34 ตอน Special Chapter 02 - Starry Nights (I)
โดย rene_recluse
[KNY FF] - In The Rmembrance of Her
Special Chapter 02 - Starry Nights (I)
บทนี้ยาวมาก ขออนุญาตแบ่งลงเป็น 2 ตอนนะคะ (จริง ๆ อยากตัดสามค่ะ แต่มันไม่ค่อยเอื้อเท่าไร)
ปล. ยังเป็นฉบับ unrewrite นะคะ เป็นฉบับ rewrite แล้วค่ะ
Spoiled | TW
TW : Blood | Violence
เนื้อหาระหว่าง Day 20 -21 ค่ะ
1st Published : 09 JUL 2022
Rewrite : 16 DEC 2022
===========
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก...
เสียงหัวใจของเสาหลักวายุ ชินาซึงาวะ ซาเนมิ เต้นบีบระรัวยามอีกาส่งสารถ่ายทอดคำสั่งด่วนของนายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ ให้แก่เขาทราบ
รายละเอียดของภารกิจทำชายหนุ่มกัดฟันกรอด ด้วยเป็นอีกครั้งที่เขาต้องมารับรู้ความเสียหายที่เกิดจากเหล่าอสูรร้าย สิ่งมีชีวิตอันน่าสะอิดสะเอียนพวกนั้น ที่คอยออกคร่าชีวิตของผู้คน พรากครอบครัว พรากพี่น้อง พรากเพื่อนฝูง พรากคนรัก พรากเหล่าคนสำคัญไปจากมนุษย์
เป็นอีกครั้งที่เหล่านักดาบแห่งหน่วยพิฆาตอสูรหายไปในพื้นที่ห่างไกล คนแล้ว คนเล่า ไม่ผิดกับตอนนั้น...
ภารกิจก่อนเขาขึ้นเป็นเสาหลัก... และตอนนั้น...
คำสั่งต่อมาของอีกาสื่อสาร ทำเลือดของเสาหลักวายุแทบจับตัวเป็นน้ำแข็ง ราวกับเวลาหวนย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนั้นเขาก็ต้องรับคำสั่งให้ออกปฏิบัติภารกิจร่วมกับเธอ...
โคโจ คานาเอะ... เสาหลักบุปผา คนที่เขารักยิ่งกว่าชีวิต
นัยน์ตาสีม่วงอ่อนหันขวับกลับไปมองสตรีผู้นั่งเคียงข้างกาย ก่อนจะทันได้พูดอะไร มือบอบบางหากหยาบกร้านของคานาเอะก็สัมผัสลงยังมือของเขา พร้อมกับแย้มรอยยิ้มอ่อนหวาน
“อย่าทำให้นายท่านต้องลำบากใจสิคะ”
“แต่ว่า...”
อีกครั้งที่ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจของชายหนุ่ม หากประสบการณ์จากภารกิจร่วมกันเมื่อครั้งนั้นทำให้เขาทราบดี ต่อให้เขายกเหตุผลอะไรมาอ้าง ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของหญิงที่ตนรักได้แม้แต่น้อย
“หน้าที่ก็ต้องเป็นหน้าที่นะคะ ซาเนมิ...”
“แต่ข้า...”
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” เธอกระซิบขณะกระชับมือสากกร้านของเขาไว้แน่น “เราสองคนต่างออกปฏิบัติภารกิจกันมากี่ครั้งแล้วคะ แล้วที่ผ่านมา ทั้งฉัน ทั้งคุณ เราก็รอดกลับมาได้ทุกครั้ง... ไม่เป็นอะไรหรอกนะซาเนมิ”
เขามองยังนัยน์ตาคู่สวยของเธอ นัยน์ตาที่ฉายแววอ่อนโยนหากแน่วแน่ต่ออุดมการณ์อันเป็นสิ่งที่นำทางชีวิตของเธอผู้นี้ให้เวียนมาบรรจบกับเขา
หน้าที่ของเสาหลักที่คอยค้ำจุนหน่วยพิฆาตอสูร...
หน้าที่ของเสาหลักที่คอยปกป้องชีวิตผู้คนให้พ้นเงื้อมมืออสูรร้าย...
อุดมการณ์อันสูงส่งที่ทำให้เขาตกหลุมรักเธอผู้นี้ แม้จะรู้ว่าเส้นทางที่เขาทั้งสองกำลังเดินอยู่เต็มไปด้วยภยันตราย เส้นทางที่พวกเขาทั้งสองได้เลือกมาตั้งแต่สูญเสียครอบครัวไปในคืนวันวิปโยคทำให้พวกเขาไม่อาจดำเนินชีวิตเฉกเช่นคนปกติทั่วไปได้
เส้นทางที่เขาได้แต่ทอดมองอย่างเจ็บปวด หากไม่เคยคิดจะเอ่ยปากร้องขอให้เธอผู้นี้ล้มเลิกต่อหน้าที่ ถึงรู้อยู่แก่ใจว่าตราบใดที่เขาทั้งสองยังคงเดินอยู่บนเส้นทางเส้นนี้ คงยากที่เขาทั้งสองจะได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาดั่งที่ใฝ่ฝันไว้
หากนั่น... ก็ไม่สำคัญเท่ากับความฝันอีกหนึ่งอย่าง
ความฝันที่จะเห็นน้องของเขาทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนโลกที่ปราศจากอสูรร้ายคอยคุกคาม
“คานาเอะ...”
มือบอบบางของเธอเขยิบเข้ามากอบกุมดวงหน้าเขาไว้ ความเย็นเฉียบที่สัมผัสบ่งบอกได้ว่าคานาเอะก็คงรู้สึกไม่ต่างอะไรกับเขา ความหวาดกลัวที่จะต้องสูญเสียอีกฝ่ายตลอดกาลฉายชัดผ่านอ้อมกอดสั่นระริกของเธอยามที่กลับมาเจอกันในทุกเช้าวัน
หากความมั่นคงที่ถ่ายทอดผ่านสัมผัสนุ่มนวล ก็ทำให้ซาเนมิไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าดึงร่างของคนรักเขากอดไว้แน่น ท่าทีที่คานาเอะได้แต่ยิ้มเศร้าแล้วเอ่ยถ้อยคำที่ปลอบประโลมทั้งตัวของเธอและอีกฝ่ายไว้
“เราสองคนจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยค่ะ เชื่อฉันนะ ซาเนมิ”
ถ้อยคำที่เสาหลักวายุได้แต่จำใจยอมรับ พยายามปัดความกังวลที่เข้าปกคลุมหัวใจออกไป พยายามไม่หยิบความหวาดกลัวอันจับจิตเข้ามาทำให้ต้องผิดใจกับคนในอ้อมกอดเหมือนครั้งวันวาน ด้วยรู้ดีว่าต่อให้เขาอ้อนวอนอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนการตัดสินใจของหญิงคนรักได้
หน้าที่ยังคงเป็นหน้าที่... ตราบใดที่เขาทั้งสองยังเป็นเสาหลักอยู่
กระนั้น เขาก็ไม่อาจข่มเสียงหัวใจที่เต้นระทึกด้วยความหวาดหวั่นที่แฝงลึกอยู่ในทุกอณูความรู้สึกตั้งแต่ได้ยินเสียงคำสั่งจากอีกาสื่อสาร คำสั่งที่เขาได้แต่เฝ้าวอนขอว่าอย่าได้มีอะไรที่ทำให้เธอผู้นี้ต้องไปเผชิญความเสี่ยงภัยดั่งในครั้งนั้นอีก
ต่อให้ต้องทำทุกอย่าง ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลกอีกครั้ง...
เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอคนนี้ให้จงได้!
แม้นั่นอาจถึงการที่เขาต้องทิ้งคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอก็ตาม...
อากาศบนเทือกเขาสูงด้านตะวันตกบางเบาจนทำให้หายใจได้ลำบากยิ่งกว่าคราไหน สายลมหนาวเหน็บพัดผ่านผิวกายของเสาหลักวายุ แต่ก็ไม่เทียบเท่ากับความเย็นยะเยือกที่เกาะกุมจิตใจเขานับตั้งแต่ออกจากบ้านพัก
เส้นทางอันยาวไกลกว่าการเดินทางทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยจุดหมายของพวกเขาคือเทือกเขาสูงสุดของโตเกียวที่อยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สถานที่ห่างไกลความเจริญด้วยป่าทึบสูงใหญ่ที่รายล้อมรอบ อันต้องใช้เวลาในการเดินทางนานนับร่วมวัน
ทุกย่างก้าวที่ใกล้สู่จุดหมายยิ่งเรียกหัวใจในอกให้เต้นระรัว ทุกสิ่งที่ประสบนำพาความทรงจำเมื่อตอนปฏิบัติภารกิจร่วมกับเสาหลักบุปผาในครั้งนั้น ชายหนุ่มได้แต่กัดฟันกรอดยามนึกถึงเสี้ยวนาทีที่การโจมตีของอดีตอสูรร้ายตนนั้นทำให้คนรักของเขาเพลี่ยงพล้ำจนเลือดตกยางออก
ถึงหน้าที่ในครั้งนี้จะแตกต่างจากครั้งก่อน ด้วยนายท่านอุบุยาชิกิมุ่งหมายให้คานาเอะและคาคุชิช่วยเหลือและค้นหาผู้บาดเจ็บตามที่ได้รับรายงานจากนักดาบที่ลงพื้นที่ไปล่วงหน้า แต่ตัวเลขที่เขานับได้ทำให้ซาเนมิคาดคะเนว่าสถานการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญคงเลวร้ายไม่แพ้ครั้งนั้น
หรืออาจมากกว่า...
สายฝนหลงฤดูที่เริ่มโปรยปรายบดบังทัศนวิสัยยิ่งโหมเปลวไฟโทสะในใจของเขาให้คุกรุ่น เสียงฟ้าร้องกับลมพัดหวีดหวิวบ่งบอกได้ว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะพัดถล่มพื้นที่แถบนี้ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่เอื้อต่อการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ของเขาและเธอเลย
คงเพราะพระเจ้าไม่เคยอยู่ข้างเขา...
ซาเนมิก่นด่าอยู่ในใจ แต่เมื่อเหลือบมองเสี้ยวหน้างดงามของโคโจ คานาเอะ อันฉายแวววิตกกังวลผิดกว่าทุกที เขาก็อดไม่ได้ที่จะสวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเลิกนับถือไปนานหลายปีแล้ว
คำอธิษฐานที่ไม่ได้มีขึ้นเพื่อตัวเขาโดยตรง แต่เขาได้แต่วิงวอนให้คนที่อยู่ในหัวใจของเขาปลอดภัยจากการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้
ด้วยไม่อาจสูญเสียแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวให้แก่ใครหน้าไหนทั้งนั้น!
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งกับกลิ่นอายแห่งความตายโชยต้องเข้าจมูก เสี้ยวนาทีที่เขาสบนัยน์ตาคู่สวยของเสาหลักบุปผาก่อนต่างเร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงจุดหมายในป่าลึก ไม่แยแสสายลมหนาวที่พัดบาดผิว โยนทิ้งความลังเลที่มีเพราะรู้ว่าหนึ่งวินาทีที่ผันผ่านย่อมหมายถึงหนึ่งลมหายใจที่อาจดับสูญ
ทันทีที่พ้นแนวร่มไม้ใหญ่ ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏให้เห็นทำให้ซาเนมิกระชากดาบนิจิรินคู่กายแล้วบุกจู่โจมอสูรที่กำลังเตรียมโจมตีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ผู้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับน้องสาวคนสุดท้องผู้ตายจาก สัญชาตญาณกับความโกรธอันแฝงเร้นอยู่ในทุกอณูลมหายใจสะท้อนออกมาผ่านเพลงดาบหนักหน่วง การฟาดฟันครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสะท้อนความอาฆาตที่เก็บกักมาเป็นเวลานาน
เสียงหัวเราะแหลมเสียดหูของอสูรหญิงก้องบาดหูราวกับเย้ยหยันพระเจ้าที่ไม่มีอยู่จริง สายฟ้าที่ฟาดผ่านลงมาสะท้อนเห็นนัยน์ตาที่สลักด้วยเลขหก ยิ่งทำให้เสาหลักวายุกระชับดาบในมือให้แน่นด้วยรู้ว่าอย่าได้คิดประมาทคู่ต่อสู้เบื้องหน้าเป็นอันขาด
หากรอยยิ้มของอสูรหญิงค่อย ๆ เลือนหายไปยามเขาปล่อยเพลงดาบโจมตีต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งได้เห็นร่างคนเจ็บที่เหล่าคาคุชิและเธอของเขาที่กำลังเร่งช่วยชีวิต ยิ่งได้ยินเสียงสั่งการของคานาเอะให้ทยอยลำเลียงผู้บาดเจ็บลงหมู่บ้านด้านล่างตีนเขาให้เร็วที่สุด โทสะในใจของเสาหลักวายุยิ่งโหมกระหน่ำไม่แพ้พายุฝนที่กระโชกจนแทบมองไม่เห็นสิ่งอื่น มีแต่สัญชาตญาณและประสบการณ์ที่ทำให้ซาเนมิพอทราบได้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาโจมตีมาจากทิศทางใด
กระนั้นสถานการณ์ที่มีทั้งผู้บาดเจ็บและทัศนวิสัยอันเลวร้ายแปรเปลี่ยนให้เขาต้องตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ จากที่เคยพุ่งโจมตีกลับกลายเป็นทำได้เพียงยกดาบเพื่อป้องกันตนเองพร้อม ๆ กับหาช่องว่างเพื่อเล่นงานศัตรูโดยที่จะไม่จำต้องผิดสัญญาห้ามใช้เลือดหายากที่ให้ไว้กับคานาเอะ
กลิ่นหอมเอียนที่โชยต้องจมูกบ่งบอกว่าอสูรเวรตะไลนั่นคงใช้มนต์อสูรโลหิต กลิ่นที่ทำให้การตอบสนองของเขาลดลงจนไม่อาจหลบหนีกรงเล็บที่เตรียมหมายมั่นปลิดชีพเขา เพลงดาบพลิ้วไหวของหญิงสาวคนสำคัญก็เข้ามาขวางไว้ทันเส้นยาแดงผ่าแปด นัยน์ตาสีม่วงอ่อนเบิ่งกว้างขณะมองเสาหลักบุปผาพุ่งเข้าโจมตีอสูรร้ายตนนั้นโดยไม่คิดที่จะเจรจาเหมือนที่แล้วมา
“คานาเอะ!”
แสงสว่างจากฟ้าแลบสะท้อนดวงหน้างดงามของคานาเอะ บัดนี้ไม่เหลือรอยยิ้มอ่อนหวานหรือความอ่อนโยนที่เป็นดั่งอาภรณ์ประจำกายของเจ้าหล่อน นัยน์ตาคู่สวยฉายแววเคร่งขรึมขนาดวาดเพลงดาบโจมตี เพลงดาบที่แม้จะนุ่มนวลสง่างามแต่ก็แฝงด้วยโทสะที่แทบไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน
โทสะของเสาหลักบุปผาผู้แสนอ่อนโยน... ที่เกิดขึ้นจากการเกือบเสียคนสำคัญ
ซาเนมิสูดลมหายใจแล้วรีบกลับพุ่งเข้าโจมตี ถึงพละกำลังจะยังไม่กลับมาเต็มร้อยจากมนต์อสูรโลหิตที่ได้รับ แต่ทั้งความหวาดหวั่นและความโกรธแค้นที่สุดท้ายตนไม่อาจจัดการอสูรร้ายตนนี้ได้ทัน จนทำให้คานาเอะต้องร่วมเสี่ยงชีวิตอีกครั้งหนึ่ง หากตอนนี้ตัวเขาทั้งสองคงไม่เหลือทางเดินใดให้เลือกได้แล้ว นอกจากกำจัดอสูรตนนี้ให้เร็วที่สุด และต้องไม่ปล่อยช่องว่างให้มันได้มีโอกาสใช้มนต์อสูรโลหิตอีกเป็นครั้งที่สอง
การปะทะโจมตีโดยที่ต้องปกป้องคนสำคัญไปพร้อมกันทำให้ยากที่จะบุกและตั้งรับไปพร้อมกับ หลายครั้งที่ซาเนมิใช้ร่างกายของตนแทนโล่เพื่อปกป้องคนสำคัญ ไม่แยแสถึงความเจ็บปวดจากแรงปะทะ ไม่รับรู้ว่าร่างกายของตนบอบช้ำจนใกล้จะถึงขีดจำกัด ด้วยใจมุ่งหมายที่จะปลิดชีพอสูรร้ายตนนั้นให้จงได้
ทันทีที่เขาเห็นกรงเล็บแหลมคมเล็งเป้าหมายไปยังคนสำคัญ เสาหลักวายุรีบพุ่งกายเข้าขวางการโจมตีนั้นไว้ คมเล็บแหลมยาวเฉือนแผ่นอกกว้างเรียกหยาดโลหิตไหลริน ชายหนุ่มกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นอสูรข้างแรมที่หกชะงักงันจากกลิ่นเลือดหายากของเขา แล้วเงื้อดาบและออกเพลงปราณวายุเพื่อตัดหัวมันให้ได้ในดาบเดียว
เสี้ยวนาทีที่คมดาบสัมผัสยังคอของมัน ไอ้อสูรร้ายตัวนั้นก็ตวัดกรงเล็บแหลมคมเข้ายังลำคอและแผงอกอีกครา นำพาหยาดโลหิตให้ไหลอาบปะปนสายฝนหนาวเหน็บ ก่อนใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักคนโจมตีจนศีรษะกระแทกกับต้นไม้ใหญ่เข้าอย่างจัง
“ซาเนมิ!”
เสียงกรีดร้องเรียกชื่อจากคนรักแว่วเข้าหูของซาเนมิ ภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนด้วยสติที่กำลังจะวูบดับลง กระนั้นคนบาดเจ็บก็ฝืนแรงที่มีเหลือเพียงเพื่อให้มั่นใจว่าหญิงสาวคนสำคัญปลอดภัยดีเป็นที่เรียบร้อย มือข้างซ้ายที่ว่างอยู่พยายามเอื้อมไปแตะบนใบหน้างดงามที่เปียกโชกด้วยสายฝนและหยาดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม
“ปลอดภัยนะ...”
“ค่ะ”
“ดีแล้ว...”
สติของเสาหลักวายุดับวูบทันที หากเลือดที่ยังคงไหลรินตามพายุฝนที่พัดโหมกระหน่ำ เปรอะเปื้อนเต็มสองมือของคานาเอะผู้เพียรพยายามกดมือลงบนบาดแผลเพื่อห้ามเลือดให้หยุดไหล
หยาดน้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าไหลลงต้องร่างคนรัก แต่ไม่มีเวลาให้เธอได้คร่ำครวญยามแว่วเสียงสั่นสะเทือนของสายน้ำที่ต้องหู เสาหลักบุปผาหันไปสบตากับโกโต คาคุชิคนสำคัญของหน่วยที่เข้ามาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แก่ชินาซึงาวะ ซาเนมิ
“ท่านคานาเอะ...”
“เสียงน้ำป่าใช่ไหมคะ”
เธอว่าพลางกวาดตามองดูเหล่าชาวบ้านและนักดาบที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีว่าคาคุชิและนักดาบที่ติดตามมาทยอยลำเลียงผู้บาดเจ็บไปจนเกือบหมดแล้ว หลงเหลือเพียงเด็กน้อยที่เกือบตกเป็นเหยื่อของอสูรเมื่อครู่ กับโกโตที่ยังอยู่ช่วยเหลือเธอ
หญิงสาวตวัดมองคนรักของตนที่นอนแน่นิ่งบนพื้นดินกับเด็กน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ กลุ่มชาวบ้านที่หลงเหลืออยู่ก็มีแต่เพียงผู้ใหญ่บ้านและครอบครัว กลุ่มผู้สูงอายุ และเด็กเล็กอีกสองรายที่ซุกซ่อนกายได้ทันก่อนการโจมตี ล่วมที่เธอใส่อุปกรณ์จำเป็นและหูกยาที่เตรียมมายังคงเปิดอ้าอยู่ไม่ห่าง หากยาที่เตรียมมาพร่องหายไปมาก
คนรักของเธอ... หรือเด็กคนนั้น...
“ท่านคานาเอะ ถ้าไม่ออกไปตอนนี้ เกรงว่าน้ำจะพัดทางเสียหายก่อนนะ”
“โกโตซัง...” เธอพึมพำพลางหลับตานิ่งไปครู่ใหญ่ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าทุกครั้ง “พาเด็กคนนั้นลงเขาให้เร็วที่สุด ส่วนฉันจะจัดการแผลของซาเนมิที่นี่เอง”
“ท่านคานาเอะ...”
“เด็กตัวแค่นั้น คุณแบกไปน่าจะทันเวลานะคะ” เสาหลักบุปผาส่งยิ้มเศร้าให้ “ฝากบอกนายท่านกับชิโนบุว่าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แล้วฉันจะรีบส่งอีกาสื่อสารไปแจ้งให้ทราบอีกทีค่ะ”
“แล้วท่านเสาหลักวายุ...”
“ฉันจะจัดการเองค่ะ” คานาเอะย้ำอีกครั้งหนึ่ง “เพราะพวกเราคือเสาหลักค่ะ เราถึงต้องพยายามปกป้องทุกคนให้ได้ ซาเนมิก็คงคิดอย่างนี้เหมือนกันค่ะ”
นัยน์ตาสีอ่อนมองหยาดฝนที่ยังถาโถมกระหน่ำ เสียงสายน้ำพัดทลายผืนแผ่นดินแว่วชัดขึ้นทุกขณะ ยิ่งทำให้รู้ว่าหากเวลาผ่านไปเท่าไร ความเสี่ยงจะยิ่งตกอยู่กับโกโตและเด็กน้อยคนนั้น
“แต่ว่า...”
“นี่คือคำสั่งในฐานะเสาหลักและหัวหน้าหน่วยพยาบาลนะคะ สถานการณ์ตอนนี้คุณน่าจะดูออกแล้ว...” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือนิด ๆ หากคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของเสาหลักผู้ค้ำจุนหน่วยพิฆาตอสูร “ไม่มีทางที่คุณจะแบกซาเนมิไปพร้อมกับหนีน้ำท่วมได้ทันค่ะ และอาการของซาเนมิ... ก็ไม่ปลอดภัยพอที่จะเคลื่อนย้ายได้ในตอนนี้”
สติที่เริ่มกลับคืนมาทำให้คานาเอะประเมินอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของซาเนมิไว้อันตราย หากมีคนช่วยหามมากกว่าหนึ่ง การเดินทางกลับเพื่อไปทำการรักษาอย่างทันท่วงทีคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่านี้
มาบัดนี้ ทุกสิ่งต้องแข่งกับเวลาอันจำกัด สถานการณ์และบุคลากรที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอที่จะเคลื่อนย้ายคนทั้งสองลงไปข้างล่างได้ทันก่อนน้ำป่าจะพัดสะพานที่เชื่อมเส้นทางลงเขาขาดสะบั้นลงได้ อีกทั้งแรงกระแทกจากการเคลื่อนย้ายน่าจะส่งผลร้ายต่ออาการบาดเจ็บของเสาหลักวายุผู้นี้
นัยน์ตาสีเข้มของโกโตสบมองเธออีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะค้อมหัวเป็นเชิงน้อมรับคำสั่งแล้วรีบแบกร่างเล็กจ้อยของเด็กหญิงคนนั้นพาดบ่าแล้วพาวิ่งลงเขาไป คานาเอะทอดมองแผ่นหลังของคนทั้งคู่จนลับสายตาแล้วหันกลับมามองร่างคนรักผู้นอนแน่นิ่งอยู่แทบพื้นพสุธา มีเพียงลมหายใจแผ่วเบากับทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอันแสดงว่าชายคนนี้ยังมีชีวิตอยู่
หากจะได้อีกนานแค่ไหน...
จะผ่านพ้นคืนนี้ไปได้หรือไม่...
ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาเอ่อล้นกบนัยน์ตาทั้งสองข้าง แต่ไม่มีเวลาให้รั้งรอแต่อย่างใด ถึงจุดที่เธอยืนอยู่จะค่อนข้างปลอดภัยจากทิศทางไหลของน้ำ หากความเหน็บหนาวจากสายฝนและพายุที่พัดผ่านเป็นอันตรายต่อชายคนรักของเธอ และมือที่เธอกอบกุมอยู่นั้นเย็นชืดลงทุกขณะจนใจหาย
“...แม่หนู เอ๊ย แม่หมอ” เสียงผู้ใหญ่บ้านกระแอมเรียกให้เสาหลักบุปผาเงยสบ แววตาอ่อนโยนที่ได้รับกับมือที่สัมผัสลงบ่าบอบบางของเธอเป็นดั่งน้ำที่ชโลมจิตใจอันร้อนรุ่ม “เดี๋ยวพวกข้าช่วยพาพ่อหนุ่มนั่นเข้าไปหลบฝนที่บ้านหลังนั้นแล้วกัน ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ...”
คานาเอะมองตามมือของคนที่น่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านนี้ บ้านเล็กที่แม้จะดูทรุดโทรม หากยังคงแข็งแรงและมั่นคงเพียงพอที่จะต้านพายุฝนและเป็นที่พักพิงให้พวกเธอทั้งสองจนกว่าพายุจะซาลง
เธอก้มหัวแทบจรดพื้นยามผู้ใหญ่บ้านและผู้เฒ่าสามสี่คนค่อย ๆ พยุงร่างของเสาหลักวายุเข้ามายังบ้านหลังน้อย ขณะที่หญิงชราที่ดูจะเป็นมารดาของผู้ใหญ่บ้านคอยจุดเตาไฟ และกำกับให้สตรีวัยกลางคนคอยลำเลียงนำผ้าสะอาดและอ่างบรรจุน้ำตามที่เธอร้องขอมา พร้อมกับบอกให้คนที่เหลือช่วยกันปูที่นอนและนำเสื้อผ้ารวมถึงสมุนไพรมาให้
“ขอบคุณนะคะ...”
มีเพียงคำพูดเดียวที่หลุดออกจากปากเธอได้ หากรอยยิ้มที่ได้รับกลับมากับสัมผัสอุ่น ๆ ที่แตะยังมืออันสั่นเทา นำพาน้ำตาที่เอ่อล้นให้รินไหลอาบแก้มอีกครั้งหนึ่ง
“พวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณแม่หมอแล้วก็พ่อนักดาบ... ถ้าไม่ได้พวกคุณ เห็นทีเราคงจะแย่ไม่น้อย” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นภรรยาของผู้ใหญ่บ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน “หากมีอะไรที่พวกเราช่วยได้ อย่าได้เกรงใจนะ”
“ทุกคน... ปลอดภัยดีใช่ไหมคะ”
“พวกเราสบายดี แม่หนูดูแลพ่อหนุ่มนั่นเถอะ” กลับเป็นเสียงแหบเครือของผู้อาวุโสที่สุดแห่งหมู่บ้านสั่งการ “คงเป็นห่วงคนรักมากสินะ”
“คุณย่าคะ...”
เสียงของภรรยาผู้ใหญ่บ้านร้องค้าน เรียกเสียงหัวเราะหึ ๆ กับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของหญิงชรา
“คนแก่ตาฝ้าฟางอย่างข้ายังเห็นชัด เอาเถอะ อย่ากวนแม่หนูเลย” หญิงชราว่าพลางเคาะไม้เท้าเรียกให้ทุกคนลุกขึ้นตามอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้ามีอะไร รีบมาบอกพวกข้าแล้วกัน พวกข้าต้องขอบคุณเจ้าทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง”
คานาเอะก้มหัวจรดพื้นเป็นการขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะรีบกลับมาดูสภาพร่างกายของคนเจ็บ อย่างน้อยเลือดจากบาดแผลของชายหนุ่มหยุดไหลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากความแดงก่ำและร่างกายที่เริ่มร้อนผ่าว ส่อแววว่าบาดแผลของซาเนมิคงจะอักเสบขนานใหญ่ในอีกไม่ช้า
หญิงสาวเปิดล่วมยาที่พกติดมาด้วยมืออันสั่นเทา ยาที่เธอใช้ปฐมพยาบาลคนที่ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้นเหลืออยู่อีกไม่มาก มือที่จับเข็มฉีดยาสั่นระริกในช่วงแรก ก่อนจะกลับมามั่นคงยามจรดเข็มฉีดยาลดไข้ที่ช่วยเรื่องการลดอาการอักเสบลงบนท่อนแขนอันร้อนผะผ่าว นัยน์ตาสีชมพูอ่อนวาววับด้วยหยาดน้ำตาที่คลอเบ้าอีกคราหนึ่ง เมื่อรู้ว่าเธอเหลือยาตัวนี้อีกเพียงสองเข็มสำหรับกลางดึกและวันพรุ่งนี้เช้าเท่านั้น
ส่วนยาที่ใช้ฆ่าเชื้อ เธอเหลืออยู่เพียงตัวยาสามัญที่สกัดจากดอกฟูจิอันพอจะบรรเทาอาการได้ หากยาที่ออกฤทธิ์แรงกว่าและใช้รักษาได้ทันท่วงทีหมดไปกับการรักษาเหล่านักดาบและชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บไปจนหมดแล้ว
เสียงละเมอเรียกชื่อเธอเป็นระยะ สลับกับเสียงขอโทษมารดาและเหล่าน้อง ๆ ผู้ตายจากของเสาหลักวายุเรียกน้ำตาของเธอให้ไหลหยดรดบนแผ่นอกเปลือยเปล่าอันร้อนระอุ แม้จะรู้ว่าการที่อีกฝ่ายยังสามารถสื่อสารได้เป็นสัญญาณที่ดีว่าแรงกระแทกตรงศีรษะคงไม่ก่อให้เกิดอันตรายเท่าที่เธอกังวลในช่วงแรก
แต่เป็นอีกครั้ง ที่เธอต้องทนดูชายคนนี้บาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก...
และเป็นอีกครั้ง ที่เขาคนนี้ต้องบาดเจ็บเพราะปกป้องเธอไว้...
“ซาเนมิ...” คานาเอะกระซิบแผ่วพลางกุมมือร้อนผ่าวเอาไว้แนบแน่น “อย่าเป็นอะไรนะ เราสัญญาแล้วนะคะว่าจะต้องรอดกลับมาอย่างปลอดภัยไม่ใช่เหรอคะ...”
นิ้วอันสั่นระริกไล้ไปตามร่องรอยฟกช้ำบนศีรษะและใบหน้า จนมาจรดยังแผลฉกรรจ์กลางลำตัวอันเป็นหนึ่งในสาเหตุของการบาดเจ็บสาหัสของชายคนรัก เสาหลักบุปผากัดริมฝีปากของตนแน่นขณะใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำดอกฟูจิวนรอบบาดแผลที่ถูกห้ามเลือดไว้ลวก ๆ ก่อนจรดเข็มที่เพิ่งผ่านการเผาไฟฆ่าเชื้อแล้วเย็บปิดบาดแผลนั้นเสีย หยาดน้ำตาหยดลงบนแผ่นอกกว้างตามทุกฝีเข็มที่แทงลงบนร่างของคนผู้นี้
หากจนถึงใกล้รุ่งสาง ยังไม่มีวี่แววหรือท่าที่ว่าเสาหลักวายุจะฟื้นคืนสติขึ้นมา ไม่ว่าคานาะเอะจะเพียรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดร่างที่ร้อนผะผ่าวเพื่อพยายามลดไข้ที่ขึ้นสูงเท่าไร อุณหภูมิที่ลดต่ำจนเข้าเลขตัวเดียวที่พัดโชยมาตามรอยแตกของผิวไม้ยิ่งทำให้ไข้ของอีกฝ่ายสูงขึ้นจนใกล้ขีดอันตราย
นัยน์ตาสีอ่อนคู่งามจ้องมองยังเบื้องบนอย่างวาวโรจน์ ความเจ็บปวดที่ต้องเห็นคนรักต้องบาดเจ็บสาหัสเพราะพยายามปกป้องเธอ ผนวกกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการรักษาพยาบาล ราวกับพระเจ้าต้องการพรากชายผู้นี้ไปจากเธอตลอดกาล...
“ท่านเกลียดเขาขนาดนั้นเลยเหรอคะ” คานาเอะกระซิบเสียงต่ำอย่างโกรธแค้น น้ำเสียงอ่อนหวานเต็มเปี่ยมด้วยพายุอารมณ์อย่างที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน แม้แต่ตัวโคโจ ชิโนบุ ผู้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือดของเธอเองก็ตาม “เลยต้องพรากครอบครัวไปจากเขา พรากทุกคนที่เขารักไปจากเขา แล้วคราวนี้ถึงตาชีวิตของเขาด้วยเหรอคะ...”
เสียงลมพัดกระโชกจากภายนอกดังขึ้นก่อนตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่า ราวกับเป็นคำตอบจากเบื้องบน คำตอบที่ทำให้หยาดน้ำร้อนรินรดอาบแก้มเป็นทางด้วยความโกรธแค้นต่อโชคชะตาที่คนรักของเธอได้รับ ระคนกับความเจ็บปวดที่เธอไม่อาจทำอะไรให้เขาคนนี้ได้มากไปกว่านี้
นอกจากพยายามเกาะกุมมือร้อนผ่าวของอีกฝ่ายไว้แน่น แทนคำมั่นสัญญาว่าเธอจะไม่มีวันทิ้งเขาไปไหน และเธอก็จะไม่ปล่อยให้เขาต้องจากเธอไปได้อย่างง่ายดาย...
ต่อให้ต้องแลกด้วยลมหายใจของเธอก็ตาม
“แล้วท่านก็คงเกลียดฉันมากใช่ไหมคะ...” น้ำเสียงแผ่วเบาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันต่อโชคชะตา โชคชะตาที่แทบไม่ต่างอะไรกับชายคนที่ตนรักจนหมดใจ “ท่านพรากครอบครัวของฉันไป พรากครอบครัวของอาโออิ คานาโอะ ซึมิ คิโยะ นาโฮะไป พรากชีวิตธรรมดาของเราทุกคนไป ท่านปล่อยให้ชิโนบุต้องมาตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับฉัน... ที่ต้องเสี่ยงภัยอยู่แบบนี้ทุกวัน”
นัยน์ตาสีชมพูอ่อนหลุบลงขณะไล้แก้มที่ร้อนผ่าวของคนที่ยังคงพร่ำเพ้อออกมาด้วยพิษไข้ อาการบาดเจ็บสาหัสอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่เคยหวังว่าจะได้เห็นคนผู้นี้ตกอยู่ในสภาพวิกฤตจนหัวใจของเธอแทบจะแหลกสลายเป็นผุยผง
“แล้วนี่... ท่านกำลัง... จะพราก... คนคนนี้... ไปจากฉันอีกคนเหรอคะ” คำพูดของเสาหลักบุปผาขาดวิ่นด้วยก้อนสะอื้นที่จุกในอก “ซาเนมิเจอเรื่องร้าย ๆ มามาก... ท่านยังจะใจร้ายกับเขา... ไม่ให้โอกาสเขาได้พบกับความสุขเลยเหรอคะ... ไม่ให้โอกาสฉันได้มีชีวิตแบบคนปกติบ้างเลยเหรอคะ...”
แสงทองของตะวันยามเช้าสาดส่องตามร่องไม้ รุ่งอรุณวันใหม่ที่เธอปรารถนาจะได้มีร่วมกับคนผู้นี้... แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม
หากเธอเริ่มไม่แน่ใจ ว่าเขาคนนี้จะได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาสัมผัสอรุณรุ่งได้อีกครั้งหนึ่งหรือไม่
“ขอร้องค่ะ... อย่าพาเขาไปเลยนะคะ ขอให้เราได้มีความสุขร่วมกันสั้น ๆ จะได้ไหมคะ...” คานาเอะกระซิบพร้อมกับกอดร่างที่สั่นระริกด้วยลมเหน็บหนาวที่โชยพัดผ่านร่างไป “ถ้ามันต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ขอแค่ให้คนคนนี้ได้มีโอกาสใช้ชีวิต... อย่างที่เขาควรได้รับมันสักครั้ง... จะได้ไหม...”
คำสวดมนต์อ้อนวอนอันดังแว่วเข้าห้วงสติอันเลือนรางของคนบาดเจ็บ น้ำตาของคนรักที่หยาดหยดต้องร่างเรียกสติให้กลับคืนมา สัมผัสที่พยายามเหนี่ยวรั้งช่วยฉุดไม่ให้เขาเดินข้ามสะพานไปยังอีกฟากของแม่น้ำ แล้วเดินตามแสงสว่างหนึ่งเดียวที่สาดส่องนำทางเขามาตั้งแต่วันที่พบกัน
มือใหญ่สากกร้านที่เต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วนกระตุกนิด ๆ เรียกนัยน์ตาที่ปิดลงอย่างสิ้นหวังเปิดกว้าง แล้วลุกขึ้นนั่งพลางฉวยมืออันร้อนผ่าวด้วยพิษไข้ไปกอบกุมไว้แน่น ก่อนยิ้มทั้งน้ำตายามเห็นนัยน์ตาสีม่วงอ่อนปรือตื่นมาสบมองเธอ
“คานาเอะ... อย่าร้องไห้...”
เสียงอ่อนระโหยโรยแรงดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ขณะที่มืออีกข้างค่อย ๆ ไล้คราบน้ำตาบนแก้มนวลเนียน สัมผัสอันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่กลับเรียกน้ำตาให้รินไหลด้วยความโล่งใจระคนเจ็บปวดอีกครั้ง
ความเจ็บปวด ที่ไม่ว่าจะกี่คราก็คงไม่มีวันทำใจให้คุ้นชินได้...
“ซาเนมิ...” เธอกระซิบแล้วยกมือคู่ที่คอยจับดาบปกป้องผู้คนอย่างไม่เกรงกลัวความตายขึ้นจุมพิตแผ่วเบา ก่อนใช้อีกมือไล้เหนือสันกรามอย่างอ่อนโยน “เจ็บมากไหม”
“ไม่เลย” เสาหลักวายุว่าพลางหลับตาลงอีกครา หากยังคงยึดเหนี่ยวมือที่คอยนำทางให้เขากลับมาพบกับเธอคนนี้ไว้ไม่ปล่อย “ไม่เป็นอะไรนะ...”
“ค่ะ... ฉันปลอดภัยดี”
เสาหลักบุปผาว่าพลางพยายามแย้มยิ้มออกมา ความกังวลเรื่องอาการของอีกฝ่ายเริ่มจางหายไป หลงเหลือแต่เสี้ยนหนามที่ปักปำหัวใจที่ยังคงเต้นระส่ำจากความเจ็บปวดและความหวาดกลัว
เจ็บปวด... เจ็บปวดที่ชายคนนี้ต้องเจ็บตัวเพราะเธออีกครั้ง ถึงจะไม่ได้จงใจกรีดเลือดตัวเองเหมือนเมื่อตอนปฏิบัติภารกิจด้วยกันก่อนรับรู้ความในใจของกันและกัน
เจ็บปวด... เจ็บปวดที่ต้องทนเห็นเขาเจ็บตัวจากหน้าที่ แต่ก็ไม่อาจปริปากพูดห้ามปรามอีกฝ่ายได้ ด้วยรู้ว่าเขาก็เจ็บปวดที่ต้องทนเห็นเธอเสี่ยงภัยทุกคืนวัน
หวาดกลัว... กลัวว่าจะมีวันหนึ่งที่เธอไม่อาจช่วยเขาไว้ได้
หวาดกลัว... กลัวว่าจะต้องสูญเสียอีกฝ่ายไปอย่างไม่มีวันกลับ
แม้จะเตรียมใจมาตลอด แต่เธอก็ไม่เคยก้าวข้ามความเจ็บปวดนี้ได้... ค่างวดของความเสี่ยงที่ต้องแบกรับในการเดินตามเส้นทางที่เธอและเขาเป็นผู้เลือกมาแต่แรก
ตราบใดที่ทั้งสองยังคงเลือกเป็นเสาหลักแห่งหน่วยพิฆาตอสูรนี้...
มือบอบบางหากหยาบกร้านทาบแผ่นเปลือกตาของคนรักอย่างแผ่วเบา แล้วแนบริมฝีปากจุมพิตแผ่วหลงเหนือหน้าผากที่เริ่มคลายความร้อนลงจากฤทธิ์ยาเข็มสุดท้ายที่เธอมี นัยน์ตาสีชมพูอ่อนทอดมองท้องฟ้าสีหม่นจากเมฆฝนที่ปกคลุมดวงตะวันยามเช้า สายฝนยังคงโปรยปรายทั่วบริเวณ เช่นเดียวกับเสียงน้ำหลากที่กัดเซาะผืนดินยังดังแว่วเข้าสองหู
หญิงสาวเดินออกไปเปลี่ยนน้ำในอ่าง พร้อมกับขอผ้าสะอาดกับกระดาษและหมึกจากผู้ใหญ่บ้านที่เดินเอาฟืนมากองไว้ให้แก่เธอ จากการไต่ถาม คนที่ได้รับบาดเจ็บไม่มากที่เธอ โกโต และคาคุชิคนอื่น ๆ ปฐมพยาบาลให้ก่อนน้ำป่าไหลหลากก็ไม่มีใครมีอาการแทรกซ้อนจนน่าวิตกเท่ากับเสาหลักวายุ ทำให้เธอพอโล่งใจขึ้นมาอยู่บ้าง
ทันทีที่ส่งสัญญาณ อีกาสื่อสารประจำตัวของเธอก็บินผ่านช่องหน้าต่างบานจ้อยมาเกาะยังบ่าของเธออย่างรู้งาน คานาเอะใช้เวลาไม่นานในการจรดพู่กันเขียนจดหมายสองฉบับ ฉบับแรกรายงานความเป็นไปให้แก่นายท่านอุบุยาชิกิที่คงรอฟังอาการบาดเจ็บของชาวบ้านและซาเนมิ ฉบับต่อมาบอกเล่าให้เหล่าน้องสาวที่รอเธออยู่ยังคฤหาสน์ผีเสื้อทราบถึงสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่พร้อมกับขอให้จัดส่งยาที่จำเป็นมากับอีกาสื่อสารของเธอโดยด่วนที่สุด
คานาเอะลูบขนสีดำของอีกาอย่างนุ่มนวลแล้วเฝ้ามองสัตว์ประจำกายโผบินฝ่าพายุฝนไปจนลับตา นัยน์ตาคู่งามจะหม่นแสงลงด้วยความเจ็บปวดและความกังวลที่ยังคงเกาะกินอยู่ในจิตใจ เป็นครั้งแรกที่เธอต้องปล่อยให้ชิโนบุเป็นคนคอยรักษาคนเจ็บจำนวนมากขนาดนี้ หากเธอก็เชื่อมั่นในฝีมือของน้องสาวร่วมสายเลือดที่มีพรสวรรค์ในด้านการแพทย์ยิ่งกว่าเธอยามที่มีวัยเท่ากัน อีกทั้งตอนนี้อาโออิก็พัฒนาฝีมือมากพอที่จะช่วยแบ่งเบาภาระที่มีอยู่ไปได้
หากแต่ อาการของชินาซึงาวะ ซาเนมิ...
มือของเธอสั่นระริกยามไล้ยังบาดแผลที่ยังคงบวมแดงและร้อนผ่าว บ่งบอกถึงอาการอักเสบจากการติดเชื้อ ซึ่งเธอไม่มียาใดจะสามารถรักษาเขาได้ทันท่วงทีเหมือนที่สามารถทำได้ยามอยู่คฤหาสน์ผีเสื้อ
เสาหลักบุปผาหยิบสมุนไพรที่ได้รับมาจากเหล่าผู้เฒ่าของหมู่บ้านอย่างชั่งใจ พลางนึกถึงตำราสมุนไพรของครอบครัวที่เธอเคยได้ศึกษายามเยาว์วัยก่อนถอนหายใจออกมา อย่างน้อยก็พอมีสมุนไพรบางตัวที่พอจะบรรเทาอาการอักเสบของชายคนรักได้ แม้จะไม่ได้ดีเทียบเท่ากับยาที่เกิดจากการคิดค้นของชิโนบุก็ตาม
แต่ตอนนี้ เธอก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นใดแล้ว...
เธอผสมสมุนไพรตามตำรับยาของครอบครัว แล้วบรรจงวางทาบไว้บนบาดแผลตามกายของคนที่บ้าดีเดือดคนนั้น คนที่ไม่เคยคิดถึงชีวิตของตนเลยแม้แต่ครั้งเดียว หากนั่นจะเป็นการทำเพื่อช่วยเหลือให้คนอื่นปลอดภัย
ความใจร้อนบุ่มบ่ามที่เธอทั้งตกหลุมรักและชิงชังไปพร้อมกัน...
เพราะมันอาจพรากชายคนนี้ไปจากเธอตลอดกาล
นัยน์ตาคู่งามทั้งสองข้างยังคงแสบร้อนขณะใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลจนไม่อาจนับถ้วน กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องคอยรักษาเขาผู้นี้ให้พ้นจากเงื้อมมือของพญามัจจุราช กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องเฝ้าภาวนาขอให้ชายคนนี้ยังมีลมหายใจต่อไป
หรือไม่มีวันที่ฝันของเขาและเธอจะเป็นจริง... ฝันที่จะได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขบนโลกที่ปราศจากอสูรคอยคุกคามมนุษย์
คานาเอะเม้มริมฝีปากแน่น ขณะเอื้อมมืออันสากกร้านและร้อนผ่าวเกาะกุมไว้ ไม่แยแสความเหน็ดเหนื่อยจากการตรากตรำภารกิจตลอดทั้งวัน ด้วยไม่อาจข่มตาหลับได้จนกว่าจะมั่นใจว่าคนคนนี้จะรอดพ้นจากความตายแล้วกลับมาหาเธออีกครั้ง
นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่จวนเจียนจะหยดอีกคราเหลือบมองไปยังนอกหน้าต่าง ทอดมองม่านสีขาวพร่างพรายของสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำไปทั่วบริเวณ เช่นเดียวกับลมพายุที่พัดโหมกระหน่ำอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
ไม่ผิดกับพายุแห่งความกลัวในจิตใจเธอ ที่คงไม่จางหายไปได้ในเร็ววัน...
[TBC]
===========
Author's Talk 09 JUL 2022
สวัสดีค่า ห่างหายจากการอัพตอนพิเศษเรื่องนี้นานมาก... นานแบบ เกือบครบปีตั้งแต่ครั้งสุดท้ายเลยค่ะ ต้องขออภัยสำหรับคนที่รอเรื่องนี้มาก ๆ นะคะ
ก่อนหน้าก็คือจัดการตอนพิเศษ+rewrite+ทำเล่มของ KNY FF - In Time With You ค่ะ แล้วก็กลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลาตั้งแต่พฤศจิกายนปีก่อน บวกงานที่ลงรัว ๆ จนต้องมีช่วงหยุดเขียนไปสองช่วงเลยค่ะ
บทนี้เป็นบทที่อยู่ในหัวมาตั้งแต่ปีที่แล้วละค่ะ แต่เพราะงานที่เยอะด้วย เลยต้องเขียน ๆ หยุด ๆ มาร่วมเดือนค่ะ หากมีติดขัดตรงไหน ต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ
(ยังไงมีรีไรท์อีกรอบแน่ค่ะ ไว้ลงพร้อมกับรีไรท์เรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งนะคะ)
ส่วนเรื่องพรีเล่มทั้งเล่มกิยูชิโน หรือเล่มซาเนคานาช่วงนี้ จนกว่าจะส่งโรงพิมพ์ในเดือนหน้า ก็ยังสามารถสะกิดสั่งได้เรื่อย ๆ ค่ะ กับจริง ๆ หลังส่งโรงพิมพ์ เราก็คงมีสั่งเกินมาจำนวนหนึ่งค่ะ เผื่อใครอยากเก็บเป็นที่ระลึก (แต่อย่าลืมดูความจำเป็นเบื้องต้นของตัวเองด้วยนะคะ)
ลองดูเล่มตัวอย่างได้จากที่เราอัพเดท หรือในเทรดทวิตเตอร์นี้นะคะ
แล้วก็ ใครที่มีความสนใจอยากเก็บฟิคเล่มนี้ รวมถึง KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง เป็นที่ระลึก ตอนนี้เราเปิดพรีฟิคอีกรอบค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 16 APR 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือจะรอไปเก็บรอบงาน Comic Avenue ก็ได้เหมือนกันค่า
สำหรับเสาร์หน้า เราจะนำตอนพิเศษ 2.2 มาให้อ่านกันนะคะ บอกใบ้ว่าต้องขอแยกไปไว้อีกส่วนใน RAW เพื่อจำกัดเรทนะคะ ^^ (เนื่องจากยังไม่มี 15+ ให้เราเลือกเนอะ)
จั่วหัวมาขนาดนี้ น่าจะเดาได้นะคะว่าเป็นบทแนวไหน แต่ย้ำเตือนค่ะว่า คนที่อ่านฟิคเรื่องนี้มาตลอดรอดฝั่ง กับเคยอ่าน KNY FF - In Time With You น่าจะเดาได้นะคะ ว่าหนึ่งบทของเรามันช่างเป็นรถไฟเหาะมาก ๆ สวิงกันเข้าไปค่ะ
แน่นอน บทปิดไฟก็คงไม่แพ้กันค่ะ
ช่วงนี้รักษาสุขภาพกันนะคะ คุณแม่เราเกมกับโควิดไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวานค่ะ เราก็สังเกตอาการอยู่ (แต่ดูทรงน่าจะเกมสูง) แล้วพบกันเสาร์หน้ากับตอนพิเศษ 2.2 นะคะ ^^
Author's Talk 12 DEC 2022
สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
หลังจากวีคนรก กับประชุมที่เราเป็นคนจัด คลานกลับมาค่ะ ต้องขอโทษที่กลางวีคไม่ได้ลงฟิคเลย ฮื้อ วันนี้ก็เรียกได้ว่าลาป่วยนอนทั้งวันแล้วค่ะ หมดแรงมาก
เดี๋ยวจะทำฟอร์มแจกสคส.มาลงนะคะ แต่คงจะได้ส่งช่วงต้นมกราเลยค่ะ จนถึงสิ้นปีเรามีงานต้องเคลียร์หลายชิ้นมาก
ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3
จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)
อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย
แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนพิเศษ 2.2 ในวันพรุ่งนี้นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^
Comments (0)