27 ตอน Day 27 - Kibutsuji Muzan
โดย rene_recluse
Day 27 - Kibutsuji Muzan
Prompt: “Give me that”
Spoiled | TW | CW
TW : Violence
CW : Mention about minor's sexualisation
Spoiled: KNY เล่มที่ 21 ค่ะ
1st Published : 02 JUN 2021
Rewrite : 01 DEC 2022
==========
หากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความฝัน... ข้าขอให้สิ่งที่พบเจอมาเป็นเพียงฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนมาตลอดหลายปีนี้ได้ไหม...
เหมือนห้วงเวลาของชินาซึงาวะ ซาเนมิ หวนกลับไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาจำได้ว่าวินาทีก่อนหน้านั้น เขาเพิ่งโจมตีอสูรข้างขึ้นที่หนึ่งด้วยความเคียดแค้นอย่างแสนสุดจากสิ่งที่มันทำกับน้องชายที่เหลือเพียงคนเดียวของเขา
เสี้ยววินาทีหลังจากที่เขาใช้ดาบนิจิรินฟันพาดผ่านร่างอสูรข้างขึ้นลำดับที่หนึ่ง อสูรแสนร้ายกาจที่ต้องใช้ความเสียสละของน้องชายแท้ ๆ ของเขาและเสาหลักหมอกเพื่อการโค่นล้มมันมา เขาก็เหมือนหลุดไปอยู่ในห้วงของอดีตอีกครั้ง
สายลมพัดเสียงกระดิ่งที่แขวนไว้เหนือบ้านของเขาให้สั่นไหวเป็นท่วงทำนองคลอไปกับเสียงแมกไม้ที่พัดหวีดหวิว ช่วงเวลานั้นแม้จะเนิ่นนาน แต่เขาก็ยังจดจำได้ราวกับทุกสิ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน
สัมผัสแสนอบอุ่นของศีรษะที่เอนซบแนบอก กับกลิ่นหอมของดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอยามเขาดอมดมไรผม กับมืออันอ่อนโยนที่ลูบไล้ไปตามแผลเป็นที่ปรากฏอยู่ตามร่างของเขา สัมผัสที่ช่วยลดความกังวลที่เต็มอกของเขาลง
‘นี่... ทำไมถึงชอบเรียกชิโนบุว่าเด็กนั่นละคะ...’
เธอว่าพลางแย้มยิ้ม ยิ้มที่จำหลักในใจทั้งยามหลับและยามตื่น ยิ้มที่ทำให้โลกของเขาสว่างไสวขึ้นในชั่วพริบตา แม้บัดนี้รอยยิ้มที่มอบให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความซุกซนที่น้อยคนนักจะได้เห็น
‘แล้วจะให้เรียกอะไรล่ะ...’
‘แหม เรียกชิโนบุก็ได้นะคะ’
‘น้องของเจ้าฟังแล้วคงอยากกระโดดหน้าผาเอาน่ะสิ’
คำพูดที่เรียกเสียงหัวเราะของเธอ เสียงหัวเราะที่เขาไม่ได้ยินมาสี่ปี ขณะที่มือของเธอบีบจมูกเขาอย่างมันเขี้ยว อากัปกิริยาที่เขาแทบลุกหนีแต่ก็จนใจที่เธอยังอาศัยร่างเขาแทนหมอนกอดก่ายอยู่
‘เหมือนกันจริง ๆ ด้วย’ คานาเอะเอ่ยยิ้ม ๆ ก่อนจะขยายความเมื่อเห็นแววตาแสนสงสัยของเขา ‘คุณกับชิโนบุน่ะ’
‘ตรงไหน...’
‘ดื้อมาก ๆ เหมือนกันไงคะ’
คำอธิบายที่ไม่ได้ขยายความเพิ่มอะไรให้เขาในตอนนั้น นอกจากได้แต่กลอกตาอย่างขัดใจ ขณะเอื้อมมือลูบศีรษะคนรักที่ยังคงเอนซบเขา ท่าทีกลัดกลุ้มที่คานาเอะสังเกตได้ในชั่วพริบตา นิ้วมือที่ลูบไล้แผงอกเมื่อครู่จึงเปลี่ยนทิศทางไปยังใบหน้าของเขา
‘ยังคิดเรื่องจดหมายถึงเกนยะคุงเหรอคะ’
‘อื้อ’ เขายอมรับออกมาง่ายดาย ‘ไม่รู้จะเป็นอย่างที่เจ้าเดาไหม ว่าเกนยะคงอยู่ที่บ้านญาติข้าคนใดคนหนึ่ง’
‘ฉันก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นนะคะ ถ้าได้เจอเกนยะคุงเร็ว ๆ ก็คงดีนะ’
‘แต่น้องข้าจะอยากเจอข้าไหม...’ เสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความเศร้า ‘บางทีน้องข้าคงเกลียดข้าแล้ว’
‘คิดมากอีกแล้วนะซาเนมิ...’ เธอว่าพลางจับมือเขาข้างที่ว่างอยู่ลูบไปมา ‘อย่าพึ่งคิดสิ่งที่มันยังไม่เกิดสิคะ และฉันก็เชื่อเสมอนะว่าไม่มีทางที่เกนยะคุงจะเกลียดคุณได้’
เสียงของเธอเต็มไปด้วยความหวังและความเชื่อมั่น ความหวังที่ช่วยฉุดเขาจากความมืดมนที่รายล้อม จนทำให้เมื่อเสียเธอไป เขาก็แทบไม่เหลือความหวังอะไรให้หลงเหลือในชีวิตอีก
‘เราเปลี่ยนสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาแล้วไม่ได้ แต่เราทำวันรุ่งขึ้นให้มันดีขึ้นได้ค่ะ’ เธอว่าพลางหยิบมือของเขาขึ้นจุมพิต ‘ในฐานะคนเป็นพี่ใหญ่อย่างพวกเรา สิ่งที่ทำได้ก็คือเป็นหลักให้น้อง ๆ ได้พึ่งพิงค่ะ แล้วก็คอยมีความสุขกับเส้นทางที่น้อง ๆ ของเราได้เลือกนะคะ...’
‘แม้เลือกที่จะเป็นนักล่าอสูรเหมือนน้องสาวเจ้าเหรอ...’
‘ค่ะ ถ้าน้อง ๆ ตัดสินใจ ต่อให้เราห้ามแทบตายก็คงทำไม่ได้อยู่ดี เพราะท้ายสุดทุกคนก็ย่อมมีชีวิตเป็นของตัวเอง’ เธอว่าพลางยิ้มเศร้า ขณะหยิบมือเขาวางแนบบนใบหน้างดงาม ‘สิ่งที่เราพอจะทำได้คือทำให้โลกนี้เป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขาที่สุดให้ได้ เหมือนที่คุณพยายามทำให้เกนยะอยู่ตอนนี้ไงคะ’
คำตอบที่กินใจเขา จนอดไม่ได้ที่รั้งใบหน้าของเธอมาใกล้แล้วจุมพิตริมฝีปากสีชาดอย่างอ่อนโยน จุมพิตที่ถ่ายทอดความในใจที่มีต่อผู้หญิงคนนี้เกินกว่าที่เขาเองจะพูดออกมาได้
‘เจ้านี่นับวันช่างรู้ใจข้าดีกว่าตัวข้าอีกนะ...’
‘ก็คุณไม่ค่อยรู้ใจตัวเองไงคะ ฉันเลยต้องอ่านใจคุณแทน เลยรู้ว่าคุณรักน้องชายคุณแค่ไหน’ เธอยิ้มพราวระยับ ก่อนจะเป็นฝ่ายจุมพิตเขากลับ สัมผัสอ่อนหวานอบอุ่นอ่อนโยน แทนคำบอกรักว่าเธอเองก็รู้สึกกับเขาไม่ต่างกัน ‘แล้วก็รู้ว่าจริง ๆ ซาเนมิห่วงน้องของฉันทุกคน ทั้งคานาโอะ ทั้งอาโออิ ทั้งซึมิ คิโยะ นาโฮะ และที่สำคัญคุณห่วงชิโนบุมากกว่าที่คุณรู้ตัวอีกนะคะ คุณถึงได้ไม่ชอบโทมิโอกะคุงเป็นพิเศษใช่ไหมล่ะคะ’
ประโยคสุดท้ายที่เขาได้แต่ฟึดฟัด ขณะคนพูดได้แต่หัวเราะเบา ๆ พลันภาพทั้งหมดก็พร่าเลือน หากประโยคสุดท้ายของคานาเอะที่ให้ไว้ไม่กี่วันก่อนหน้าที่เธอจะจากไปก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัว คำพูดที่ราวกับปลอบประโลมอนาคตอันแสนโหดร้ายที่เธอจำต้องปล่อยให้เขาเผชิญชะตากรรมตามลำพัง...
‘เราทำหน้าที่ในฐานะพี่ใหญ่ให้ดีที่สุดเถอะค่ะ จะได้ไม่มีอะไรต้องเสียใจภายหลังนะคะ... ซาเนมิ’
ถ้อยคำที่เสียบแทงเข้าจิตใจซาเนมิ ขณะมือยังคงกอดเสื้อผ้าซึ่งเป็นสิ่งเดียวของเกนยะที่หลงเหลือไว้
บัดนี้... สิ่งที่เขาเพียรทำมาทั้งหมดสูญเปล่าไปหมดแล้ว ท้ายสุดเกนยะ น้องชายของเขา สิ่งล้ำค่าสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตก็ต้องจากเขาไปอย่างไม่หวนกลับมาอีกคน
เช่นเดียวกับชิโนบุ น้องสาวร่วมสายเลือดคนเดียวของเธอ ที่เอาชีวิตตัวเองเข้าแลกกับอสูรข้างขึ้นลำดับสองเพื่อล้างแค้นให้แก่เธอ...
เขาไม่เหลืออะไรแล้ว...
หากรู้อย่างนี้ เขาจะละทิ้งทิฐิทั้งหมดแล้วไปตามหาเกนยะตั้งแต่วันที่ได้ที่อยู่มา... เขาจะไม่ผลักไสน้องเขาออกไป...
เสาหลักวายุยังคงได้แต่คำรามออกมา ทั้งจากความเจ็บปวดที่ต้องเสียคนที่รักทั้งสองคนไปในเวลาเดียวกัน ทั้งความเคียดแค้นโชคชะตาอันแสนโหดร้าย ทั้งความโกรธตัวเองที่ปล่อยให้ทุกอย่างมันสายเกินแก้
ทั้งที่เธอเตือนไว้ ทั้งที่เธอขอไว้ แต่เขาเป็นคนโง่เขลาที่จมดิ่งกับทิฐิโง่ ๆ จนปล่อยให้น้องของเธอจมดิ่งในความแค้น และผลักไสน้องตัวเองจนเกือบไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจ...
แต่สุดท้าย มันก็สายไป...
“ชินาซึงาวะ... ต้องไปแล้ว”
เสียงฮิเมจิมะ เกียวเม เสาหลักหินผาผู้ช่วยชีวิตทั้งเธอและเด็กคนนั้น และเป็นผู้นำน้องชายคนเดียวของเขามาดูแลหลังจากที่เข้าหน่วยพิฆาตอสูรดังขึ้น น้ำเสียงทรงพลังหากแฝงด้วยความเจ็บปวดจากการสูญเสียอันไม่ต่างกับเขาเลยแม้แต่น้อย
“เงยหน้าขึ้นซะ เรื่องยังไม่จบจนกว่าจะจัดการมุซันได้” เสาหลักหินผาเอ่ย “เรายังมีหน้าที่ที่ต้องจัดการ ในฐานะของเสาหลัก”
ถ้อยคำที่กระทบใจซาเนมิ ด้วยหน้าที่ที่ยังค้ำคอ มือขวาที่แตะผีเสื้อโลหะสีเขียวประดับชมพูสั่นระริก คำพูดของเธอยามที่ออกสู้ด้วยกันตอนนั้นย้อนกลับมา หน้าที่ที่เธอยอมตายเพื่อปกป้องผู้คนจากอสูรร้าย หน้าที่ที่เรนโงคุ เคียวจูโร่ และโทคิโค มุอิจิโร่ ยอมสละชีวิตเพื่อกำจัดศัตรูให้สิ้นซาก
“อย่าให้การตายของคานาเอะ เรนโงคุ โทคิโค น้องของเจ้า และชิโนบุต้องเสียเปล่านะ... การตายของทุกคนต้องไม่เสียเปล่า เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เข้าใจใช่ไหม ชินาซึงาวะ...”
เขาพยักหน้า เก็บผีเสื้อประดับของเธอกลับเข้าอกเสื้อ นัยน์ตาที่ยังแดงก่ำด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บแค้นบัดนี้ฉายแววมุ่งมาด ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบดาบนิจิรินที่ตกอยู่ไม่ไกลด้วยมือ ไม่แยแสความเจ็บปวดจากการสูญเสียนิ้วสองข้างและน้องทั้งสองไว้
ถูกอย่างที่เกียวเมว่า แม้เขาไม่อาจนำชีวิตน้องทั้งสองกลับคืนมาได้ แม้เขาจะต้องเสียเธอไปตลอดกาล แต่ความฝันที่พวกเขามีร่วมกันยังไม่ได้เสียเปล่าไปทั้งหมด
ความใฝ่ฝันถึงโลกอันแสนสงบสุข ที่ปราศจากอสูรคอยคุกคามมนุษย์...
เขาจะเอามันมาให้ได้... แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของเขา...
เพราะนี่จะเป็นศึกสุดท้าย!
ซาเนมิออกวิ่งตามหลังเสาหลักหินผา พยายามฝ่าฟันหาหนทางในปราการวงกตที่ดูไร้ที่สิ้นสุด เพื่อจะไปถึงตัวราชันแห่งอสูร คิบุซึจิ มุซัน ให้ได้
เสียงอีกาสื่อสารส่งข่าวการคืนชีพของราชันอสูรยิ่งสร้างแรงฮึดให้แก่ชายหนุ่ม บัดนี้ไม่เหลือความลังเลและความโศกเศร้า ด้วยจิตใจของเขามุ่งไปยังเป้าหมายสุดท้าย เป้าหมายอันแสนยาวนานนับพันปีของหน่วยพิฆาตอสูรแห่งนี้
ต้นเหตุของความอัปรีย์จัญไรเหล่านี้ วันนี้มันต้องแหลกสลายไปด้วยฝีมือของพวกเขาทุกคน
ความตายของทุกคนต้องไม่เสียเปล่า!
ความสลับซับซ้อนของสถานที่ทำซาเนมิสบถออกอย่างหัวเสีย ระคนทวีความโกรธแค้นยามเห็นร่างไร้วิญญาณของเหล่านักล่าอสูรที่ต้องสังเวยชีวิตจนนับไม่ถ้วน หากก่อนจะไปถึงตามตำแหน่งที่อีกาสื่อสารส่งสัญญาณบอก ร่างของเขาและเกียวเมก็ถูกดีดขึ้นบนฟ้าพร้อมกับการสูญสลายของเขาวงกตที่ไม่รู้จักจบ
สัญญาณที่บ่งบอกว่าอสูรที่เป็นผู้ใช้มนต์อสูรตนนั้นได้ถูกทำลายลงแล้ว
ร่างของเขาและเสาหลักหินผาตกลงมาบนพื้นดินห่างจากคนอื่นไปไกล แต่ภาพใจกลางเมืองยามค่ำคืนที่ได้พบเห็นก็เป็นคำตอบว่าบัดนี้พวกเขาเข้าใกล้เป้าหมายที่ใฝ่ฝันขึ้นทุกที
เสียงอีกาประกาศว่าอีกชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึงรุ่งอรุณ เสียงต่อสู้ที่ดังอยู่ห่างออกไปทำเลือดในกายไหลพลุกพล่านด้วยความแค้นอันฝังลึก
ใบหน้าของคนที่ล่วงลับไปแล้วไหลกลับเข้ามาในห้วงความทรงจำ เสาหลักวายุได้แต่กัดฟันกรอดขณะเร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย พร้อมกับคิดวิธีที่จะเอาคืนไอ้สัตว์นรกที่พรากทุกสิ่งไปจากเขา พรากทุกอย่างไปจากทุกคนให้ได้มากที่สุด พลันนึกถึงวิธีการที่เขาเคยใช้จัดการเหล่าอสูรสารเลวพวกนั้นก่อนเข้าร่วมหน่วยพิฆาตอสูร..
นัยน์ตาสีม่วงอ่อนเหลือบมองเห็นอสูรหนุ่มข้ารับใช้อสูรสาวที่ร่วมมือกับโคโจ ชิโนบุ เพื่อวิจัยยาจัดการราชันอสูรที่บัดนี้บาดเจ็บสาหัส หากนัยน์ตาที่หันสบมาก็ฉายแววมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้
อสูรที่พยายามช่วยเหลือพวกเขาเพื่อต่อกรกับราชันอสูรนั่น...
นัยน์ตาของเขาก็หันไปเห็นขวดน้ำมันที่วางไม่ห่างจากอสูรหนุ่มนั่น ประสบการณ์ในการต่อสู้แบบข้างถนนก่อนเข้าร่วมหน่วยจึงทำให้ซาเนมิเกิดความคิดหนึ่ง
“นี่... เจ้า! ส่งขวดนั้นมานี่!”
เพียงแค่พริบตาเดียว อสูรหนุ่มก็โยนขวดน้ำมันมาให้เขา ก่อนจะทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นหอบหายใจ
“กำจัดมันซะ อย่าให้เหลือแม้แต่ซาก!”
คำขอที่หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ขอยุ่ง เพราะไม่คิดเชื่อว่าจะมีอสูรตนไหนยอมร่วมมือกับมนุษย์เพื่อล้างบางอสูรด้วยกัน แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว
ปาฏิหาริย์ที่คานาเอะเฝ้ารอมาถึง ในที่สุดก็มีอสูรที่อยู่ร่วมกับมนุษย์ได้...
ซาเนมิพยักหน้าก่อนเก็บขวดน้ำมันเข้าอกเสื้อรีบรุดตามเกียวเมไปถึงจุดที่พรรคพวกร่วมกันต่อสู้กับสัตว์นรกที่เป็นต้นตอของทุกสิ่ง ภาพเหล่าเสาหลักและเด็กคามาโดะที่ถูกโจมตีจนเลือดตกยางออกทำให้โทสะวิ่งพุ่งริ้วขึ้นสมอง สองมือกำดาบนิจิรินแน่นด้วยความแค้น
เขารอจังหวะที่เกียวเมเปิดฉากโจมตี ก่อนจะฉวยจังหวะอ้อมไปด้านหลังแล้วกระโดด ส่งแรงที่มีทั้งหมดผ่านดาบฟันร่างราชันอสูร คิบุซึจิ มุซัน ตั้งแต่หัวจรดเท้า!
นัยน์ตาสีม่วงอ่อนจับจ้องร่างศัตรูที่ประสานร่างได้แทบจะทันท่วงทีด้วยความชิงชังถึงที่สุด แล้วหยิบขวดน้ำมันที่เตรียมมาแล้วใช้ดาบฟาดให้ราดตัวไอ้ระยำที่เป็นบ่อเกิดของทุกสิ่งก่อนจุดไฟเผา ถึงรู้ว่ามันคงไม่ตายง่าย ๆ แต่อย่างน้อยขอให้ได้สร้างความทรมานให้สมกับความแค้นที่สะสมมานับหลายปี
“เจ้าเล่ห์นักนะ!”
“สำหรับแกโดนประมาณนี้ก็เหมาะแล้ว”
ซาเนมิแค่นเสียงตอบ เลือดแห่งความโกรธแค้นไหลเวียนทั่วร่างที่เพิ่มอุณหภูมิร่างกายให้สูงขึ้นยิ่งกว่าตอนต่อสู้กับอสูรข้างขึ้นที่หนึ่ง
ภาพร่างของน้อง ๆ ที่ทยอยหมดลมหายใจในคืนวันนั้น...
ภาพเลือดที่เปื้อนมือเขา ยามต้องลงมือสังหารมารดาผู้เป็นที่รัก ในฐานะอสูรร้ายที่พรากชีวิตน้อง ๆ ไป...
ภาพคุเมโนะ มาซาจิกะ เพื่อนสนิทคนแรกที่ขาดใจคาอ้อมแขนของเขา...
ภาพคฤหาสน์อุบุยาชิกิที่ระเบิดต่อหน้าต่อตา พร้อม ๆ กับการไปของนายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ บุคคลที่เป็นยิ่งกว่าบิดาของเขา...
ภาพอีกาส่งสารประกาศข่าวการเสียชีวิตของเสาหลักเพลิง เรนโงคุ เคียวจูโร่ และเสาหลักแมลง โคโจ ชิโนบุ...
ภาพร่างไร้วิญญาณที่สู้จนลมหายใจสุดท้ายของเสาหลักหมอก โทคิโค มุอิจิโร่...
ภาพน้องชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวที่ค่อย ๆ สลายร่างไปต่อหน้าต่อตา...
และภาพของเธอ... ที่ค่อย ๆ หมดลมหายใจในอ้อมกอดของผู้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือดเพียงคนเดียว
ตัวการคือไอ้ปีศาจที่ยืนจ้องมองเขาอย่างไร้ความรู้สึกตรงหน้า ตัวการที่ทำให้เขาต้องเสียคนที่เขารัก ทำให้ทุกคนรอบกายเขาต้องสูญเสียสิ่งล้ำค่าของตัวเองไป
ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยมันไว้!
“ข้าจะต้องฆ่าแกให้ได้ ไอ้สวะรกโลก!”
==========
Author's Talk 02 JUN 2021
สวัสดีค่ะ จบไปแล้วกับ Day 27 นะคะ ตอนแรกลุ้นมากว่าจะไม่ทันวันนี้ สรุปว่าทันจนได้ค่ะ ต้องขอบคุณอานิสงส์ KNY 23 ที่มาส่งทันเวลาให้มีแรงฮึดกลับมาเขียนได้ค่ะ
ในที่สุด บทนี้ก็มาบรรจบกับบทแรกที่เราเขียน (และถ้าสังเกต ช่วงท้ายที่พูดถึงคนที่จากไป จะใกล้เคียงกับบทที่ 1 ของเราเลยนะคะ) กับเริ่มดำเนินไปตามกับเนื้อเรื่องหลักช่วงท้ายแล้วค่ะ สารภาพเลยว่าตอนเห็นคีย์เวิร์ดของตอนที่ 27 เราคิดหนักมากว่าจะเล่นกับอะไรดี
จนกระทั่งอ่านเล่ม 21 ฉากพี่สากระโดดฟันมุซันแล้วจุดไฟเผามันตราตรึงมากค่ะ Bad Ass มาก!! คือรู้เลยว่าแรงที่ฟันมุซันนี่คงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่สะสมมาตลอดค่ะ เป็นช็อตขโมยซีนที่แท้ทรู แถมไอ้จุดไฟเผานี่ ถ้าไม่สู้ข้างถนนแบบพี่สาทำก่อนเข้าหน่วยพิฆาตอสูร ไม่น่าจะนึกวิธีนี้ออกนะคะ
ปัญหาคือพี่สาไม่น่าพกขวดน้ำมันมาจากบ้านหรอกเนอะ ^^" อันนี้แอบสงสัยมาก เลยขอเชื่อมสัมพันธ์พี่สากับคุณยูชิโร่แบบนี้ละกันค่ะ เพราะจะได้เห็นว่าพี่สาทำ 'ทุกวิถีทาง' แล้วจริง ๆ เพื่อจะกำจัดมุซัน ต่อให้ร่วมมือกับอสูรอย่างคุณยูชิโร่ก็ตาม
ช่วงต้นของเรื่อง เป็นอะไรที่รู้สึกว่าควรเขียนโยงถึงพี่เอะจริง ๆ ค่ะ ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้ แล้วก็ตอกย้ำว่าพี่สาทำเต็มที่ไหม เพื่อจะไม่ต้องเสียใจภายหลัง
ในเรื่องคุณชิ พี่สาทำเต็มที่แล้วจริง ๆ แต่เรื่องน้องเกน น่าจะชัดนะคะว่าพี่สาเอาทิฐิที่อยากให้น้องปลอดภัยเป็นตัวตั้ง สุดท้ายพี่สาเลยต้องเสียน้องเกน แทนที่จะมีเวลาร่วมกันฉันพี่น้องบ้าง... แต่ก็ยังดีค่ะที่เค้าปรับความเข้าใจกันในนาทีสุดท้าย Y_Y
แต่ก็ตอกย้ำละเนอะ ว่าคนที่เข้าใจพี่สาและรู้จักพี่สาดีที่สุดก็หนีไม่พ้นพี่เอะ และพี่สาก็คิดถึงทุกช่วงเวลาที่มีกับพี่เอะจริง ๆ ค่ะ เลยคิดว่าตอนหมดสติหลังสู้กับคุณโคคุชิโบ ถ้าฝันถึงเหตุการณ์ตอนพี่เอะยังอยู่ ก็คงออกมาในรูปการณ์นี้นี่แหละค่ะ
ส่วนที่คนสงสัยว่าเขาพูดกันตอนไหน...
แหม... จินตนาการกันเองนะคะ ^^ คิดว่าทุกท่านคงเดาได้เนอะ
แอบเศร้าเหมือนกันที่ฉากสวีทของพี่สากับพี่เอะมาทีไร มีแต่เป็นความสวีทที่แฝงทั้งความเศร้าปนความอบอุ่นจริง ๆ ค่ะ มันเศร้าที่พี่เอะไม่อยู่แล้ว แต่มันก็สะท้อนว่า สองคนนี้เค้ารักกันมากแค่ไหนขณะที่มีชีวิตอยู่
กาลเวลามันไม่เคยคอยใครจริง ๆ นั่นแหละค่ะ
ตอนต่อไปก็ยังคงอยู่กับศึกสุดท้ายนี่แหละค่ะ ลุ้นเหมือนกันว่าจะเขียนออกมาอีท่าไหน แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่เอะของเราคงวนเวียนอยู่แถว ๆ นั้นแหละค่ะ ดีไม่ดีตอนที่พี่สากระโดดฟันมุซันอาจจะกรี๊ด ลืมอยากญาติดีกับอสูรชั่วคราว เนื่องจากคุณสาช็อตนั้นเท่มากจริง
แอบถามทิ้งท้าย มีใครสนใจรวมเล่มไว้เก็บไหมคะ ใจเราแอบอยากเก็บงานที่เขียนเองไว้เป็นรูปเล่มเหมือนกัน เลยลองมาเช็คเสียงหน่อย (ทั้งฟิคกิชิ และฟิคนี้เลยค่ะ)
ท้ายสุดนี้ ขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักของเราทกคน ขอบคุณทุกกำลังใจไม่ว่าช่องทางไหนก็ตาม ทุกคอมเมนต์ ขอบคุณที่คอยติดตามเรื่องนี้นะคะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พบกับบทที่ 28 ในวันเสาร์นี้นะคะ
อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยค่ะ แล้วพบกันเสาร์นี้ค่า
Author's Talk 01 DEC 2022
สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
ฟื้นมาลงอีกตามเคยค่ะ จริง ๆ ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองจัดการเวลาได้ไม่ดีเท่าที่ควรเลยค่ะ แต่ทนความเหนื่อยไม่ไหวจริง ๆ Y_Y
ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3
จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)
อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย
แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนที่ 28 ในวันเสาร์นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^
Comments (0)