[KNY – Fanfiction] In The Remembrance of Her

Special Chapter 02 - Starry Nights (II)

 

1st Publised : 16 JUL 2022

Rewrite : 18 DEC 2022
 

 

ตอนระหว่างบทที่ 20 และ บทที่ 21 และตอนต่อตอนพิเศษ 2.1 ของ In The Remembrance of Her ค่ะ

Rating : R15

 

สำหรับใน Readhaus ขออนุญาตตัดเนื้อหาส่วนที่สุ่มเสี่ยงกับการละเมิดกฎของเว็บไซต์ออกไปค่ะ โดยฉบับเต็มขอให้หาอ่านจากแพลตฟอร์มที่เราลงเป็นหลัก หากไม่เข้าเงื่อนไขใด ๆ ขอให้ทำตามหลักเกณฑ์ตามที่เรากำหนดไว้ในแพลทฟอร์มนั้นนะคะ

 

คิดเห็นยังไง บอกเล่าเก้าสิบได้นะคะ

 

==========

Cut Version

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนปรือตื่นขึ้นช้า ๆ แล้วเหลียวซ้ายแลขวามองหาหญิงสาวที่มักจะอยู่ข้างกายเขาไม่หนีห่างไปไหน ก่อนจะพบเธอที่กำลังนั่งใช้สมาธิจรดปลายพู่กันเขียนจดหมายอยู่ยังมุมห้อง

 

ย่างเข้าวันที่สี่นับแต่เสาหลักวายุฟื้นคืนสติกลับมา บาดแผลตามร่างกายเริ่มสมานและยุบตัว เป็นวันแรกที่เขาเริ่มมีเรี่ยวแรงพอที่จะฝืนชันกายขึ้นมา หากความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ถูกอสูรร้ายฝากไว้แล่นขึ้นจนมือเผลอปัดเหยือกน้ำที่วางไว้ล้มโครม เรียกให้เสาหลักบุปผาหันขวับกลับมาแทบทันที

 

เพียงชั่วพริบตา เขาก็สัมผัสถึงมืออันอ่อนโยนที่ค่อย ๆ ประคองร่างของเขาไว้พร้อมกับไล้ไปตามหน้าผากและซอกคออันร้อนผะผ่าว แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาสร้างเงาทาบทับใบหน้างดงามของเธอ จนซาเนมิไม่อาจอ่านอารมณ์ของหญิงคนรักได้ว่าเธอทำสีหน้าแบบไหนอยู่

 

“ตื่นแล้วทำไมไม่เรียกฉันละคะ”

 

เธอกระซิบแผ่วขณะป้อนน้ำให้เขาจิบ แล้วค่อยเป็นยาสมุนไพรอันมีรสชาติเลวร้ายยิ่งกว่าบรรดายาที่เขาต้องทานตอนอยู่คฤหาสน์ผีเสื้อ หากเขาก็ฝืนกล้ำกลืนเพราะไม่อยากทำให้หญิงสาวแสนดีคนนี้ต้องหลั่งน้ำตาด้วยความเป็นห่วงเขาอีก

 

“เห็นวุ่น ๆ อยู่” ซาเนมิตอบเสียงค่อยขณะปล่อยให้เธอจัดการบาดแผลของเขาอย่างเบามือ “นี่ข้ากวนหรือเปล่าคานาเอะ”

 

“ไม่ค่ะ ฉันแค่กำลังเขียนรายงานให้นายท่านกับสั่งงานชิโนบุนิดหน่อย”

 

“แล้วคนเจ็บที่เหลือ...”

 

ปลอดภัยดีทุกคนค่ะ”

 

การตอบคำถามของคนรักที่ทำชายหนุ่มเลือดร้อนมุ่นคิ้วแน่น ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างแล่นเข้าสู่จิตใจ ถึงเสาหลักบุปผาจะยังคงแย้มรอยยิ้มให้เขาทุกครั้งที่สบตา ถึงสัมผัสอันอ่อนโยนและอ่อนหวานยามเช็ดไข้และเปลี่ยนผ้าพันแผลจะยังคงเหมือนเดิม หากเสียงสั่นเครือที่แว่วต้องหูกับเงารื้นด้วยหยาดน้ำตาที่อีกฝ่ายพยายามเพียรซ่อนไม่ให้เขาได้เห็นเป็นดั่งเสี้ยนหนามที่ฝังลึกในใจ

 

เขาทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีกแล้วใช่ไหม...

 

แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้เธอต้องเสียเลือดแม้แต่หนึ่งหยดได้เช่นกัน...

 

หากอาการถามคำตอบคำของคานาเอะก็ทำให้เขารู้ว่าเธอคงโกรธเขาอยู่ไม่มากก็น้อย หากเป็นความโกรธที่แฝงด้วยความเศร้าสร้อยจนใจหาย ถ้อยคำกระซิบทั้งน้ำตายามเขาหมดสติไปเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอเองก็ไม่อาจทนเสียเขาไปได้เช่นกัน

 

“แล้วนี่... เราจะกลับลงไปได้เมื่อไร”

 

เขาเอ่ยออกมา หน้าที่อันเหนี่ยวรั้งเขาทั้งคู่ไว้ ด้วยความสูญเสียที่แต่ละฝ่ายได้รับและไม่ปรารถนาให้ใครต้องมาประสบชะตากรรมอันเจ็บปวดแบบที่พวกเขาต้องเผชิญ

 

จนยอมที่จะละทิ้งวิถีชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาไป...

 

“จนกว่าคุณจะหายดีค่ะ...” คานาเอะตอบสั้น ๆ ก่อนขยายความยามเห็นนัยน์ตากล้าแกร่งมองมาอย่างไม่เชื่อ “คำสั่งของนายท่าน คุณคงไม่ปฏิเสธหรอกนะคะ”

 

“แล้ว... การล่าตระเวน?

 

“โทมิโอกะคุงจะช่วยดูในส่วนของคุณเองค่ะ ส่วนคฤหาสน์ผีเสื้อคงต้องปล่อยให้ชิโนบุรับผิดชอบไป” เธอว่าโดยไม่สนท่าทีฟึดฟัดของคนรัก “อ๋อ แล้วนายท่านก็ขอให้เราช่วยอยู่ดูแลชาวบ้านตรงนี้จนกว่าเหตุการณ์น้ำป่าจะสงบลงนะคะ”

 

ซาเนมิทอดมองออกไปยังนอกหน้าต่าง เสียงสายลมที่พัดหวีดหวิวและสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำ ถึงเขาจะเกิดและเติบโตในชุมชนโกโรโกโสกลางกรุงโตเกียว แต่ก็พอจะประเมินสถานการณ์ว่าน้ำป่ายังคงไหลหลากตราบใดที่พายุยังคงพัดถาโถมเช่นนี้

 

“เดี๋ยวฉันส่งจดหมายเสร็จ จะออกไปดูว่าคนในหมู่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง เผื่อมีใครต้องการความช่วยเหลือ” เธอว่าพลางพับกระดาษเป็นทางยาว ก่อนจะเรียกอีกาสื่อสารประจำตัวมาแล้วผูกจดหมายไว้ตรงขา แล้วหันมายิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน “นอนพักนะคะ เดี๋ยวฉันจะปันข้าวต้มจากผู้ใหญ่บ้านมาให้”

 

เสาหลักวายุได้แต่มองแผ่นหลังของคนรักที่เดินลับออกจากบ้านหลังเล็กนั้นไปด้วยนัยน์ตาหมองหม่น มือสองข้างกำแน่นอย่างเจ็บใจที่ตนนอกจากจะไม่อาจปกป้องอีกฝ่ายได้ดั่งใจหวังแล้ว ยังต้องเจ็บตัวจนเป็นภาระให้แก่เธอคนนั้น ซ้ำร้ายเกือบต้องตระบัดสัตย์ที่สาบานไว้ว่าจะไม่ใช้เลือดหายากอีก

 

หากเขาเก่งกว่านี้ เขาคงไม่ต้องบาดเจ็บให้คานาเอะกังวล คงไม่ต้องเสี่ยงตายให้เธอต้องเป็นห่วงอย่างตอนนี้...

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนเหลือบมองไปยังที่นอนซึ่งถูกปูไว้ไม่ห่างไกล ความเรียบของผ้าห่มที่คลุมทำเขาอดกังวลไม่ได้ ด้วยตลอดสี่วันที่ผ่านมา เขาไม่ทันได้สังเกตว่ามีเพียงเสี้ยววินาทีใดวินาทีหนึ่งที่คานาเอะล้มตัวลงพักให้ได้เห็น

 

ท่าทีกระตือรือร้นที่ใครหลายคนเห็นจนเจนตา หากจะมีใครเล่าสงสัยบ้างไหมว่าเสาหลักบุปผาผู้นี้เหน็ดเหนื่อยอย่างคนอื่นบ้างหรือไม่ ได้พักผ่อนเพียงพอแล้วหรือไม่ ได้หลับตาลงอย่างเป็นสุขจริงจังบ้างหรือไม่

 

หากเขาใช้ความแค้นเป็นเครื่องระบายโทสะอันคุกรุ่นในใจ...

 

เธอคนนั้น... ก็ใช้หน้าที่ปิดบังความเจ็บปวดที่ซ่อนไว้ใต้รอยยิ้มที่มีเพียงเขาคนเดียวล่วงรู้ ว่าแท้จริงแล้วเสาหลักบุปผาก็เป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อ มีวิญญาณ มีความเจ็บปวดและโกรธแค้นไม่แตกต่างจากคนอื่น...

 

ภาระที่เขาได้แต่หวังว่า จะมีวันใดวันหนึ่ง เขาทั้งสองจะได้วางสิ่งนี้ลงจากบ่าทั้งสองข้าง แล้วได้ใช้ชีวิตอันแสนสงบสุขด้วยกันสองคน บนโลกที่ปราศจากอสูร...

 

แม้มันคงไม่ยาวนานตลอดกาลนิรันดร์ก็ตาม...

 

ซาเนมิลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงยามบ่ายแก่ ๆ นัยน์ตาสองข้างกวาดตามองหาเสาหลักบุปผาทั่วตารางนิ้วในบ้านพักหลังเล็ก หากไม่พบแม้แต่เงาของเจ้าหล่อน

 

เหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้าคร้ามคมด้วยหัวใจอันสั่นไหว ขณะพยายามฝืนร่างลุกขึ้นยืนครั้งแรกในรอบสี่วัน ลืมสิ้นความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงทั่วร่างกาย ด้วยใจไหวสั่นกับการไม่เห็นร่างของเธอคนนั้นข้างกาย มือสองข้างที่เต็มไปด้วยบาดแผลรีบเปิดบานประตูของเรือนนอนออกกว้าง แล้วสาวเท้าพลางสอดสายตามองหาเธอผู้นั้น ไม่แยแสสายฝนอ่อนเบาที่ยังคงโปรยปรายสร้างความชุ่มฉ่ำไปทั่วบริเวณ

 

ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยามได้ยินเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลของคานาเอะแว่วมาตามสายลม เขาเปลี่ยนเส้นทางการเดินไปตามทิศทางของบทสนทนา ก่อนจะพบคนที่เขาเฝ้าตามหานั่งสนทนาอยู่ตรงชานบ้านกับหญิงวัยกลางคนและหญิงชรา ภาพที่ค่อย ๆลบเลือนรอยยิ้มออกไปจากดวงหน้าของเขาจนหมดสิ้น

 

ท่าทียิ้มแย้มของหญิงคนรักยามบรรจงปักกิ่งไม้ลงบนแจกัน แล้วตามด้วยช่อดอกไม้ที่เขาไม่รู้จักชื่อ ความสง่างามและนุ่มนวลจากอากัปกิริยาและรอยยิ้มอ่อนโยนทำลมหายใจของเขาติดขัดขึ้นมา

 

ท่าทีที่ตอกย้ำว่า แท้จริงแล้วเขากับเธอแตกต่างกันเหลือเกิน...

 

ซาเนมิได้แต่มองภาพงดงามของคนรักไว้ด้วยแววตาเศร้าหมอง หากคานาเอะไม่ต้องประสบชะตากรรมน่าเศร้าในวันนั้น นี่คงเป็นสิ่งที่เธอทำเป็นกิจวัตรประจำวัน ได้อยู่กับสิ่งที่เธอรัก ได้มีความสุขกับวิถีชีวิตเรียบง่าย ไม่ต้องมาเสี่ยงภัยอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้

 

วิถีชีวิตที่เขาไม่อาจเอื้อมถึง... และคงไม่มีวันให้แก่เธอคนนี้ได้ในเร็ววัน

 

ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่จิตใจ ความไหวหวั่นต่อภาพที่เห็นตอกย้ำความคู่ไม่ควรของเขาและเธอ แต่ไม่ทันจะเดินลับกลับเข้าเรือนน้อยหลังจ้อยดั่งใจอยาก เสียงเรียกชื่อเขาก็ดังขึ้น ก่อนมือของเธอจะคว้าแขนเสื้อยูกาตะของเขาไว้

 

“ตื่นตั้งแต่เมื่อไรคะ” คานาเอะถามเสียงแผ่ว พร้อมใช้มือไล้หยาดฝนออกจากกรอบหน้าของเขา “ตากฝนแบบนี้เดี๋ยวไข้กลับนะ”

 

“สักพัก...”

 

ซาเนมิหลีกเลี่ยงที่จะสบนัยน์ตาคู่งามคู่นั้น ด้วยเกรงว่าเธอจะล่วงรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวในใจ ถึงจะยังอุ่นใจด้วยสัมผัสอันอ่อนโยนจากมือที่เกาะกุมไว้แน่นหนาก็ตาม

 

“แม่หนู ข้าวต้มได้แล้วจ้ะ ว่าแต่พวกเรายังไม่ได้ขอบคุณพ่อหนุ่มเลยนะ” เสียงเย็น ๆ ของหญิงวัยกลางคนอีกคนดังขึ้นจากข้างหลังพลางส่งหม้อข้าวให้แก่เสาหลักบุปผา ก่อนจะน้อมตัวขอบคุณเขาที่ได้แต่โค้งคำนับอย่างเก้งกัง “ขอบคุณมาก ๆ ที่ช่วยพวกเราไว้ พวกฉันดีใจที่เห็นพ่อหนุ่มปลอดภัยดี”

 

เมียเจ้าเป็นห่วงน่าดู” คำพูดของแม่เฒ่าเรียกสีเลือดบนใบหน้าของเขาจนนึกว่าตนไข้กลับขึ้นอีกครั้ง กระนั้นซาเนมิก็อดไม่ได้ที่จะมองแก้มนวลเนียนของคานาเอะที่ขึ้นสีเรื่อจาง ๆ “อย่าทำให้แม่หนูเป็นห่วงบ่อยนะพ่อคุณ”

 

“พวกเราไม่ได้...”

 

คำปฏิเสธถูกขัดด้วยเสียงกระแอมของชายวัยกลางคนผู้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน หากรอยยิ้มรู้เท่าทันที่แฝงอยู่บนใบหน้าของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนก็ทำให้เขาจนด้วยคำพูดไปโดยปริยาย

 

บางทีปล่อยให้คนในหมู่บ้านเข้าใจแบบนี้อาจจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของเธอคงต้องมามัวหมองเพียงเพราะนอนอาศัยชายคาเดียวกันกับเขา

 

เขาเดินตามเธอกลับไปยังบ้านพักหลังเล็ก ฟืนจำนวนมากถูกเติมใส่เตาที่ตั้งอยู่กลางบ้าน เช่นเดียวกับฟูกนอนที่ถูกปูขึ้นใหม่วางประชิดกัน หากความอึดอัดจากท่าทีที่แปลกไปของเธอและตะกอนในใจของเขาก็ทำให้ไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างมื้ออาหาร ความเงียบอันทำให้ได้ยินเสียงพายุที่เริ่มพัดโถมใหม่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

กระนั้นซาเนมิก็ไม่อิดออดยามรับถ้วยยารสชาติฝาดจากคานาเอะ ไม่ดื้อดึงยามเธอใช้ผ้าสะอาดชุบไล่ความร้อนที่เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นัยน์ตาสีม่วงอ่อนจับจ้องยังรอยคล้ำใต้นัยน์ตาคู่งาม ก่อนจะจับข้อมือของเธอไว้แล้วเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง

 

“พักบ้างเถอะนะ ข้าไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ”

 

“แต่ว่า...”

 

“คานาเอะ...” เขาวิงวอน ขณะสบนัยน์ตาสีชมพูอ่อนที่หมองเศร้าและอ่อนล้ายิ่งกว่าคราไหน แม้รอยยิ้มอ่อนโยนจะยังคงฉาบบนดวงหน้างดงามนั้น “ข้าขอร้อง...”

 

คำวิงวอนที่ทำให้เสาหลักบุปผายอมวางอ่างน้ำและผ้าสะอาดลง เรี่ยวแรงที่ใกล้มาถึงขีดจำกัดทางกายภาพทำให้เธอรู้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะฝืนต่อไป และอาการของเสาหลักวายุในวันนี้ก็ดีขึ้นมากจนเธอไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่โยงเฝ้าเขาตลอดทั้งคืน

 

เธอค่อย ๆ แทรกตัวลงยังฟูกนอนที่ตั้งอยู่ข้างกายของเขา พยายามที่จะฝืนตารอคอยให้คนเจ็บเป็นฝ่ายหลับไปก่อน แต่สุดท้ายความเหนื่อยล้าที่ตนตรากตรำมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็เป็นฝ่ายเอาชนะ

 

นัยน์ตาคู่งามปิดลงอย่างอ่อนล้า ก่อนเธอจะเริ่มจมดิ่งไปกับความฝันที่พยายามหลีกเลี่ยงมันมานับตั้งแต่เห็นกรงเล็บแหลมคมของอสูรตนนั้นปาดเกือบถูกเส้นเลือดใหญ่ของชายผู้เป็นที่รัก

 

ความหวาดกลัวอันแฝงเร้นในจิตใจของเธอมาตั้งแต่คืนวันที่เขาใช้มีดกรีดเรียกเลือดหายากเพื่อปกป้องชีวิตของเธอ...

 

ความหวาดกลัว... กลัวว่าภาพความจริงที่เธอเผชิญอยู่สุดท้ายจะเป็นเพียงฝัน และความฝันที่คอยหลอกหลอนเธอมานับตั้งแต่วันนั้น จะกลายเป็นเรื่องจริง...

 

ความจริงที่เธอเสียทุกคนไปอย่างไม่มีวันกลับ...

 

ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเธอมานับแต่วันที่เสียพ่อกับแม่ผู้เป็นที่รักโดยอสูรร้าย...

 

ทุกค่ำคืนที่คานาเอะต้องคอยพร่ำปลอบน้องสาวร่วมสายเลือดที่ยังคงจมดิ่งกับภาพเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่ชะตาชีวิตอันแสนสงบสุขและเรียบง่ายของสองพี่น้องต้องแปรผัน หากเพราะเป็นพี่สาวคนโต เธอจึงฝืนกล้ำกลืนความเจ็บปวดที่มีไม่แพ้กันไว้ในจิตใต้สำนึกเอาไว้ เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งพิงให้น้องสาวสุดที่รักของเธอได้

 

เพราะไม่อยากเห็นใครต้องเจ็บปวดอย่างเธอทั้งสอง เพราะรู้ว่านี่จะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถเยียวยาจิตใจอันแหลกสลายของชิโนบุได้ เธอถึงได้ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมหน่วยพิฆาตอสูรนี้ ทั้งที่รู้ดีว่านับแต่วินาทีแห่งการตัดสินใจในวันนั้น ชีวิตของเธอไม่มีวันที่จะกลับมาเป็นได้ดั่งเดิมอีกต่อไป

 

มือทั้งสองข้างที่ครั้งหนึ่งเคยเรียวยาว นุ่มนวล ที่มีไว้เล่นดนตรี จัดดอกไม้ ชงชา และคอยช่วยงานจิปาถะของบิดามารดา แปรเปลี่ยนเป็นหยาบกระด้างจากการฝึกกรำเพลงดาบ จากการคอยช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งชาวบ้านหรือคนในหน่วยพิฆาตอสูรแห่งนี้ หากไม่มีครั้งไหนที่คานาเอะนึกเสียใจต่อการตัดสินใจของเธอเลย หากสิ่งนั้นจะช่วยชีวิตของใครได้เพิ่มอีกเพียงหนึ่งคน หรือช่วยปลดปล่อยชีวิตอันแสนเศร้าของอสูรร้ายพวกนั้นจากบาปที่ได้ก่อไว้

 

หากลึก ๆ เธอก็ไม่ต้องการเสียครอบครัวที่เหลืออีกเพียงหนึ่งเดียวไปเช่นกัน

 

เธอไม่เคยนึกอยากให้ชิโนบุต้องมาเดินอยู่บนเส้นทางนี้เลย...

 

และยิ่งตั้งแต่เจอเขาผู้นั้น เจ้าของนัยน์ตามุ่งมั่นกล้าแกร่งยิ่งกว่าใคร คนที่มักเจ็บตัวกลับมาให้เธอต้องคอยรักษา...

 

แต่ก็ไม่เท่ากับที่อีกฝ่ายยอมเจ็บตัวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพื่อแลกกับความปลอดภัยของเธอ แม้จะต้องดับลมหายใจของตนก็ตาม...

 

ภาพชายคนรักที่นอนจมกองเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพอาการเพ้อจากพิษไข้เพราะบาดแผลอักเสบ กี่ครั้งที่เธอต้องสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าเพื่อให้ได้ชีวิตของคนคนนี้กลับมา เพราะไม่อาจทนถูกพรากจากคนผู้นี้ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม

 

กี่ครั้งที่เธอเฝ้าฝันถึงคืนที่เขาพยายามผลักไสเธอออกไปจากชีวิต ทั้งรู้ดีอยู่แก่ใจว่าซาเนมิทำไปเพื่อประโยชน์ของเธอ แต่บาดแผลจากคำพูดในคืนวันนั้นก็ยังคงติดตรึงในใจไม่เคยลบเลือน

 

กลัว... กลัวว่าวันหนึ่งเธอจะต้องอยู่ต่อไปบนโลกที่ปราศจากเขาคนนี้

 

กลัว... กลัวว่าวันหนึ่งเธอจะไม่อาจปกป้องชิโนบุได้

 

กลัว... กลัวว่าวันหนึ่งเธอจะไม่อาจปรามให้อาโออิหรือคานาโอะเข้าร่วมเส้นทางเดินที่เต็มไปด้วยภยันตรายอย่างที่เธอกำลังเผชิญอยู่

 

หลายครั้งที่เธอไม่กล้าที่จะหลับตาลง หลายครั้งที่เธอกลัวว่าคนที่เธอรักจะรับรู้ถึงความอ่อนแอในใจ ความอ่อนแอที่เสาหลักบุปผาผู้นี้พยายามเพียรซ่อนไว้ใต้รอยยิ้ม

 

ภาพแผ่นหลังกว้างใหญ่ที่เป็นที่พักพิงจิตใจอันอ่อนล้าค่อย ๆลับเลือนหายไป ไกลเกินกว่าที่มือของเธอจะไขว่คว้าไว้ นำพาหยาดน้ำให้ไหลอาบหน้าก่อนเปล่งเสียงกรีดร้องจากความกลัวอันซุกซ่อนไว้ในจิตใต้สำนึก

 

ฝันร้ายที่เธอกลัวว่ามันจะเป็นความจริงในสักวันหนึ่งอันใกล้!

 

“คานาเอะ... คานาเอะ... ไม่เป็นไรนะ!”

 

เสียงแหบพร่าของเสาหลักวายุดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก สัมผัสจากอุ้งมือหยาบกร้านที่เกาะกุมมือของเธอไว้แน่นหนาเรียกสติของเธอให้ตื่นจากห้วงนิทรา ขับไล่ภาพฝันร้ายที่เกาะกินขั้วหัวใจของเธอทั้งยามหลับและยามตื่นออกไป

 

นัยน์ตาคู่สวยมองใบหน้าคร้ามคมผ่านดวงตาที่พร่าเลือนด้วยหยาดน้ำร้อนที่ไหลรินไม่ขาดสาย แล้วใช้มืออีกข้างที่ยังคงว่างอยู่เอื้อมไปแตะดวงหน้าชายคนรักเอาไว้ ผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อรู้ว่าภาพที่อยู่เบื้องหน้าเป็นความจริง

 

เขายังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่ข้างเธอ ยังไม่จากเธอไปไหน...

 

“ซาเนมิ...”

 

เสาหลักบุปผาพึมพำชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือขณะที่อีกฝ่ายประคองร่างของเธอขึ้นมาจิบน้ำ นัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่ทอดมองเธอนั้นเต็มไปด้วยแววห่วงหาอาทร ทั้งที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอจมดิ่งอยู่ในห้วงฝันร้าย ความอ่อนโยนและสัมผัสอันนุ่มนวลที่ทำให้เธอโถมตัวเข้ากอดร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยแผลเป็นทั่วร่าง มือทั้งสองที่จับชายเสื้อคลุมยูกาตะใส่นอนของอีกฝ่ายสั่นระริกขณะปล่อยกายอยู่ในอ้อมกอดที่เธอโหยหามาหลายวัน

 

อาการสะอึกสะอื้นที่ทำให้เสาหลักวายุได้แต่กัดริมฝีปาก กระนั้นมือขวาก็ค่อย ๆ ลูบแผ่นหลังเล็กบอบบางไว้ แผ่นหลังของหญิงสาวแสนดีที่ต้องแบกรับทุกสิ่งเอาไว้เพียงลำพัง... ความหนักอึ้งในฐานะเสาหลักผู้ค้ำจุนหน่วยพิฆาตอสูร ความเข้มแข็งของพี่คนโตที่ต้องเป็นที่พักพิงให้คนในบ้าน และความเจ็บปวดของคนที่ต้องทนเห็นชายคนรักบาดเจ็บสาหัสเพราะพยายามปกป้องเธอเอาไว้

 

ความเจ็บปวดที่เขาเป็นผู้ก่อขึ้นมา...

 

สัญญาที่เขาไม่อาจรักษาไว้ได้....

 

“ขอโทษ...” คำสั้น ๆ ที่หลุดออกจากปากเสาหลักวายุขณะประคองดวงหน้างดงามให้เงยสบมอง แล้วใช้นิ้วโป้งบรรจงปาดหยาดน้ำตาที่อาบเต็มสองแก้มออกไปอย่างแผ่วเบา “แต่... เข้าใจใช่ไหมว่าข้าไม่มีทางเลือก”

 

“...เลยต้องมาเจ็บตัวเพียงเพื่อปกป้องฉันเหรอคะ”

 

น้ำเสียงอ่อนหวานที่บัดนี้ไม่ปิดบังความเศร้าสร้อยระคนความโกรธขึ้งต่อสิ่งที่เขาทำลงไป แต่กระนั้นชินาซึงาวะ ซาเนมิ ก็พยักหน้าตอบรับเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถึงเหตุผลที่ผลักดันให้เขาทำสิ่งที่รู้ทั้งรู้ว่าคานาเอะจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร

 

“ข้ายอมให้เจ้าเป็นอะไรไปไม่ได้จริง ๆ นะ ต่อให้ต้องเจ็บกว่านี้ก็ตาม...”

 

“แล้วคุณไม่คิดเหรอคะว่าฉันก็เจ็บเป็นเหมือนกัน...” คำตัดพ้อที่แทบไม่เคยมีใครได้ยินเธอคนนี้เอ่ยมาก่อน คำตัดพ้อที่คงมีแต่เขาที่เธอกล้าจะแสดงเศษเสี้ยวความรู้สึกที่แท้จริง ความทุกข์และความกังวลใจของเสาหลักบุปผาที่มีแต่เพียงเสาหลักวายุที่ได้เห็น “ไม่คิดเหรอคะ ฉันก็ทนเสียคุณไปไม่ได้... ฉันทนเห็นคุณต้องเป็นอะไรเพราะฉันไม่ได้...”

 

“รู้...”

 

“ไม่ใช่ฉันไม่รู้สึกอะไรนะคะ!” โคโจ คานาเอะ ระเบิดความเจ็บปวดที่เก็บซ่อนมานานแสนนาน “ทุกครั้งที่คุณเจ็บกลับมา คุณไม่รู้เหรอคะว่าฉันก็เจ็บ ยิ่งคุณต้องเจ็บตัวเพราะฉัน... เพราะจะเอาตัวเข้าแลกกับฉัน... คุณไม่เข้าใจเลยเหรอว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร”

 

มือของเธอสั่นระริกยามไล้ไปยังบาดแผลที่เพิ่งตกสะเก็ด บาดแผลที่ยังสดใหม่บนกายของเขาและในใจของเธอ น้ำตาหยาดแล้วหยาดเล่าตกลงบนแผ่นอกกว้างใหญ่ หากซาเนมิก็จนปัญญาที่จะปลอบใจอะไรเธอผู้นี้ได้

 

จนกว่าหน้าที่ของเขาจะลุล่วง เขาก็คงต้องเสี่ยงชีวิตแบบนี้... เช่นเดียวกันกับที่เธอก็คงจะออกปฏิบัติภารกิจจนกว่าจะลมหายใจสุดท้ายเช่นเดียวกัน

 

เพื่อให้โลกใบนี้ เป็นโลกสงบสุขที่เขาและเธอจะได้ใช้ชีวิตบั้นปลายที่เหลือร่วมกัน เป็นโลกที่ปลอดภัยเพียงพอสำหรับเหล่าน้อง ๆ ของคนทั้งคู่ ที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่รัก มีชีวิตยืนยาว มีลูกมีหลานสืบไป

 

“คุณรู้นี่คะ... ว่าจริง ๆ ฉันไม่ได้อยากเห็นใครต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงอย่างนี้ ฉันต้องเห็นชิโนบุมาเสี่ยงแบบนี้คนหนึ่งแล้ว” ความในใจที่มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ ด้วยเป็นเหตุผลเดียวกับที่เขาตัดสินใจทอดทิ้งน้องชายที่เหลืออยู่หนึ่งไว้เบื้องหลัง “แล้วยังคุณอีก ถึงจะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ทั้งคุณทั้งฉันเลือกเอง แต่ฉันก็... เจ็บทุกครั้งที่เห็นคุณเจ็บกลับมา”

 

“รู้...” ซาเนมิพึมพำ เขาล่วงรู้ถึงความเจ็บปวดนี้ของคานาเอะดียิ่งกว่าใครทุกคน หากด้วยหน้าที่และปณิธานของเขา เขาก็ไม่อาจที่จะเลิกล้มสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้ “แต่มันเป็นหน้าที่

 

“ค่ะ ฉันรู้ดี...” คานาเอะตอบแผ่วเบาขณะเงยหน้าขึ้นสบมองนัยน์ตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น พลังใจกล้าแกร่งที่ทำให้เธอรักผู้ชายคนนี้สุดหัวใจ “เพียงแต่... ฉันไม่อยากให้คุณต้องเจ็บตัวเพราะฉันเป็นต้นเหตุ อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหมคะซาเนมิ”

 

“ข้าทำไม่ได้...”

 

คำตอบที่ทำนัยน์ตาคู่งามของเสาหลักบุปผาจับจ้องนัยน์ตาสีม่วงอ่อนของอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะชะงักงันยามชายคนรักรวบร่างของเธอเข้าอ้อมกอดไว้แน่นหนาไม่ผิดกับครั้งที่เขาเปิดเผยความในใจของตนให้เธอได้รับรู้ในวันนั้น

 

“ข้าเสียเจ้าไปไม่ได้...”

 

อ้อมกอดที่โอบรัดเธอไว้แน่นราวกับไม่ต้องการจะให้เธอจากไปไหนไกล กับถ้อยคำสั่นเครือ สะท้อนความรู้สึกของคนตรงหน้าให้เห็นออกมาอย่างชัดเจน ความรู้สึกของเขาที่มีไม่ต่างอะไรกับความในใจของเธอ ด้วยมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาทั้งสองแปรเปลี่ยนไป

 

ความรัก... ที่ทำให้ทั้งสองต่างมีความสุขไปพร้อมกับต้องทุกข์ใจ

 

...ตราบใดที่เขาและเธอยังคงเลือกเส้นทางเดินนี้ต่อไป...

 

คานาเอะรอจนอีกฝ่ายคลายอ้อมกอดลง แล้วเป็นฝ่ายใช้มือประคองใบหน้าของเสาหลักวายุไว้ เขยิบเข้าชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าว จนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัว เธอมองจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีม่วงอ่อนพร้อมกับกระซิบความในใจของเธอ

 

“ฉัน... ก็เสียคุณไปไม่ได้เหมือนกันค่ะ” เธอยิ้มทั้งน้ำตา ขณะโน้มตัวจรดจุมพิตแผ่วเบาแนบริมฝีปากของคนรัก “อย่าจากฉันไปไหนนะคะ ซาเนมิ”

 

จุมพิตที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักระคนความโหยหาอาวรณ์ สัมผัสที่ทั้งอ่อนหวานแต่ก็หนักหน่วงด้วยอารมณ์แห่งความกลัวในจิตใจ หากคานาเอะก็ไม่คิดจะเสียใจกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนี้

 

ถึงเธอและเขาจะไม่มีวันละจากหน้าที่เสาหลักของหน่วยพิฆาตอสูรจนกว่าจะกำจัดอสูรให้หมดไปจากโลกนี้ หรือจนกว่าจะลมหายใจสุดท้ายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถึงเธอจะบอกเองว่าจนกว่าเป้าหมายของเขาทั้งสองลุล่วงเมื่อไร เมื่อนั้นถึงจะเป็นวันที่เขาและเธอจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างคนธรรมดา บนโลกอันแสนสงบสุขที่เฝ้าฝัน

 

แต่พอต้องเกือบเสียเขาคนนั้นไป คานาเอะถึงได้รู้ว่าเวลาที่เขาทั้งสองมีมันอาจจะสั้นกว่าที่เธอคาดไว้ หรือวันที่เธอและเขาเฝ้าฝันตลอดกาลมันอาจไม่มีวันมาถึง

 

เวลาที่มีอยู่ตอนนี้ เธออยากใช้มันร่วมกับเขาคนนี้ให้ได้นานที่สุด...

 

หากต้องจากกันก่อนความฝันจะเป็นจริง อย่างน้อยเขาและเธอจะมีความทรงจำดี ๆ ติดตัวไปเพื่อนึกถึงช่วงเวลาที่มีร่วมกันมา...

 

“คานาเอะ...”

 

เสียงสายฝนและสายลมจากข้างนอกยังพัดหวีดหวิวให้ได้ยิน หากจิตใจเสาหลักวายุปั่นป่วนยิ่งกว่าลมพายุที่พัดโหมกระหน่ำ ความอดทนที่มีมาตลอดใกล้จะขาดสะบั้นลงด้วยแรงปรารถนาในใจ กิเลสที่ติดตัวมนุษย์มาพร้อมกับสัญชาตญาณดิบที่เขาพยายามฝืนไว้ให้ได้นานที่สุด

 

“อยู่กับฉันตลอดไปนะ... ซาเนมิ”

 

เสียงกระซิบข้างหูที่ทั้งเว้าวอนและยั่วเย้าไปพร้อมกัน สัมผัสอ่อนโยนจากนิ้วที่ลากผ่านเส้นผมยุ่งเหยิงของเขามาจรดบนแผลเป็นบนใบหน้า แผลเป็นที่เกิดจากการถูกจู่โจมจากมารดายามเป็นอสูร ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะสัมผัสบาดแผลเป็นอย่างนุ่มนวล แล้วไล้ลงมายังจมูกแล้วไปจรดอยู่ที่ริมฝีปากของเขาอีกคราหนึ่ง

 

สัมผัสสุดท้ายที่ทำให้เขาไม่อาจฝืนตนไว้ได้อีกต่อไป...

 

ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆโน้มตัวนำพาร่างของเธอเอนจรดแผ่นฟูกนอน พร้อมกับประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากคู่งามคู่นั้น แล้วเคลื่อนไปยังเปลือกตาที่บวมช้ำทั้งสองข้าง ก่อนเขยิบมาซับคราบน้ำตาบนนวลแก้มทั้งสอง สัมผัสที่แม้จะเต็มไปด้วยอารมณ์อันคุกรุ่นอยู่ภายในใจ หากก็ยังคงไว้ด้วยความอ่อนโยนที่เขาสงวนไว้ให้แก่เธอคนนี้คนเดียว

 

หากยามที่มือบอบบางของเธอแตะแผ่นอกกว้างที่เปลือยเปล่า ซาเนมิก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบข้างหูของคนใต้อาณัติ คำพูดที่ราวกับเป็นทั้งคำถามและคำบอกกล่าวถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้

 

พ้นจากนี้ไป ข้าจะไม่หยุดแล้วนะ...”

 

โอกาสครั้งสุดท้ายที่ได้รับเรียกรอยยิ้มอ่อนหวานประดับบนใบหน้าของเสาหลักบุปผา เธอยกฝ่ามือไล้ดวงหน้าของอีกฝ่ายไปมาแล้วใช้แขนเกี่ยวกระหวัดโอบร่างใหญ่เข้ามาแนบชิดก่อนกระซิบเบา ๆ ข้างหูอันแดงก่ำของเสาหลักวายุ

 

“...แล้วฉันอยากให้คุณหยุดเหรอคะ”

 

คำตอบที่เป็นดั่งสัญญาณว่าเธอรับรู้และเต็มใจ นำพาสัมผัสรุกเร้าจากคนรักที่ฝังริมฝีปากแนบลำคอขาวนวลไปจรดเหนือทรวงอกที่เปิดอ้าให้เห็นรำไรเหนือสาบเสื้อยูกาตะใส่นอน โอบิที่เคยรัดรึงไว้บัดนี้หลุดไปจากร่างเป็นที่เรียบร้อย

 

ทุกจุมพิตที่ประทับบนผิวกาย ทุกสัมผัสที่แตะต้อง เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความใคร่ ระคนความหวงแหน ที่ไม่อาจปล่อยให้ใครเข้ามาแยกเขาทั้งสองคนออกจากกันได้ แม้แต่ตัวพญามัจจุราชก็ตาม

 

ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดดวงหน้างดงามยามแนบริมฝีปากจรดหน้าผากที่ชื้นด้วยเม็ดเหงื่อ อ้อมกอดที่รัดรึงร่างของเธอไว้แนบแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจของคนรักดังสะท้อนออกมา ความสุขที่ได้รับเรียกรอยยิ้มอ่อนหวานปรากฏบนใบหน้าของเสาหลักบุปผาขณะซุกใบหน้าแนบแผงอกกว้างพร้อมกับไล้บาดแผลที่ตกสะเก็ดของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

 

“ยังเจ็บแผลอยู่ไหมคะ...”

 

น้ำเสียงหวานของคานาเอะแหบพร่า หากเปี่ยมล้นด้วยความสุขของการที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่รัก

 

อ้อมกอดที่อบอุ่นไม่มีใครเทียบได้...

 

อ้อมกอดที่เธอเฝ้าปรารถนาจะได้อยู่ร่วมกันแบบนี้ตลอดไป...

 

“ไม่เจ็บแล้ว...” ซาเนมิกระซิบกลับพลางฝังจุมพิตแนบขมับ “แล้วเจ้า...”

 

ไม่เป็นไรแล้วค่ะ” เธอกระซิบกลับเบา ๆ พลางหลับตาพริ้ม ความสุขที่ได้รับมันมากกว่าที่เธอเคยคาดหวังไว้ “ถ้าโลกนี้ไม่มีอสูร... มันคงดีไม่น้อยนะคะซาเนมิ”

 

ความในใจที่เป็นความฝันและความหวังในจิตใจของเธอ หากเป็นดั่งความจริงที่ปลุกเสาหลักวายุให้ตื่นจากฝัน มือที่กำลังลูบไล้เส้นผมยาวสลวยที่ตกระอกของตนถึงกับหยุดชะงักกับความจริงอันเป็นดั่งเสี้ยนหนามที่ยังคาใจของตน

 

วงแขนที่คลายออกเรียกนัยน์ตาสีชมพูอ่อนเงยสบมอง สีหน้าหมองหม่นของซาเนมิทำหัวใจของหญิงสาวกระตุกวูบ แต่ก็ไม่เท่าความเศร้าที่ปรากฏอยู่ในนัยน์ตาคู่คมที่ทำหัวใจของเธอไหวสั่น

 

“ซาเนมิ... เป็นอะไรหรือคะ”

 

ถ้าโลกนี้ไม่มีอสูร...” เสียงแหบห้าวพึมพำกับตัวเองไปมามากกว่าจะพูดกับเธอ “ข้ากับเจ้า... เราคงไม่ได้เจอกัน

 

ถ้อยคำที่ฟังเผิน ๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่จากอาการหลบตาของอีกฝ่าย คานาเอะรู้สึกราวกับตนกำลังถูกผลักไสให้ต้องเผชิญหน้ากับพายุฝนในวันฟ้าใส กระนั้นซาเนมิยังคงจมอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดที่ตอกย้ำถึงความแตกต่างระหว่างเขากับเธอ

 

ทำไมพูดแบบนี้อีกแล้วล่ะคะ”

 

“คนไร้การศึกษาอย่างข้า คนที่ต้องหาเลี้ยงตัวเองไปวัน ๆ จะมีปัญญาได้เจอกับคนดี ๆ อย่างเจ้าเหรอ... โลกของเรามันต่างกันมากนะคานาเอะ” ความน้อยเนื้อต่ำใจถึงฐานะอันแตกต่างถูกถ่ายทอดออกมา ยิ่งได้เห็นสิ่งที่เธอทำในยามปกติที่ไม่ต้องแบกรับหน้าที่ของหน่วยพิฆาตอสูรไว้ ยิ่งสะท้อนถึงความเป็นจริงที่เขาทั้งสองมองข้ามถ้าไม่มีอสูร ข้าไม่คิดหรอกว่าโลกของเจ้ากับข้าจะโคจรมาบรรจบกัน คนที่เพียบพร้อมอย่างเจ้าคู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้มาก...”

 

“นี่คุณ... กำลังจะผลักไสฉันไปอีกเหรอคะ ซาเนมิ” คำตัดพ้อสั่นเครือที่แว่วเข้าหูทำเขากำมือแน่น แต่ก่อนจะทันทำอะไร เธอก็ใช้มือทั้งสองประคองใบหน้าของเขาให้สบตากับเธอตรง ๆ “...แล้วคุณไม่ดีตรงไหนคะ หรือฉันดีไม่พอสำหรับคุณ!”

 

“ไม่ใช่...” เสาหลักวายุรีบปฏิเสธยามเห็นนัยน์ตาคู่งามรื้นด้วยหยาดน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า “แต่ข้า... ไม่มีอะไรที่คู่ควรกับเจ้าเลย ไม่มีแม้แต่น้อย”

 

แน่ใจเหรอคะ...” เธอคลี่ยิ้มน้อย ๆ ออกมาหากนัยน์ตาวาววับด้วยประกายบางอย่าง ก่อนจะโน้มดวงหน้าคมสันให้ชิดใกล้แล้วจรดริมฝีปากแนบปลายจมูกของคนคิดมากอย่างหยอกเย้า “ถ้าคุณไม่มีอะไรดีเลย แล้วทำไมฉันถึงตกหลุมรักคนอย่างคุณล่ะคะ เสาหลักวายุ”

 

“เพราะว่า...”

 

“จะเพราะอะไร แต่ฉันอยากบอกอะไรให้คุณรู้ไว้นะคะ” โคโจ คานาเอะ กระซิบเสียงแผ่วข้างใบหูที่แดงก่ำอีกครา แล้วพลิกตัวคร่อมร่างอีกฝ่ายไว้พลางจ้องใบหน้าคนรักอย่างจริงจัง “ฉันก็มีโอกาสได้เจอผู้ชายหลายคนทั้งก่อนหน้าเข้ามาอยู่หน่วย หรือแม้แต่คนในหน่วยด้วยกันเอง... แต่ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ได้เลยนะคะ แม้แต่คนเดียว

 

“คานาเอะ...”

 

คำพูดทุกอย่างถูกกลืนหายยามเธอใช้นิ้วชี้แตะเบา ๆ บนริมฝีปาก รอยยิ้มซุกซนที่แทบไม่เคยมีใครได้เห็นถูกส่งมายามหญิงสาวคนรักลากปลายนิ้วไล้พาดผ่านบาดแผลต่าง ๆ ตามแผงอกกว้างแล้วมาหยุดอยู่บนใบหน้าอีกครั้งหนึ่ง

 

“ฉันมั่นใจค่ะ ต่อให้โลกนี้ไม่มีอสูร ฉันก็ไม่มีวันรู้สึกแบบนี้กับใครได้... แล้วก็ไม่ใช่เพราะมีแต่คุณค่ะ แต่ฉันเลือกที่จะรักซาเนมิต่างหาก”

 

คำบอกรักที่ทำหัวใจคนฟังไหวสั่น ความเชื่อมั่นที่เธอมอบให้ ผ่านคำพูดและสัมผัสนุ่มนวลอ่อนหวานสลายความกังวลที่คั่งค้างจากความน้อยเนื้อต่ำใจที่ประสบมา

 

“ต่อให้เป็นโลกที่ไม่มีอสูร ฉันก็จะต้องหาซาเนมิเจอจนได้ แล้วฉันก็จะตกหลุมรักคุณ... ตกหลุมรักความมุ่งมั่นของคุณ ตกหลุมรักความอ่อนโยนของคุณ... ต้องเป็นคุณเท่านั้นค่ะ” เธอยิ้มกว้างก่อนจะจุมพิตเหนือหน้าผากชื้นเหงื่อของเขา “หรือถ้าโลกนี้ไม่มีอสูร คุณจะไม่รักฉันงั้นเหรอคะ”

 

“ไม่หรอก” เสาหลักวายุกระซิบแผ่ว ขณะเอื้อมมือแตะต้องใบหน้าคนรัก ผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะรักได้ ไม่ว่าจะเจอกันในสถานะใดก็ตาม “ไม่มีทางที่ข้าจะไม่รักเจ้า”

 

เลิกกังวลได้แล้วนะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็รักคุณอยู่ดีค่ะ... อย่าด้อยค่าตัวเองสิคะ” เสาหลักบุปผาว่าพลางไล้จุมพิตลงมายังหว่างคิ้วที่ยังคงมุ่นแน่น ไล่ต่ำลงมาก่อนจะขบเม้มปลายจมูกเบา ๆ อย่างมันเขี้ยว “มาถึงจุดนี้แล้ว คุณคงจะรู้แล้วนะว่าฉันรู้สึกอย่างไร ว่าแต่ซาเนมิล่ะคะ”

 

“ยังจะต้องถามอีกเหรอ...” ซาเนมิว่าพลางยกมือเกลี่ยเส้นผมยาวสลวยของอีกฝ่ายไปทัดไว้หลังใบหู ก่อนจ้องมองใบหน้าสะสวยดั่งเทพธิดาที่ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตา แต่ก็ไม่อาจเทียบเท่ากับความงดงามในจิตใจที่ทำให้เขาไม่อาจมองใครได้นอกจากเธอผู้นี้ “เจ้ารู้ดีกว่าใครนะ... คานาเอะ”

 

พิสูจน์สิคะ...”

 

ถ้อยคำกระซิบแผ่วเย้ายวน ผิดกับแววจริงจังในนัยน์ตา ราวกับต้องการคำตอบถึงสิ่งที่อยู่ในใจของอีกฝ่าย

 

สายตาที่เรียกให้คนถูกถามเป็นฝ่ายพลิกกายทาบทับร่างแบบบาง ก่อนฝังจุมพิตร้อนแนบริมฝีปากคู่งามแทนคำตอบ ย้ำในทุกสัมผัสที่แตะผ่านผิวกาย ขณะปล่อยความกังวลที่เคยมีให้มลายหายไปพร้อมกับพายุที่กำลังจะพัดผ่านไป

 

พวกเขาทั้งสองไม่อาจเปลี่ยนอดีตที่ผ่านล่วงไป หรือไม่อาจล่วงรู้ถึงคำตอบของคำถามในหัวใจ คำถามที่คงมีแต่พระเจ้าที่เขาชิงชังเท่านั้นที่รู้ว่าหากโลกนี้ปราศจากอสูร มันจะเกิดอะไรกับเขาทั้งสองคน

 

หากมันไม่สำคัญสำหรับเขาผู้นี้อีกต่อไป...

 

เป็นอย่างที่เธอว่า ไม่ว่าอดีตจะแปรเปลี่ยนเพียงไหน มันก็ไม่อาจลบเลือนความรักของพวกเขาทั้งสองได้ ไม่อาจลบเลือนความฝันที่มีร่วมกันได้

 

ฝันถึงโลกอันสดใสและสงบสุข ที่พวกเขาจะได้อยู่ร่วมกันเยี่ยงคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีน้อง ๆ รายล้อมรอบ...

 

ฝันที่ทั้งสองได้แต่หวังว่าจะเป็นจริงในอีกไม่ช้านานวัน...

 

พายุเบื้องนอกสงบลงในที่สุด สายลมพัดพาเมฆหมอกที่ปกคลุมทั่วบริเวณมาเป็นเวลาหลายวัน เปิดให้เห็นท้องฟ้าที่กระจ่างไปด้วยหมู่ดารารายงดงาม แสงดาวอันสะท้อนให้เห็นดวงหน้าคร้ามคมหลับสนิทด้วยท่าทีเป็นสุขกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา กระนั้นมือใหญ่หยาบกร้านกลับโอบรั้งเอวของคนในอ้อมกอดไว้อย่างแน่นหนา ราวกับเกรงว่าอีกฝ่ายจะลับหายไปได้เพียงชั่วพริบตา

 

ท่าทีที่เรียกรอยยิ้มเศร้าบนใบหน้าอ่อนหวานของคานาเอะขณะใช้มือที่สั่นระริกลูบไล้ดวงหน้าของชายผู้เป็นที่รัก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รู้จักกันมาที่เขาผู้นี้หลับสนิทเยี่ยงคนปกติ โดยไม่ล้มป่วยบาดเจ็บ โดยไม่ฝันร้ายถึงอดีตอันแสนเจ็บปวด...

 

เช่นเดียวกับเธอ ตราบใดที่เธอยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา อ้อมกอดมั่นคงแข็งแรงที่จะช่วยปัดเป่าฝันร้ายถึงวันเวลาแห่งการสูญเสียออกไปจากใจ

 

อีกไม่นาน เธอและเขาก็ต้องกลับลงไปเผชิญหน้ากับหน้าที่ของเสาหลักที่รอคอยคนทั้งคู่อยู่ หน้าที่ที่นำพาเขาทั้งสองให้มาพบกัน มารักกัน มามีความฝันร่วมกัน...

 

หากก็เป็นหน้าที่ที่พร้อมจะพรากทุกสิ่งไปจากเขาและเธอได้ในชั่วพริบตา...

 

หยาดน้ำตาไหลรินยามเธอซุกกายแนบแผ่นอกกว้าง ปล่อยกายปล่อยใจไปกับอ้อมกอดอันอบอุ่น และลมหายใจอันร้อนผ่าวที่เป่ารดตามทรวงอกที่ขยับขึ้นลงสม่ำเสมอ

 

หากพระเจ้ามีอยู่จริง...

 

ถึงมันอาจจะไม่นาน... ถึงมันอาจจะไม่ใช่ชั่วนิจนิรันดร์...

 

อย่างน้อยในช่วงเวลาที่มีอยู่ในตอนนี้ เธอขอเพียงได้เห็นชายผู้แสนอ่อนโยนคนนี้ได้หลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเธอ...

 

ขอแค่ได้เห็นยามเขาหลับอย่างเป็นสุข โดยไม่มีฝันร้ายเข้ามาแผ้วพาน...

 

ขอเวลาสั้น ๆ ที่จะได้มีชีวิตอย่างคนธรรมดา ในอ้อมกอดของชายผู้เป็นที่รัก พร้อมกับดื่มด่ำกับความทรงจำที่เป็นดั่งของขวัญล้ำค่าที่ไม่อาจมีใครมาพรากไปได้...

 

แม้ในยามที่วาระสุดท้ายเข้ามาเยือนพวกเขาก็ตาม...

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนเบิ่งกว้างยามเห็นเรือนน้อยหลังเล็กที่ยังคงดูแข็งแรงมั่นคง ทุกสิ่งยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรผิดแผกจากเมื่อห้าปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบานประตูเลื่อน เตาไฟในบ้าน หรือชานด้านหลังที่สามารถมองเห็นต้นซากุระที่ผลิบานนอกฤดูกาล

 

เขานึกถึงช่วงเวลาผาสุกที่มีร่วมกันสั้น ๆ อีกราวสามสี่วันหลังจากค่ำคืนนั้น ช่วงเวลาที่รอบาดแผลทางกายให้หายสนิท พร้อมกับรอเหล่าคาคุชิและชาวบ้านที่เหลือซ่อมแซมเส้นทางที่ถูกน้ำป่าพัดพาให้พังเสียหาย

 

ช่วงเวลาอันแสนสงบสุขและอ่อนหวานยิ่งกว่าที่เคยสัมผัสมาตลอดทุกช่วงชีวิต ช่วงเวลาที่เขาและเธอได้ใช้ร่วมกันโดยไม่ต้องนึกถึงหน้าที่ของเสาหลักที่รอคอยพวกเขาอยู่ ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาและเธอวาดฝันไว้ในโลกที่ปราศจากอสูรร้าย

 

รอยยิ้มอ่อนโยนผุดบนใบหน้าขณะค่อย ๆ หยิบเครื่องประดับผีเสื้อสีเขียวแกมชมพูออกมา พลางนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่เธอว่าไว้ก่อนที่เขาจะฟื้นสติคืนกลับมา

 

ถึงจะเป็นเวลาไม่นาน แต่ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่เขาตั้งใจว่าจะใช้เป็นที่พักพิงในช่วงสุดท้ายของชีวิต ด้วยมันเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างเขาและเธอ

 

ที่ที่เขาเคยได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดา เยี่ยงสามีภรรยากับเธอคนนั้น...

 

ช่วงเวลาอันแสนสั้น หากยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาตลอดกาล...

 

เขาทอดสายตาจับจ้องยังกลีบซากุระที่เริ่มผลิบานออกดอกได้ไม่นาน ขณะส่งใจไปหาคนที่อยู่ในความคิดถึงตลอดมา พร้อมกับรำลึกถึงความหลังที่เคยมีกัน ณ ที่แห่งนี้ และความทรงจำอันสงบสุขและอ่อนหวานที่ไม่อาจลบเลือนไปจากใจ

 

ถึงไม่อาจได้ขึ้นมาอยู่กับเธอที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง หากช่วงเวลาสุดท้ายของอีกไม่กี่ปีที่หลงเหลืออยู่ เขาก็อยากซึมซับความงดงามผ่านฤดูกาลต่าง ๆ ได้ เพื่อที่จะเก็บไปเล่าให้คนที่เขารักทุกคนได้ฟังในอีกไม่นานข้างหน้า

 

กลีบดอกซากุระนอกฤดูกาลปลิวตกระมือของเขา เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าคร้ามคม ขณะเฝ้ามองกิ่งไม้ไหวไปตามสายลมอย่างอ้อยอิ่ง ความงดงามที่เขาไม่เคยได้พินิจพิจารณามานานแสนนาน

 

สิ่งที่เธอของเขา... และเหล่าคนผู้จากไปคงอยากให้เขาได้มีช่วงเวลาสัมผัสถึงความสงบสุขสักครั้งหนึ่งในชีวิต... แม้จะเหลือเพียงไม่กี่ปีข้างหน้าก็ตาม

 

โลกนี้ สวยงามอย่างที่เจ้าว่าไว้จริง ๆ คานาเอะ...

 

===========

Author's Talk 16 JUL 2022

กรี๊ด จบไปแล้วสำหรับตอนพิเศษ 02.2 และบทปิดไฟค่ะ // ปิดหน้าด้วยความเขินเบา ๆ

จริง ๆ เราเคยลังเลนานมากว่าจะยังเขียนบทนี้ออกมาดีไหม แต่ก็รู้สึกว่าก็ต้องเขียนค่ะ เพราะมันกระทบกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่สากับพี่เอะที่อยู่ในส่วนของเรื่องหลักไปแล้ว และก็เป็นภาพอะไรที่ติดหัวเรามาตั้งแต่แรก

เพียงแต่ตัวเราไม่ถนัดเขียนเลิฟซีนเท่าไรค่ะ ^^" ให้ศีลให้พรไม่ไหวจริง ๆ แล้วก็... ด้วยอายุของพี่สากับพี่เอะในเนื้อเรื่องหลักค่ะ ทั้งสองคนยังอายุเพียง 17 ปีย่าง 18 ปีเท่านั้น แม้ในบริบทยุคนั้น อายุอานามอย่างรุ่นน้องเนซึโกะก็ออกเรือนแล้วค่ะ (ดูจากตัวนิยายตอนดอกไม้แห่งความสุข ทันจิโร่ก็ยังสังเกตว่าเจ้าสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับน้องเนซึโกะ หรือคุณอุซุยเองที่มีเมียสามตั้งแต่อายุ 15 เนอะ)

แต่ย้ำนะคะ ถ้าด้วยเกณฑ์ปัจจุบัน การแต่งงานก่อนอายุ 18 ปี จะถือว่าเป็น child's marriage ค่ะ อย่านำบริบทในฟิคเรื่องนี้ไปใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันนะคะ

บทนี้ยากตรงที่เราไม่อยากให้มันไปซ้ำกับของคุณกิคุณชิเท่าไรค่ะ แล้วก็คิดแต่แรกว่าเรื่องแบบนี้ แม่นายคงเริ่มก่อนในแบบที่เราได้อ่านกันไปนะคะ // ปาดเหงือแทนสาว ๆ บ้านผีเสื้อมาก โอ๊ย

แต่ถ้าคุณกิแรมติดแล้วแรงควายดั่งใน In Time With You พี่สาก็... สังเกตจากต้นบทที่ 21 และ บทที่ 27 ของเรื่องหลักนะคะ หึหึหึ อย่างน้อยการสั่งสอนของเสาหลักเสียงคงไม่ได้สูญเปล่าไปเท่าไรค่ะ XD

ตอนนี้เราปิดต้นฉบับเล่ม KNY FF - In The Remembrance of Her แล้วนะคะ กำลังอยู่ในกระบวนการพรูฟรีดและรีไรท์ หวังว่าจะได้ส่งโรงพิมพ์ช่วงปลายเดือนนี้ค่ะ

แล้วก็ ใครที่มีความสนใจอยากเก็บฟิคเล่มนี้ รวมถึง KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง เป็นที่ระลึก ตอนนี้เราเปิดพรีฟิคอยู่ค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

(จะปิดฟอร์มทันทีที่ส่งโรงพิมพ์นะคะ แต่ถ้าไม่ทันรอบนี้ รอรอบเก็บตกงาน Comic Avenue ได้เลยค่ะ)

ถ้าไม่ติดธุระจนเกินไป ในเสาร์หน้า จะนำตอนพิเศษ 3 มาให้อ่านนะคะ แล้วหลังจากนี้จะขอลงรีไรท์ของทุกตอน วีคละ 3 ตอน แล้วค่อยลงตอนพิเศษ 4 สุดท้ายหลังลงรีไรท์ทุกตอนจบค่ะ

Author's Talk 12 DEC 2022

สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
 

สรุปหลังจากคืนวันศุกร์ก็น็อกยาว ๆ เลยค่ะ ไม่รู้งวดนี้จะเกมไหม Y_Y แต่ยังไงพรุ่งนี้คงเข้าออฟฟิศกับนั่งทำฟอร์มแจกสคส.มาลงนะคะ แต่คงจะได้ส่งช่วงต้นมกราเลยค่ะ จนถึงสิ้นปีเรามีงานต้องเคลียร์หลายชิ้นมาก
 

ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3
 

จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)

อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย

แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนพิเศษ 3 ในวันอังคารนะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^