีกฝ่ายทอดมองเขามาตลอดเวลา

 

ความรู้สึกที่แทบไม่แตกต่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย...

 

“คุณมีไข้สูงมาก ฉันเลยต้องคอยให้ยาคุณทานทุกสี่ชั่วโมงกับเช็ดตัวลดไข้ให้เป็นระยะค่ะ”

 

คำตอบที่ทำให้เสาหลักวายุได้แต่ก้มหน้า อีกครั้งที่ผู้หญิงคนนี้ต้องเดือดร้อนดูแลคนอย่างเขา อีกครั้งที่ผู้หญิงคนนี้คอยอยู่เคียงข้างเขา... ไม่หนีห่างไปไหน

 

“แล้วมือ...”

 

ประโยคความในใจที่หลุดไปทำซาเนมิแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย หากสิ่งที่ได้รับ กลับเป็นการที่อีกฝ่ายกระชับอุ้งมือหยาบกร้านของเขาไว้แน่นกว่าเดิม

 

ไม่ชอบเหรอคะ~”

 

“เปล่า...” เสาหลักวายุพึมพำ ไม่อาจโกหกความรู้สึกของตนได้อีกต่อไป “แต่เจ้าต้องไปพักบ้างนะโคโจ เด็กนั่น... เอ๊ย น้องของเจ้าคงเป็นห่วงแล้ว”

 

น้ำเสียงตะกุกตะกักของชายหนุ่มยิ่งเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าและนัยน์ตาคู่สวยของคานาเอะ ความอ่อนล้าที่สะสมมาตลอดระยะเวลาหลายเดือนถูกพัดพาให้หายไปจากสายลมกระโชกหากอ่อนโยนจากคนผู้นี้

 

ถึงอีกฝ่ายไม่ยอมจะเอ่ยปากยอมรับง่าย ๆ หากเธอรู้ดีว่าคนที่คอยเป็นห่วงเธอไม่แพ้ใคร ก็คือคนป่วยที่กำลังไล่เธอไปพัก

 

“เป็นคนใจดีจริง ๆ นะคะ”

 

คานาเอะกระซิบเสียงแผ่วเบา มือที่เธอเกาะกุมไม่ร้อนจัดราวกับไฟเหมือนช่วงกลางดึกจนทำให้เธอกังวลจนไม่อาจนอนหลับต่อไปได้ แต่สภาพเสาหลักวายุที่เห็นตอนนี้ทำเธอค่อยโล่งใจ และยอมที่จะปล่อยมือที่เธอเกาะกุมแน่นมาตลอดหลายชั่วยามที่ผ่านมาให้เป็นอิสระ

 

เธอรอเขาดื่มยาจนหมด มือบอบบางหากหยาบกร้านสัมผัสลงยังหน้าผากและซอกคอของชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงผู้ป่วย แล้วยิ้มน้อย ๆ เมื่อพบว่าอุณหภูมิร่างกายของคนไข้แสนดื้อคนนี้เกือบกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว

 

“ไข้คุณลดแล้ว ฉันคงต้องขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ชินาซึงาวะคุง”

 

สายลมหนาวเหน็บของย่ำรุ่งพัดผ่านช่องลมเข้ามา หากคนป่วยบนเตียงกลับไม่รู้สึกเหน็บหนาวเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่ปรือด้วยฤทธิ์ยาที่รับประทานไปคงจับจ้องอยู่ที่มือขวาของเขา

 

ผ่านมาเกือบชั่วยาม แต่ความอบอุ่นจากสัมผัสของมือที่เธอคนนั้นทิ้งไว้คงเหมือนไม่จางไปไหน ราวกับถูกร่ายมนตร์สะกดทิ้งไว้

 

น่าประหลาด มือคู่นั้นช่างเล็ก แบบบาง หยาบกร้าน แต่กลับเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นคงและความอ่อนโยนไม่แพ้มือของมารดาผู้จากไป

 

มือที่สามารถคอยปกป้องผู้คนจากภยันตราย แท้จริงแล้วเป็นมือคู่เดียวกับที่สามารถรักษาคนจากอาการบาดเจ็บ จนเขานั้นได้แต่ประหลาดใจยามทราบว่าเธอทั้งเป็นเสาหลักและหัวหน้าฝ่ายพยาบาลไปพร้อม ๆ กัน

 

และก็มือคู่เดียวกันนี้เอง ที่คอยเป็นหลักยึดให้เขาโดยไม่รู้ตัว พร้อม ๆ กับฉุดเขาให้พ้นจากฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนมาตลอดหลายปี

 

มือที่คอยนำทางสายลมเชี่ยวกรากให้กลับมาเป็นสายลมแสนอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็นมา...

 

==========

Author's Talk 16 APR 2021

จบไปแล้วกับ Day 13 นะคะ ^^

ต้องขออภัยกับความยาวของบทนี้ แต่แรกเดิมทีไม่คิดว่าจะยาวได้ขนาดนี้หรอกค่ะ เกรงจะสั้นด้วยซ้ำ ไป ๆ มา ๆ นี่กิยูและชิโนบุมาขโมยซีนซะงั้น แต่เราชอบมากเลยนะ

สำหรับคนชอบกิชิ บทนี้คงเริ่มเห็นความสัมพันธ์ของสองคนนั้นที่เราทิ้งไว้เป็นช่องว่างในฟิค In Time With You เนอะ เราเขียนเองก็เอ็นดูเองค่ะ กิยูนี่ MPV มาก พี่แกพูดน้อย แต่พูดทีคือขโมยซีนจริง ๆ 5555555

บทนี้นี่เราได้เล่นอะไรที่เราอยากเล่นมานานแล้วค่ะ ทั้งท่าทีนายท่าน แหม มีการมอบหมายให้คานาเอะไปดูแล นายท่านอาจจะชื่นชอบการเล่นบทกามเทพไม่แพ้คุณมาซาจิกะก็เป็นได้นะคะ : D ไม่รู้นายท่านทราบอะไรในกอไผ่ไหม แต่เรามั่นใจว่าไม่มีอะไรรอดสายตาของนายท่านคนนี้ไปได้หรอกค่ะ

ต่อมาก็ประเด็นที่เราสาแก่ใจมาก อยากจะเล่นปมนี้มาเนิ่นนานด้วยความหมั่นไส้คุณซาเนมิเหลือเกิน โชว์กล้ามเปิดแผงอกตลอด ก็รู้นะคะว่าพี่สาแกภูมิใจกับกล้ามที่ตนฟูมฟักมา แต่ไม่แคร์ดินฟ้าอากาศแบบนี้ก็สมควรให้หวัดกินละค่ะงานนี้ แต่ก็นะ คราวนี้ป่วยหนัก ซ่าไม่ออก ถ้าสะสมแต้มการใช้ห้องพยาบาลที่คฤหาสน์ผีเสื้อได้ เชื่อว่าตอนนี้คุณซาเนมิน่าจะคะแนนนำโด่งจนได้ VIP Card ไปแล้วละค่ะ : P

ท่าทีของคุณพี่คานาเอะก็เริ่มแสดงให้เห็นละนะคะ แหม ๆ แสดงออกจนน้องสาวเกิดอาการหวงพี่ขั้นสุดละค่ะ แต่เข้าใจนะคะ 1st impression คุณสากับน้องบุไม่ค่อยดีกันเท่าไร ไป ๆ มา ๆ พี่เราดูจะไปชอบเจ้าหมาบ้านี่อีก ขวางได้ขวางค่ะ ขำตอนน้องบุตีเนียนให้คุณกิยูพาคุณสากลับบ้านไปมาก แต่นั่นแหละค่ะ ใครก็ขัดความประสงค์แม่นายคานาเอะไม่ได้หรอกเนาะ

จุดสูงสุดของบ่วงโซ่อาหารนี่ หนีไม่พ้นพี่ใหญ่ของบ้านผีเสื้อจริง ๆ แหละค่ะ

แอบขำว่าผ่านมาครึ่งปีแล้ว ทำไมความสัมพันธ์ของเหล่าพี่ใหญ่ไม่ใคร่จะคืบหน้า แหม คุณซาเนมิเพิ่งรู้ตัวเองเนอะ ท่าทีพี่คานาเอะก็ไม่ได้จะดูออกง่าย คนเค้าใจดีกับทุกคนค่ะ แถมภารกิจของแต่ละคนอีก มันก็เลยต้องค่อยเป็นค่อยไปเนอะ~

หวังว่าทุกท่านคงอมยิ้มกับบทที่ 13 นี้ รับกับสงกรานต์นะคะ เพราะนาน ๆ จะไม่แอ๋งซักที : P

บทหน้าจะพาทุกท่านกลับขึ้นรถไฟเหาะกันอีกแล้วค่ะ แต่จะเป็นอะไรนั้น ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปนะคะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนต์นะคะ แล้วพบกับบทที่ 14 ในวันเสาร์นี้ค่ะ ^^ ขอให้คนอ่านของเรารักษาสุขภาพในยามโรคระบาดแบบนี้ด้วยนะคะ

Author's Talk 02 NOV 2022

สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

ขอโทษนะคะที่เมื่อวานไม่ได้มาตามนัด เปื่อยมาค่ะ แต่ก็ได้ลงตอนพิเศษ 4 ของเรื่องนี้แล้วนะคะ ไปแอบอ่านกันได้นะ

แล้วก็ลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3

จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)

วีคนี้มีงานค่อนข้างด่วนด้วยค่ะ กับโอเค ทางออฟฟิศประกาศเค้าโครงผลงานเลื่อนตำแหน่งแล้ว ก็เตรียมได้เวลาไปซุ่มปั่นเล่มเลื่อนตำแหน่งค่ะ ^^" คิดว่าพอจัดการโปรเจค #LetLoveBreakUsApart เสร็จ จะไปซุ่มเขียน Anthology Days Rise, Nights Fall แล้วค่ะ กับวางทรีตเมนต์รายตอนของ KNY FF - The Tales of Butterfly Effects นะคะ พอจบรีไรท์เรื่องนี้ ถ้าโชคดีจะได้เริ่มลงฟิคต่อเลย หรืออาจจะมีอะไรให้อ่านเล่นกัน

อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย

แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนที่ 14 ในวันพรุ่งนี้นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^