30 ตอน Day 30 - Remembrance
โดย rene_recluse
Day 30 - Remembrance
Prompt: “Just say it”
Spoiled:
KNY เล่มที่ 23 ค่ะ
1st Published : 14 JUN 2021
Rewrite : 09 DEC 2022
==========
เมื่อลืมตาตื่นขึ้น เขาก็พบเพียงความมืดมิดนับอนันต์ที่รายล้อมรอบตัวเขา
ชินาซึงาวะ ซาเนมิ ใช้เวลาปรับตัวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วสำรวจร่างกายตนเองช้า ๆ คราบเลือดที่เคยเปรอะเปื้อนทั่วร่างไม่หลงเหลืออยู่ มือขวาซึ่งสูญเสียนิ้วชี้และนิ้วกลางไปจากการต่อสู้กับอสูรข้างขึ้นที่หนึ่งก็กลับมาอยู่ครบ
รอยยิ้มอ่อนจางปรากฏบนใบหน้า ในที่สุดความตายที่เขารอคอยก็คงมาถึง... แต่กระนั้นช่างต่างกับครั้งที่เขาหมดสติขณะต่อสู้กับมุซันเมื่อไม่ถึงชั่วยามที่แล้ว ไม่มีแม่น้ำสายกว้างใหญ่ที่กั้นระหว่างเขตแดนคนเป็นและโลกแห่งคนตายให้เห็นอยู่เบื้องหน้า...
คงมีแต่ความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
บางทีเขาคงข้ามแม่น้ำที่กั้นแดนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
หากความมืดมิดที่รายล้อมทำชายหนุ่มรู้สึกอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก เขาอาจจะคาดหวังมากเกินไปที่จะได้เจอเธอคนนั้นทันทีที่สิ้นลมหายใจ...
เจอเกนยะ เจอมาซาจิกะ เจอชิโนบุ เจอนายท่าน เจอแม่และน้อง ๆ คนอื่น...
สุดท้าย... ก็เหลือเขาเพียงคนเดียว... อีกครั้ง...
เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานแว่วมาจากทางด้านหลังเรียกให้เขาหันกลับไปมอง แสงสว่างเรืองรองส่องให้เห็นภาพน้อง ๆ ทุกคนและเกนยะที่ยิ้มหัวเราะให้แก่กันอยู่ห่างไกลออกไปเกินกว่าที่เขาจะไขว่คว้าไว้ได้ จนซาเนมิอดจะยิ้มเศร้าอย่างขมขื่นใจ
ท้ายสุด... ไม่มีน้องคนไหนให้อภัยเขาได้เลย...
เพียงเพราะพี่ชายคนนี้อ่อนแอเอง... ถึงปกป้องไว้ไม่ได้...
ซาเนมิได้แต่มองเหล่าน้อง ๆ ที่หยอกล้อกันอย่างมีความสุขด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะตัดใจหันหลังกลับไปยังอีกฟากหนึ่ง ฟากที่เขาได้ยินเสียงร่ำไห้อันแสนคุ้นหู
“แม่เหรอ?” เขาเอ่ยขึ้น นัยน์ตาเบิ่งกว้างอย่างตกใจ แม้ภาพเบื้องหน้ายังคงมืดมิดจนมองไม่เห็นสิ่งใด แต่ซาเนมิก็มั่นใจว่าเสียงร่ำไห้ที่ได้ยินคือเสียงร่ำไห้ของมารดาผู้แสนอารีของเขา “ทำไมแม่ไม่ไปฟากโน้นล่ะ?”
ไร้ซึ่งคำตอบ นอกจากเสียงร่ำไห้ราวกับคนแทบขาดใจที่ทำคนเป็นลูกปวดร้าวยิ่งนัก เขาเหลียวมองภาพเหล่าน้อง ๆ ที่ยังคงเล่นกันอย่างมีความสุขด้วยแววตาหมองเศร้า จดจำภาพน้อง ๆ ที่เขาไม่อาจปกป้องได้ เพราะไม่รู้ว่าตนเองจะข้ามไปพบได้ไหม หากอย่างน้อยเขาก็ดีใจที่ทุกคนได้อยู่พร้อมหน้ากันอย่างมีความสุขในโลกหลังความตาย
ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินฝ่าความมืดทีละก้าวตามทิศทางของเสียงร้องไห้ที่ตนได้ยิน พร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่คนอย่างเขาจะทำได้
“แม่! อยู่นั่นรึเปล่า?”
“แม่น่ะ...” ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนสั่นเครือของมารดาดังขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เสียงอ่อนโยนอย่างที่เขาได้ยินมาตลอดชีวิต ไม่ใช่เสียงคำรามยามที่มารดากลายเป็นอสูรร้ายพุ่งเข้าจู่โจมน้อง ๆ ในวันนั้น “ไปทางนั้นไม่ได้...”
“ทำไมล่ะ! ไปด้วยกันเถอะน่า!”
ซาเนมิคว้ามือเล็กอันหยาบกร้านอย่างคนกรำงานหนักของมารดาไว้ มืออันบอบบางหากอ่อนโยนที่คอยตรากตรำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงลูกทั้งเจ็ดอย่างตัวเป็นเกลียว
“ไม่ได้หรอก แม่ไปที่เดียวกับทุกคนไม่ได้... แม่ฆ่าลูกกับมือตัวเองไปสวรรค์ไม่...”
ความเป็นจริงอันแสนเจ็บปวดพุ่งเข้าสู่จิตใจ ถึงจะเป็นผู้ให้กำเนิด แต่บาปของการสังหารลูก ๆ ก็คงจะเป็นสิ่งที่มารดาของเขาต้องชดใช้...
...เขาเองก็เช่นกัน...
“...เข้าใจแล้ว” เขาทอดเสียงปลอบคนเป็นมารดา ก่อนจะแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนหากแฝงด้วยความเศร้า “งั้นข้าจะไปกับแม่นะ”
ในเมื่อเขาไม่อาจไปอยู่กับน้องชายได้ เพราะบาปที่เขาเป็นคนลงมือสังหารแม่ผู้บังเกิดเกล้าด้วยน้ำมือของตน เขาก็พร้อมที่จะไปอยู่เป็นเพื่อนมารดาแทน...
อย่างน้อย การอยู่ในนรกกับมารดา คงไม่เลวร้ายยิ่งกว่าการใช้ชีวิตที่เหลือตามลำพังคนเดียว ขณะที่ได้แต่หวนคะนึงถึงเหล่าคนที่เขารักโดยไม่อาจได้พบเจอ...
“ถ้าข้ารีบไปหา เกนยะคงเศร้ามากแน่ ๆ” รู้ทั้งรู้ว่าท้ายสุดเกนยะจะไม่กล่าวโทษเขาในเรื่องนี้ แต่ซาเนมิก็ไม่อาจให้อภัยตัวเองได้ “ข้าจะเดินแบกแม่ไปลงนรกเอง...”
ถึงคำพูดของเธอจะยังฝังในหัว ถ้อยคำอ่อนโยนที่บอกว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร ถ้อยคำที่ช่วยฉุดเขาจากฝันร้ายมานับแรมปี หากความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ...
เขาคือฆาตกร...
บาปที่เขาก่อก็ต้องได้รับการชดใช้...
ขอโทษนะ คานาเอะ...
ก่อนที่เขาจะได้เดินแบกมารดาไปยังยมโลก สัมผัสมือกร้านใหญ่กว่าของบิดาผู้ให้กำเนิดก็กระชากมือเขาออกจากมารดา
“ปล่อย ชิสึจะไปกับข้า...”
พ่อของเขาว่าพลางผลักเขาจนเซถลา ร่วงหล่นไปตามความมืดมิดนับอนันต์ที่รายล้อม ซาเนมิกัดฟันกรอดก่อนจ้องบิดาที่ชอบใช้กำลังทั้งกับมารดาและคนนอกบ้านจนต้องจบชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยความโกรธ
“...เจ้าพ่อบ้า!ไอ้บ้าเอ๊ย ปล่อยแม่นะ!”
“แกน่ะ ยังไปทั้งฟากนี้และฟากโน้นไม่ได้...” น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตทำเขาได้แต่ตะลึงขณะเฝ้ามองร่างของผู้ให้กำเนิดที่ค่อย ๆ เลือนห่างออกไป “จงดีใจที่เกิดเป็นลูกชายข้า ถึงได้มีร่างกายแข็งแรงเป็นพิเศษแบบนั้น”
นัยน์ตาที่เหมือนกับเขาและเกนยะจับจ้องมาก่อนที่สติเขาจะเลือนหาย พร้อมกับคำพูดที่ยังคงก้องอยู่ในความรับรู้ คำพูดอันแสนหยาบกระด้าง แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอย่างที่เจ้าตัวไม่อาจปิดไว้ได้มิด
“ข้าจะไปกับแม่แกเอง ส่วนแก... จงไปใช้ชีวิตซะ ชีวิตของแกยังต้องเดินต่อไป จำไว้นะซาเนมิ!”
พริบตาเดียว ซาเนมิรู้สึกเหมือนร่างของเขาถูกกระชากกลับมา ก่อนจะลืมตามาพบกับเหล่าคาคุชิที่นั่งรายล้อมด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความโล่งใจเป็นล้นพ้น
“อ๊ะ... ได้สติแล้ว ชินาซึงาวะซังรู้สึกตัวแล้ว!”
“บ้าเอ๊ย...”
ซาเนมิพึมพำด้วยอารมณ์อันหลากหลาย คำพูดของบิดาที่บอกให้เขาไปใช้ชีวิตยังก้องอยู่ในสติสัมปชัญญะ... การมีชีวิตที่เขาไม่พึงปรารถนามันอีกต่อไป...
มือของเขาพยายามจะควานหาเครื่องประดับศีรษะของคานาเอะที่เขาพกติดกาย แต่บัดนี้แขนของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะขยับได้ คงเหลือแต่ความเจ็บปวดอันร้าวรานไปทั้งกายและใจที่แหลกสลายของเขา
ทำไม... ทำไมเป็นเขาที่ยังมีชีวิตอยู่...
“ใครก็ได้เอายาระงับปวดมาตรงนี้ที”
เสียงใครสักคนตะโกนเรียกเมื่อเห็นท่าทีกระสับกระส่ายของเขา ดูท่าคาคุชิคงคิดว่าเขาเจ็บแผลจนใกล้จะทนไม่ไหว แต่เป็นจิตใจของเขาต่างหากที่ไม่อยากต้องทนอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป!
ร่างกายแข็งแกร่งเป็นพิเศษทำให้เขาเท่านั้นที่รอดชีวิต... แต่อีกหลายคนต้องสังเวยชีวิตไป... หลายคนที่เขาไม่อาจปกป้องไว้ได้...
สติของเขาพร่าเลือนทันทีที่ฤทธิ์ยาออกฤทธิ์ ถึงจะไม่เหลือเรี่ยวแรงให้พูดแล้ว หากเขาก็ได้แต่ภาวนา ขอให้นี่เป็นการหลับครั้งสุดท้าย...
คนอย่างพ่อบ้าจะมาเข้าใจอะไรเขา... คนเห็นแก่ตัวพรรค์นั้น...
พระเจ้า ขอร้อง อย่าทรมานข้าอีกเลย...
คำขอที่พาเขากลับไปยังพรมแดนระหว่างเขตแดนแห่งคนเป็นกับโลกแห่งคนตายอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่รีรออีกต่อไป แม้จะไม่ทันเห็นใคร หากนี่เป็นหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากความทรมานที่ต้องแบกรับ ไม่ว่าจะนรกขุมไหนเขาก็พร้อมจะไป
ฉับพลัน กำปั้นของใครบางคนก็กระแทกศีรษะเขาอย่างจัง ตามด้วยเสียงห้าวของเพื่อนสนิทที่เขาไม่ได้ยินมาเกือบห้าปี
“แกจะไปไหนวะ ไอ้ศิษย์น้องบ้า!” คุเมโนะ มาซาจิกะ หันมายิ้มแป้นแล้นให้เหมือนกับตอนที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ “ข้าบอกแกแล้วใช่ไหมหาว่าอย่าถอดใจ”
“มาซาจิกะ...” ซาเนมิพึมพำด้วยนัยน์ตาร้อนผ่าว “ข้าคิดถึงแกว่ะ...”
“เห้ย อย่าทำหน้าแบบนั้น ข้าขยะแขยงว่ะ” ศิษย์พี่ว่าพลางกลั้วหัวเราะเบา ๆ ขณะขยี้หัวอีกฝ่าย “เอาน่า มีชีวิตต่อไปเพื่อตัวแกเองเถอะนะ ซาเนมิ”
ใบหน้าของศิษย์พี่เลือนหายไปพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนใบหน้าของเพื่อนอีกคนจะปรากฏให้เห็น เพื่อนที่เพิ่งจากโลกนี้ไปเมื่อครู่พร้อมกับคันโรจิ มิซึริ ใบหน้าที่มักเต็มไปด้วยแววชังโลกบัดนี้ดูผ่อนคลายอย่างที่เขาไม่เคยเห็น
“มีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะ ชินาซึงาวะ...”
“อิงุโระ...”
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของอิงุโระ โอบะไน รอยยิ้มที่อ่อนโยนจนทำให้ใบหน้าของอีกฝั่งอ่อนเยาว์ที่เคยเป็นมาตลอดที่รู้จักกัน
“ข้าหมดเวลาในโลกนี้แล้ว ฝากแกดูโลกนี้แทนข้า แล้วก็ฝากคาบุระมารุด้วยนะ”
ไม่ทันที่เขาจะได้ตอบ ร่างของเสาหลักอสรพิษก็เลือนหายไปพร้อมกับเสาหลักความรัก ภาพคนสองคนที่จับมือเคียงคู่กันได้แต่ทำคนมองปวดใจ...
“พวกแกไม่เข้าใจ...” ซาเนมิรำพันเสียงสั่น นัยน์ตาแสบร้อนไปหมด “...ข้าไม่เหลือใครแล้วนะ”
“พี่...”
เสียงของน้องชายผู้จากไปเรียกเขาด้วยถ้อยคำเหมือนตอนที่พวกเขายังเป็นเด็กดังขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเกนยะที่อุ้มน้องสาวคนสุดท้องไว้ ขณะน้อง ๆ คนอื่นวิ่งกรูเข้ามากอดเขาพร้อม ๆ กัน
“พวกข้าอยู่กับพี่เสมอนะ ถึงแม้พี่อาจจะมองไม่เห็นก็ตาม”
“พี่ขอโทษ...” น้ำตาค่อย ๆ รินไหลอาบแก้ม ขณะมือพยายามสวมกอดน้องทุกคนเอาไว้ “ขอโทษนะที่ปกป้องไว้ไม่ได้... พี่ขอโทษ”
นัยน์ตาของเขาหันไปจับจ้องใบหน้าของน้องชายคนรองอย่างรู้สึกผิด หากอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าพร้อมกับส่งยิ้มอันอ่อนโยนมาให้
“ไม่เป็นไรครับพี่ ข้าเข้าใจ... ข้าเข้าใจว่าพี่อยากให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อมากแค่ไหน” เกนยะเอ่ย ก่อนน้ำตาจะไหลรินเป็นทางอาบดวงหน้าที่ยังคงเปื้อนรอยยิ้ม “ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำไม่ได้ แล้วก็ขอโทษนะ... ที่เรียกพี่ว่าฆาตกร”
“ไม่ พี่ต่างหากที่ไม่ดี ขอโทษนะที่ทำตัวแย่แบบนั้น ขอโทษนะที่ปกป้องไม่ได้...”
“อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะพี่... พี่จ๋าของพวกเราเป็นคนดีที่สุดในโลก เนอะ”
เกนยะว่าพลางหันไปหาน้อง ๆ คนอื่นที่ก็พากันตอบรับเสียงของพี่ชายคนรอง ก่อนทุกคนจะเลือนหายไป ขณะที่เขาได้แต่ตะโกนเรียกชื่อน้องทุกคนอย่างบ้าคลั่ง...
พอแล้ว... อย่าทรมานข้าอีกเลย...
“อย่าสิ้นหวังสิคะซาเนมิซัง...” เสียงของหญิงสาวร่างเล็กดังขึ้นมา “อย่างน้อย ฉันเชื่อว่าท่านพี่คงอยากให้คุณได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างสงบสุขสักระยะนะ...”
ใบหน้าของโคโจ ชิโนบุ ส่งรอยยิ้มกว้างเหมือนกับที่เขาเห็นยามครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน หาใช่ท่าทีหญิงสาวงามสง่าที่สวมหน้ากากคนรักของเขาไว้เพื่อปิดบังตัวตนอันแหลกสลายมาตลอดสี่ปีที่ผ่านมา
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยดูแลฉันกับน้อง ๆ มาโดยตลอด ขอบคุณที่เตือนสติฉันเมื่อตอนนั้น... เราไม่สามารถย้อนอดีตได้สินะคะ” แววตาคนพูดเศร้าหมองราวกับรู้สึกผิดกับอะไรบางอย่าง “ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ฉันฝากพวกน้อง ๆ แล้วช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุยให้กิยูซังทีนะคะ”
“หา!” ซาเนมิอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา ทั้งคำขอของยัยเด็กบ้าที่สุดจะประหลาด กับสรรพนามที่เรียกคนหน้าตายที่เปลี่ยนไป “แล้วทำไมข้าต้องดูแลไอ้เวรนั่นด้วย!”
“ในที่สุดซาเนมิซังก็เลิกทำหน้าทำตาเหมือนจะไปลงนรกเสียที” รอยยิ้มกวนประสาทของชิโนบุที่เขาไม่ได้เห็นมานานกลับมาทำให้เขาอารมณ์เสียเล่น แต่ใช่ ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากจะส่งไปลงนรกก่อนใครเพื่อนก็คือไอ้คนหน้าตายคนนั้นที่เด็กคนนี้คอยฝากฝังนี่แหละ “อย่างไรแล้ว ฉันก็ฝากด้วยนะคะ...”
เจ้าหล่อนโค้งคำนับให้เขา แล้วรีบชิงหายตัวไปก่อนที่เขาจะได้เอ่ยบอกปัดคำขอ ปล่อยให้เขาได้แต่ฟึดฟัดอย่างหงุดหงิด
“ยัยเด็กบ้านี่!ให้ตายสิ!”
“แหม ๆ ทำไมเรียกชิโนบุแบบนั้นอีกแล้วล่ะคะ...”
เสียงอ่อนหวานที่คุ้นเคยกระซิบดังข้างหู ตามด้วยอ้อมกอดจากด้านหลัง อ้อมกอดที่เขาเฝ้ารอมาตลอดสี่ปีทำน้ำตาที่หยุดไหลไปของชายหนุ่มกลับมาคลอเบ้าอีกครั้ง...
“คานาเอะ...” เขากระซิบ รีบหันกลับแล้วสวมกอดอีกฝ่ายแน่น ราวกับกลัวว่าจะเสียเธอไปอีกครั้ง “บอกสิ... บอกมา... บอกว่าเจ้ามารับข้าไป ตอนนี้ข้าพร้อมแล้ว...”
เธอผละตัวออกจากอ้อมกอดของเขาพลางส่งยิ้มอ่อนหวาน แม้นัยน์ตาของเธอแวววับด้วยหยาดน้ำตาที่คลอเบ้าไม่ต่างกัน ขณะเอื้อมมือไปแตะบนใบหน้าเขาเบา ๆ
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ...” เธอพึมพำขณะใช้มือไล้ใบหน้าของเขาไปมา “ขอโทษนะคะที่ต้องทิ้งคุณไว้... คงเหนื่อยมากสินะ”
“ไม่! ไม่เลย...” เขาละล่ำละลักตอบเธอขณะเอื้อมมือไปจับมือที่ยังคงลูบใบหน้าของเขาไว้ “ขอโทษนะที่ปกป้องเด็กคนนั้นไว้ไม่ได้...”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรือใครเลยค่ะ เป็นสิ่งที่ชิโนบุตัดสินใจเอง...” คานาเอะยิ้มเศร้า “คุณไม่ต้องคิดมากไปนะคะ คุณทำดีที่สุดแล้วจริง ๆ”
เธอจับมือของเขาแล้วพาออกเดิน มือคู่ที่คอยนำทางให้เขามาตลอดนับตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกัน จนถึงเมื่อยามที่เธอจากเขาไปอีกภพภูมิ มือคู่นี้ของเธอคนนั้นก็ยังคงเป็นหลักยึดให้แก่เขาจนถึงตอนนี้
แม้แต่ยามอยู่ในห้วงความเป็นความตาย มือคู่นี้ของเธอก็ยังคงนำพาเขากลับมายังเส้นทางที่ควรจะเป็น แม้จะไม่ใช่ทางที่เขาต้องการแต่อย่างใด...
“ฉันมาส่งคุณได้แค่ตรงนี้นะคะซาเนมิ”
“ข้าไปกับเจ้าไม่ได้จริง ๆ เหรอ...”
คำอ้อนวอนที่เธอได้แต่ส่ายศีรษะทั้งน้ำตา แล้วใช้สองมือประคองใบหน้าของเขาไว้ นัยน์ตาสีชมพูอ่อนคู่งามที่มองสบมายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ไม่ต่างกับความรู้สึกที่เขาสงวนไว้ให้ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้เพียงคนเดียว
“ฉันอยากเห็นซาเนมิได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุขนะคะ อยากเห็นคุณไม่ต้องพะวงกับหน้าที่ ไม่ต้องฝันร้ายถึงเรื่องที่ผ่านมาอีก...” น้ำตาของเธอรินไหลอาบแก้ม จนเขาอดไม่ได้ที่ค่อย ๆ ปาดออกให้ “มันอาจจะสั้น แต่ฉันอยากให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดานะคะ... ในโลกที่ไม่มีอสูรคอยทำร้ายผู้คนอีกต่อไป”
“เจ้ารู้เรื่องคำสาปนั่น!?”
“ค่ะ...” คานาเอะตอบ ขณะเขย่งตัวจุมพิตหน้าผากของเขาอย่างอ่อนโยน “ไว้เจอกันครั้งหน้า คุณอย่าลืมมาเล่าให้ฉันฟังนะคะว่าโลกที่แสนสงบสุขมันดีแค่ไหน”
ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือนด้วยแรงลมที่พัดพากลีบดอกซากุระให้ฟุ้งกระจายราวกับเป็นสัญญาณบอกลา กระนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะดึงร่างของเธอเข้ามากอดไว้อีกครั้ง
“ข้ารักเจ้านะ...” คำบอกรักที่เรียกมือบอบบางกระชับร่างเขากลับ “...ไม่มีวันไหนที่ข้าไม่คิดถึงเจ้า ไม่มีแม้แต่วันเดียว”
“ฉันรู้ค่ะ... รู้ดีกว่าใคร... รู้ดีมาตลอด...” เสียงอ่อนหวานกระซิบพึมพำ ขณะที่น้ำตาของเธอหยาดหยดลงบ่าของเขา “จนถึงวันที่ฉันไปรับคุณ... อย่าลืมดูแลตัวเอง แล้วก็มีความสุขมาก ๆ นะคะ”
สายลมพัดแรงจนมือของเขาเคลื่อนหลุดจากร่างของเธอทีละน้อย หากความปวดร้าวในอกของเขาก็ทุเลาจางลงไป ด้วยรู้ว่าการจากลาครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย...
ถึงซาเนมิไม่ได้อยากจะกลับไปยังโลกที่ต้องอยู่อย่างเดียวดาย แต่เพื่อคำขอครั้งสุดท้ายของเธอ... คำขอที่มีให้แก่เขาเท่านั้น...
ต่อให้เจ็บปวดและทุกข์ทรมานแค่ไหน เขาก็จะทำตามที่เธอขอไว้...
“ฉันอยู่กับซาเนมิเสมอนะ” เสียงของเธอลอยแว่วมาตามสายลมด้วยประโยคเดียวกันกับที่น้อง ๆ ของเขาฝากไว้ ดวงหน้าของเธอยังคงรอยยิ้มอันเจิดจ้าเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกัน “อย่าลืมว่าคุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะคะ”
ภาพของเธอจางหายไป คงเหลือแต่เสียงกระซิบแผ่วที่จะจารึกอยู่ในความทรงจำของเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต
ความทรงจำนิรันดร์ที่เขามอบให้แด่เธอคนนั้นเพียงคนเดียว...
“ฉันรักคุณค่ะ... แล้วพบกันนะคะ คุณ...”
==========
Author's Talk 14 JUN 2021
จบไปแล้วกับ Day 30 นะคะ ต้องขอโทษอีกรอบนะคะที่ลงช้ากว่าที่ตั้งใจนิดนึง... ขอโทษมาก ๆ ด้วยนะคะ ช่วงนี้สาหัสมากจริง ๆ
บทนี้เป็นหนึ่งในบทที่เรารอจะเขียน ในที่สุด พี่สาก็ได้กลับมาเจอกับคนที่เขาอยากเจอ แม้จะไม่ครบทั้งหมด แต่ก็เป็นคนสำคัญของพี่สาเกือบหมดนะคะ
ในช่วงต้นนี่เป็นไปตามมังงะเลยเนอะ จริง ๆ ส่วนประโยคสุดท้ายของคุณพ่อพี่สาที่เพิ่มมา เรารู้สึกว่ามันน่าจะแทนความรู้สึกลึก ๆ ของพ่อพี่สา เป็นเหมือนคำขอโทษที่เป็นพ่อที่ไม่ดีแหละค่ะ
กับทุกคนอยากให้พี่สาได้ใช้ชีวิตต่อไปจริง ๆ นั่นแหละ แม้จะสวนทางกับความต้องการของเขาก็เถอะ...
จริง ๆ เราเขียนไปร้องไห้ไปหนักมากนะคะ ตั้งแต่ตอนพี่สาจะแบกแม่ลงนรกแล้ว มันเป็นความรู้สึกติดค้างของพี่สาจริง ๆ นะ เค้าไม่คิดด้วยซ้ำว่าเค้าคู่ควรการให้อภัยจากน้อง ๆ แต่สุดท้ายน้อง ๆ ทุกคนของพี่สาก็ให้อภัยพี่สาจริง ๆ แหละค่ะ
ไหนจะตอนคุณมาซาจิกะโผล่มา นี่ก็อีกคนที่อยากให้พี่สาก้าวต่อไปให้ได้ คุณโอบะไนที่อยากให้พี่สาอยู่ต่อกับฝากน้องงูไว้ คุณชิที่ฝากคุณกิ...
พาร์ตคุณชินี่เราแอบขำที่สุดแล้วค่ะ คุณชิ vs พี่สานี่เป็นคอมบิเนชั่นที่น่าเอ็นดูมาก กัดกันยันในนรกได้นี่ขั้นสุดค่ะ 555555 ยิ่งพอคุณชิเค้าเรียกกิยูซัง เอ๊ะ มันมีอะไรในกอไผ่มั้ยนะ... เอ๊ะ จะอย่างที่คนอ่านสงสัยไหม
ใบ้ว่าเร็ว ๆ นี้คงได้รู้กันแหละค่ะ ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ได้รู้กันแน่ ใบ้ขนาดนี้ละนะ XD
แต่พอพี่เอะโผล่มา คือเราแบบ... ไม่ไหวละค่ะ น้ำหูน้ำตาท่วมของจริง พี่เอะยังเป็นพี่เอะอยู่วันยังค่ำ มือของพี่เอะคอยนำทางให้พี่สายังไงก็ตามนั้น
ในที่สุดก็ได้พูดเรื่องคำสาปปานเป็นครั้งแรก เหมือนจะเศร้านะคะ แต่เรารู้สึกว่ามันอาจจะทรมานสำหรับพี่สา (และคุณกิ) น้อยที่สุดแล้วค่ะ
คำขอของพี่เอะในคราวนี้ เป็นคำขอของพี่เอะเพื่อพี่สาจริง ๆ เลยค่ะ มันเป็นอะไรที่เราเชื่อว่าทั้งคู่คงทรมานที่ต้องจากกันอีกครั้ง แต่พี่เอะจะเสียใจกว่านี้ถ้าพี่สาต้องกลับไปอยู่อย่างทรมานกว่า อย่างน้อยมีอะไรให้พี่สายึดเหนี่ยว มีหน้าที่ใหม่ ทั้งดูแลคาบะมารุคุง ทั้งดูแลคุณกิ ไหนจะน้อง ๆ ของพี่เอะที่เหลืออยู่อีก... อย่างที่บอกละค่ะ สุดท้ายพี่สาไม่ได้อยู่คนเดียวแน่นอน
ซึ่งเรายังเหลืออีกสองตอนเนอะ ก็คงจะได้เห็นอะไรมากขึ้นกว่านี้แหละค่ะ...
ปล. ประโยคสุดท้ายของบทนี้ พี่เอะใช้คำว่าคุณ หรือ Anata ที่ไว้เรียกแทนสามีแหละค่ะ ^^ อย่างน้อยก็คงเยียวยาจิตใจของคนอ่าน (และคนเขียน) ได้บ้างนะคะ
ทั้งนี้ หลังจากไปไตร่ตรองมาแล้ว เรามีเรื่องอาจจะรบกวนคนอ่านนิดหน่อยค่ะ ว่าสนใจจะเก็บเล่มฟิคเราไหม เดี่ยวฝากดูแบบสอบถามในลิงค์ที่ทิ้งไว้นะคะ
จิ้มนี่เลยค่า แบบสอบถามเกี่ยวกับรวมเล่มฟิคทั้งสองเรื่องของเราค่ะ
โดยสิ่งที่เราคงแถมให้ น่าจะเป็นโปสการ์ดกับที่คั่นค่ะ กับอาจจะคอมมิชภาพประกอบในเรื่องซักหนึ่งภาพ เดี๋ยวดูว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน
ส่วนตอนพิเศษ รับรองทุกคนได้อ่านแน่นอนค่ะ เพียงแต่จำกัดอายุเท่านั้น (เอ๊ะ XD)
อย่างไร เรายังเหลืออีกสองตอนตามแพลนเราให้ได้อ่านกันนะคะ ช่วงนี้อาจจะบอกได้เลยว่ารับปากไม่ได้ว่าจะโพสต์ตรงวันได้ตามปกติของเราไหม แต่ยังไงทุกท่านจะได้อ่านบทที่ 31-32 ภายในอาทิตย์หน้าแน่นอนค่ะ
ถ้าโชคดี สาธุ ขอให้งานและเรื่องอย่าถาถมเราไปมากกว่านี้นะคะ ^^
ท้ายสุดนี้ ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักของเราทุกคน ทุกกำลังใจในทุกช่องทาง ทุกคอมเมนต์ ขอโทษที่ต้องลงช้าในช่วงนี้นะคะ
แล้วหวังว่าจะได้พบกับคนอ่านอีกทีในบทที่ 31 ภายในวันพุธ - พฤหัสบดีนี้ค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ^^
Author's Talk 09 DEC 2022
สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
ถ้าวันพุธว่าประชุมหนักแล้ว... เจอวันนี้คือขิตค่ะ สี่นัดรัว ๆ ไป สมองแฮงค์ แรมเออเร่อตามคุณกิไปติด ๆ ค่ะ
และก็หิ้วงาน... กลับมาทำบ้านอีกแล้วค่ะ กรี๊ด ฮื้อออออ
ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3
จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)
อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย
แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนที่ 31 ในวันเสาร์นะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^
Comments (0)