26 ตอน Day 26 - Crossroads
โดย rene_recluse
Day 26 - Crossroads
Prompt: “How about you trust me for once?”
Spoiled
ช่วงท้ายนิยาย ตอน ผีเสื้อปีกเดียว (เล่มที่ 2) , ช่วงต้นนิยาย ตอน สัญญาแห่งวันพรุ่ง (เล่มที่ 3) , เนื้อหาก่อน Day 6 ของฟิค In Time With You ของเราด้วยนะคะ
1st Published : 29 MAY 2021
Published : 29 NOV 2022
==========
คานาเอะ... ข้าควรทำอย่างไร ข้าควรหยุดน้องสาวเจ้าดีไหม...
ความคิดที่แล่นวนเวียนอยู่ในหัวชินาซึงาวะ ซาเนมิ มาตั้งแต่คืนที่เขาได้รับรู้สิ่งที่น้องสาวของเธอคนนั้นวางแผนจะทำ ความจริงที่ทำให้เขาถึงกับชะงักงันทันทีที่ได้ยิน
ยัยเด็กบ้านั่น!
ความแค้นในตัวโคโจ ชิโนบุ หยั่งลึกฝังรากเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด แม้แต่คนที่เข้าใจถึงความแค้นจนกระอักเลือดอย่างเขาเองก็ไม่เคยคิดว่าเด็กที่เขาเห็นมาตลอดหลายปีจะทำการอะไรที่เป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของคนจากไปอย่างชัดเจน
ใบหน้าขาวซีดของเสาหลักแมลงที่เขาเห็นบ่งบอกว่าเจ้าหล่อนคงยังเดินหน้าแผนการบ้านั้นอยู่โดยไม่ให้ใครได้ล่วงรู้ ความสงบจนผิดวิสัยซาเนมิกำหมัดแน่น ขณะหันไปมองหน้าเสาหลักหินผา อดีตผู้เลี้ยงดูสองพี่น้องตระกูลโคโจที่มีทีท่านิ่งเฉย หากสีหน้าที่หม่นหมองก็ทำให้เขารู้ว่าเกียวเมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่เด็กคนนี้จะทำเลยแม้แต่น้อย
ถ้อยคำที่ฮิเมจิมะ เกียวเม ถ่ายทอดให้แก่เขาในคืนวันนั้นกลับเข้ามาในห้วงความคิด ถ้อยคำที่เสาหลักผู้แข็งแกร่งที่สุดถ่ายทอดอย่างนิ่ง สงบ แต่น้ำตาที่ไหลพรากกับเสียงที่ไม่อาจปิดบังความเศร้าไว้ได้ยังคงติดก้องหูจนถึงตอนนี้
‘ข้าไม่เคยอยากให้สองพี่น้องนั่นเข้ามาใช้ชีวิตแบบนี้...’ เกียวเมเอ่ย ‘ใช่ ทั้งตัวคานาเอะและชิโนบุ ข้าพยายามทำทุกอย่างที่จะห้ามไม่เด็กสองคนนั้นมาเป็นนักล่าอสูร แต่ความมุ่งมั่นของสองพี่น้องนั่นก็ทำให้ข้าต้องยอมแพ้’
‘ฮิเมจิมะซัง...’ เขาเอ่ยเสียงพร่า ‘ท่านห้ามเด็กคนนั้นไม่ได้จริง ๆ เหรอ...’
‘ข้าขอโทษ...’ เสาหลักหินผาเอ่ย ‘ข้ายอมแพ้ต่อจิตใจที่มุ่งมั่นของคานาเอะ และข้าก็ไม่อาจขัดความดื้อรั้นของชิโนบุได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความอ่อนโยนของคานาเอะจะทำให้เธอถึงจุดจบ แต่ข้าก็ไม่อาจห้ามนาง เช่นเดียวกับที่เจ้าก็ไม่เคยคิดจะห้ามนาง ใช่ไหมชินาซึงาวะ’
ถ้อยคำที่เขาจำนนแต่โดยดี อุดมการณ์ของคนรักที่จากไปช่างสูงส่งจนเขาไม่อาจขอให้เธอเกษียณตัวเองจากการเป็นนักล่าอสูรและออกไปใช้ชีวิตธรรมดาได้ ท้ายสุดความอ่อนโยนของคนที่เขารักกว่าชีวิตก็พรากเธอไปตามที่เสาหลักหินผาได้ว่าไว้...
‘แต่อย่างน้อย... ขอแค่เด็กคนนั้น...’
‘ชินาซึงาวะ เจ้าก็รู้ดีเท่ากับที่ข้ารู้’ นัยน์ตาคู่ที่มองไม่เห็นหันมามองเขาอย่างจับจ้อง ‘ไฟแค้นของชิโนบุนั้นโหมใหญ่เกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ เด็กคนนั้นเลือกจะกลืนตัวตนเพราะความสูญเสีย และเด็กคนนั้นก็เลือกจะสละตัวเองเพื่อล้างแค้น... มันสายเกินกว่าที่เราจะห้ามนางแล้ว’
ท่าทีสงบนิ่งของชิโนบุกับรอยยิ้มอันเยือกเย็นกว่าครั้งไหนบ่งบอกได้ชัดว่าเด็กบ้านั้นตัดสินใจมาดีแล้วจริง ๆ นัยน์ตาที่มักจะฉายแววว่างเปล่ากลบไฟแค้นอันลุกโชนตั้งแต่คืนวันนั้นบัดนี้ทอดมองคนรอบตัวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะลุกขึ้นขอตัวเพื่อไปปฏิบัติภารกิจลับที่ตนได้วางแผนกับนายท่านอุบุยาชิกิ คากายะ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซาเนมิมองอิงุโระ โอบะไน ผู้จ้องมองคันโรจิ มิซึริ อย่างไม่วางตา คนที่กลายเป็นเพื่อนที่เข้ากับเขาได้ดีที่สุดในตอนนี้ดูจะเผชิญชะตากรรมเดียวกับเขา ถึงตัวเสาหลักอสรพิษจะยังไม่คืบหน้ากับความสัมพันธ์เท่าที่เขาและเธอเคยเป็น...
หากด้วยความเป็นจริงที่นายท่านอามาเนะเพิ่งบอกให้ทราบ เกี่ยวกับเรื่องอายุขัยผู้ที่เปิดปานได้แล้ว ซาเนมิกลับรู้สึกเจ็บปวดแทนคนเป็นเพื่อนสนิท เมื่อคันโรจิ มิซึริ เป็นหนึ่งในผู้เปิดปานได้แล้ว...
ต่อให้เธอรอดจากศึกใหญ่ที่ใกล้มาถึง เวลาของเสาหลักความรักนั้นก็จะเหลือไม่ถึงหกปี...
หากเพื่อนของเขาเปิดปานได้และรอดกลับมา... ก็จะมีไม่ถึงสี่ปี...
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ฝันใฝ่ อย่างน้อยช่วงเวลานั้น ทุกคนคงมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในโลกที่ปราศจากอสูรได้แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างที่เขาปรารถนาจะได้ใช้ร่วมกับเธอคนนั้น... แม้จะเพียงวันเดียวก็ยังดี
กระนั้น ทางเดินที่เด็กนั่นเลือกเดิน... อาจทำให้เด็กคนนั้นไม่สามารถอยู่รอเจอวันใหม่ของโลกที่ปราศจากอสูรได้ด้วยซ้ำ...
สุดท้าย ซาเนมิก็พ่ายแพ้ แม้จะยอมรับทางเดินที่เด็กคนนั้นเลือกเดินมาตั้งแต่คานาเอะจากไป แต่จิตใต้สำนึกของเขาก็ยังอยากจะให้ความฝันของคนที่เขารักเป็นจริง...
ฝันที่บัดนี้เริ่มเห็นแสงแห่งความหวังว่า หากผ่านศึกนี้ไปได้ น้องของเธอทุกคนก็สามารถได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาที่ไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้ฆ่าฟัน ไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง สามารถมีความรักโดยไม่ต้องกังวล สามารถมีครอบครัวและอยู่จนสิ้นอายุขัยได้
ฝันที่เขาพร้อมจะสละชีวิตเพื่อให้น้องของเธอและน้องของเขาได้ใช้ชีวิต...
แต่ยัยเด็กนั่น... กลับเลือกจะเอาชีวิตตัวเองไปสังเวย... โดยไม่คิดที่จะอยู่รอวันแห่งความหวังนั้น
ไม่ยอมที่จะใช้ชีวิตตามที่พี่สาวผู้ล่วงลับของเธอหวังไว้...
ไม่ยอมแม้แต่จะยอมรับความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของเธอ...
เขานั่งรอเด็กคนนั้นในห้องรับรองของคฤหาสน์ผีเสื้อ ใช้เวลาไม่นานกว่าที่เจ้าบ้านคนปัจจุบันจะโผล่หน้าออกมา นัยน์ตาสีม่วงที่จับจ้องยังคงสงบนิ่ง แต่ก็ปรากฏวี่แววความประหลาดใจให้ได้เห็นชั่วขณะ...
“ฉันไม่คิดนะคะว่าคุณจะเป็นฝ่ายมาหาฉันที่นี่...”
โคโจ ชิโนบุ เปิดประเด็นทันควัน รอยยิ้มของหญิงสาวยังคงแต่งแต้มบนใบหน้าอันซีดเผือดด้วยพิษยาดอกฟูจิที่เจ้าตัวตัดสินใจบริโภคมันมาร่วมปี...
“เจ้าวางแผนอะไรอยู่!”
ซาเนมิเปิดฉากอย่างไม่รอช้า ถ้อยคำและท่าทีจริงจังผิดกว่าปกติทำนัยน์ตาสีม่วงมองอย่างใช้ความคิด ดูท่าทีสิ่งที่ตนเพียรปิดเป็นความลับให้คนไม่กี่คนได้ทราบจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป...
“นี่คงทราบมาจากฮิเมจิมะซังสินะ...” เจ้าหล่อนตอบเขาอย่างสงบเสงี่ยมด้วยหน้ากากของพี่สาวผู้ล่วงลับ “ถ้าเช่นนั้น... ฉันคิดว่ามันคงไม่มีประโยชน์จะพูดอะไรแล้วค่ะ ฉันตัดสินใจดีแล้ว และนายท่านก็เห็นชอบแล้ว คุณคงเปลี่ยนใจฉันไม่ได้แล้วนะคะ”
“นี่เจ้ารู้ไหมว่ากำลังทำบ้าอะไรอยู่หา โคโจ!”
“รู้สิคะ” รอยยิ้มของเจ้าหล่อนแย้มกว้างขึ้น หากนัยน์ตานั้นกลับไม่ปิดบังโทสะที่ปะปนกับความปวดร้าว เหมือนกับเขาที่ได้เห็นในวันพิธีศพของพี่สาวของเจ้าหล่อน “คุณคิดว่าฉันศึกษาพิษไว้ใช้กับแค่อสูรกระจอก ๆ พวกนั้นเหรอคะ ชินาซึงาวะซัง... ยิ่งถ้านี่เป็นศึกสุดท้ายตามที่นายท่านคาดการณ์ ฉันยิ่งหวังค่ะว่าสิ่งที่ฉันทำมันจะช่วยให้เรื่องทุกอย่างมันง่ายขึ้น”
คำพูดที่ดูราวกับไม่ทุกข์ร้อน ไม่แยแสความรู้สึกคนฟัง คำพูดที่เหมือนสิ่งที่เด็กเมื่อวันวานตัดสินใจทำเหมือนการละเล่นขายของง่าย ๆ อย่างหนึ่ง
ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เด็กบ้านั้นจะใช้แลก คือชีวิตของตัวเอง... ชีวิตที่เธอของเขาปรารถนาจะปกป้องยิ่งกว่าใครในโลก...
ชีวิต... ที่ทั้งเขาและเธอได้แต่ปรารถนาให้ได้ดำเนินอย่างเป็นสุขตลอดไป...
“ทั้งที่มันต้องแลกกับชีวิตเจ้านะ!”
“แหม ๆ คนที่ชอบใช้เลือดหายากปราบอสูรอย่างคุณไม่น่ามีหน้ามาว่าฉันได้นะคะ” บัดนี้ชิโนบุยิ้มเยาะ นัยน์ตาส่องประกายวาวโรจน์ “ฉันเสียใจนะคะ ฉันเคยคิดว่าคุณเข้าใจสิ่งที่ฉันปรารถนามากกว่าใครเสียอีก”
“แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พี่เจ้าปรารถนา!” ซาเนมิตะโกน “เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจโคโจ ว่าพี่ของเจ้า... โคโจ คานาเอะ ต้องการอะไร ต้องการให้เจ้าใช้ชีวิตแบบไหน...”
ชื่อของคนรักที่หลุดออกจากปากเขาให้ผู้อื่นฟังครั้งแรกนับตั้งแต่เธอจากไปคงกระทบความรู้สึกของคนฟังเข้าอย่างจัง เมื่อรอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของเจ้าหล่อน คงเหลือแต่ไฟโทสะแห่งความแค้นที่ฝังรากในจิตใต้สำนึก
“มันสายไปแล้วค่ะ... ฉันเลือกทางเดินของฉันแล้ว!” น้องของเธอแค่นเสียงที่ไม่เหลือเค้าความอ่อนโยนให้ได้ยินอีก คงเหลือแต่ความแตกสลายไม่ต่างจากที่เขาได้ยินเมื่อสี่ปีที่แล้ว “นี่เป็นเรื่องที่ฉันจะเป็นคนจัดการเองค่ะ ชินาซึงาวะซัง”
“ยกไอ้อสูรข้างขึ้นที่สองนั่นให้ข้าจัดการซะ!” เขาบอกในสิ่งที่เขาตัดสินใจมานานแสนนาน ศัตรูที่ไม่เคยเห็นตัว แต่เขาก็ออกตามล่าหาเงาของมันแทบทุกค่ำคืนที่ผ่านผัน “รับประกัน มันไม่มีทางรอดไปจากข้าได้!”
นัยน์ตาสีม่วงหันมองเขาด้วยแววตาที่อ่อนแสงลง รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏจางเหนือมุมปากบาง ท่าทางอวดดีหยิ่งยโสที่เขาไม่ได้เห็นมานานปรากฏให้เห็น ราวกับเด็กคนนั้นกลับไปเป็นเด็กน้อยจอมดื้อดึงเมื่อสี่ปีที่แล้ว
“คุณก็ได้ฟังท่านพี่พูดไว้นี่คะ ไอ้อสูรตนนั้นมันมุ่งโจมตีและกินแต่ผู้หญิง ฉันคาดการณ์ว่ายังไงมันก็คงพุ่งโจมตีฉันก่อนใครเพื่อนค่ะ” เธอว่าพลางหัวเราะเบา ๆ “ฉันที่เป็นผู้หญิงและไม่มีปัญญาที่จะตัดคออสูรได้ จะเป็นเหยื่อล่อชั้นดีที่จะกำจัดมัน ถ้าโชคดี ดาบอาบยาพิษที่เตรียมไว้อาจจะจัดการมันก็ได้ แต่ฉันไม่อยากประมาทฝีมืออสูรข้างขึ้นลำดับสองค่ะ... ที่จริง ฉันไม่คิดว่ามันจะได้ผลแบบที่ฉันเคยทำกับอสูรข้างแรมแน่”
“แล้วถ้าเราร่วมมือกัน...”
“เปล่าประโยชน์ค่ะ...” ชิโนบุปรามแทบจะทันที นัยน์ตาสีม่วงหลุบลงอย่างคนตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว “การสังหารอสูรข้างขึ้นเท่าที่ฉันประเมิน จำเป็นต้องใช้กำลังเสาหลักหรือคนที่มีฝีมือเทียบเท่าอย่างน้อยสามคน คุณคิดว่าแค่เราสองคน... จะมีปัญญาจัดการกับอสูรตนนั้นที่ฆ่าท่านพี่ของฉันได้เหรอคะ?”
“ดูอย่างโทคิโค...”
“มุอิจิโร่คุงเป็นอัจฉริยะค่ะ ไหนจะสามารถเปิดปานเพิ่มศักยภาพร่างกายได้แล้ว” ชิโนบุยังคงแจกแจงเหตุผลอย่างใจเย็น “แต่ไม่มีอะไรรับประกันว่าคุณหรือฉันจะเปิดปานได้ทันก่อนศึกนี้ ถ้าเป็นแบบนั้น คุณลองดูสภาพของอุซุยซังสิคะ... ขนาดแข็งแกร่งและเก่งขนาดนั้น ยังต้องเสียแขนและดวงตาไป อันที่จริงถ้าไม่ได้เนซึโกะจังช่วยชีวิตไว้ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าอุซุยซังจะรอดชีวิตกลับมาไหมด้วยซ้ำ”
เสาหลักผีเสื้อหัวเราะเบา ๆ หากนัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นบัดนี้วาววับด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าด้วยความจำนนต่อร่างกายที่ผ่ายผอมเล็กบางเกินกว่านักล่าอสูรคนอื่น
“แล้วคุณคิดว่าเสาหลักที่ไม่มีปัญญากระทั่งตัดคออสูรกระจอก ๆ แบบฉันจะมีปัญญาไปต่อกรกับพวกมันแบบที่พวกคุณทำเหรอคะ... ฉันอยู่ตรงนั้นก็เป็นตัวถ่วงเปล่า ๆ ค่ะ ชินาซึงาวะซัง” คำพูดที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังทำซาเนมิกำลังจะอ้าปากเถียง หากมือที่ยกขึ้นเป็นเชิงปรามทำชายหนุ่มให้ชะงัก ก่อนชิโนบุจะเอ่ยต่อไปด้วยเสียงที่เต็มด้วยความเจ็บแค้น “ด้วยการเสียสละของฉัน ฉันมั่นใจว่าพิษที่อยู่ในร่างฉันต้องกำจัดอสูรข้างขึ้นอย่างน้อยตัวใดก็ตัวหนึ่ง แต่ถ้าโชคยังอยู่กับฉัน ฉันขอให้เป็นมัน... ไอ้อสูรที่พรากท่านพี่ไปจากฉันและคุณ”
“...โคโจ”
ซาเนมิคราง แต่ก็จนปัญญาที่จะโต้เถียงกับความเป็นจริงที่เขารู้ดียิ่งกว่าใคร ความเป็นจริงที่เขาเคยตั้งคำถามต่อความปลอดภัยของเด็กคนนี้ และความเป็นจริงที่คานาเอะรู้อยู่แก่ใจ จนเอ่ยปากขอให้เด็กคนนี้กลับมาใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาก่อนสิ้นใจ...
“คุณเป็นคนแข็งแกร่งมากค่ะ ชินาซึงาวะซัง” ชิโนบุหันมาสบตาเขาก่อนเอ่ยพร้อมแย้มยิ้ม... ยิ้มที่ดูจริงใจที่เขาแทบไม่เคยได้เห็นมานานแสนนาน “ความแข็งแกร่งของคุณมีประโยชน์กับศึกนี้มากกว่าชีวิตของฉันค่ะ ถ้าเราสู้ร่วมกัน เราก็จะขาดกำลังสำคัญที่อาจไปเสริมเสาหลักหรือคนอื่นได้ โอกาสชนะเราก็จะน้อยลง แต่ถ้าเราแยกกัน ฉันเชื่อว่าคุณจะเอาชนะอสูรข้างขึ้นที่เหลือได้แน่นอนค่ะ ซึ่งก็จะทำให้เราเข้าใกล้คิบุซึจิ มุซัน เข้าไปอีก”
“แต่ว่า...”
“ถ้าคุณอยากทำอะไรเพื่อฉัน... ฉันขออย่างเดียว” นัยน์ตาสีม่วงหันมาสบเขาอย่างหมายมั่น “ฉันอยากให้คุณไปให้ถึงตัวต้นเหตุแล้วช่วยทุกคนกำจัดมันให้ได้ค่ะ ฉันขอร้องคุณแค่นี้จริง ๆ”
คำขอร้องที่เสาหลักวายุได้แต่ขบกรามแน่น... ความเป็นจริงอันแสนเจ็บปวดหากเขาจำใจต้องยอมรับ... ด้วยสิ่งที่น้องของเธอยกขึ้นพูดทั้งหมด ล้วนเป็นความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้... ความเป็นจริงที่เขาทำได้แต่มองน้องสาวร่วมสายเลือดของเธอคนนั้นด้วยนัยน์ตาที่บัดนี้ร้อนผ่าว
เป็นเขาเองที่เตรียมใจมาดีไม่พอเท่ากับน้องสาวแสนดื้อของเธอ
“คุณก็รู้นี่คะ ว่าที่ฉันชอบพูดว่าอยากอยู่ร่วมกับอสูรมันเป็นเรื่องโกหกแค่ไหน...”
“ทำไมข้าจะไม่รู้...เพียงแต่ ความปรารถนาของพี่เจ้า...”
“ฉันคงไม่อาจทำตามความปรารถนาสุดท้ายของท่านพี่ได้จริง ๆ ค่ะ” ชิโนบุยิ้มเศร้ากว่าทุกครั้ง “ฉันไม่อาจปล่อยอสูรพวกนั้นให้ทำร้ายใครได้อีก... แต่อย่างน้อยฉันก็อาจทำความฝันของท่านพี่ที่อยากปกป้องคนให้พ้นจากอสูรเป็นจริงได้นะคะ”
ซาเนมิถึงกับตะลึง เมื่อคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เบากับเขามาตั้งแต่รู้จักกันน้อมตัวคำนับเขาจนหัวจรดพื้น
“ฉันขอร้องค่ะ... อย่าห้ามฉันอีกเลยนะคะ”
คำห้ามที่เตรียมจะพูดถูกกล้ำกลืนไป ด้วยท้ายสุด เป็นเขาดีที่รู้ว่าบัดนี้คนตรงหน้าของเขาตัดสินใจไปแล้ว และใครก็ไม่อาจเปลี่ยนใจเด็กคนนี้ได้อีก
แต่เขา... ก็ยังหวัง หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เล็ก ๆ ที่จะยื้อเด็กคนนี้ไว้ และให้เด็กคนนี้ได้มีชีวิตที่สว่างสดใสตามความฝันสุดท้ายของคนที่เขารักสุดหัวใจ
“...อย่างน้อยเชื่อข้าสักครั้งได้ไหม” ซาเนมิพยายามข่มเสียงตัวเองไม่ให้สั่นพร่าไปมากกว่านี้ พลางกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงไป “บอกเจ้านั่นเถอะนะ...”
นัยน์ตาสีม่วงที่บัดนี้กลับมาสบเขามีแววฉงน จนคนอาวุโสกว่าถอนใจยาว
“อย่าทำไก๋โคโจ เจ้ารู้ดีว่าข้าหมายถึงใคร...”
“มันเป็นเรื่องของฉันค่ะ...”
“หมอนั่นเป็นห่วงเจ้ากว่าที่เจ้าคิดนะ”
“ฉันตัดสินใจดีแล้วค่ะ” รอยยิ้มแสนเศร้าส่งกลับมาพร้อมนัยน์ตาที่คลอหน่วยด้วยน้ำตาที่ไม่อาจซ่อนไว้ “ขอบคุณมากนะคะ ชินาซึงาวะซัง”
คำปฏิเสธทำเขารู้ดีว่าความหวังสุดท้ายได้หลุดลอยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงคำพูดของเขาจะแทงใจดำน้องสาวของเธอ แต่คงไม่อาจเปลี่ยนใจเด็กคนนี้ได้อีกแล้ว
ความเด็ดเดี่ยวที่ทำให้ซาเนมิได้แต่พยักหน้ายอมรับ พร้อมกับเอื้อมมือใหญ่หยาบกร้านสัมผัสศีรษะคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา สัมผัสอ่อนโยนละม้ายคล้ายพี่ชายกระทำต่อน้องสาวแท้ ๆ ทำน้ำตาของเสาหลักแมลงค่อย ๆ รินไหล ขณะมองคนที่เป็นปรปักษ์กับตนมานานแสนนาน ผู้บัดนี้ส่งยิ้มอ่อนโยนอย่างที่คงมีแต่ท่านพี่หรือครอบครัวของคนผู้นี้ที่เคยได้เห็น
“อย่าทำอะไรที่ตัวเองจะต้องเสียใจในภายหลังนะ ชิโนบุ...”
ซาเนมิเอ่ยแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนลุกเดินออกจากห้องไป หากยังไม่ทันก้าวพ้นรั้วคฤหาสน์ผีเสื้อ เสียงฝีเท้าและเสียงเรียกของเจ้าของบ้านก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงักลง
ดวงหน้าของน้องสาวเธอบัดนี้ไม่อาจอ่านอารมณ์ได้ด้วยเงามืดของยามราตรี แต่น้ำเสียงที่เด็กคนนี้ใช้ ไม่ใช่น้ำเสียงของเสาหลักแมลงที่เขาได้ยินมาตลอดร่วมสี่ปี...
แต่เป็นเสียงที่เป็นมิตรของเด็กหญิงนามโคโจ ชิโนบุ ที่เขาเคยได้ยินตอนเธอโต้ตอบกับมาซาจิกะเมื่อนานมาแล้ว
“ฉันเคยสงสัยว่าทำไมท่านพี่ย้ำนักย้ำหนาว่าชินาซึงาวะซังอ่อนโยน ฉันเคยคิดมาตลอดว่าบางทีท่านพี่อาจวิปลาสไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วค่ะ... คุณอ่อนโยนอย่างที่ท่านพี่พูดไว้จริง ๆ” แสงจันทร์ที่ผ่านพ้นเมฆสาดส่องให้เห็นรอยยิ้มกว้างแสนซุกซนที่เขาไม่ได้เห็นมานับแต่พี่สาวของเจ้าหล่อนจากไป รอยยิ้มที่ขับใบหน้าซีดเซียวให้ดูสดใสขึ้นชั่วขณะ “และฉันก็ไม่แปลกใจแล้วค่ะว่าทำไมท่านพี่ถึงได้รักคุณมาก”
ชิโนบุว่าพลางโค้งตัวต่ำ ต่ำอย่างที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน ก่อนจะเงยหน้ามาสบนัยน์ตาอันแสบร้อนของเขา
“ขอบคุณมากนะคะชินาซึงาวะซัง ฉันรู้แล้วค่ะว่าคุณรักท่านพี่ของฉันจริง ๆ ขอบคุณนะคะที่ทำให้ท่านพี่ได้มีความสุขช่วงสุดท้ายของชีวิต ขอบคุณที่คอยเป็นห่วงพวกฉันนะคะชินาซึงาวะซัง ไม่สิ ซาเนมิซัง ลาก่อนค่ะ”
ซาเนมิได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กบางของโคโจ ชิโนบุ ที่เดินลับกลับเข้าไป ก่อนน้ำตาที่เพียรกลั้นไว้จะไหลรินออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้อีกต่อไป ด้วยคำขอบคุณจากใจของน้องสาวเธอ น้องที่เขารักและเป็นห่วงไม่ต่างจากน้องแท้ ๆ ของเขา
และนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นน้องคนนี้ของเขา ขณะที่มีชีวิตอยู่...
ถึงหัวใจจะยังเปี่ยมด้วยความหวังว่าชิโนบุจะคิดได้ว่าควรจะทำอะไร แต่เขารู้ดีว่าเขาต้องยอมแพ้ เพราะแม้แต่ตัวโทมิโอกะ กิยู จะล่วงรู้เอง หรือให้เขาต้องเค้นคอบอกมันให้รู้ ก็คงไม่อาจห้ามปรามน้องแสนดื้อคนนี้ของเขาได้...
และเขารู้ดี... รู้ดีว่าน้องของเขาและเธอที่แสนดื้อคนนี้ คงไม่มีวันบอกแผนการสละชีวิตให้คนในหัวใจของเจ้าหล่อนให้ได้รับรู้...
คานาเอะ...ข้าควรทำยังไงดี ข้าคงต้องปล่อยน้องของเราไปแล้วใช่ไหม...
ซาเนมิรำพันในใจ แต่เมื่อนึกถึงหน้าน้องแท้ ๆ ที่เหลือเพียงคนเดียวของเขา นึกถึงนัยน์ตาสีชมพูของเธอที่ฝังตรึงในจิตใจ นัยน์ตาสีม่วงอ่อนก็กลับมาฉายแววมุ่งมั่น...
เขาจะไม่ยอมแพ้แค่นี้!
ถ้าชิโนบุไม่บอกไอ้เวรโทมิโอกะเอง เขาก็จะหาวิธีเค้นคอบอกมัน...
เขาก็จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อมั่นใจว่าเกนยะจะไม่ต้องเข้ามาพัวพันกับศึกสุดท้ายที่ใกล้เข้ามาถึง...
ต่อให้ห้ามชิโนบุไว้ไม่ได้จริง ๆ เขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องทุกคนที่เหลือ ทั้งน้องของเขา น้องของเธอ น้องของเรา... โดยไม่เลือกวิธีการ...
แม้สุดท้าย ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องอาจจะขาดสะบั้น แต่มันก็คุ้มถ้าน้องของเขาทุกคนจะมีชีวิตอยู่ต่อไป...
เขาจะทุ่มทุกอย่างเพื่อกำจัดมุซัน ไม่ว่าจะต้องร่วมมือกับใครอย่างไรก็ตาม...
เกนยะต้องอยู่ต่อไป น้องของเขาทุกคนจะต้องอยู่ต่อไป โดยเขาจะยอมพลีชีพ เพื่อให้น้องที่รักของเขาทุกคนได้มีโอกาสใช้ชีวิตบนโลกที่แสนสงบสุข ที่จะมาถึงด้วยมือของเขาในอีกไม่ช้านี้!
==========
Author's Talk 29 MAY 2021
สวัสดีค่ะ จบไปกับตอนที่ 26 แล้วนะคะ ^^
ในที่สุด... เราก็ได้เขียนบทที่เรารอคอยที่สุดอีกบทหนึ่งจนจบค่ะ บทนี้เป็นหนึ่งในบทที่เราคิดตั้งแต่เห็น promtober 2020 เลย ทันทีที่เห็นประโยคนี้ เรารู้เลยว่าคงเป็นฉากที่พี่สาจะมาพูดคุยกับคุณชิเรื่องการใช้ยาพิษนี่แหละค่ะ
ช่วงนั้น fanbook 2 ยังไม่ออก แต่ prompt นี้ทำให้เราตัดสินใจที่จะวางความสัมพันธ์ของพี่สาและคุณชิไว้ว่า พี่สาคงรักและเป็นห่วงน้องของพี่เอะทุกคนหลังพี่เอะตายไปแล้ว คงจะมองห่าง ๆ ห่วง ๆ
แต่พอ fanbook 2 ออก นึ่เป็นอีกจุดที่เราช็อกว่าเราตีความได้ใกล้เคียงกับอฟช.มากค่ะ ยิ่งเห็นความรู้สึกคุณสาที่ต้องไปทักคุณชิเพราะเป็นน้องของพี่เอะ... ตรงนี้เลยทำให้เรายิ่งตัดสินใจว่าฟิคนี้ เราขอขยี้ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาพี่เอะในฐานะคนรักกันมาก ๆ และเป็นจุดที่เรายิ่งนับถือใจพี่สาที่ยังพยายามปกป้องน้องพี่เอะอยู่ แม้พี่เอะจะจากไปสีปีแล้วก็ตาม
พี่สายังคงพยายามผลักน้องทุกคนของเขา... น้องแท้ ๆ ของเขาและน้องพี่เอะ เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างเด็กธรรมดาอยู่ดีค่ะ เพราะตอนนี้เห็นความหวังที่จะปราบมุซันลงได้แล้ว...
แต่คุณชิ กลับเลือกวางยาตัวเอง... จริง ๆ นี่เป็นประเด็นที่เราเศร้าตั้งแต่ตอนเขียนกิชิแล้วค่ะ และพอมาเขียนบทสนทนาระหว่างคุณชิกับพี่สาในบทนี้ เรายิ่งรู้สึกว่า... คุณชิตั้งใจมากจริง ๆ ต่อให้คุณกิรู้และห้าม หรือใครห้าม คุณชิก็จะทำอยู่ดีค่ะ
เราเลยวางแผนบทนี้ไว้ เพื่อให้ไปโยงตอนที่คุณชิคุยกับคุณกิในอีกฟิคนึง ว่าถ้าคุณกิมองว่าตัวเองไม่คู่ควรเป็นเสาหลักเพราะไม่สามารถตัดคออสูรในรอบการคัดเลือกครั้งสุดท้ายได้ คุณชิก็ไม่คู่ควรเพราะไม่อาจตัดหัวอสูรตนไหนได้ด้วยซ้ำค่ะ...
คุณชิคงคิดมาดีแล้วจริง ๆ ว่าตอนนี้เหลือแต่ข้างขึ้นและมุซัน แทบไม่มีทางที่คุณชิจะเอาชนะใครได้ด้วยตนเอง ต่อให้ร่วมมือถึงสามคน คุณชิก็มองว่าตัวเองก็คงไม่รอดค่ะ และการวางยาของคุณชิ เรามองว่าคุณชิตั้งใจว่าถ้าวันนึงตัวเองพลาดไปอย่างพี่เอะ อย่างน้อยอสูรตนนั้นก็ต้องไปสู่ปรโลก ไม่ใช่รอดไปจัดการคนอื่นได้...
สุดท้ายคุณชิเค้าก็ยังอยากปกป้องคนอื่น... มากกว่าที่อยากจะล้างแค้นให้พี่เอะนี่แหละค่ะ เพียงแต่มาถึงจุดนี้ มันมีโอกาสสูงที่คุณชิจะได้เจอโดมะ... ซึ่งถ้าลากพี่สามาเจอด้วย ในหัวคุณชิคงคิดว่าเป็นการตัดกำลังของกลุ่มมากกว่าอยู่ดี Y_Y
จุดนี้เราเองก็หัวใจสลายตามพี่สาไปแล้วค่ะ พี่สาเหมือนรู้อยู่เต็มอกว่าคงยากที่จะห้ามคุณชิ แต่คุณชิก็เป็นน้องพี่เอะ และเป็นน้องพี่สาด้วย... ยังไงพี่สาอยากให้คุณชิได้อยู่ต่อจริง ๆ นะ
และอย่างที่เห็นในฟิคค่ะ พี่สาค่อนข้างเชื่อแล้วว่า ต่อให้กิรู้และกิห้าม... คุณชิก็คงจะดำเนินการนี้ต่อไปค่ะ...
เพียงแต่ คำพูดของพี่สาคราวนี้ มันคงไปกระทบใจคุณชิไม่มากก็น้อย ซึ่งคงจะได้ขยายความเพิ่มในฟิคมุมของสี่สาวบ้านผีเสื้อ ที่เราแพลนจะเขียนต่อหลังจากจบฟิคนี้นะคะ
ส่วนของคุณกิ... เราแอบคิดว่ายังไงพี่สาคงแทบทิ้งทิฐิเพื่อไปคุยกับคุณกิค่ะ ก็ไอ้วันที่เค้าประลองดาบกันนี่แหละ เพียงแต่น้องทันมาขัดก่อน พี่สาเลยฟิวส์ขาด ไม่ทันพูด แต่แค่ไม่คิดว่ามันจะเป็นวันที่เกิดศึกละเนอะ...
กาลเวลาไม่เคยคอยใครจริง ๆ ค่ะ แต่สิ่งที่ดีที่สุดของตอนนี้ คือในที่สุด พี่สาก็ได้แสดงออกกับคุณชิว่าแกเห็นคุณชิเป็นน้องอีกคนจริง ๆ และคุณชิก็ได้เรียกพี่สาด้วยชื่อ และได้ขอบคุณพี่สาจากปากตัวเอง...
แอบสารภาพนะคะ บทนี้เป็นบทที่เราเสียน้ำตาตั้งแต่ตอนคิดโครงเรื่อง วางโครงเรื่อง และเขียนออกมา ยิ่งกว่าทุกบทที่เราเคยเขียนเลยค่ะ นี่ก็กลัวว่าสภาพจิตใจช่วงนี้อาจทำให้เราถ่ายทอดออกมาไม่ได้ตามที่เราหวังไว้ อย่างไรต้องขออภัยมาก ๆ ด้วยนะคะ ^^
ในตอนต่อไป คงเข้าสู่โค้งสุดท้ายของฟิคนี้และศึกสุดท้ายของเหล่า ๆ นักพิฆาตอสูรแล้วค่ะ จะเป็นพาร์ตที่เราคงอิงทั้งเนื้อเรื่องหลักด้วย แอบกลัวว่าจะเขียนออกมาได้ดีไหม แต่อยากลองทำให้เต็มที่เหมือนกับที่เด็ก ๆ ได้เต็มที่กับการสู้เหมือนกันค่ะ
ช่วงนี้เราค่อนข้างยุ่งมากกับทั้งงานและที่บ้าน อาจจะเป็นครั้งแรกที่เราไม่กล้ารับปากว่าจะลงฟิคตอนที่ 27 ได้ทันพุธนี้ไหม เผื่อถ้าสุดวิสัยมีเหตุให้เราต้องเดินทางหรือด้วยสุขภาพของเราเองค่ะ ถ้าลงไม่ทันจริง ๆ คงต้องขออภัยผู้อ่านทุกคนไว้ล่วงหน้านะคะ
ท้ายสุดนี้ ขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักของเราทุกคน ขอบคุณทุกกำลังใจไม่ว่าช่องทางใดก็ตาม ทุกคอมเมนต์ ขอบคุณที่คอยติดตามเรื่องนี้นะคะ หวังจริง ๆ ว่าจะได้พบกับผู้อ่านในตอนที่ 27 ตามสัญญาเดิมคือวันพุธค่ะ แต่ถ้าไม่ทันจริง ๆ ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
อย่าลืมรักษาสุขภาพค่ะ แล้วพบกับตอนที่ 27 ไม่เกินวีคหน้าค่ะ ^^
Author's Talk 29 NOV 2022
สวัสดีค่า มาถึงคิวลงฉบับ Rewrite สำหรับรวมเล่มนะคะ เพื่อให้เนื้อหาออกมาสมบูรณ์ทีสุดเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
แหะ ๆ ปั่นงานจนเกือบลืมมาลงฟิคค่ะ หัวเราะทั้งน้ำตา เห็นตารางประชุมถึงมีนาปีหน้าแล้วได้แต่ยิ้มแห้งค่ะ
เริ่มต้องวางแผนแล้วว่าจะจัดการงานประจำ/งานเขียนยังไงดี แต่การซุ่มเขียนจนเสร็จคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเราแล้วจริง ๆ ค่ะ ไม่นั้นอาจจะได้ค้างยาวตอนงานเร่ง ๆ ด้วย
ตอนนี้ เราลงสปอยตัวอย่างงานแอนโธออริโปรเจค #LetLoveBreakUsApart ของคุณInnara @herpensss แล้วค่ะ ของเราเป็นเรื่องสั้นชื่อ "เหลือเพียงรอยจารึก" (Timelapse) ค่ะ ดูรายละเอียดได้เลย <3
จั่วชื่อโปรเจคมาแบบนี้ น่าจะชินกับแนวแอ๋งละมุนของเรากันเนอะ (แต่รับรองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครตายนะคะ : D)
อนึ่ง ใครที่พลาดงาน CA 7 แล้วยังอยากเก็บเล่มนี้ สามารถดูรายละเอียดเบื้องต้นของรวมเล่มทั้งสองเล่ม ฉบับปรับปรุงล่าสุด 15 OCT 2022 มาให้ได้ศึกษานอกเหนือจากตัวฟิคที่สามารถอ่านตอนหลังได้ใน ReadAWrite | Dek-D | ReadHaus นะคะ
รายละเอียด KNY FF - In Time With You #ห้วงเวลาของเราสอง (Tomioka Giyuu x Kochou Shinobu)
รายละเอียด KNY FF - In The Remembrance of Her #แด่เธอในความทรงจำนิรันดร์ (Shinazugawa Sanemi x Kochou Kanae)
ถ้าสนใจ จิ้มลิงค์สั่งจองด้านล่างได้เลยค่ะ หรือดูรายละเอียดพร้อมกรอกแบบฟอร์มได้ที่นี่นะคะ [Link]
แต่ทั้งนี้ ใครไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ รับรองได้อ่านเนื้อหาเหมือนเดิม และในรูปแบบ Rewrite เหมือนกันค่ะ เพียงแต่อาจจะได้อ่านตอนพิเศษช่วงท้ายหลังจากเราส่งเล่มล็อตแรกนะคะ
หรือไม่ก็รอตอนเราเปิดพรีอีกรอบ ช่วงเราทำแอนโธ Days Rise, Nights Fall หรือเขียน KNY FF - The Tales of Butterfly Effects จบค่ะ ^^ ช่วงต้นปีหน้าอย่างเร็วเลย
แล้วเจอกันกับรีไรท์ตอนที่ 27 ในวันพฤหัสบดีนะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^^
Comments (0)