Day 32 - Ever After

 

Prompt: “I love you”

 

Spoiled

Time Skip จากตอน 205 อีกทีนะคะ (อีกกี่ชาติก็ว่าไป)

*เนื้อหาเชื่อมโยงกับตอนที่ 8 ของ KNY FF - In Time With You (Giyuu x Shinobu) ค่ะ

 

1st Published : 26 JUN 2021

Rewrite : 11 DEC 2022

==========

 

พระเจ้าไม่มีอยู่จริง...

 

นัยน์ตาสีม่วงอ่อนมองกลุ่มบุคคลที่กรูเข้ามายังห้องแต่งตัวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ความหงุดหงิดวิ่งพุ่งเข้าริ้วจิตใจนับตั้งแต่เห็นคนเปิดประตูเข้ามาคือไอ้คนหน้าไร้อารมณ์ที่เดินแท่ด ๆ เข้ามาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วตามด้วยเจ้าคนร่างสูงใหญ่เกือบสองเมตรที่ตะโกนส่งเสียงโหวกเหวกมาก่อนใคร ไม่แยแสชายหนุ่มผมดำหน้าจืดที่พยายามรั้งร่างของทุกคนไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไร้ผลเมื่อไอ้คนมองโลกในแง่ดีแต่เสือกจริงจังผิดเวลาชนชายหนุ่มหน้าจืดคนนั้นจนล้มกลิ้ง ชนิดที่ชายหนุ่มร่างเล็กผอมบางผู้เป็นเพื่อนสนิทอีกคนเลือกจะก้าวข้ามอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่ครั้งเดียว

 

พระเจ้าไม่เคยมีอยู่จริง... เพราะถ้าพระเจ้ามีอยู่จริง ชีวิตของเขาคงไม่ต้องมาวุ่นวายด้วยคนเหล่านี้...

 

คิ้วของคนในชุดเจ้าบ่าวเริ่มกระตุกมากขึ้นเมื่อขบวนผู้รุกรานไม่ได้จบแต่แค่กลุ่มเพื่อนสนิทสมัยมัธยมเพียงเท่านี้ การปรากฏตัวของไอ้คนที่ครั้งหนึ่งเคยจีบว่าที่ภรรยาของเขาก่อนจะถูกเขาใช้หมัดตะบั้นหน้ามันไปอย่างเต็มรักตอนช่วงขึ้นปีหนึ่งใหม่ ๆ ที่เดินโบกไม้โบกมือเข้ามาอย่างไม่แยแสใคร พร้อมกับกอดคอชายหนุ่มผมสั้นร่างเล็กที่มีท่าทีหงุดหงิดที่โดนลากคอเข้ามา ปิดท้ายด้วยเพื่อนสนิทตัวดีที่ยิ้มร่าดันหลังสองแฝดชายร่างสูงใหญ่ที่ทำสีหน้าเหมือนคนปกติสุดที่รู้ว่า... นี่ไม่ใช่สถานที่ที่แขกควรจะเข้ามาเพ่นพ่านก่อนเริ่มพิธีการ

 

“พวกแกเข้ามาทำห่าอะไรที่นี่วะ!” เขาพูดเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน ขณะใช้นิ้วมือสั่นระริกชี้หน้าชายหนุ่มผมยาวคนหน้าตายผู้นั่งจุ้มปุ๊กบนเก้าอี้มองเขาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “โดยเฉพาะแก! แกเข้ามาทำบ้าอะไรที่นี่หา!”

 

“ว้าว” เสียงหนุ่มผมทองที่เขาชักอยากกระทืบหน้ามันซ้ำอีกครั้งปรบมือราวกับดูละครสัตว์อยู่ “นึกว่าพวกนายเป็นเพื่อนกันซะอีก~ นี่ฉันพลาดข่าวสารอะไรไปเหรอ...”

 

“นายตกข่าวน่ะ!” ไอ้คนร่างสูงเท่ายักษ์ปักหลั่นหัวเราะร่าก่อนจะอธิบายเพิ่มอย่างฉูดฉาด “มันเพิ่งอัปเปหิเจ้านี่ออกจากสารบบเพื่อนไม่นานมานี่เอง”

 

นัยน์ตาหลายคู่หันมามองหน้าคนพูดโดยไม่ได้นัดหมาย กระทั่งคู่แฝดที่ไม่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านก็ยังอดไม่ได้ที่จะเบิ่งตาอย่างสงสัย หากก่อนไอ้คนชอบทำตัวโดดเด่นจะได้ตอบคำถาม เพื่อนสนิทร่างเล็กของเขาก็กระแอมพร้อมกลอกตาอย่างหน่ายใจ...

 

“แค่ไปจีบน้องสาวว่าที่เมียแกเนี่ย ถึงฉันจะเหม็นหน้ามันเหมือนกัน แต่ไม่เกินไปหน่อยเหรอวะ”

 

“น้องเค้ายังเรียนไม่จบโว้ย!” เขาโวยวายพลางชี้นิ้วจิ้มใส่ไอ้คนที่เพิ่งจะเข้าใจสถานการณ์ นัยน์ตาสีครามหันมาจ้องมองอย่างงวยงง ทำให้ความหงุดหงิดของเขายิ่งพุ่งกระฉูดขึ้นเข้าไปใหญ่ “ประเด็นคือฉันไม่ได้เชิญมัน! ใครอุตริลากมันมาวะ!หา!

 

“หนูเองค่ะ!” เสียงใสของสตรีร่างเล็กบางในชุดราตรีสั้นรับกับนัยน์ตาสีม่วงดังขึ้น คำตอบที่ทำให้เขาหุบปากโดยอัตโนมัติ “ก็พี่สาวของหนูบอกให้เชิญแฟนมาด้วย แล้วแฟนหนูก็เพื่อนสนิทของว่าที่พี่เขย ทำไมหนูจะเชิญมาไม่ได้ละคะ”

 

นัยน์ตาแวววับที่หันมาจับจ้องทำเขาได้แต่กลอกตา ด้วยคำตอบที่อ้างถึงเจ้าสาวของเขาก็เพียงพอที่จะทำเขาต้องล้มเลิกการต่อความใดกับยัยเด็กบ้าคนนี้... นอกจากพ่นลมหายใจออกมาอย่างขัดใจเท่านั้น

 

“เฮอะ!”

 

“แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์บ่นอะไรนะ” กลับเป็นเสียงทุ้มหนักแน่นของชายหนุ่มเรือนผมสีอมส้มที่ตบบ่าเขาเป็นเชิงปรามกลาย ๆ “ตอนพวกนายเริ่มคบกัน พวกนายเพิ่งอายุสิบห้าสิบหกเองนี่นา...”

 

“ฮื้ม!” เสียงไอ้มนุษย์พลังงานล้นเหลือพอ ๆ กับสีผมบนหัวมันรีบเอ่ยสนับสนุน “อย่างน้อยหมอนั่นก็ไม่ได้พรากผู้เยาว์นะ!”

 

“ฉันก็ไม่ได้พรากผู้เยาว์โว้ย!” เขาว่าพลางขยี้หัวอย่างหงุดหงิดจนผมที่ถูกจัดแต่งมาอย่างดีกลับไปยุ่งเหยิงเหมือนยามปกติ ก่อนจะยกนิ้วชี้หน้าด่าไอ้คนต้นเรื่องที่เป็นตัวตั้งตัวตีหยิบอายุมาข่มกัน “ถ้าฉันพรากผู้เยาว์ แกก็ด้วย!”

 

“ตอนพวกฉันเริ่มคบกัน เราจะจบปีสุดท้ายกันแล้วเถอะ...”

 

“เหอะ! เสือกป๊อดเอง...”

 

“แต่มันแต่งงานก่อนแกนะ... ฉันก็ด้วย” เพื่อนสนิทร่างเล็กหัวเราะพลางกระดิกนิ้วนางข้างซ้ายโชว์แหวนแต่งงานให้เห็นเป็นประจักษ์ “อันที่จริง ภรรยาฉันกับน้องสาวภรรยาแกก็เรียนชั้นเดียวกัน จะไปหาว่าไอ้เวรนั่นกินเด็กก็ไม่ถูก”

 

“เอาน่า... ช่วยไม่ได้น้า ก็แฟนแกเรียนหมอเลยจบช้ากว่าชาวบ้านหน่อย... ไม่สิ บ้านแฟนแกเรียนหมอหมดเลยนี่หว่า” ไอ้เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กเข้ามาช่วยขยี้ผมของเขาที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งเหยิงขึ้นกว่าเดิม “แต่นี่ไง วันนี้วันของแกทั้งที อย่าโมโหสิวะ...”

 

เสียงหัวเราะจากบรรดาเพื่อนฝูงทำคนเป็นเจ้าบ่าวแทบทิ้งหัว ก่อนจะทันได้ตะเพิดไล่ทุกคนออกจากห้องที่ถูกกันไว้เป็นห้องแต่งตัว ประตูห้องแต่งตัวด้านในก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงหัวเราะเบา ๆ ของคนเป็นเจ้าสาว

 

“ตายแล้ว ๆ นี่อยู่กันพร้อมหน้าเลยเหรอ ฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่าคะ”

 

เธอของเขาในชุดเจ้าสาวหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนสนิทร่างเล็ก... แฟนสาวของชายหนุ่มผมส้มที่อยู่ในชุดราตรีสีฟ้าที่ซ่อนท้องนูนป่องของเจ้าตัวไว้

 

เขามองอดีตประธานรุ่นชั้นเรียนของพวกเขาที่รีบปรี่มาประคองภรรยาของมันอย่างหน่ายใจ ก่อนจะหันไปตอบว่าที่ภรรยาของตนเองด้วยน้ำเสียงสุภาพ

 

“เปล่า... เธอไม่ได้พลาดอะไรหรอก”

 

“แล้วทำไมผมของคุณเป็นแบบนี้ละคะ แหม...จะเริ่มพิธีอยู่แล้ว คุณจะเข้างานทั้ง ๆ ที่ไม่ติดกระดุมคอเหรอคะ”

 

“ก็มันอึดอัด...”

 

เขาบ่นอุบอิบขณะปล่อยให้เจ้าสาวของเขาคอยจัดแจงเสื้อผ้าและลูบผมเผ้าให้เรียบร้อย อากัปกิริยาที่ดูจะเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าเพื่อนฝูงได้เป็นอย่างดี

 

ถึงจะโวยวาย ถึงจะรำคาญพวกบ้าพวกนี้ หากลึก ๆ เขารู้สึกดีใจที่ได้มีพวกมันเป็นเพื่อน แม้กระทั่งไอ้คนหน้าตายที่เขาเพิ่งตัดมันออกจากสารบบในฐานะที่ริอ่านไปจีบน้องสาวว่าที่ภรรยาเขาทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายยังเรียนไม่จบ...

 

แม้จะหงุดหงิดแค่ไหน แต่ลึก ๆ เขารู้ รู้ดีว่าเขาไม่มีวันที่จะพรากสองคนนั้นออกจากกันได้ เช่นเดียวกับไม่มีอะไรจะพรากเขากับผู้หญิงตรงหน้าได้เช่นกัน

 

เขายืนมองใบหน้าสวยหวานของเธอ... แม้จะผ่านมาเป็นสิบปีนับแต่วันแรกที่ได้รู้จักกัน แต่สำหรับเขามันเหมือนเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดเมื่อวาน... เขายังจำนาทีที่สบกับนัยน์ตาสีชมพูอ่อนคู่นั้นหน้าต้นซากุระเก่าแก่ของเมืองได้เป็นอย่างดี...

 

เพื่อนสนิททั้งหลายมองว่าเขาตกหลุมรักแรกพบ แต่สำหรับเขา... เธอคนนี้เป็นยิ่งกว่ารักแรกพบ แต่เป็นเหมือนคนที่เขาเฝ้ารอมาตลอดชีวิตเพื่อได้เจอกับเธอคนนี้...

 

เขาจำครั้งแรกที่เธอเอื้อมมือมากอบกุมหลังเขาเผลอชกต่อยกับเด็กต่างโรงเรียนที่กลายมาเป็นเพื่อนในกลุ่มของเขาทีหลัง แม้เธอจะดูไม่สบายใจต่อการกระทำของเขา แต่สิ่งที่เธอทำวันนั้นคือการลากเขาไปห้องพยาบาลของโรงเรียนแล้วทำแผลให้อย่างเบามือ... สัมผัสอ่อนโยนอันเคยคุ้น ราวกับนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำบาดแผลให้ ราวกับเป็นสิ่งที่เขาและเธอปฏิบัติต่อกันจนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต...

 

มือคู่นั้นบอบบาง หากอ่อนโยนและอบอุ่นยิ่งกว่าใคร... มือที่คอยช่วยเหลือคนอื่นพร้อม ๆ กับปกป้องผู้คน คือมือคู่เดียวที่คอยนำทางและคอยเป็นกำลังใจให้เขานับแต่วันนั้นเป็นต้นมา...

 

มืออันอ่อนโยนของผู้หญิงแสนดีที่ทำเขาตกหลุมรัก...

 

ช่อดอกไม้มาแล้วค่า~” เสียงสดใสของหญิงสาวผมสีชมพูเหลือบเขียวผู้เป็นภรรยาของเพื่อนสนิทของเขา และเป็นเพื่อนรักของน้องสาวเธอในเวลาเดียวกันดังขึ้น ขณะรีบยื่นช่อดอกไม้มาให้เจ้าสาวของเขาได้ถือไว้ “อ๊ะ ยูชิโร่ซังและทามาโยะซังฝากบอกว่าใกล้ได้เวลาแล้วนะคะ”

 

เขาถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นหญิงสาวร่างบอบบาง... หากมีพละกำลังราวกับช้างสารลากสามีของเธอพร้อม ๆ กับที่หญิงสาวร่างเล็กผมสั้นและน้องสาวร่วมสายเลือดของเธอช่วยกันไล่ต้อนเพื่อน ๆ ให้ออกจากห้องแต่งตัวไป แต่ความสงบก็บังเกิดได้ไม่นาน ก่อนบานประตูจะถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของเหล่าน้อง ๆ ของเขาและเธอ รวมถึงบรรดาแฟนหนุ่มของน้อง ๆ เธอที่เขาคอยเขม่นตั้งแต่รู้จักกัน...

 

ยังเรียนไม่จบริอ่านจีบสาว... เดี๋ยวเถอะ!

 

ถึงจะอยากตบกบาลไอ้เด็กไม่รู้จักกาลเทศะทั้งหลาย แต่ก็จนใจว่าเด็กที่เป็นคู่รักของน้อง ๆ นอกสายเลือดของเธอดันเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับน้องชายคนรองของเขา... ซึ่งก็ทำให้เขาไม่อาจทำในสิ่งที่ตนอยากทำได้ นอกจากถลึงตาใส่ยามเจอหน้ากัน...

 

ก่อนจะรีบทำตัวปกติยามที่เธอหันมองมา...

 

พี่จ๋า วันนี้พี่สาวสวยมากเลยค่ะ...”

 

น้องสาวคนเล็กของเขารีบชิงเอ่ยพร้อมวิ่งมากอดเขาแล้วส่งยิ้มหวานให้ ขณะที่น้อง ๆ คนอื่นของเขาและเธอต่างพากันชื่นชมความสวยงามของเจ้าสาวของเขา เว้นเพียงน้องชายคนโตที่เงียบกริบจากความประหม่าที่ต้องอยู่ท่ามกลางผู้หญิงจำนวนมาก

 

รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าขณะเขาลูบศีรษะน้องสาวคนเล็กเบา ๆ ถึงบรรยากาศจะวุ่นวายไม่แพ้กับเมื่อตอนที่เพื่อนฝูงของเขาเข้ามาวุ่นวายเมื่อครู่ แต่เป็นความวุ่นวายที่เขาหันไปสบตากับเธอแล้วยิ้มให้แก่กัน

 

บรรยากาศที่เป็นดั่งภาพฝันที่ทั้งสองได้วาดไว้...

 

ความวุ่นวายในครอบครัวอันใหญ่มโหฬาร... ความวุ่นวายของเพื่อนฝูงที่ไม่ค่อยจะมีสติ...

 

หากเป็นความวุ่นวายที่เขาและเธอปรารถนาจะได้เห็นมัน... ท่ามกลางโลกอันแสนสงบสุขแห่งนี้...

 

เขามัวแต่สาละวนลูบศีรษะน้องสาวทั้งสอง สลับหันไปแซะแฟนหนุ่มของบรรดาน้องสาวของเธอ จนไม่ทันสังเกตนัยน์ตาสีชมพูที่ทอดมองเขาด้วยความรักอย่างล้นใจ

 

คนที่ดูเผิน ๆ เป็นคนหยาบกระด้าง ดุดัน แท้จริงคือชายหนุ่มที่อ่อนโยนและอบอุ่นยิ่งกว่าใครที่เธอรู้จักมา...

 

เธอรักสายตาอ่อนโยนของเขายามทอดมองน้อง ๆ ของเขาและของเธอยิ่งกว่าสิ่งใด... ความอ่อนโยนที่มีแต่เธอที่รู้ดีกว่าใครในโลกนี้...

 

คนที่พร้อมจะปกป้องทุกคนด้วยมือทั้งสองของตน... คนที่พร้อมยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาคนที่เขารักสุดหัวใจ รวมถึงน้อง ๆ และคนที่เธอรักด้วย...

 

ความอ่อนโยนที่ทำให้เธอรักผู้ชายคนนี้ยิ่งกว่าสิ่งใด...

 

เหมือนทั้งชีวิตเธอเฝ้ารอคนผู้นี้มาตลอด... เฝ้าคอยที่จะได้จับมือที่หยาบกร้านเดินฝ่าอุปสรรคไปพร้อม ๆ กัน... บนโลกอันแสนสงบสุขนี้...

 

เสียงจ้อกแจ้กจอแจยังคงดำเนินไปจนกระทั่งชายร่างใหญ่ยักษ์... ยิ่งกว่าเพื่อนสนิทของเขาปรากฏกายขึ้น บุรุษที่แม้จะอายุมากกว่าพวกเขาเพียงหกปี แต่ก็ทำหน้าที่เป็นพี่ชายที่คอยดูแลครอบครัวของเธอหลังจากที่บิดามารดาของเธอและน้อง ๆ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อนพวกเขารู้จักกันไม่นาน

 

เขามองเด็กสาวสามคนที่เป็นญาติผู้น้องของเธอไล่เวียนกอดก่ายเจ้าสาวของเขาส่งท้ายก่อนถูกน้องสาวบุญธรรมและลูกพี่ลูกน้องของเธอไล่ต้อนออกไป

 

“ครอบครัวของเรานี่สนุกสนานจังนะคะ” รอยยิ้มยังเต็มเปี่ยมอยู่บนใบหน้าของเธอขณะเอื้อมมือมาจัดคอเสื้อของเขาเป็นครั้งสุดท้าย “รวมถึงเพื่อน ๆ ของคุณและของฉันด้วย”

 

หนวกหูล่ะสิไม่ว่า” เขาบ่นพึมพำพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน... แต่ก็เป็นความเหนื่อยที่ลึก ๆ เขารู้ดีว่าเขาบ่นไปอย่างนั้น เพราะมันเป็นเหมือนสิ่งที่เขาใฝ่ฝันจะได้เห็นมาตลอดชีวิต “แล้วทำไมถึงเชิญไอ้หมอนั่นมางานเรา...”

 

“ก็แหม เค้าเป็นเพื่อนคุณแล้วก็แฟนของน้องสาวฉัน ไม่ให้ฉันเชิญได้อย่างไรล่ะคะ อย่างไรอนาคตก็ต้องมาเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดี” เธอว่าพลางหัวเราะเบา ๆ “แล้วลึก ๆ พวกคุณตัดกันไม่ขาดหรอกค่ะ ขืนไม่เชิญมาคุณคงเสียใจแย่”

 

ประโยคที่เขาทำได้เพียงกลอกตาไปมา แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เธอของเขาพูดมาถูกต้องทั้งหมด ความขวางหูขวางตาที่เกิดขึ้นก็มีสาเหตุเดียว อันมาจากน้องสาวของเธอเป็นเหตุ ในสายตาคนอายุยี่สิบห้าอย่างเขา น้องสาวแท้ ๆ ของเธอเพิ่งอายุย่างยี่สิบสองและยังเรียนไม่จบ... เขาถึงได้เดือดดาลยามรู้ว่าเพื่อนรักของเขาริอ่านไปคบน้องสาวของเธอเข้า...

 

“แต่คุณก็ดูมีความสุขมากนะคะ” เธอว่าอย่างอ่อนโยน ขณะเอื้อมมือมาเกาะกุมมือของเขาเหมือนที่เป็นมาโดยตลอด “ยิ้มหน่อยสิคะ ฉันออกจะรักรอยยิ้มคุณขนาดนี้”

 

มืออันอ่อนนุ่มเขยิบเข้ามาไล้แก้มของเขาอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่ช่วยลดความตื่นเต้นกระวนกระวายของเขาลง สัมผัสที่ทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจขณะจับมือของเธอจรดริมฝีปากอย่างทะนุถนอม

 

รู้ทันตลอดเลยนะ...”

 

“ก็คุณไม่ค่อยรู้ใจตัวเองนี่คะ ฉันเลยต้องคอยรู้ใจคุณแทน”

 

ริมฝีปากสีชาดคลี่ยิ้มเมื่อเห็นแววตาอ่อนโยนบนใบหน้าคมคายหันสบมอง สิ่งที่สะท้อนออกมาผ่านนัยน์ตาสีม่วงอ่อนคู่ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นคู่นั้นทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเขาคิดอย่างไร...

 

“เหมือนกับที่ฉันรู้ว่าคุณรักฉันมากแค่ไหนไงคะ~”

 

นัยน์ตาสีชมพูอ่อนพราวระยับขณะมองว่าที่เจ้าบ่าวที่บัดนี้หน้าแดงก่ำ เพราะเป็นเธอที่แสดงให้เขาเห็นมาตั้งแต่แรกว่าเธอรู้... รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ...

 

และเธอก็รู้สึกอย่างเดียวกันกับเขามาตลอด... มาตั้งแต่แรกพบสบตาวันนั้น...

 

เสียงยูชิโร่ จิตรกรหนุ่มผู้เต็มไปด้วยปริศนาตะโกนบอกให้ทั้งสองเตรียมพร้อมสำหรับพิธีการ ก่อนที่จะได้เดินออกไปเตรียมตัว เจ้าบ่าวของเธอก็ชะงัก พลันหันกลับมามองเธอด้วยสีหน้าแดงก่ำ

 

“...แล้ววันนี้ ...ฉันบอกรักเธอยัง...”

 

น้ำเสียงตะกุกตะกักที่ทำเธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วหันไปสบนัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่ทอดมองเธออย่างเฝ้ารอ...

 

การรอคอยที่แสนเนิ่นนานกำลังจะสิ้นสุดลง...

 

“ไม่ต้องบอกฉันก็รู้ค่ะ... รู้มาตลอด... รู้ดีกว่าใคร...” เธอว่าพลางคลี่ยิ้มอ่อนหวาน “แล้วคุณรู้ไหมคะว่าฉันรักคุณแค่ไหน...”

 

รู้น่า...”

 

เขาพึมพำขณะรั้งร่างของเธอมากอดแน่น แล้วผละเมื่อได้ยินเสียงเรียกอีกครั้ง... นัยน์ตาสีชมพูอ่อนยังคงทอดมองเขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะกระซิบแผ่วเบา...

 

“แล้วเจอกันในพิธีนะคะ...”

 

บานประตูห้องแต่งตัวปิดลงอีกครั้ง หากคราวนี้ชายหนุ่มในชุดพิธีการรู้ว่า สำหรับเขาและเธอ มันจะเป็นการจากกันครั้งสุดท้าย...

 

เสียงจ้อกแจ้กจอแจที่ดังแว่วเข้าหู แม้จะฟังดูหนวกหูและป่วนประสาท แต่เขาก็อดที่จะคลี่ยิ้มน้อย ๆ ออกมาไม่ได้อยู่ดี...

 

บางทีพระเจ้าคงจะมีอยู่จริง แต่แค่ชอบเล่นพิเรนทร์เท่านั้น... เลยส่งคนมาคอยกวนประสาทเขาให้พอเป็นสีสัน

 

แม้ชีวิตหลังจากนี้ของเขาจะต้องปวดหัวกับเพื่อนฝูงแสนวุ่นวายของเขาและเธอ ครอบครัวใหญ่มหึมาที่แสนเอะอะมะเทิ่ง แต่เขาก็มีความสุข...

 

หลังจากนี้ เขาและเธอจะมีกันและกัน คอยเคียงข้างกัน... คอยจับมือกัน... ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหลายบนโลกใบนี้...

 

ท่ามกลางความสับสนบนโลกแสนสงบสุขแห่งนี้...

 

โลกที่เขาและเธอจะไม่ต้องพรากจากกัน... โลกที่เขาและเธอสามารถเฝ้ามองคนที่เขาทั้งสองรักใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกคืนวัน โดยไม่ต้องแยกจากกันอีก...

 

โลกที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้คนที่เขาและเธอรัก... คนที่เขาและเธอหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด...

 

โลกอันแสนสงบสุข... ที่เขาจะมีเธอเคียงข้างไปตราบนานเท่านาน...

 

และจารึกไว้ในความทรงจำอันเป็นนิจนิรันดร์ของเขาและเธอ...

 

- FIN -

 

==========

Author's Talk 26 JUN 2021

กรี๊ดดดดด ในที่สุด... บทส่งท้ายก็มาเสิร์ฟแบบเลท ๆ กว่าที่ตั้งใจไว้มากค่ะ ต้องขอโทษคนอ่านมาก ๆ เลยนะคะ Y_Y

สำหรับคนที่ไม่รู้ เราไข้ขึ้นจากการฉีดวัคซีนไปสองวันกว่าค่ะ กับเจองานด่วนที่ทำงานด้วย เลยเพิ่งได้ว่างปั่นฟิคจริง ๆ ก็วันศุกร์เลย ต้องขอโทษด้วยมาก ๆ นะคะที่มาตามนัดไม่ได้

นี่น่าจะเป็นตอนแรกของเรื่องนี้... ที่เราร้องไห้ แต่ร้องไห้จากความสุขค่ะ มันอาจจะจบแบบสวยงามไปหน่อย แต่นี่เป็นฉากจบที่เราวางไว้ตั้งแต่วางเรื่องนี้เลยค่ะ

คนที่อ่าน In Time With You มาแล้ว ไม่ต้องแปลกใจนะคะ จบ AU เดียวกันแน่นอน แต่ด้วยเรื่องนั้นเราโฟกัสความสัมพันธ์ของกิชิ กับเล่นเส้นเรื่องความฝันของคุณกิยูเป็นหลัก ทำให้ตอนจบเลยขอโฟกัสกิยูชิโนบุตามประสาคู่รักน้องเล็กที่เป็น Introvert คู่นี่แหละค่ะ

แต่ในฟิคนี้ หลังจากที่พี่สาเจ็บปวดมาตลอดเรื่อง ขอพื้นที่ให้พี่แกมีความสุขในตอนสุดท้ายแหละค่ะ

เราจินตนาการฉากจบฟิคนี้ด้วยความวุ่นวาย วุ่นวายกลางงานแต่งพี่สานี่แหละ ไหนจะเพื่อนฝูงทั้งที่เคยเป็นนักล่าอสูร และขอเพิ่มกลุ่มอสูรที่คงกลับมาเกิดใหม่แล้ว คิดว่าคนอ่านอาจจะเดาได้นะคะว่าใครเป็นใคร

ไหนจะบรรดาน้อง ๆ พี่สาพี่เอะอีก อย่างว่าแหละค่ะ พี่ ๆ ทั้งสองไม่สมหวังในชาติที่แล้ว ชาตินี้อะไรที่พี่ ๆ เค้าปรารถนา พระเจ้าคงเห็นใจเลยประทานให้หมด

ครอบครัวใหญ่ของพี่สาพี่เอะคง...มหึมาแน่ ๆ ค่ะ และคงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความเอะอะ ความปวดหัวที่พี่สาอาจจะนึกไม่อยากอธิษฐานแบบนี้เมื่อชาติที่แล้วก็ได้

แต่ในมุมพี่ใหญ่ทั้งสอง เราว่ามันเป็นอะไรที่ touch มากนะคะ เป็นความที่น้องเธอคือน้องฉัน เพื่อนเธอก็คือเพื่อนฉัน มันคือการร่วมชีวิตกันจริง ๆ แหละค่ะ ^^

ฉากที่ถูกใจที่สุด ก็หนีไม่พ้นฉากคุณชิตัวแสบที่ยังคงคอนเซ็ปกัดกับพี่เขยได้ตลอดเวลา แหม แต่อย่างน้อยชาตินี้คุณชิก็สมหวังแล้วนะคะ...

หวังว่าผู้อ่านจะถูกใจ Easter Eggs ที่เราใส่มานะคะ เผื่อถ้าโชคดี... อาจจะได้ลองมาเล่าในมุม AU นี้บ้าง AU ที่ไม่แอ๋ง (คนละ AU พาโรดี้มหาลัยไทยที่เราจะลงช่วงปลายปีนะคะ) แต่น่าจะคงกลิ่นอายมิตรภาพกับความละมุนอีกแบบค่ะ...

ถ้าโชคดี งานไม่ถม มีเวลา เราก็อยากให้มีจักรวาลนึงที่เด็ก ๆ พวกนี้ได้มีความสุขกันโดยไม่แอ๋งบ้างเนอะ ^^

จนถึงปลายสิงหาคม เราคงจะมีเขียนอะไรก๊อกแก๊กซักอาทิตย์ละ 1 ตอนค่ะ ทั้งที่เป็น one shot KNY หรือ fanfic เรื่องอื่น หรือออริจินัลของเราค่ะ เพื่อขอวอร์มอัพกับวางโครงเรื่องของบ้านผีเสื้อที่เหมือนเป็นบทสรุปส่งท้าย AU Timeline เส้นเรื่องหลักในมุมของเราซักที

แต่ระหว่างนี้ คงจะมีตอนพิเศษมาให้ผู้อ่านได้อ่านเป็นระยะนะคะ ^^ ใครที่รักพี่สาพี่เอะ หรือรออ่านกิชิ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ

จนมาถึงตอนที่พิมพ์อยู่นี้ เรารู้สึกดีใจมากนะคะที่ได้มีโอกาสเขียนฟิคนี้ เป็นครั้งแรกที่เขียนฟิคยาวต่อเนื่องนานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ทำมันได้จนจบ เราดีใจมาก ๆ เลยค่ะที่มีคนบอกว่าเริ่มชอบซาเนคานาจากฟิคนี้

สำหรับคนที่เขียนฟิคชั่นไม่ได้มาห้าปี นี่เป็นเหมือนก้าวสำคัญสำหรับเราเลยค่ะ เราดีใจที่ได้เขียนคู่นี้จากการตีความของตัวเอง ดีใจที่มีคนเข้ามาอ่านมากกว่าที่เราคาดฝันอีก ดีใจเวลาได้เห็นคอมเมนต์หรือฟีดแบคทั้งจากทางนี้หรือทางอื่นนะคะ ขอบคุณคนอ่านทุกคนมาก ที่อุตส่าห์ตามอ่านกันมาตั้งแต่ตั้งไข่ จนถึงวันที่เราจบฟิค แม้จะเลทจากที่ตั้งใจไป 1 สัปดาห์เต็ม ๆ ค่ะ

ท้ายสุดนี้ ต้องขอโทษอีกครั้งที่ช่วง 3 - 4 ตอนสุดท้ายเรามาลงฟิคได้ค่อนข้างดีเลย์กว่าที่กำหนดไว้ ต้องขอโทษคนอ่านทุกคนจริง ๆ นะคะ แล้วก็ต้องขอบคุณอีกครั้งที่ตามอ่านมาจนถึงบทส่งท้ายของเรื่องนี้ค่ะ

ส่วนเรื่องรวมเล่ม เราน่าจะเปิดพรีออเดอร์ของเล่ม In Time With You ตอนกลางเดือนกันยายน - ตุลาคม แล้วเรื่องนี้คือกลางพฤศจิกายน - ธันวาคมนะคะ จะได้มีเวลาจัดหน้า รีไรท์ และเขียนบ้านผีเสื้อไปพร้อม ๆ กันด้วย ไว้ถึงเวลาจะมาแจ้งรายละเอียดอีกทีนะคะ

แต่จนถึงสิงหาคม อาจจะขอพักด้วยการเขียน shot fic หรือฟิคอื่น ๆ วีคละตอนก่อนนะคะ ^^ ช่วงนี้ยุ่งมากจริง ๆ ดูทรงไม่น่ารอดกับวีคละสองตอนค่ะ

พรุ่งนี้คงได้ฤกษ์เมาท์เบื้องหลังฟิคนี้ในทวิตเตอร์ของเรา กับถ้าโชคดี วันอาทิตย์นี้อาจจะได้อ่านตอนพิเศษของฟิคกิชิก่อนนะคะ แล้วของพี่สาพี่เอะคงเป็นวีคถัดไปอีกที

ขอบคุณคนอ่านอีกทีนะคะ ขอบคุณมากจริง ๆ คนอ่านทุกคน ทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนต์ ทุกสิ่งที่ได้รับ เป็นสิ่งที่เราไม่คาดไม่ฝันเลยค่ะ ขอบคุณมาก ๆ ที่ติดตามเรื่องนี้นะคะ ^^

แล้วพบกันใหม่ในอีกไม่นานเกินรอค่า

Author's Talk 11 DEC 2022

สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ

แป๊บ ๆ จะหมดหยุดยาวอีกแล้วเหรอคะ รู้สึกว่ายังเหนื่อยอยู่เลย 555 งานก็ยังไม่เสร็จเช่นกัน

เดี๋ยวช่วงกลางวีค จะทำฟอร์มแจกสคส.มาลงนะคะ แต่คงจะได้ส่งช่วงต้นมกราเลยค่ะ จนถึงสิ้นปีเรามีงานต้องเคลียร์หลายชิ้นมาก

ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3

จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)

อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ

รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)

รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)

ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]

แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ

หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย

แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนพิเศษ 1 ในวันจันทร์นะคะ (พอดีวีคหน้างานเราเยอะมากค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะลงระหว่างอาทิตย์ได้แค่ไหน) อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^