[KNY FF] - In The Rmembrance of Her

 

Special Chapter 03 - Meteor Shower in Summer

 

1st Published : 17 SEP 2022

Rewrite : 20 DEC 2022

===========

 

นี่มันบ้าอะไรอีกวะเนี่ย!

 

ชินาซึงาวะ ซาเนมิ สบถก่นด่าในใจยามกลับมาพบกับหญิงสาวผู้รุกรานสามนางถือวิสาสะเข้าไปทำความสะอาดบ้านในขณะที่เขาออกไปล่าสัตว์และตัดฟืน เส้นเลือดเหนือขมับเต้นตุบ ๆ อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะตะโกนคำถามที่ติดขัดคาใจออกไป

 

“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่กันหา!”

 

“อ๊ะ ซาเนมิซังกลับมาแล้วค่ะ”

 

เสียงใส ๆ ของคามาโดะ เนซึโกะ ดังขึ้นอย่างร่าเริงพลางโค้งคำนับให้แก่เขาด้วยท่าทีกระตือรือร้นไม่ผิดแผกกับเจ้าเด็กบ้าผู้ใช้ปราณตะวันยามการฝึกของเสาหลัก แต่นั่นก็ไม่ได้ไขความกระจ่างให้เขาเลยแม้แต่น้อย

 

“ข้าถามว่า... เจ้าสามคนมาทำอะไรที่บ้านข้า!

 

คำสบถจำนวนมากถูกกลืนหายไปในลำคอ แม้จะอยากก่นด่าอาละวาดแค่ไหน แต่สองในสามของผู้รุกรานก็เป็นบุคคลที่คนรักของเขา โคโจ คานาเอะ อดีตเสาหลักบุปผาผู้จากไปชุบเลี้ยงมาไม่ต่างอะไรกับน้องสาวแท้ ๆ ในไส้ ส่วนอีกหนึ่งนาง ก็เป็นคนที่เขาเคยใช้ความรุนแรงทำร้ายเธอยามที่เด็กสาวคนนั้นยังอยู่ในสภาพอสูร

 

เขาถึงไม่อาจโพล่งคำด่าหยาบคายอะไรออกมาได้ โดยเฉพาะยามสบนัยน์ตาสองคูที่มองมาอย่างใช้ความคิด และอีกหนึ่งที่ใสแจ๋วจนไม่อาจพล่ามอะไรออกมาได้

 

“นี่ผ่านมาสามเดือนแล้วนะคะ... ฉันกำชับชินาซึงาวะซังแล้วใช่ไหมคะว่าให้มาตรวจสุขภาพกับฉันทุกเดือนคันซากิ อาโออิ ตอบอย่างเคร่งขรึมพลางถอนใจยาว “แต่ในเมื่อคุณเบี้ยวนัดแบบนี้ พวกฉันเลยต้องขึ้นมาดูสภาพของคุณหน่อยค่ะ”

 

คำตอบที่มีแววจิกกัดให้ชวนนึกถึงพี่สาวคนรองของพวกเธอ โคโจ ชิโนบุ ถ้อยคำจิกกัดที่มีให้เขาอย่างสม่ำเสมอจนถึงครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันทำหัวใจของเขาอดกระตุกวูบไม่ได้ กระนั้นดวงหน้าของอดีตเสาหลักวายุก็ยังคงถมึงทึงอย่างหงุดหงิด

 

“ก็ข้าไม่ได้เป็นอะไร จะให้ต้องลงไปทำไมให้เปลืองเวลา คนไข้ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ!” ซาเนมิแค่นเสียงตอบ “แล้วว่างมากหรือไงหา ถึงได้ถ่อขึ้นมาถึงที่นี่!

 

คำตอบที่หญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้าได้แต่ไหวไหลอย่างรู้เท่าทัน ท่ามกลางถ้อยคำที่ฟังเผิน ๆ ไม่รื่นหู คำพูดของอดีตเสาหลักวายุแฝงเร้นถึงความห่วงใยที่มีให้แก่พวกเธอมาเสมอตั้งแต่ยามที่อดีตเสาหลักบุปผายังมีชีวิตอยู่

 

“ช่วงนี้คนไข้ซา ๆ ลงแล้ว ตอนนี้คานาโอะก็ช่วยฉันตรวจเหมือนหมอคนหนึ่ง” อาโออิตอบเรียบ ๆ ขณะพับผ้าที่เขาตากระเกะระกะให้เข้าที่ “ในเมื่อคุณไม่ยอมลงไป พวกฉันก็เลยขึ้นมาแทนค่ะ”

 

“ทางก็ชัน ไกลก็ไกล แล้วถ้ามีคนไข้ด่วนจะทำอย่างไรหา!”

 

“ตอนนี้ซึมิ คิโยะ นาโฮะดูแลอยู่ค่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ” ซึยูริ คานาโอะ ตอบนิ่ม ๆ ขณะลูบหัวคาบุระมารุที่ขดตัวพันคอเธอไว้อย่างอ่อนโยน “แล้วพวกฉันก็พอคุ้นทางกับภูเขาลูกนี้แล้วค่ะ”

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนของคนฟังตวัดไปมองหน้าน้องสาวคนเล็กของเธออย่างฉงน หากไม่ทันถาม เสียงใส ๆ ของคนที่อายุน้อยที่สุดในที่แห่งนี้ก็ตอบขึ้นมา

 

“บ้านของซาเนมิซังอยู่ใกล้บ้านของหนูนิดเดียวเอง มิน่า เลยแวะแอบเอาขนมมาให้ได้บ่อย ๆ ขอบคุณมากเลยนะคะ โอฮางิที่ทำมาอร่อยมากเลยค่ะ”

 

“เหอะ!” ชินาซึงาวะ ซาเนมิ พ่นลมออกมาข่มความเขินอายที่พุ่งขึ้นริ้วจนร้อนเห่อทั่วใบหน้า “ว่าแต่ใครบอกว่าข้าอยู่ที่นี่หา!”

 

“กิยูซังค่ะ...”

 

ชื่อที่หลุดออกมาจากปากคานาโอะไม่ได้เกินความคาดหมายของอดีตเสาหลักวายุแต่อย่างใด ด้วยมีเพียงมนุษย์สองคนที่รู้ว่าเขามักใช้บ้านพักบนเขานี้อาศัยเป็นหลักแทนที่คฤหาสน์วายุที่นายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ ผู้ล่วงลับได้ให้ทิ้งไว้

 

แต่นั่นแหละ... ที่เขาขึ้นมาอยู่ที่นี่ก็เพราะไม่อยากให้ใครมารบกวนเกินความจำเป็น ที่ต้องบอกโทมิโอกะ กิยู และอุซุย เทนเง็น ก็เพราะเผลอพลั้งปากไปยามที่ลงไปร่ำสุรากับอดีตสองเสาหลักที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเขาก็กำชับไว้แล้วว่าห้ามบอกใครเป็นอันขาด

 

ไอ้เวรโทมิโอกะ! อย่าให้ได้เจอคราวหน้านะ!

 

“แล้วนี่ชินาซึงาวะซังจะนั่งดี ๆ ให้พวกฉันตรวจร่างกายได้ยังคะ” อาโออิว่าพลางถอนใจยาว “ถ้าอยากให้พวกฉันรีบกลับมากขนาดนี้ ก็ช่วยให้ความร่วมมือกันดีกว่าค่ะ”

 

“เหอะ...” ซาเนมิแค่นลมหายใจพลางทรุดตัวนั่งตามคำบัญชาการของน้องสาวเธอผู้นั้น “จะทำอะไรก็รีบทำ! มืดแล้วเดี๋ยวตกเขาไปจะยุ่งยากเอา”

 

เป็นห่วงพวกหนูด้วยเหรอคะ ซาเนมิซัง” คำถามที่ทำอดีตเสาหลักวายุผินหน้าหนีไปอีกทาง เรียกเสียงหัวเราะจากตัวคานาโอะและเนซึโกะ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ พวกหนูคุ้นชินเส้นทางบนเขานี้แล้วค่ะ ไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอก”

 

“เผื่อพวกสัตว์ป่าออกมาจะทำอย่างไร”

 

เพราะรู้สึกผิดที่ครั้งหนึ่งเขาเคยทำร้ายเด็กคนนั้นยามที่ยังเป็นอสูรอยู่ การกระทำป่าเถื่อนทารุณที่หากคานาเอะยังมีชีวิตอยู่ก็คงตำหนิเขาจนหูชา ทำให้ซาเนมิไม่อาจดุอีกฝ่ายได้ดั่งใจ ถ้อยคำแฝงความห่วงใยที่เรียกรอยยิ้มจางบนดวงหน้าเคร่งขรึมของอาโออิ ก่อนปล่อยให้คานาโอะเป็นฝ่ายตอบคำถามด้วยทีท่านุ่มนวลอ่อนโยน

 

“พวกฉันเตรียมดาบมาค่ะ กับถ้ามันเย็นมากกว่านี้ อิโนะสุเกะคงออกมารับพวกเราเองค่ะ” คำตอบที่ผู้สูงวัยพยักหน้าหงึก ๆ เป็นเชิงรับรู้ แต่มาสะดุดกับประโยคสุดท้ายของเจ้าตัว “หรือถ้ามันดึกมากจริง ๆ คุณจะยอมให้พวกเราค้างที่นี่ได้ไหมคะ”

 

“จะบ้าเหรอไง!” เจ้าของบ้านตะโกนเสียงดัง ใบหน้าคร้ามคมแดงก่ำ “เป็นสาวเป็นนางจะมาขอค้างบ้านผู้ชายจะได้อย่างไรกันหา!”

 

“ไม่นั้นพวกฉันกลับไปนอนที่บ้านของทันจิโร่ก็ได้ค่ะ...”

 

“นั่นก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่!” ความไม่สบอารมณ์บางอย่างบีบรัดจิตใจของเขา ด้วยรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสตรีผู้รุกรานบ้านเขายามนี้ กับเจ้าเด็กเมื่อวานซืนที่เขาหมายหัวไว้ในใจนับตั้งแต่รับรู้ถึงความสัมพันธ์อันงอกเงยมาพักใหญ่ “บ้านนั้นก็มีแต่ผู้ชาย

 

“แต่นั่นพี่จ๋า เซนอิทซึซัง แล้วก็อิโนะสุเกะซังนะคะ ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”

 

“ยิ่งอันตรายน่ะสิไม่ว่า...”

 

แบบเดียวกับที่พี่ชิโนบุไม่พอใจเวลาที่คุณมาคฤหาสน์ผีเสื้อ หรือพี่คานาเอะแอบแวะไปค้างกับคุณที่บ้านของคุณเหรอคะ”

 

ถ้อยคำและนัยน์ตาที่มองมาอย่างรู้เท่าทันของอาโออิทำเจ้าบ้านชะงักไปครู่ใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจเมื่อจนปัญญาจะเถียงอีกฝ่ายได้ สงสัยเด็กบ้าคนนั้นคงไม่ได้ถ่ายทอดแค่วิชาการรักษาพยาบาลให้แก่น้องของเธอคนนี้เสียแล้ว

 

“ดูท่าคาบุระมารุคุงก็คงคิดถึงซาเนมิซังนะคะ” คานาโอะเอ่ยนิ่ม ๆ ขณะลูบหัวงูซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนคู่หูของอิงุโระ โอบะไน อดีตเสาหลักอสรพิษผู้จากไปในศึกครั้งสุดท้าย “ฉันนึกว่าคุณจะฝากคาบุระมารุคุงไว้เป็นการชั่วคราวเสียอีก”

 

“อยู่กับเจ้าก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าไม่อยากเลี้ยงมันแล้ว”

 

อดีตเสาหลักวายุเผลอหลุดถามไปก่อนจะห้ามตนได้ทัน คำถามที่เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนบนสีหน้าของน้องสาวคนเล็กของเธอ เป็นจริงอย่างที่คามาโดะ ทันจิโร่ คาดการณ์ไม่มีผิด ชายคนนี้คงต้องการทิ้งงูตนนี้ไว้เป็นเพื่อนคอยปลอบประโลมเธอและอาโออิหลังจากที่สูญเสียพี่สาวที่เหลืออยู่ไปอย่างไม่มีวันกลับมา

 

ท่ามกลางความหยาบกระด้างที่แสดงออกมา เนื้อแท้ของชายผู้นี้อ่อนโยนจริงอย่างที่อดีตเสาหลักบุปผาผู้จากไปได้เคยกล่าวไว้...

 

“แล้วคุณไม่เหงาเหรอคะ ซาเนมิซัง... อยู่ตัวคนเดียวแบบนี้”

 

คำถามซื่อ ๆ ของเนซึโกะแทงใจชายหนุ่มเข้าอย่างจัง นัยน์ตาสีม่วงอ่อนหม่นแสงลง ขณะปล่อยใจระลึกถึงเหล่าคนผู้จากไปรออยู่ที่อีกภพภูมิหนึ่ง โดยเฉพาะเจ้าของรอยยิ้มอ่อนโยนที่ติดตรึงอยู่ในหัวใจของเขาตลอดกาล คนที่จากไปก่อนที่ความปรารถนาของตนทุกข้อจะกลายเป็นจริง

 

คนที่เขาอยากให้ได้เจอกับหญิงสาวเจ้าของคำถามผู้นี้ยิ่งกว่าใคร...

 

คนที่เขาอยากให้ได้เห็นน้องที่เหลืออยู่สองคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข... เยี่ยงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง บนโลกอันแสนสงบสุขใบนี้...

 

คนที่เคยหวังว่าจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตสงบสุขกับเขา ในบ้านหลังนี้...

 

“ไม่หรอก... ข้าชินแล้ว มากคนสิมากความ”

 

คำโกหกถูกปล่อยออกมา เขาไม่ได้อยากให้เด็กพวกนี้ต้องมากังวลกับสุขภาพอันทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ตามเวลาที่ใกล้จะหมดลง และอยากใช้เวลาตามลำพังระลึกถึงความทรงจำที่มีร่วมกับเธอผู้นั้น คนที่เขาเฝ้ารอให้มารับเขาในอีกปีเศษ ๆ ข้างหน้า

 

คนที่เขาเฝ้ารอจะบอกเล่าถึงความเป็นไป บนโลกอันงดงามและสงบสุขแห่งนี้

 

“โกหกไม่เก่งเลยนะคะ ชินาซึงาวะซัง”

 

อาโออิว่าพลางถอนใจยาวออกมา ความเป็นห่วงเป็นใยที่พวกเธอสามคนรับรู้ดี แม้จะไม่ได้แสดงออกชัดเจนเท่ากับอดีตเสาหลักวารี หากความอาทรที่เขาผู้นี้มีให้แก่พวกเธอก็ยังคงสม่ำเสมอไม่แตกต่างจากครั้งอดีตเสาหลักบุปผายังมีชีวิตอยู่

 

“แล้วนี่เสร็จธุระแล้วใช่ไหมหา รีบกลับไปได้แล้ว ฟ้ามืดจะเดินลงลำบากนะ”

 

“ยังค่ะ...” คานาโอะเอ่ยเบา ๆ ขณะสะกิดน้องสาวของผู้ใช้ปราณตะวันที่ก้มหน้างุดผิดวิสัย “จริง ๆ แล้วเนซึโกะมีเรื่องอยากจะรบกวนคุณน่ะค่ะ”

 

ดวงหน้าขึ้นสีระเรื่อของเด็กสาวทำซาเนมิสังหรณ์ใจบางอย่าง ท่าทีสนิทชิดเชื้อระหว่างเด็กคนนี้กับไอ้เด็กเปรตขี้ขลาดหัวเหลืองคนนั้นไม่เคยได้หลุดรอดสายตาของเขาไปแต่อย่างใด

 

“คือ...” คำเกริ่นนำเรียกคิ้วของเขากระตุกเป็นจังหวะ ยามมองท่าทีเขินอายของคามาโดะ เนซึโกะ “หนูจะแต่งงานกับเซนอิทซึซังเดือนหน้าค่ะ”

 

“หา! อะไรนะ!”

 

แม้จะเดาได้ว่าสุดท้ายมันคงลงเอยแบบนี้จนได้ หากซาเนมิก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเด็กสาวที่อายุน้อยสุดที่เตรียมออกเรือนแซงหน้าคนสูงวัยกว่าอย่างน้องสาวบุญธรรมของคานาเอะ แถมอีกฝ่ายดันเป็นคนที่เขาเหม็นขี้หน้ามากที่สุด ด้วยความเอะอะโวยวายจนชวนหัวจะระเบิดแทบทุกครั้งที่พบเจอ

 

“ทันจิโร่อนุญาตแล้วค่ะ” คานาโอะอธิบายเพิ่มด้วยใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ “ส่วนของฉันก็... อีกสองเดือนข้างหน้าค่ะ”

 

ข่าวที่ทำให้อดีตเสาหลักวายุหันขวับแทบจะทันที ก่อนจะหันไปมองน้องสาวอีกคนหนึ่งของเธอที่บัดนี้เบือนหน้าหนีด้วยสีหน้าแดงก่ำไม่แพ้กัน

 

“ของฉัน... คงเป็นช่วงปลายปีค่ะ แต่คงไม่มีพิธีการอะไรมากมาย”

 

“ไม่จัดให้มันพร้อม ๆ กันไปเลยล่ะ จะได้ให้มันจบเรื่องจบราวซะ”

 

คนได้รับการบอกกล่าวแค่นเสียง ไม่อาจปิดท่าทีประชดประชันไว้ได้ หากเป็นอะไรที่ดูจะเรียกรอยยิ้มจากคนฟังมากกว่าความหงุดหงิดใจ

 

“พวกเรา... อยากให้คุณมาร่วมงานค่ะ” เนซึโกะเอ่ยด้วยท่าทีวิงวอน ให้ชวนนึกถึงยามน้องสาวสองคนออดอ้อนขออะไรจากเขา “หนู คานาโอะจัง อาโออิจัง อยากได้คำอวยพรจากซาเนมิซังนะคะ...”

 

“มันจะสำคัญอะไรนักหนา ข้าไม่ได้เป็นญาติพี่น้องพวกเจ้าสักหน่อย”

 

ซาเนมิบ่นอุบอิบ หากเป็นคำบ่นที่อาโออิได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจต่อความปากไม่ตรงกับใจของชายคนนี้

 

“คุณรู้ดีกว่าใครนะคะ ว่าทำไม...” คานาโอะเอยด้วยท่าทีจริงจัง นัยน์ตาที่มองมาชวนให้นึกถึงคานาเอะยามโกรธ “คุณก็คือครอบครัวของพวกเรานะคะ ซาเนมิซัง”

 

คำพูดที่แทงใจดำคนฟังอีกครั้ง สำหรับเขา นับตั้งแต่วันที่ยอมรับให้เธอคนนั้นเข้ามาในชีวิต เป็นคนที่หวังจะมีอนาคตอันสดใสร่วมกัน เขาก็ยอมรับน้อง ๆ ทั้งหลายของเธอเข้าเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่จะต้องปกป้องสืบไป...

 

ในฐานะครอบครัว... ในฐานะพี่ใหญ่ที่ต้องคอยดูแลน้อง ๆ ไปจนถึงที่สุดของชีวิต

 

รวมถึงเด็กสาวนัยน์ตาแจ๋วแหววคนนั้น คนที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับหญิงสาวที่เขารัก ไม่ได้ทันเจอเธอคนนั้นยามที่เธอมีชีวิตอยู่ แต่ถูกดั่งที่ชิโนบุว่าไว้ หากคานาเอะได้เจอกับอดีตอสูรสาวคนนี้ เธอของเขาต้องมีความสุขยิ่งกว่าใคร และคงรับสาวน้อยคนนี้เข้าเป็นน้องสาวอีกคนอย่างแน่นอน

 

ซาเนมิมองนัยน์ตาสามคู่ที่จับจ้องมา นัยน์ตาที่ชวนให้นึกถึงทั้งเธอผู้นั้น ทั้งชิโนบุ หรือเหล่าน้อง ๆ ที่จากไปเมื่อหลายปีก่อน ก่อนจะถอนใจออกมาพร้อมกับขยี้ศีรษะอย่างไม่สบอารมณ์

 

“ถ้าไม่ติดอะไรนะ...”

 

คำตอบที่เรียกรอยยิ้มกว้างจากหญิงสาวทั้งสามคน กิริยาอันเรียกรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นพาดผ่าน ถึงจะไม่ค่อยถูกใจกับชายหนุ่มที่เด็กสามคนนี้เลือก แต่เขาก็คงไม่มีปัญญาไปห้ามอะไรได้

 

อย่างน้อย ความฝันของคานาเอะที่จะได้เห็นน้องสาวที่รักอีกสองคนได้มีชีวิตเยี่ยงสตรีธรรมดา เจอคนที่รัก ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปจนตราบสิ้นอายุขัยก็เป็นจริงได้ในที่สุด

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนจับจ้องไปยังทิวทัศน์ข้างนอก ดอกซากุระหลงฤดูยังคงผลิบานแม้ในต้นฤดูร้อน กลีบดอกบอบบางที่ถูกลมพัดกระจายฟุ้งตัดกับท้องฟ้างดงามเหมือนที่เคยได้มองกับเธอในวันนั้นทำนัยน์ตาของเขาแสบร้อนนิด ๆ

 

ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงของเขา... อย่างน้อยเด็กพวกนี้ก็ทำมันจนสำเร็จ...

 

กว่าจะจัดการกึ่งงัดกึ่งไล่แขกผู้มาเยือนกลับไปยังบ้านของเจ้าหล่อนได้สำเร็จ พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากคนที่มายืนส่งยิ้มโง่ ๆ อยู่หน้าบ้านก่อนที่เขาจะทันได้เข้านอน ก็ทำให้เจ้าของบ้านแยกเขี้ยวพร้อมกับขยับกำปั้นไปมา

 

แส่ไม่เข้าเรื่องตลอดเลยนะโว้ย!”

 

“...ข้าทำอะไรผิดเหรอ”

 

น้ำเสียงเนิบ ๆ ของโทมิโอกะ กิยู ที่มักกระตุ้นต่อมโมโหของเสาหลักวายุมาตลอดตั้งแต่ได้รู้จักกันเมื่อหลายปีก่อน บัดนี้ทำให้เขาได้แค่ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด

 

หากก็ทำอะไรไม่ได้มาก ด้วยนี่คงเป็นคนไม่กี่คนที่เขาสามารถเรียกได้ว่าเป็นสหายได้อย่างสนิทปากในเวลานี้

 

แม้ไม่ใช่คนที่หวังดีกับเขาเสมออย่างคุเมโนะ มาซาจิกะ แม้ไม่ใช่คนที่เข้ากันได้ดีเกือบทุกเรื่องอย่างอิงุโระ โอบะไน หรือคนที่เข้าใจเขาที่สุดอย่างที่คานาเอะเป็นมา

 

แต่ชายผู้นี้ คือคนที่เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดและการสูญเสียแบบเดียวกับที่เขาต้องประสบ... และต้องมีอันมาเกี่ยวดองกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

“แล้วมีธุระเร่งด่วนอะไรหรือชินาซึงาวะ”

 

ธุระน่ะมี... แต่มันใช่เวลาที่จะมาหาข้าไหมวะโทมิโอกะ”

 

“ก็... เห็นส่งอีกาสื่อสารมา ก็นึกว่ามีธุระด่วนอะไร” วิธีการพูดจาให้ชวนมึนงงของอดีตเสาหลักวารียังคงเส้นคงวาไว้เหมือนที่เป็นมาตลอดชีวิต ทำให้ซาเนมิเริ่มสงสัยว่าตนอาจคิดผิดที่รีบร้อนติดต่อไอ้คนไม่รู้จักกาลเทศะหน้ามึนคนนี้ “แล้วนี่แวะมาเยี่ยมทันจิโร่น่ะ... ก็เลยรีบมาที่นี่”

 

“ให้ตายสิ! แกนี่มันกวนโมโหข้าจริง ๆ” อดีตเสาหลักวายุสบถก่อนถอนหายใจยาวแล้วเดินพาอีกฝ่ายมายังชานหลังบ้าน “ใครใช้ให้แกไปบอกเด็กพวกนั้นว่าข้าอยู่นี่!”

 

คำถามที่โทมิโอกะ กิยู ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ อย่างรู้สึกผิดเบา ๆ

 

ขอโทษ... ไม่ได้ตั้งใจจะบอกนะ แต่

 

“เออ โดนซักขนาดนั้น... ไม่หลุดก็แปลก” คำพูดที่กิยูได้แต่รีบพยักหน้าหงึก ๆ จนเจ้าของบ้านแค่นลมออกมาอย่างหน่ายใจ “ให้ตายสิ... จุ้นจ้านกันจริง ๆ”

 

ซาเนมิว่าพลางทรุดตัวนั่งลงบนเฉลียงหลังบ้าน พลางแหงนมองจันทร์เสี้ยวข้างขึ้นที่ลอยบนฟากฟ้ามืดมิดท่ามกลางดาราที่สุกสกาว ชวนให้นึกถึงความหลังที่เคยมีกับคนผู้จากไปรอเขายังอีกภพภูมิหนึ่ง ที่มักจะหาเวลาว่างชวนเขาเฝ้าดูดาวหลังเสร็จภารกิจในแต่ละวันด้วยกัน

 

คนที่ทำให้เขาไม่อาจตัดขาดจากเด็กพวกนั้น... หรือแม้แต่คนที่เพิ่งทรุดตัวนั่งอยู่ไม่ห่างจากเขาได้โดยง่าย

 

“ทำไมถึงไม่อยากบอกให้พวกเนซึโกะรู้ล่ะ...”

 

“แกก็รู้ ว่าข้าอยากอยู่คนเดียว ให้มาบ่อย ๆ ละได้หูหนวกก่อนตายแน่” น้ำเสียงของชายหนุ่มเจือด้วยความอ่อนโยนขัดกับถ้อยคำที่พูดออกมา “แล้วทางมันทั้งชัน ทั้งสูง ทั้งอันตรายจะตาย ถึงไม่เข้าใจว่าแกจะรีบมาทำบ้าอะไร”

 

ถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจนกิยูได้แต่อมยิ้มน้อย ๆ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่อาจเข้าใจนัยยะที่แฝงอยู่ท่ามกลางคำพูดที่ฟังไม่รื่นหูเหล่านี้ แต่เมื่อเวลาผันผ่านมาถึงตอนนี้ ทั้งการกระทำที่อีกฝ่ายได้แสดงออกมา ทั้งสิ่งที่ได้แลกเปลี่ยนจากชิโนบุทุกค่ำคืนในฝัน เขาเริ่มเข้าใจถึงความในใจของอดีตเสาหลักผู้เกรี้ยวกราดคนนี้

 

“เป็นห่วงสินะ...”

 

คำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ แต่อาการถอนใจยาวแล้วเหม่อมองฟ้าของเจ้าของบ้าน ก็พออนุมานได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ปฏิเสธคำถามของเขาแต่อย่างใด

 

“แล้วที่เรียกข้ามานี่...”

 

“มีเรื่องอยากปรึกษาแกหน่อย”

 

คำถามที่อดีตเสาหลักวารีขมวดคิ้วอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกกับคำพูดที่โพล่งขึ้นมา ทีท่าที่สร้างความหงุดหงิดแก่คนถามจนได้แต่สงสัยว่าตนใจร้อนไปหรืออีกฝ่ายสมองกลวงจนเกินไป

 

“แกต้องรู้แล้วสินะ เรื่องเด็กพวกนั้น...”

 

“อ๋อ...” กิยูพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนแย้มยิ้มกว้าง “พวกเนซึโกะบอกแล้วล่ะ”

 

“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ...”

 

“ก็ไม่นะ...” คำตอบที่เรียกเสียงสบถดังลั่นจนกิยูสะดุ้ง “ไม่พอใจเหรอ”

 

เออสิ! ข้าว่ามันเร็วไป...” ซาเนมิบ่น “ข้ารู้ว่าข้าคงไม่มีปัญญาไปห้ามอะไรได้ แต่เจ้าเด็กหัวหมูป่านั่น... กับไอ้เด็กหัวเหลืองเวรนั่น แกว่ามันจะดูแลยัยเด็กคันซากิกับยัยเด็กคามาโดะนั่นได้เหรอวะโทมิโอกะ”

 

“ก็ไม่... แต่มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่เราจะตัดสินใจได้อยู่ดี” คำตอบยาว ๆ ที่ฟังดูมีสาระหลุดออกจากปากแขกผู้มาเยือนกลางดึกเป็นครั้งแรก จนเจ้าของบ้านอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วกับคำพูดอันยาวผิดวิสัยของอดีตเสาหลักวารี “ข้าเชื่อว่า... ทั้งเนซึโกะ คานาโอะ อาโออิ คงตัดสินใจมาดีแล้วล่ะ”

 

เข้าข้างกันจริงนะ... แกกับเด็กของแก”

 

“เปล่าเลย” กิยูปฏิเสธคนที่แทบจะแยกเขี้ยวกินหัวเขา ก่อนส่งยิ้มอ่อนโยนที่เจือด้วยความเศร้าอย่างที่ทุกคนชินตาตลอดสองปีหลังจากจบศึกสุดท้าย “แต่เรา... น่าจะเข้าใจดีกว่าใครนะว่าเวลาที่มีอยู่มันสั้นแค่ไหน”

 

คำพูดที่เตือนสติชินาซึงาวะ ซาเนมิ จริงดั่งที่อีกฝ่ายพูด การสูญเสียที่ได้รับมาตลอดชีวิตนั้นเป็นสิ่งสะท้อนให้เขารู้ซึ้งว่าเวลาที่มีอยู่มันแสนสั้นเพียงใด

 

จนทำให้เขาได้แต่เพียงใช้เวลาที่เหลืออยู่เฝ้าระลึกถึงเหล่าคนที่จากไปได้เพียงในความทรงจำนิรันดร์เท่านั้น...

 

“เหอะ...”

 

เจ้าตัวสบถออกมาด้วยใบหน้าหมองหม่น เวลาที่เหลืออยู่ไม่นาน มันคงไม่มากพอที่จะคอยปกป้องเหล่าเด็กพวกนี้ไปได้ตลอดชีวิต...

 

“แล้ว... โคโจคนพี่ ...อดีตเสาหลักบุปผา กับชิโนบุเอง” เสียงของอดีตเสาหลักวารีสั่นเครือยามพูดถึงหญิงสาวผู้จากไป คนที่เขามีเพียงคืนเดียวที่ได้ใช้ร่วมกันฉันคนรัก คนที่ไม่อาจลบเลือนไปจากใจได้ “ก็คง... อยากเห็นทุกคนมีความสุข แล้วก็คงมีความสุขกับสิ่งที่เด็กพวกนั้นเลือกนะ”

 

ถ้อยคำทิ้งท้ายที่ทำให้คนฟังได้แต่พยักหน้ารับ ยอมจำนนโดยดุษณี เมื่อมันเป็นสิ่งที่เขารู้ดีมาโดยตลอด... และอาจจะรู้ดียิ่งกว่าใครทั้งหมด

 

เมื่อมันเป็นฝันสุดท้าย... ที่ยังไม่อาจเป็นจริงได้ของคานาเอะในตอนนี้

 

ไม่รู้ว่ายาวนานแค่ไหนที่ซาเนมิยังคงนั่งเหม่อมองท้องฟ้าอย่างใจลอย ขณะปล่อยแขกผู้มาเยือนเข้านอนเงียบ ๆ เพื่อไปพบกับคนที่อีกฝ่ายเฝ้ารอในฝัน ฝนดาวตกพุ่งพาดผ่านท้องฟ้างดงามไม่ผิดกับครั้งที่เขาเคยทอดมองกับคานาเอะเมื่อหลายปีก่อน ความสงบอันงดงามที่ยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงความทรงจำของคืนวันที่มีร่วมกันสั้น ๆ ที่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเพียงไม่กี่วันดั่งคนธรรมดาทั่วไปบนบ้านหลังนี้

 

“ไม่คิดว่ามันเร็วไปหน่อยเหรอ...”

 

เขาพึมพำกับดวงดาวพราวระยิบระยับบนฟากฟ้า หากสายลมเย็นของต้นฤดูร้อนที่พัดผ่านร่างนั้นนุ่มนวล ดุจอ้อมกอดที่คอยปลอบประโลมใจของเธอคนนั้น นำพากลีบดอกซากุระหลงฤดูมาตกกระทบกับเครื่องประดับศีรษะในอุ้งมือของเขา เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าคร้ามคม

 

คำตอบของเจ้าสินะ คานาเอะ...”

 

ซาเนมิกระซิบเบา ๆ ขณะปล่อยจิตใจระลึกไปถึงช่วงเวลาไม่กี่วันก่อนที่เธอจะจากโลกนี้ไป ทั้งที่รู้ว่าในตอนนั้น ไม่มีทางที่เขาจะได้มีชีวิตร่วมกับเธออย่างสงบสุขดั่งความฝัน แต่เขาก็อยากที่จะมีชีวิตร่วมกับเธอ

 

เพราะไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าวาระสุดท้ายจะมาเยือนพวกเขาเมื่อใด...

 

หากคานาเอะได้แต่ส่ายหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทีที่สร้างความฉงนสงสัย ก่อนนัยน์ตาทั้งสองข้างจะแสบร้อนยามได้ยินเหตุผลที่เธอปฏิเสธเขาในตอนนั้น

 

‘ไว้ซาเนมิตามหาเกนยะคุงพบเมื่อไร เราค่อยไปคุยกับนายท่านนะคะ...’

 

คำตอบที่สะท้อนให้เห็นว่า สำหรับเธอคนนั้นแล้ว เธอต้องการให้เขาได้พบเจอกับน้องที่เหลือเพียงคนเดียวก่อนจะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน

 

คำตอบที่เรียกแขนของเขาโอบรัดร่างของเธอไว้แนบแน่น ซาบซึ้งที่เธอนับน้องชายของเขาเข้าไปในสารบบครอบครัวของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

‘ถ้าวันหนึ่งที่เราปราบอสูรได้ แล้วก็น้อง ๆ ของเราเป็นฝั่งเป็นฝาไป ฉันเองอยากลองแยกไปอยู่กับคุณสองคนเหมือนกัน ดีไหมคะ’

 

‘แล้วน้อง ๆ ของเจ้าล่ะ...’

 

‘มันก็คงมีวันที่น้อง ๆ เราต้องแยกออกไปใช้ชีวิตกับคนที่เขารักอยู่ดีค่ะ’ เธอว่าพลางไล้ใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา ‘ถึงเวลานั้นฉันกับคุณ เราขึ้นไปอยู่ที่บ้านบนเขาหลังนั้นกันไหมคะ ที่นั่นคงต้องการหมอสักคนคอยดูแลชาวบ้าน แล้วก็คงต้องการแรงงานแข็งแรงแบบคุณคอยซ่อมแซมนั่นนี่อยู่นะ แต่ฉันก็รู้ว่าซาเนมิก็คงอยากลงมาเยี่ยมน้อง ๆ บ่อยพอ ๆ กับฉันนั่นล่ะค่ะ’

 

‘ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการนะ...’

 

‘แหม... คุณก็ไม่ได้ชอบเวลาน้อง ๆ มาขัดตอนฉันอยู่กับคุณเท่าไรหรอกเนอะ’ เธอยิ้มพร้อมกับดึงปลายจมูกของเขาด้วยความมันเขี้ยว ‘เพราะฉะนั้นเราคงต้องให้เวลาส่วนตัวกับน้อง ๆ ในวันที่เขาเจอคนที่รักบ้างสิคะ’

 

ท่าทีที่เขาถอนใจอย่างหงุดหงิด หากในใจก็ไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่คานาเอะว่าได้แม้แต่นิดเดียว

 

เพราะนั่นก็คือความปรารถนาสูงสุดของเขาเช่นเดียวกัน...

 

“บางทีเจ้าก็ตามใจน้องเจ้าเหลือเกินนะ จะเหลืออะไรให้ข้าไปห้ามได้อีกล่ะ”

 

แสงดาวบนฟากฟ้ากะพริบราวกับหัวเราะในคำบ่นนั่น เรียกรอยยิ้มเศร้าสร้อยบนใบหน้าคมสัน

 

เขา... อยากให้เธอได้เห็นเหลือเกิน

 

เขา... อยากเห็นชิโนบุ เกนยะ และน้อง ๆ ที่เหลือ มีรอยยิ้มเปี่ยมสุขดั่งที่เขาได้เห็นจากเด็กสาวสามคนนั้น...

 

หากแต่... มันคงไม่มีวันเป็นจริงได้ในชาตินี้แล้ว

 

ถึงรู้ว่าเด็กพวกนั้นได้รับปูนบำเหน็จจากนายท่านอุบุยาชิกิ คิริยะ แต่สองคนนั้นก็ไร้ญาติ อีกคนหนึ่งก็มีเพียงบ้านที่เก่าโทรมและห่างไกลความเจริญ

 

ไม่รู้ว่าเด็กเหล่านั้นจะชอบใจในการตัดสินใจของเขากับโทมิโอกะ กิยู หรือไม่ หากพวกเขาก็ไม่มีใครที่จะคอยรับทรัพย์สินที่เหลืออยู่เหล่านั้นไปอีกแล้ว

 

ขอให้สิ่งเหล่านี้เป็นของขวัญ... จากเหล่าพี่ชายที่จะต้องละสังขารไปในอีกไม่ช้า

 

ในที่สุด... หน้าที่สุดท้ายที่เขาหลงเหลืออยู่ก็จะลุล่วงไปได้ด้วยดี เมื่อเขาส่งน้องที่เหลือของเธอไว้ในมือของคนที่จะคอยดูแลปกป้องเธอหลังจากที่เขาจากโลกนี้ไป

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนจับจ้องกลีบซากุระที่ปลิวบนท้องฟ้าอย่างอ่อนโยน พลางขอพรให้เด็กเหล่านั้นผ่านฝนดาวตก เหลือเพียงอีกปีเศษ... ที่เขาจะก้าวข้ามแม่น้ำแห่งยมโลกเพื่อพบเธอ พร้อมกับเล่าถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขของเด็กเหล่านั้นให้เธอได้ฟังเอง

 

รอข้าหน่อยนะ... คานาเอะ

 

===========

Author's Talk 17 SEP 2022

สวัสดีค่า กลับมาหลังห่างหายไปทำเล่มมาค่ะ ฮื้อ งานถล่มมาก มากแบบ เหม่อมองฟ้า อยากให้มีวันนึง 60 ชั่วโมงมากค่ะ จะได้มีเวลาเคลียร์งานเพิ่มอีกสัก 8 ชั่วโมง ที่เหลือก็มาปั่นฟิคเนอะ

บทนี้เป็นอะไรที่ ขำพี่สาจริง ๆ ค่ะ แต่ก็วงวารพี่สาที่ จริงอยู่ พี่ไม่ได้จมกับความเศร้าเท่าคุณกิ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่คิดถึงเหล่าคนผู้จากไปเลยนะคะ

ชอบความซากุระปลิวตกระมือมากค่ะ เป็นคำตอบของพี่เอะในอีกภพภูมิจริง ๆ แต่เราเชื่อว่าพี่สาคงอยากให้พี่เอะได้เห็นทุกสิ่งด้วยตาจริง ๆ ค่ะ

แต่ขำความหวงน้อง (พี่เอะ) ของพี่แกจริง ๆ จุดนี้เชื่อว่าถ้าได้เจอคามาโบกะ พี่สาน่าจะจับยิงและชู้ตให้ขิตค่ะ

ถ้ามีโอกาส เราก็อยากเขียนถ้าทุกคนรอดแบบไม่แอ๋งบ้างเนอะ <3

ลองดูเล่มตัวอย่างได้จากที่เราอัพเดท หรือในเทรดทวิตเตอร์นี้นะคะ

แล้วก็ ใครที่มีความสนใจอยากเก็บฟิคเล่มนี้ รวมถึง KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง เป็นที่ระลึก ตอนนี้เราเปิดพรีฟิคอีกรอบสำหรับงาน comic avenue ค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือจะรอไปเก็บรอบงาน Comic Avenue ในวันที่ 8 ตุลาคม 2565 ที่บูท E23 ก็ได้เหมือนกันค่ะ

ช่วงพฤหัสที่ผ่านมา ทางฟาสส่งเล่มตัวอย่างมาแล้วค่ะ กรีดร้องมาก ฮื้อออออ ฟาสทำงานได้เนียบกริบอีกแล้วค่ะ ลองไปส่อง ๆ ในเทรดทวิตเตอร์นี้ได้นะคะ จิ้มเลย

เดี๋ยวเล่มจริงมา เราจะมาแปะให้ดูอีกรอบนะคะ

ไว้ส่งเล่มจริงแล้ว อาจจะขออนุญาตลงตอนพิเศษ 4 ก่อน แล้วค่อยไล่ลงแบบ rewrite อีกทีค่ะ ^^ ใกล้ความจริงแล้วเย่

อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ พรเอ็นไหล่อักเสบมาร่วมสามเดือนละค่ะ เจอนักกายภาพบำบัดบ่อยกว่าเพื่อนสนิทแล้ว ^^" ร่างกายเรามีชิ้นเดียว ใช้กันถนอม ๆ นะคะ

แล้วมาเจอกับเล่มจริงเร็ว ๆ นี้ และตอนพิเศษสุดท้ายของเรื่องนี้ค่ะ

Author's Talk 20 DEC 2022

สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

แป๊บ ๆ เหลืออีกตอนเดียว ก็จะลง rewrite ของเรื่องนี้จนจบแล้วสินะคะ ใจหายจริง ๆ ค่ะ

แต่... แอบลุ้นว่าช่วงคริสมาส จะมีแรงมาแต่งฟิคซาเนคานา กิยูชิโน ทีแบบ อาจจะไม่เคยได้เห็นเราเขียนแนวอะไรแบบนี้เท่าไรด้วยค่ะ : D ต้องมาลุ้นว่าจะทำไหวไหม (แต่คง short fic ไม่เกิน 3-4 ตอนจบนะคะ ไม่น่ายาวมาก)

ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3

จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)

แล้วก็ตามสัญญาค่ะ แบบฟอร์ม สคส. 2566 ดูรายละเอียดตามเทรดนี้ได้เลยนะคะ

อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย

แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนพิเศษ 4 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายในวันพฤหัสบดีนะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^